เพื่อชดใช้หนี้ 2 ล้าน ฉันจึงเข้าร่วมระบบจอมเวทย์ค่ะ !! - ตอนที่ 24 การป้องกันเขตเเดน
‘8 นาฬิกา 30 นาที ตามเวลาท้องถิ่น ณ เมือง คาคุฮอน เสียงอาคารที่พังถล่มลงมา
บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ทางตอนใต้ เป็นดั่งเสียงลั่นกลองของการต่อสู้ครั้งใหญ่’
# กิกันติค ไจแอนท์ #
พื้นที่ก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ทางตอนใต้ คือพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างซึ่งยังคงสร้างไม่เสร็จ
อาคารหลายหลังยังเป็นแค่โครงเหล็ก ในขณะที่บางหลังก็เป็นตึกสูงที่เปิดโล่งไร้กำแพง
พื้นดินส่วนมากคือพื้นทราย ปราศจากซึ่งต้นไม้แม้เพียงหนึ่งต้น
บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ชวนให้หว้าเหว่ หากตกกลางคืนไปก็คงแลดูเหมือนพื้นที่แถบนี้คือดินแดนลี้ลับที่เต็มไปด้วยบ้านร้าง
ทว่า ท่ามกลางอาคารไร้ผู้คน ทันใดนั้นเอง มันก็ปรากฎกระจกสีดำขนาดใหญ่ราวๆ 10 เมตร จำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาจากความว่างเปล่า
บ้างโผล่ขึ้นบนอาคารชั้นสอง แต่บ้างก็โผล่ขึ้นบนพื้นทราย
ทันทีที่กระจกปรากฎขึ้นมา สิ่งมีชีวิตตัวเขียวนามว่าออร์คก็พร้อมใจกันกระโดดออกมาที่โลกทางฝั่งนี้
“โฮกกกกกกก”
ชั่วพริบตา ออร์คจำนวนมหาศาลก็รวมตัวกันเป็นโขยงมืดฟ้ามัวดิน หากมองจากมุมสูงลงมาก็คงจะเห็นพื้นดินด่างล่างปกคลุมไปด้วยสีเขียวจากสีผิวของพวกมันเลยทีเดียว
จำนวนของพวกมันในพื้นที่แถบนี้ อาจจะมีถึง 500 เลยก็ว่าได้
“โฮกกกก”
ออร์คบางตัวถือหอก บางตัวถือโล่ และ บางตัวก็ถือธนู
พวกมันจัดวางกำลังรบอย่างมียุทธวิธีโดยให้ออร์คธนูอยู่บนอาคาร ส่วนออร์คหอกอยู่หลังออร์คโล่
อาคารนับสิบหลังที่เต็มไปด้วยพวกมัน บัดนี้พวกออร์คได้จัดวางแนวป้องกันรูปวงกลมลงที่นี่
ภาพที่เห็นราวกับกำแพงก้อนเนื้อที่ชั้นนอกเต็มไปด้วยออร์คโล่ที่ตั้งโล่ขึ้นมาวางติดกันเป็นแนวยาวจนเห็นเป็นกำแพงป้องกันวงกลมล้อมรอบอาคารนับสิบหลัง หากมีศัตรูเข้ามาใกล้ ออร์คหอกที่อยู่ข้างก็หลังจะแทงหอกออกมาตามช่องว่างของโล่ ส่วนออร์คธนูก็จะช่วยโจมตีจากด้านบน
“กรรรรรรรรรรรร”
นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตอีกประเภทที่โผล่ออกมาจากกระจกเคลื่อนย้าย คือ หมาป่าขนสีดำทะมึนท่าทางดุร้าย
ชื่อของมันคือ อินเฟอร์โน่วูฟ หมาป่าจากโลกปีศาจที่มีคมเขี้ยวอันแหลมคมและสามารถพ่นไฟออกจากปาก
พวกมันคือสัตว์เลี้ยงของเผ่าปีศาจที่ถูกส่งมาเพื่อสนับสนุนภารกิจนี้อีกแรง ซึ่ง เอาเข้าจริงแล้ว ตัวตนที่เรียกว่า อินเฟอร์โน่วูฟ นั้นทั้งคล่องแคล่วและแข็งแกร่ง จนถึงระดับที่เรียกว่า น่ากลัวกว่าออร์คที่เป็นเป้าหมายหลักในอีเว้นท์เสียอีก
“กรรรรรรรรรรรรร”
อินเฟอร์โน่วูฟนับสิบตัวกระโดดข้ามแนวป้องกันและมุ่งหน้าไปยังใจกลางเมือง
หากออร์คมีหน้าที่สร้างฐานทัพวางแนวป้องกันเชิงรับ พวกอินเฟอร์โน่วูฟก็จะเป็นเชิงรุกที่คอยลอบสังหารตัดกำลังอีกฝ่ายจากในเงามืด
นับเป็นแผนที่ค่อนข้างน่าสนใจซึ่งดึงเอาจุดเด่นของมอนสเตอร์แต่ล่ะตัวออกมา ระดับความยากและความฉลาดที่มากขึ้นทำให้อีเว้นท์ไม่ต่างจากสงครามขนาดย่อม
กระนั้นแล้วในโลกแห่งดาบและเวทมนต์ ต่อให้วางแผนการรบมาดีซักแค่ไหน มันก็มักจะมีกำแพงบางๆที่บางครั้งไม่อาจก้าวข้ามไปได้ด้วยแผนธรรมดาๆ
และ นั่นเองก็คือสถานการณ์ที่พวกมันกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้—-
ตึ้ง !
“โอ้วววววววววววววว”
เสียงคำรามดังกึกก้องกำลังใกล้เข้ามา พร้อมกันนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับกำลังเกิดแผ่นดินไหว
อาคารสั่นไหวไปมา ข้าวของกระเด้งขึ้นลงทุกครั้งที่เกิดเสียงย่ำเท้าลงบนพื้น
“กรรร ?”
เมื่ออินเฟอร์โน่วูฟผู้ปราดเปรียวพบว่ามีเงาดำขนาดใหญ่ปกคลุมร่างของพวกมันอยู่ อินเฟอร์โน่วูฟก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนที่วินาทีถัดมาร่างของมันจะถูกแรงอัดอันมหาศาลกดทับจนร่างของมันจมมุดลงไปในดิน
แผล่ะ !
“ไม่ให้ผ่านไปได้หรอกกกกกกก”
เสียงยานคางของมนุษย์ยักษ์ดังก้องจนแสบแก้วหู
ร่างของอินเฟอร์โน่วูฟที่เคยออกวิ่งไปนอกกำแพงโล่ บัดนี้ถูกเท้าของมนุษย์ยักษ์สูง 10 เมตร บดขยี้จนแหลกเหลว
เท้าที่ยกขึ้นมาเห็นเพียงแต่คราบเลือด และ พื้นดินที่บุ๋มลงไปเป็นรอยรูปหมาป่า
“โฮกกกกกก (อย่าไปกลัว !!!)”
เหล่าออร์คธนูที่เห็นมนุษย์ยักษ์กำลังไล่ล่าเหล่าอินเฟอร์โน่วูฟก็พร้อมใจกันง้างคันธนูเข้าใส่แผ่นหลังมหึมา
กระนั้น มนุษย์ยักษ์นามกิกันติค ไจแอนท์ก็หาได้หวั่นไหว
“โอ้ววว ตัวที่ 8 ”
“กรร !?”
แผล่ะ !
กำปั้นที่ทุบพื้นอย่างรุนแรงทำให้ร่างของอินเฟอร์โน่วูฟสามตัวแหลกเหลวกลายเป็นน้ำคั้นสีแดงสด
ลูกธนูหลายร้อยดอกพุ่งตรงเข้าใส่แผ่นหลังที่ไร้การป้องกัน ทว่า มันกลับกระเด้งกระดอนออกมาจากแผ่นหลังของกิกันติค ราวกับว่า ผิวหนังของเขาทำมาจากเหล็กไหล
มนุษย์ยักษ์ผู้โดนธนูนับร้อยดอกยิงใส่แต่ไม่เกิดบาดแผลใดๆก็ค่อยๆไล่เก็บอินเฟอร์โน่วูฟด้วยท่าทางสบายๆ
ตึกๆๆๆๆ
แม้มันจะวิ่งไวจนมองตามแทบไม่ทัน แต่ขอแค่รู้ตำแหน่งคร่าวๆ กิกันติคก็จัดการได้ไม่ยาก
“ฮึบ !”
ร่างใหญ่ยักษ์งอเข่าลงก่อนออกแรงส่งกระโดดขึ้นฟ้า
สายลมที่เสียดสีอย่างรุนแรงกับกายาสูงสิบเมตรซึ่งกำลังร่วงลงมาที่พื้นก่อให้เกิดเสียง~ วี๊ด ยาวๆดังคลออยู่ในแก้วหู
ดวงอาทิตย์ที่ถูกบดบังโดยร่างขนาดใหญ่ก่อให้เกิดเงาดำซึ่งปกคลุมเขตเมืองทางตอนใต้ไปกว่า 20%
“กิกันติคคคคค สแมชชชชชชชชช”
ชื่อท่าไม้ตายที่ดูน่ายำเกรง มาพร้อมกับกายาใหญ่ยักษ์ที่กระแทกพื้นในท่านอนราบ
ตู้มมมมมมมมมมม
พื้นดินถึงกับยุบลงไปเป็นหลุมบ่อขนาดยักษ์ และ ฝุ่นควันที่เกิดตามมาทีหลังก็ปลิวกระจัดกระจายออกไปไกลหลายสิบกิโลเมตร
ไม่ได้ยินเสียงร่างที่แหลกเหลว เพราะการกระแทกของเขาทำให้เกิดเสียงที่ดังสนั่นเสียจนกลัวว่าหูจะดับ
แน่นอนว่า ไม่มีอินเฟอร์โน่วูฟรอดไปแม้แต่ตัวเดียว ในขณะที่ออร์คธนูบางส่วนก็โดนสายลมกรรโชกหลังเกิดการกระแทกพัดกระเด็นตกจากอาคาร ส่วนออร์คภาคพื้นดินที่ทนรับแรงสั่นสะเทือน 7 ริกเตอร์ ไม่ไหว ก็ถึงกับล้มลงเพราะทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่
แนวป้องกันโล่เกิดช่องโหว่ ผู้บัญชาการออร์คที่อยู่บนสุดซึ่งเกาะพื้นปูนเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียดก่อนที่จะตกลงไปก็รีบตะโกนเตือนพวกลูกน้อง
“โฮกกกก (จัดแนวป้องกันใหม่ !)”
ได้ยินที่หัวหน้าสั่ง พวกออร์คใต้บัญชาก็พยายามจับโล่ขึ้นมาอีกครั้ง ทว่า มนุษย์ยักษ์ผู้ใจเหี้ยมก็ไม่ใจดีพอจะให้โอกาส
“ฮึบ !”
ร่างอันสูงใหญ่พลิกซ้ายพลิกขวาราวกับกำลังเตรียมตัว
มองเผินๆเห็นเป็นภาพกิกันติคไจแอนท์ที่กำลังนอนราบในสภาพชูแขนขายืดตรง
ไม่มีใครรู้เลยว่าหลังจากนี้จะมีท่าโจมตีที่รุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวปรากฎให้ประจักษ์
“กิกันติคคคคคคคคคคค”
เสียงยานคางทำให้เหล่าออร์คกระชับอาวุธในมือพร้อมโจมตี พวกมันได้เตรียมใจแล้วว่าต่อให้ต้องตายก็ต้องปกป้องแนวป้องกันนี้เอาไว้ให้ได้
ทว่า พวกมันก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเจอกับการโจมตีอันเหนือความคาดหมาย
“โรลลิ่งงงงงงงงงงงงง”
กลุกๆๆๆๆๆ
ในจังหวะที่พวกมันได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง มนุษย์ยักษ์ 10 เมตรก็กลิ้งตัวมาหาอาคารเขตก่อสร้างราวกับลูกบอล !?
แนวป้องกันที่พยายามสร้างมาล้วนไร้ค่า
การเตรียมใจที่จะต่อสู้แลกชีวิตช่างสูญเปล่า
ชั่วพริบตา ร่างกายของมนุษย์ยักษ์ก็พุ่งเข้ามาประชิดก่อนจะทับร่างของพวกออร์คจนร่างแหลกแหลวกันเป็นแถบๆ
กลุกๆๆๆๆๆๆ
แผล่ะๆๆๆๆๆๆ
เสียงกายเนื้อที่ถูกบดขยี้ดังคลอเสียงกลิ้งฟังดูตลก
ทีละสิบ ทีละร้อย ออร์คโล่ทั้งหมดตายเรียบ ก่อนที่ออร์คหอกทั้งหมดจะตายตาม
ครืนนนน
อาคารนับสิบหลังที่โดนกระแทกใส่อย่างรุนแรงก็โค่นล้มลงมาอย่างง่ายดายราวกับบ้านกระดาษ
ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างน่ากลัว ราวกับวันสิ้นโลกไม่มีผิด
“โฮกกกกกก”
โครม !
แต่อย่างน้อยออร์คบางส่วนที่อยู่บนชั้น 2 ก็ยังรอดจากการโดนอาคารทั้งหลังถล่มลงมาทับ ออร์คผู้บัญชาการก็รอดมาได้อย่างปาฏิหารย์เป็นครั้งที่ 2
ในเสี้ยววิชี้เป็นชี้ตาย มันตัดสินใจออกคำสั่งให้ทั้งหมดกระจายกำลังออกไปเพื่อไม่ให้โดนทับตายกันหมด
กระนั้นแล้ว ก่อนที่ออร์คตนนั้นจะได้พูดอะไรออกมา ก้อนกลมๆสีเนื้อที่เคยกลิ้งผ่านไป อยู่ๆมันก็กลิ้งกลับมาทับตำแหน่งเดิมที่เคยทับซ้ำอีกรอบ
“โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เหล่าออร์คที่เหลือรอดกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังและพากันวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปคนล่ะทางโดยไม่ต้องออกคำสั่ง
ทว่า มันก็ไม่ทันลูกบอลมนุษย์ยักษ์ที่ย้อนศรกลับมาบดร่างของพวกมันซึ่งกำลังวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
แผล่ะๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงร่างกายแหลกเหลวดังไปตามทางที่ลูกบอลยักษ์นั้นกลิ้งไป
มันกลิ้งไปทางซ้าย มันกลิ้งไปทางขวา
ก่อนจะกลิ้งกลับมาทางเดิมแล้วทับซ้ำๆจนกว่าเสียงร่างที่แหลกเหลวจะหายไป
“ฟุฮ่าว์ ! เละเทะไปหมดเลยยยย”
หลังจากที่กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นาน พื้นที่ก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ทางตอนใต้ก็ราบคาบเป็นหน้ากลอง
พื้นดินที่ราบเรียบเต็มไปด้วยซากอาคารและศพออร์คซึ่งถูกอัดแน่นอยู่กับผิวดินทำให้ภาพของสิ่งปลูกสร้างหลายสิบหลังก่อนหน้านี้ดูราวกับจะเป็นเรื่องโกหก
ไม่มีอีกแล้ว เสียงคำรามที่เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาของเหล่าอสูรกายร่างเขียว
สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงทะเลทรายและความเงียบเหงาอันไร้ที่สิ้นสุด
เมื่อมั่นใจว่าจัดการออร์คหมดเรียบร้อย กิกันติคก็ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นตามเนื้อตัวที่มอมแมม
ความรู้สึกไม่สบายตัว มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงสมัยเด็กๆที่ชอบไปกลิ้งเล่นแถวกระบะทรายในสวนสาธาระบ่อยๆ จนเนื้อตัวสกปรกและโดนแม่บ่นหูชาหลังกลับถึงบ้านเป็นประจำ
ในใจของเขาในตอนนี้นึกถึงอ่างอาบน้ำอุ่นๆ ทว่า กว่าจะได้อาบน้ำสมใจ มันก็คงรอต่อไปอีก 24 ชั่วโมง
เวลาในตอนนี้ก็ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง ทว่า กิกันติคกลับทำงานทุกอย่างเกือบจะสำเร็จลุล่วงเรียบร้อย
ออร์คอย่างน้อย 500 ตัวถูกเขากำราบอย่างง่ายดาย อีกประมาณ 1500 ตัวที่เหลือ เขาก็จะรอดูว่า มันจะมาโผล่มาที่นี่อีกหรือเปล่า แน่นอนว่า ถ้ามันไปโผล่นอกเขตตัวเอง เขาก็จะปล่อยให้คนอื่นจัดการ เพราะถ้าเขาแย่งงานคนอื่นไปหมด เขาก็คงได้ทะเลาะกับวินดี้เป็นรอบที่สอง
“—— !!!”
ระหว่างที่ยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จู่ๆกิกันติคก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากด้านล่าง
เมื่อเพ่งสายตามองลงไป เขาก็พบกับหญิงสาวในชุดหมีที่พยายามตะโกนเรียกตนสุดเสียงจนหน้าแดง
“มีอะไร ?”
ในใจของมนุษย์ยักษ์เต็มไปด้วยความสงสัยว่าเหตุใดคนจากศูนย์บัญชาการถึงได้มาหาตน
หรือว่า ตอนนี้จะเกิดปัญหาที่ส่วนกลาง ไม่ก็มีเรื่องคับขันที่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาโดยด่วน ?
กิกันติคที่เริ่มหวาดระแวงก็พยายามเงียหูฟัง เสียงตะโกนของดีเทคเตอร์
“หย—-”
“???”
“หยุด —-”
“ว่ายังไงนะะะะะ”
“หยุดโจมตีด้วยท่าไม้ตายได้แล้ว !!! คนอื่นเขาโดนลูกหลงไปด้วยย่ะ !!!!!!”
อ่าว ?
ข้อมูลที่ผิดคาดทำให้กิกันติคเกาแก้มด้วยสีหน้าลำบากใจ
จากที่เขาเงียหูฟังสหายตัวจิ๋ว เขาก็ได้รับข้อมูลมาว่า แรงกระแทกของกิกันติคสแมชทำให้เศษหินกระเด็นออกไปไกลแล้วบังเอิญไปชนเข้ากับเสาอากาศที่สวิมกำลังดูแลอยู่ แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทางสวิมเองก็หัวเสียพอสมควรและสงสัยว่าตัวเองกำลังโดนเขาแกล้งรึเปล่า
ซ้ำร้าย ฝุ่นทรายที่ลอยคละคลุ้งก็สร้างความรำคาญให้กับ แม่มดอัสนี แฮทเกิล และ โซนาต้า ที่อยู่ใกล้กับเขตล่าของเขา
แฮทเกิล บ่นยกใหญ่หลังเผลอสูดเอาฝุ่นทรายปริมาณมหาศาลเข้าไป
ในขณะที่ ทาง วินดี้เองก็บ่นว่า เสียงตะโกนของเขามันแสบแก้วหู…..เอาจริงๆแล้ว น่าจะหาโอกาสบ่นเขาเฉยๆ ด้วยระยะที่ห่างกันขนาดนี้ วินดี้นี่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
มีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้นที่ชมเชยท่าไม้ตายของเขา—
เอ็กซ์พลอเรอร์ ชมว่า ‘ท่าสวยดีนิเพื่อน’ จากนั้นก็รัวกล้องถ่ายภาพสโลวโมชั่นตอนที่ร่างของกิกันติคกำลังลอยกลางอากาศ
ส่วน เอ็มเพรส มารีนก็ปรบมือและชื่นชมว่า ‘ช่างเป็นท่าไม้ตายที่ยอมเยี่ยม ทำไมไม่ลองอีกซักรอบ เผื่อว่าจะมีก้อนหินไปตกที่ศูนย์บัญชาการเสียเลยละคะ ?’……..อืม ฟังไปฟังมา ดูเหมือนประชดซ่ะมากกว่า
หลังโดนเอ็กซ์พลอเรอร์ดุเรื่องการไม่เห็นหัวคนอื่นไปรอบหนึ่ง กิกันติคที่คอตกก็นั่งตัวลีบอย่างเรียบร้อยอยู่บนพื้น
เมื่อไหร่ที่เห็นออร์คโผล่หัวออกมา เขาก็จะยกกำปั้นขึ้นมาทุบหัวแบะโดยทันทีด้วยแรงที่เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้
ภาพของกิกันติคที่กำลังก้มหน้าก้มตานั่งทุบตัวตุ่น(ออร์ค)อยู่คนเดียวอย่างเหงาหงอย มันช่างดูน่าหดหู่ซ่ะเหลือเกิน
ในใจของกิกันติคที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ก็กำลังนับถอยหลังรอเวลาให้อีเว้นท์น่าเบื่อๆนี้จบลงเสียที
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
#สวิม แสวม#
ในตอนแรก เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับกิกันติคหรอกนะ
เพราะยังไงเราก็ไม่ได้ซ็อตเงินอยู่แล้ว ก็เลยพอยอมได้กับการให้เขาเอาเขตล่าไปเองกว่า 50%
ที่รู้สึกไม่ชอบใจ อย่างมากก็มีแค่เอ็กซ์พลอเรอร์ที่ชอบว่าเราเสียๆหายๆ
ไร้ยางอายเอย พวกลามกวิตถารเอย
แถมยังจ้องมาที่หน้าอกของเราและขาอ่อนของเราอีก !
ที่โรคจิตมันฝั่งนั้นต่างหาก !!!
ถ้าเลือกได้ ใครมันจะอยากได้อาภรณ์เวทย์แบบนี้กันเล่า ?
เราไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่า ทำไม ในขณะที่คนอื่นได้ใส่ชุดสวยๆน่ารักๆ ไม่ก็ชุดเท่ๆ กลับมีเพียงแค่เราที่ดันได้ใส่ชุดว่ายน้ำโรงเรียน !!!
บ้าบอสิ้นดี ! โลกใบนี้มันงี่เง่าๆๆๆๆ บ้าที่สุด !!!
แต่คงเป็นเพราะแบบนั้นล่ะมั้ง โชคชะตาที่ดูตลกร้ายนั่นถึงได้นำพาให้เราไปพบกับวินดี้จัง
เรายังจำได้ไม่เคยลืมเลยถึงเรื่องในวันนั้น… วันที่พวกแก๊งจอมเวทย์ผู้ชายโรคจิตสวมหน้ากากกรูกันมาหาเราและมองเราด้วยสายตาแทะโลม ตัวเราที่หวาดกลัวว่าจะโดนพวกมันที่มีกันหลายคนมาทำมิดีมิร้ายก็ถูกวินดี้จังช่วยเอาไว้
ภาพของแผ่นหลังที่ดูพึงพาได้และเสียงตะโกนอันห้าวหาญ จนถึงวันนี้เราก็ยังจดจำความรู้สึกของหัวใจที่เต้นระรัวในตอนนั้นเอาไว้ได้ทุกวินาที
วินดี้จัง…เท่มาก…ราวกับเจ้าชายขี่ม้าขาวเลยละ
เพราะเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้น เราสองคนก็เลยกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน และ ผ่านค่ำคืนอันร้อนแรงที่เราสองคนได้รู้จักกันทุกซอกทุกมุม
เราได้กลายมาเป็นเพื่อนหมายเลข 1 ของวินดี้จังที่รู้ตัวจริงของกันและกัน แถมยังควบตำแหน่งเจ้าของหัวใจของวินดี้จังอีกด้วย
สามารถการันตีด้วยภาพนู๊ดวินดี้จังที่แอบติดกล้องแอบถ่าย…ไม่ใช่ๆ กล้องรักษาความปลอดภัยในบ้านของวินดี้จัง รวมถึงคอลเล็คชั่นเส้นผมที่เก็บมาได้ แล้วก็ถ้วยชาที่ใช้แล้วของวินดี้จัง
แน่นอนว่าเราไม่ใช่พวกโรคจิต ความรักที่เรามีให้วินดี้จังคือความรักใสๆที่มากจนล้นทะลักต่างหาก
เอาล่ะ…น่าจะนอกเรื่องมามากเกินพอ ตัดกลับมาที่ปัจจุบันกันดีกว่า ตอนนี้ เรากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ล่ะ
“ซ่อมได้รึเปล่า ?”
เราถามดีเทคเตอร์จังที่กำลังทำหน้านิ่วอยู่หน้าเสาอากาศบนหลังคาของร้านอาหารครอบครัวที่ตอนนี้มีออร์คกำลังพยายามปีนขึ้นมาอยู่เต็มไปหมด
มือของดีเทคเตอร์จังกำลังขยับประแจและสว่านในมืออย่างคล่องแคล่ว เธอกำลังเพ่งสมาธิกับการซ่อมเสาอากาศที่โดนลูกหลงจากท่าไม้ตายของกิกันติคเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ถ้าให้พูดกันตามตรง เราเริ่มจะมีน้ำโหแล้วนะ !
ทางนี้อุตส่าห์ปกป้องเสาอากาศแทบตาย แต่อยู่ๆก็มีก้อนหินจากที่ไหนก็ไม่รู้มาตกใส่ แถมมันก็มีก้อนหนึ่งพุ่งเฉี่ยวหัวเราไปเฉยเลยด้วย !!!
ถึงจะดูเหมือนกิกันติคไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ แต่มันก็อดระแวงไม่ได้ว่าโดนแกล้งรึเปล่า เพราะมีแค่เราคนเดียวที่โดนลูกหลง
ทว่า เราก็ต้องเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ เพราะตอนนี้ดีเทคเตอร์จังเองก็กำลังซ่อมแซมเสาอากาศอย่างสุดความสามารถ
เฮ้อ….ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ ในฐานะจอมเวทย์สายต่อสู้แล้ว ระหว่างนี้เราจะปกป้องเธอให้เองละกันนะดีเทคเตอร์จัง !
ฮึบ !
ว่าแล้วเราก็วิ่งออกไปที่ริมอาคาร
ขาสองข้างออกแรงถีบทะยาน ร่างของเราตกลงไปตามแรงโน้มถ่วงใส่ออร์คที่กำลังพยายามต่อตัวกันขึ้นมาให้ถึงหลังคาร้านอาหาร
ผัวะ !
“โฮกกกกก !?”
เพียงแค่เราถีบเบาๆครั้งเดียว ออร์คที่ต่อตัวกันก็ล้มลงไปกองกับพื้นระเนระนาด
ตัวที่ปีนอยู่บนสุดตกจากที่สูงสุดเลยเจ็บหนัก ส่วนตัวที่ให้ตัวอื่นขี่คอก็ได้แผลถลอกเล็กๆน้อย
“ฮึ่บ ! ย่ะว์ !”
เรากระโดดไปมาบนหัวของออร์คที่ต่อตัวกันขึ้นมาเป็นสะพานราวๆ 5 กลุ่ม
เราใช้เท้าเปล่าถีบพวกมันตกลงไปทีล่ะตัวสองตัว จนกระทั่ง ไม่มีออร์คตัวไหนพยายามปีนกำแพงขึ้นมาอีก
ระหว่างที่พวกมันกำลังครุ่นคิดว่าจะโจมตีพวกเรายังไง ตัวเราที่ยืนบนหลังคาก็ชูแขนขึ้น ก่อนจะกระโดดเอาหัวโหม่งลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งสูงเกือบห้าเมตร
ชั่วพริบตา พื้นดินก็เข้าประชั้นชิดอย่างรวดเร็วตามแรงโน้มถ่วง
ทว่า สิ่งที่ร่างของเราสัมผัสได้หาใช่แรงกระแทกที่บดขยี้กระดูกจนแตกสลาย หากแต่มันคือความรู้สึกอ่อนยวบ ราวกับจมลงไปในผืนน้ำ
จ๋อม !
สิ้นเสียงกระเพื่อมเบาๆของผืนดิน เราก็จมลงไปในพื้นดินจริงๆ
นี่แหล่ะคือทาเล้นท์ของเราอย่างความสามารถในการดำดิน
ด้วยความสามารถนี้ เราจะสามารถดำในดินทุกชนิดได้ รวมถึงสิ่งของที่สร้างขึ้นมาจากดิน เสมือนว่าตัวเรากำลังดำน้ำอยู่
ในขณะที่ดำอยู่ใต้ดิน เราจะมองไม่เห็นพื้นด้านบนและพื้นด้านล่าง เพราะมันไม่มีแสงส่องผ่านลงมาเหมือนน้ำจริงๆ ทำให้เวลาเคลื่อนไหวต้องอาศัยการจดจำตำแหน่งและฟังเสียงเอา
ส่วนถ้าเป็นของแข็งอย่างอื่นเช่นเหล็ก อันนั้นเราก็จะดำลงไปไม่ได้
ข้อจำกัดที่บีบให้ดำได้แค่ในดิน เรียกได้ว่าเป็นข้อเสียข้อใหญ่สำหรับทาเล้นท์ของเรา
ทว่า เพียงแค่ดำในดินได้ เราก็โกงระดับหนึ่งแล้วอะนะ
ซ่า !
พอเราค่อยๆลอยขึ้นไป และยื่นหน้าออกไปเพียงเล็กน้อย ออร์คที่มองซ้ายมองขวาตามหาเรากันอลหม่านก็ไม่รู้เลยว่าเรากำลังอยู่ใต้เท้าของพวกมัน
ในขณะที่พวกมันยังไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เราก็เอาแว่นกันน้ำขึ้นมาสวม
ฟู่ๆๆๆๆๆ
แว่นตากันน้ำ ‘สวิมๆวอเตอร์ออน’ คือ ศาสตราวุธที่ใช้รวบรวมพลังเวทย์ของเราซึ่งไม่รู้ว่าทำไมชื่อถึงได้ยาวและมีรูปร่างประหลาด ทว่า ทุกครั้งที่เราเพ่งสมาธิเตรียมร่ายเวทย์ แว่นกันน้ำอันนี้ก็จะเปล่งแสงสีฟ้าจางๆขึ้นมาเสมือนคฑาเวทย์ของจอมเวทย์คนอื่นๆ
แสงสีฟ้าที่กำลังก่อตัวขึ้นในแว่นตากันน้ำในตอนนี้คือหลักฐานว่าเรากำลังจะร่ายเวทย์ใส่พวกมัน
“กำหนดเป้าหมาย —- ร็อค นีดเดิ้ล !!!”
ฟ้าวววว ฉัวะ !
ทันใดนั้นเอง ดินบนพื้นก็ก่อตัวขึ้นเป็นแท่นหินยาวแหลม 1 แท่งแล้วพุ่งเข้าทะลุศีรษะของออร์คตัวหนึ่ง
โครมมมม
ร่างของพวกพ้องที่สิ้นชีพและล้มตึงหันเหความสนใจของพวกมัน ทำให้จังหวะนั้นเราสามารถลอบโจมตีตัวต่อไปได้ง่ายๆ
“ร็อค นีดเดิ้ล !!!”
ฉัวะ !
“โฮกกกกก ???”
พวกมันมองเพื่อนอีกตัวที่โดนแท่งหินแหลมเฟี้ยวคล้ายเข็มแทงทะลุหัวด้วยสีหน้าสับสน
การโจมตีพุ่งมาจากพื้น แต่หาคนร่ายไม่เจอ ทำให้พวกมันตื่นตระหนกกันยกใหญ่
ระหว่างนั้นตัวเราที่ลอยอยู่บนพื้นแบบเนียนๆก็ค่อยๆร่ายเวทย์โจมตีใส่พวกมันไปเรื่อยๆ
โครม !
ร่างของออร์คที่โดนแท่งหินเสียบหัวก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวคนร่ายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่ถ้ามันมองลงมาก็คงเห็นภาพอันน่าขนลุกที่มีหัวของผู้หญิงกำลังเคลื่อนที่ไปมาบนพื้นดิน ดังนั้นถ้าไม่อยากเก็บไปฝันร้าย การไม่มองลงมาก็อาจจะดีกว่า
“โฮกกกกก (มันอยู่ตรงนี้) !”
หลังจากที่เราสามารถจัดการพวกมันไปได้ครึ่งหนึ่ง ออร์คหอกตัวหนึ่งก็ดันเหลือบมาเห็นเราพอดี
“ร็อค นีดเดิ้ล !!!”
ฉัวะ !
ในจังหวะที่มันชี้นิ้วมาที่พื้น แท่งหินก็เสียบหัวของมันทะลุไปเรียบร้อย ทว่า มันก็ช่างน่าเสียดายที่พวกมันที่เหลือก็มองทันและเลื่อนสายตาลงมายังตำแหน่งซึ่งเพื่อนที่ตายไปชี้อยู่ — และนั่นก็คือตำแหน่งของเรานั่นเอง
“โฮกกกกกกก”
ในตอนที่เห็นหอกยาวพุ่งตรงเข้ามา เราก็รีบมุดลงไปในดินอีกครั้ง
ฉึบ !
ท่ามกลางความมืดมิด เราก็ได้ยินเสียงหน้าดินกระจัดกระจาย บางทีพวกมันก็คงกำลังใช้หอกลองเสียบพื้นมัวๆอยู่
แต่ว่าเสียใจด้วยเน้อ นั่นก็แพราะว่าตัวเราในตอนนี้กำลังดำดินอยู่ที่ความลึก 5 เมตร
ด้วยความลึกระดับนี้ แค่หอกน่ะแทงมาไม่ถึงตัวเราหรอก
ฉึบ !
“………………”
ฉึบ !!!
ถึงจะมองไม่เห็น แต่เสียงหอกที่แทงลงมาก็ทำให้เรารู้ตำแหน่งของพวกมัน
ณ จุดนี้เราสามารถเสกแท่งหินจากใต้ดินโดยที่ไม่โผล่หัวออกไปก็ยังได้
“ร็อค นีดเดิ้ล !!!”
“โฮกกกกกก !?”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด เราก็มั่นใจได้เลยว่าการโจมตีสำเร็จรุล่วง พวกออร์คที่ไม่รู้ว่าการแทงหอกลงมาจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งตัวเอง ก็ถูกเราจัดการง่ายๆอย่างหวานหมู
เราร่ายเวทย์เสกแท่งหินใส่ร่างของพวกมันรัวๆ จนกระทั่งรู้ตัวอีกทีก็ไม่มีออร์คหน้าโง่ตัวไหนเหลือแรงแทงหอกลงมาที่พื้นอีก
หลังจากนั้นเราเลยว่ายในแนวราบให้ห่างจากจุดเดิมไปราวๆ 10 เมตร เสร็จแล้วก็ค่อยโผล่หัวขึ้นไปบนดินอย่างระมัดระวัง
“………………….”
ภาพตรงหน้าที่เราเห็นก็คือออร์คหลายสิบตัวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
กองกำลังออร์คขนาดย่อมโดนเราเก็บหมดเรียบร้อยจ้า
เอาล่ะ ในเมื่อศัตรูหมดแล้ว เราก็รีบกระโดดกลับขึ้นไปหาหญิงสาวชุดหมีที่กำลังก้มหน้างุดอยู่กับเสาอากาศ
“ซ่อมได้ไหม ?”
หงึกๆ
คราวนี้ ดีเทคเตอร์จังก็พยักหน้าแทนคำตอบ
“อีกนานไหม ดีเทคเตอร์ ?”
“น่าจะราวๆ 10 นาที ถ้าเสร็จแล้วคงสามารถกดค้นหาได้อีกรอบพอดี”
“รับทราบ ! ถ้างั้นช่วง 10 นาทีนี้ไว้ใจเราได้เลย”
เหมือนจะได้ยินเสียงคำรามของออร์คดังใกล้เข้ามา
ถึงตอนนี้จะรู้สึกอยากเข้าไปกอดวินดี้จังใจจะขาด แต่เราคงต้องอดทนต่อไปอีกซักพัก
ไว้เจอกันครั้งหน้า จะขอน้วยจนกว่าจะพอใจเลยค่ะ
“เอ้า ! ฮึบ !!!”
การต่อสู้ของเราก็ยังคงดำเนินต่อไป—-
— เหลืออีก 23 ชั่วโมง ก่อนหมดช่วงอีเว้นท์