เพื่อชดใช้หนี้ 2 ล้าน ฉันจึงเข้าร่วมระบบจอมเวทย์ค่ะ !! - ตอนที่ 11 การร่วมทีมครั้งเเรก
หลังข่าวการเสียชีวิตของจิบิม่อนแพร่กระจายออกไป โรงพยาบาลดังกล่าวก็ถูกสั่งปิด ทำให้ซูและนานาเสะถูกย้ายไปนอนโรงพยาบาลอื่นแทน
ปัจจุบัน บันไดเลื่อนบินได้ถูกห้ามใช้งานทั่วดินแดนจอมเวทย์ เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
แต่ก็ช่างมันเถอะ เรื่องพวกนี้มันไกลตัวฉันอยู่แล้ว
ในเช้าวันอังคารอันสดใส หลังจากที่ฉันอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน รอคนส่งอาหารเอาเค้กแซลม่อนมาส่งให้ฉัน อยู่ๆก็มีการแจ้งเตือนการปรากฎตัวของมอนสเตอร์เด้งขึ้นมา
รอบนี้คือ ความยากระดับซิลเวอร์ มีออร์ค 7 ตัว ไวเวิร์น 2 ตัว อัตราฟูลซิงโครอยู่ที่ 20 %
ถ้าฉันไปตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะคลาดเคลื่อนกับคนส่งอาหารรึเปล่า ไม่อยากไปเลยค่ะ
กริ๊งๆๆๆๆ
แต่ตอนนั้นเองก็ดันมีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาฉัน แน่นอนว่าคนๆนั้นก็คือ เอวา นั่นเอง
“เอ็มเพรส มารีน ไปกำจัดมอนสเตอร์กันเถอะ”
ฉันมองไปที่นาฬิกา ก่อนที่จะเอ่ยถาม
“ตอนนี้ยัง 11 โมงเอง ไม่ใช่ว่ากำลังเรียนอยู่หรอคะ ?”
“ฉันขออนุญาติมาเข้าห้องน้ำแล้ว !”
เอวาเล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งเวลามอนสเตอร์โผล่มาตอนกำลังเรียนอยู่ ตัวเธอและเพื่อนอีกสองคนก็มักจะใช้ข้ออ้างว่า ปวดท้องบ้าง ไม่ก็ รู้สึกไม่สบายบ้าง
“ตัวฉันไม่มีปัญหาอะไร แต่สองคนนั้นชอบไปพร้อมๆกัน ก็เลยมีคนสงสัยว่าแอบไปทำอะไรกันสองคนตลอด”
อืม…ก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กต่างเพศกันนี่เนอะ ไม่ได้ใช้กระเพาะปัสสาวะร่วมกันซักหน่อย เป็นฉันก็สงสัยเหมือนกันถ้าอยู่ๆหายไปพร้อมกันแบบนี้
“เฮ้อ….รับทราบค่ะ”
เอาเถอะ ไปหาเงินๆ ไปหาเงินกัน
รีบจัดการให้จบๆ แล้วกลับมากินแซลม่อนดีกว่า
ฉันรีบพูดคีย์เวิร์ดแปลงร่างสวมอาภรณ์เวทย์ จากนั้นก็กระโดดเข้าไปในกระจกเคลื่อนย้าย
สถานที่ฉันโผล่ไปก็คือ บ้านของฉันเองในโลกเรพลิก้า
ส่วนสถานที่นัดพบของพวกเราคือห้างสรรพสินค้าที่ครั้งที่แล้วพวกเอวาโดนอัดยับ
ฉันก็เลยกระโดดดึ๋งๆไปบนหลังคาบ้านทีละหลัง ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงหน้าประตูห้างที่มีเอวายืนรออยู่
“มาถึงแล้วหรอ ? เร็วกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”
ในวันนี้คุณแม่มดตรงหน้าฉันก็ยังคงเต็มไปด้วยเอเนอร์จี้เช่นเดิมค่ะ
ทันทีที่เห็นฉัน เธอก็ทำท่าจะออกวิ่งไปข้างหน้าต่อโดยทันที
“ไม้กวาดละ ?”
“อึก ! พอดีครั้งที่แล้ว มันเสียหายหนักจนซ่อมไม่ได้…ตอนนี้เลยยังไม่ได้ซื้อใหม่”
โดนบอลเพลิงเผาจนไหม้เกรียมจะพังก็คงไม่แปลก แต่ราคาก็ไม่ได้ถูกๆ รู้สึกเสียดายแทนจริงๆ
พวกเราพูดคุยกันไปพลางวิ่งไปพลาง
ด้วยความเร็วระดับจอมเวทย์ ภาพตึกรามบ้านช่องก็ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากำลังขี่จักรยานอยู่
ลมเย็นๆพัดโกรกหน้า ความรู้สึกแล่นฉิวทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด
สถานที่ปรากฎตัวของพวกมันในรอบนี้ก็คือ สวนพฤกษชาติ เมืองมาซากุระ
จากการสังเกตุที่ผ่านมา พวกมอนสเตอร์ที่มาเป็นกองทัพใหญ่ๆหรือไม่ก็กองทัพลาดตระเวนมักจะมีอัตราการปรากฎตัวบ่อยที่พื้นที่บางจุด โดยเฉพาะบริเวณที่มีคนอยู่หนาแน่น ในขณะที่พวกมอนสเตอร์หลงฝูงจะมีมีพื้นที่ปรากฎตัวไม่แน่ไม่นอน
ครั้งล่าสุดก็ไปเจอมันไปโผล่อยู่ในห้องน้ำร้านอาหารก็มี หรือ บางทีก็ไปปรากฎตัวแถวกองขยะ
หลังจากที่พวกเราวิ่งไปพลางวิเคราะห์สถานการณ์ ไม่นานนักก็มาถึงสวนพฤกษชาติ
พื้นที่บริเวณนี้ เต็มไปด้วยแมกไม้ต่างๆนานา
ด้านหน้าสุดมีประตูรั้วขนาดใหญ่ พอพังเข้าไปก็จะเจอพืชผลนานาพันธุ์ปลูกอยู่ล้อมรอบโดมกระจกขนาดใหญ่ที่ภายในนั้นปกติจะเต็มไปด้วยพืชไม้หายาก
“ฉันจะเข้าทางด้านหน้า เธอไปด้านหลังนะ”
เพราะมีต้นไม้เต็มไปหมด เลยไม่มั่นใจว่าจะมีออร์คซ่อนตัวอยู่รึเปล่า ฉันและเอวาเลยกระจายกันไปคนล่ะฝั่งเพื่อสำรวจและค่อยๆขยับวงล้อมเข้าไปเรื่อยๆ
แซ่กๆ
พวกเราพยายามย่องให้เกิดเสียงเบาที่สุด หากเจอมอนสเตอร์ก็จะยิงเวทย์ขึ้นฟ้าเพื่อส่งสัญญาณ
ฉันเดินผ่านต้นสน ก่อนจะย่อตัววิ่งไปหลบหลังต้นสนอีกต้นที่ปลูกห่างออกไป
พอกวาดสายตาดูก็พบพวกไม้ยืนต้นขนาดเล็กอยู่ข้างหน้า ฉันเลยเดินไปข้างหน้าต่ออย่างระแวดระวัง
กึก !
แต่ระหว่างทาง ตรงบริเวพุ่มหญ้าที่ปลูกดอกไม้ ฉันก็สังเกตุเห็นกับดักหนีบเท้าแบบที่ใช้จับสัตว์ตัวใหญ่ๆเช่นหมีป่า ซึ่งถ้าเหยียบลงไป ฟันเหล็กที่แหลมคมของกับดักก็จะฝังลึกลงไปในขา ทำให้บาดเจ็บไม่ใช่น้อย แถมระหว่างต้นไม้บางต้น ก็จะมีลวดใสๆคล้องอยู่กับกระดิ่งผูกติดเอาไว้ มันจะช่วยส่งเสียงกระดิ่งแจ้งเตือนเวลามีคนเดินไปชนลวด ถือว่าเป็นกับดักอย่างง่ายที่มีประสิทธิภาพสูงหากใช้ในป่ารก
พอเห็นแบบนี้ ฉันก็รีบโทรไปเตือนเอวา
แก๊งๆๆๆๆ
แต่ดูท่าจะช้าเกินไป ฉันได้ยินเสียงกระดิ่งดังมาจากที่อีกฟากของโดมกระจก
ตึกๆๆๆๆ
เสียงฝึเท้าหลายคู่ดังมาจากภายในโดมกระจก และหลังจากนั้นไม่นานก็มีสายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า
เปรี้ยง !
เอวาโดนศัตรูเจอตัวแล้ว ฉันเลยรีบวิ่งไปตามทิศทางที่ได้ยินเห็นสายฟ้า
ตึกๆๆๆๆ
แมกไม้เขียวขจีไหลผ่านด้านข้างฉันไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับสายลมที่แล่นฉิว
กระนั้นแล้ว ฉันก็พยายามเหลือบมองพื้นระยะไกลเป็นระยะๆเพื่อระวังกับดักที่อาจจะถูกวางเอาไว้
แซ่ก !
“—-!!!”
แต่แล้วจู่ๆ ฉันก็รู้สึกได้ถึงพื้นดิรที่ไม่มั่นคง ราวกับจะยุบลงไป
ในเสี้ยววินั้นฉันเลยตัดสินใจออกแรงเหวี่ยงหมุนตัวออกไปจากตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่
หลังจากที่กลิ้งกลุกกลักจนโคลนเปื้อนหน้า เมื่อหันกลับไปยังตำแหน่งที่เคยวิ่งอีกครั้ง ฉันก็พบกับหลุมกับดักลึกสองเมตรที่ถูกซ่อนไว้ใต้พงหญ้า ข้างในนั้นเต็มไปด้วยของเหลวสีเขียวที่มีฟองปุดๆน่าสงสัย
พอลองโยนใบไม้ลงไปในนั้นก็เกิดเสียงซ่า……
ดูท่าจะมีหลุมกับดักประเภทบ่อกรดอยู่แถวนี้ด้วย ถ้าเผลอตกลงไปต่อให้มีอาภรณ์เวทย์ก็คงได้รับความเสียหายระดับหนึ่งเป็นแน่
เปรี้ยง !!!
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นรอบที่สองทำให้รู้ว่า เอวา ยังสู้อยู่ ฉันจึงออกวิ่งต่อไปโดยเร่งฝีเท้ามากขึ้นให้อยู่ในระดับที่ประสาทสัมผัสของฉันตามทัน เพราะถ้าช้าเกินไปก็คงไปไม่ทัน หรือ ถ้าเหยียบโดนหลุมกับดักอีก ฉันคงตกลงไปง่ายๆ
ถ้าฉันกระโดดข้ามหลุมก่อนที่จะตกลงไปตามแรงโน้มถ่วง กับดักแค่นี้ก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ
ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ
ภาพโดยรอบไหลผ่านอย่างรวดเร็วจนเริ่มเห็นเป็นเส้นๆสีน้ำตาลปนเขียว ความละเอียดของภาพเริ่มลดลงจากความเร็วที่มากขึ้น
จุดดำๆบนพื้นที่ไกลออกไปคือกับดักหนีบขา ถ้าเห็นก็กะจังหวะกระโดดข้ามล่วงหน้า
แต่ถ้าระหว่างทาง รู้สึกเท้าจมบุ๋มลงไปในพื้น ก็ให้รีบก้าวเท้าเร็วขึ้นอีก ก่อนที่พื้นดินจะยุบจนตกลงไปในหลุมกับดัก
ฉันวิ่งๆ หลบๆ วิ่งๆ ก้าวข้ามสิ่งกีดขวาง และต้นไม้นับสิบต้น แต่พอวิ่งไปนานๆก็รู้สึกว่าสิ่งกีดขวางมันเกะกะ เพราะงั้นจึงออกแรงถีบบนพื้นแล้วกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้แทน
แซ่ก !
ทีละต้นสองต้น ฉันออกแรงกระโดดไปบนต้นไม้แม้ว่าทุกครั้งที่กระโดดจะทำให้ใบไม้ปลิวว่อนจนบดบังทัศนวิสัย แต่ภาพจากมุมสูงก็ทำให้เห็นภาพรวมได้ชัดเจนกว่า แถมฉันยังไม่ต้องระแวงกับดักด้านล่างอีก
และหลังจากที่กระโดดซ้ำๆ ฉันก็ไปพบกับเอวาที่โดนล้อมโดยพวกออร์คอยู่
ข้างกายของเธอมีออร์คล้มอยู่สองตัว ในขณะที่ บนฟ้ามีออร์คขี่ไวเวิร์นสองตัวกำลังบินโฉบลงมาที่เธอ ส่วนออร์คหอกอีกสามตัวก็กำลังเกร็งแขนเตรียมจ้วงหอกเข้าใส่
ขาของเธอมีบาดแผลเหวะหวะเล็กน้อยจากกับดักหนีบขาซึ่งยังหนีบขาของเธออยู่ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก
แต่กระนั้น กับดักนั่นก็ไม่สามารรั้งเธอเอาไว้ได้ เพราะเธออาศัยกำลังกายหิ้วกับดักหนีบขาติดขาเธอมาด้วยเลย
บางทีเธอคงไปโดนกับดักเข้าระหว่างสู้กับพวกมันแน่
ก๊าซซซซซซ
“——!?”
ไวเวิร์นทั้งสองตัวง้างกรงเล็บอันแหลมคมแล้วบินเข้าโฉบหาเอวา เพราะมัวแต่ระแวงศัตรูบนพื้นดิน เธอจึงไม่ทันรู้สึกตัวถึงไวเวิร์นที่กำลังพุ่งตรงมาจากบนฟ้า
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที กรงเล็บอันแหลมคมก็พุ่งตรงเข้ามา เธอทำได้เพียงยกแขนขึ้นป้องกัน
“อควาคัตเตอร์ !!!”
แต่เพราะมันมีเพดานบินที่ต่ำ มันก็เลยสะดวกสำหรับฉันในการร่าย อควาคัตเตอร์ จัดการพวกมัน
ฉัวะ !
หยดเลือดสดๆกระเซ็นเปรอะเปื้อนใบหน้าของเอวาที่หรี่ตาลงเพื่อเตรียมรับความเจ็บปวด พอเธอสังเหตุเห็นหัวของไวเวิร์นที่กลิ้งกลุกๆอยู่ข้างเท้า เธอก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงและมองมาที่ฉัน
“อย่าละสายตาค่ะ !”
ฉันกระโดดลงที่หัวของออร์คแล้วปักคฑาเข้าไปที่หัวของมัน
“วอเตอร์บอล!!!”
ตู้มมมม แผล่ะ !
เนื้อสมองกระเด็นว่อน จากศีรษะออร์คที่ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ท่ามกลางฝนเลือดที่กระจายไปทั่วทิศทาง ฉันก็ชี้คฑาไปยังไวเวิร์นตัวสุดท้ายที่อยู่บนฟ้า
“วอเตอร์บอล !!!”
ก๊าซซซซซ
ลูกบอลเพลิงถูกพ่นออกมาจากปากของไวเวิร์นก่อนปะทะเข้ากับลูกบอลน้ำกลางอากาศ
อุณหภูมิที่ต่างกันระหว่างความเย็นและความร้อนก่อให้เกิดหมอกควันปกคลุมท้องฟ้า ในจังหวะนี้ถ้ามันโฉบลงมา กว่าจะป้องกันตัวได้ทันก็อาจจะสายกินไป
“แม่มดอัสนี !”
“อื้ม !”
ฉันจับมือของเธอและดึงเข้ามากอด จากนั้นก็กลิ้งตัวมาหลบอยู่หลังต้นไม้ด้วยกัน
ตู้มมมมมม
หลังจากนั้นไม่นาน พื้นที่ที่พวกเราเคยอยู่ก็ถูกโจมตีด้วยบอลเพลิงจากไวเวิร์นที่อยู่ในควัน เพราะตำแหน่งไม่แน่ชัดฉันเลยไม่อยากยิงโต้กลับสุ่มสี่สุ่มห้า
ตอนนี้ก่อนที่หมอกควันจะหายไปคงมีเวลาไม่ถึง 10 วินาที ซึ่งใน 10 วินาทีนี้ พวกออร์คหอกสองตัวบนพื้นก็กำลังพุ่งตรงมาหาพวกเรา
“ธันเดอร์โบลท์ !!!”
“อควาบุลเล็ต !!!”
แต่ทว่า ด้วยพลังทำลายของสายฟ้าแรงสูง และ กระสุนน้ำพิฆาตร ร่างของพวกมันที่พุ่งเป็นเส้นตรงก็ล้มตึงอย่างง่ายดาย
“โฮกกกก !?”
หลังกลุ่มควันบนฟ้าจางหายไป
ออร์คขี่ไวเวิร์นที่เห็นพวกพ้องของมันตายหมดก็ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น
ฉันและเอวาจึงตั้งท่าเตรียมต่อสู้
ในตอนนี้ พวกเรากำลังได้เปรียบอยู่ ขอแค่มันเข้ามาใกล้ ชั่วพริบตานี้แหล่ะคือจุดจบของมัน
คฑาในมือถูกกำแน่น ปลายคฑาถูกชี้ไปยังร่างของสัตว์เลื้อยคลานบนท้องฟ้า
“???”
ทว่า แม้จะจับตามองนานเท่าไหร่ มันกลับไม่บินลงมาเสียที
กลับกัน ตัวมันเองกลับรักษาเพดานบินเอาไว้สูงๆ จากนั้นก็หันหลังและบินจากไป
“เดี๋ยว ! นี่มัน อย่าบอกนะว่าจะหนี !?”
ดูเหมือนว่า เอวา ที่เป็นจอมเวทย์มานานก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ด้วยเพดานบินที่สูงลิ่ว แม้จะร่ายธันเดอร์โบลท์ ออกไป มันก็ไม่อาจเข้าใกล้ไวเวิร์นได้แม้แต่น้อย
“แย่แล้ว !”
‘อัตราฟูลซิงโคร 60 %’
เข้าใจละ พวกมันฉลาดพอจะรู้ว่า ขอแค่ถ่วงเวลาได้ พวกมันก็จะชนะ
ตอนนี้พวกเราที่ไร้หนทางที่จะสอยมันให้ร่วงกำลังเสียเปรียบอย่างชัดเจน
ทั้งๆที่เหลือแค่ตัวเดียวที่อยู่บนฟ้าแท้ๆ แต่พวกเราจะแพ้ทั้งๆแบบนี้งั้นหรอ
“อึก ! ต้องรีบตามไปแล้ว !!!”
ไม่ไหวตามไม่ทันหรอก เอวา ตัวเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บ หรือต่อให้สภาพเต็มร้อยก็จัดการมันไม่ได้อยู่ดี
หรือว่าจะซื้อปืนมาจัดการมันดี ?
ไม่ละ ฉันยิงปืนไม่เป็น ด้วยเวลาเพียงแค่นี้จะไปวัดดวงคงไม่ได้
“…………………….”
“เอ็มเพรส มารีน รีบไปกันเร็ว !!!”
หลังจากที่แกะกับดักหนีบขาออก เอวาก็ราดน้ำยารักษาซึ่งเป็นไอเท็มฟื้นฟูราคาแพงลงไปที่ขาซึ่งมีแผลเหวอะหวะ
ชั่วพริบตาบาดแผลก็สมาน เธอกลับมาเดินได้คล่องแคล่วอีกครั้ง
“ไปกันเร็วเข้า !”
เธอรีบเรียกฉันที่กำลังยืนนิ่ง ทว่า ตัวฉันที่กำลังครุ่นคิดไม่ตกก็ไม่มีเวลาไปตามน้ำตัวเธอที่กำลังร้อนรน
“เอ็มเพรส มารีน !”
จุดอ่อนของมัน..จุดอ่อนของไวเวิร์นปกติ…แก๊สน้ำตา ? ไม่ได้ ที่ครั้งที่แล้วทำได้ เป็นเพราะพวกมันอยู่ในพื้นที่ปิดและมีกำแพงลมคอยช่วย
ไม่มีเวทย์โจมตีระยะไกลที่มากพอ ตอนนี้มันบินสูงไปประมาณ 20 เมตรได้และดูท่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
อควาบุลเล็ตน่าจะพอไปถึง…แต่ระยะไกลขนาดนี้คงเล็งไม่โดน
แย่ละ…นึกหาวิธีจัดการไวเวิร์นที่หนีไปไกลขนาดนี้ไม่ออกเลย
“เดี๋ยวพวกมันก็หนีไปได้หรอก !”
ไม่สิ ! พวกมันงั้นหรอ ?
พวกมัน…ออร์คแล้วก็ไวเวิร์น
คนที่คุมไวเวิร์นคือออร์ค ถ้างั้น…ถ้าพูดถึงจุดอ่อนของพวกมันแล้วล่ะก็—
ตึกๆๆๆ
ฉันรีบวิ่งตรงไปที่ร่างของออร์คที่ล้มอยู่ ฉันลองอ้าแขนกะขนาดตัวของมัน ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเอวาแล้วลองเทียบกันดู
“ขนาดพอดีเลย”
“ทำอะไรเนี่ย ?”
ในขณะที่เอวากำลังสงสัยว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันก็รีบหยิบมีดออกมาไอเท็มบอกซ์จากนั้นก็กรีดท้องออร์คตั้งแต่ลิ้นปี่จนไปถึงใต้สะดือ
“อี๋ ! ทำอะไรอยู่ !? กำลังเล่นอะไรของเธอ นี่ไม่ใช่เวลา—”
ฉันควัก ๆๆๆ ควักทุกสิ่งที่อยู่ข้างในของมันออกมาจนหมด ไม่ว่าจะตับไต้ลำไส้ จนกระทั่งร่างของมันกลวงโบ๋ แม้จะรู้สึกสยอง แต่หลังจากนั้นฉันก็เอาเลือดของมันมาชโลมร่างของฉันจนทั่ว
แควก !
เสร็จแล้วก็ใช้มีดกรีดลงไปบนอาภรณ์เวทย์ของตัวเองอย่างแรงจนเกิดรอยฉีกขาด
“—- ทะ ทำอะไรลงไปน่ะ นี่เธอบ้ารึเปล่า !?”
“แม่มดอัสนี !”
แต่ก่อนที่เธอจะสับสนหรือบ่นมากไปกว่านี้ ฉันก็คว้าไหล่ของเธอเอาไว้และยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ช่วยถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกด้วยค่ะ แม่มดอัสนี”
“เอ๋ ?”
ท่ามกลางวิกฤติที่แข่งกับเวลา เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เห็นเธอที่ทำหน้าจริงจังมาโดยตลอดมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
ตัวเธอที่อ้าปากพะงาบๆด้วยความเขินอาย ฉันอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้จริงๆ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ในเมื่อสู้ไม่ได้ ก็จงหนีไปซะ
นั่นคือคำสั่งที่ได้รับมาหลังจากที่พวกออร์คกองทัพย่อยถูกส่งมายังโลกมนุษย์จอมปลอม
ในตอนแรกพวกมันมีกันอยู่ 7 ตัว และ มีไวเวิร์นเป็นพวกถึง 2 ตัว
ทันทีที่มาถึง พวกมันก็เลือกปักหลักซ่อนตัวอยู่ในสวนพฤกษชาติที่มีแมกไม้จำนวนมาก เหมาะแก่การวางกับดัก
ระหว่างนั้นมันก็ซ่อนอยู่ในโดมกระจกเตรียมถาโถมกำลังรบทั้งหมดเข้าใส่จอมเวทย์ที่ติดกับดัก
หลังจากนั้น พวกมันก็ทำสำเร็จ มีจอมเวทย์ที่สวมหมวกปีกกว้างเดินไปชนกระดิ่งจนสัญญาณเตือนดัง พวกมันจึงพร้อมใจกันระดมกำลังทั้งหมดเข้าจัดการจอมเวทย์คนนั้นโดยทันที
มีสองชีวิตที่ต้องเสียไปเพื่อล่อให้จอมเวทย์ผู้ใช้สายฟ้าไปติดกับดัก ระหว่างนั้น พวกไวเวิร์นก็เตรียมโจมตีทีเผลอในสภาพที่มั่นใจว่าจอมเวทย์คนนั้นคงหลบไม่พ้น
ในอีกไม่กี่อึดใจ พวกมันก็เกือบจะชนะแล้วแท้ๆ
แต่จู่ๆก็มีจอมเวทย์ผมฟ้าจากที่ไหนก็ไม่รู้โผล่เข้ามาแล้วจัดการไวเวิร์นไปหนึ่งตัว หลังจากนั้นก็โดนพลิกกระดานถูกไล่ต้อนจนมันเสียพวกพ้องไปทั้งหมด
ในเมื่อสู้ไม่ได้ ออร์คตัวสุดท้ายจึงตัดสินใจบินหนีขึ้นฟ้า
จากที่นายเหนือหัวของมันสั่งมา การเคลื่อนย้ายไปยังโลกแห่งความเป็นจริงจะใช้เวลาซักระยะหนึ่งหลังโผล่มาที่โลกเรพลิก้า ซึ่งมันจะต้องมีชีวิตอยู่ภายในจุดที่มันถูกส่งมา(จุดเกิด)ไม่เกิน 1 กิโลเมตร การเคลื่อนย้ายส่งต่อไปยังโลกแห่งความจริงถึงจะสำเร็จ
เพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้ลุล่วง มันจะต้องเอาชีวิตรอดไปสู่โลกแห่งความจริงให้ได้
เช่นนั้น มันจึงบินสูงขึ้นๆ สูงขึ้นเรื่อยๆจนถึงระยะที่การโจมตีจากพวกจอมเวทย์มาไม่ถึงพวกมัน
หลังจากที่ได้เพดานบินอันเหมาะสม มันก็มองลงมาข้างล่างเพื่อหาว่าพวกจอมเวทย์ซ่อนตัวอยู่ตรงไหนกันแน่ และ ยืนยันอีกทีว่ามีแค่มันตัวเดียวที่รอด
โฮกกกกกก !?
ทว่า มองไปทางไหนก็เห็นแต่ศพพวกพ้องของมัน
ออร์คคำรามด้วยความเศร้าโศก นิ้วมือทั้งห้ากำแน่นด้วยความเคียดแค้น
“โฮกกกกกกกก”
ฝากไว้ก่อนเถอะ จอมเวทย์ ! ซักวัน …ซักวันข้าจะล้างแค้นให้พวกพ้อง
ในใจของมันคุกกรุ่นร้อนแรงแผดเผาด้วยความแค้น แต่ด้วยคำสั่งของนายเหนือหัว ภารกิจต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก
จะฆ่ามัน…จะล้างแค้น….พวกจอมเวทย์ !!!
“โฮกกกกกกกกกกกก”
มันกวาดสายตาหาจอมเวทย์เพื่อว่าจะจดจำใบหน้าของศัตรูคู่อาฆาตร
แต่แล้ว ในตอนนั้นเอง มันก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา
“อิย๊า !!! ไม่น๊าาาา !!!”
เป็นเสียงกรีดร้องใสๆของหญิงสาว
“โฮก !?”
เมื่อมันมองไปตามต้นเสียง มันก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างด้วยความปรีดาเมื่อได้เห็นภาพพวกพ้องอีกตัวที่หลงเหลืออยู่
“กรี๊ดดดด ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ไม่เอาน๊า !!!”
ภาพที่มันเห็นคือสาวงามผมฟ้า….จอมเวทย์สาวที่ไล่ฆ่าพวกพ้องของมันอย่างโหดเหี้ยม
ครั้นหนึ่งมันเคยจับตามองนางห่างๆด้วยความหวาดผวา และ ได้แต่วิ่งหนีหางจุกตูด
แต่บัดนี้….ณ ขณะนี้
มันกำลังเห็นสหายของมันขึ้นคร่อมนางและปู้ยี่ปูย่ำนังสารเลวนั่นอยู่ !
“โฮกกกกกก”
โอ้วววว แกยังมีชีวิตอยู่อย่างงั้นหรอ ?
มันเห็นพวกพ้องของมันที่โดนฟ้าผ่าไปตอนแรกจนร่างไหม้เกรียม ตอนแรกนึกว่ามันตายไปแล้วเสียอีก
แต่ทว่า ภาพที่เห็นปัจจุบัน คือนางสารเลวที่เสื้อผ้าฉีกขาดเผยให้เห็นเนื้อหนังหมังสาสีขาวน่าเจี๊ยะ
ทั้งขาอ่อนนุ่มๆเนื้อแน่นๆสีขาวน่าแทะเลีย หน้าอกหน้าใจที่ล้นทะลักออกมาจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาด
เสื้อผ้าที่เหลือเป็นชิ้นเล็กๆปกปิดแค่จุดสำคัญจนชวนให้รู้สึกใจเต้นเพราะวาบหวิวยิ่งกว่าเก่า
ใบหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตาและเสียงกรีดร้องอันไพเราะ
ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล จากการต่อสู้ไม่ก็กับดัก
อาวุธของมันกระเด็นตกอยู่ที่พื้นห่างไปเมตรกว่าๆ แถมใต้คฆาที่ตกอยู่ก็ปรากฎเสื้อผ้าที่แหว่งและเศษซากหมวกปีกกว้างของจอมเวทย์ผมทองร่างเล็กคนนั้น
ดูจากสภาพอาภรณ์เวทย์ที่หลอมละลายนั่น แสดงว่าต้องไปเผลอตกลงไปในกับดักบ่อกรด จนเหลือแค่เศษผ้าอย่างแน่นอน
ส่วนนังสารเลวผมฟ้าที่หน้าตาเซ็กซี่ก็คงโดนลอบทำร้ายระหว่างไปช่วย
พอไร้ซึ่งคฑาพวกจอมเวทย์ก็กระจอกทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นฝ่ายถูกล่าแทน
ภาพของสหายออร์คที่กดทับร่างของนาง จนนางแอ่นสะโพกอย่างทุกข์ทรมาน มันช่างเป็นภาพที่ชวนให้หื่นกระหายยิ่งนัก
“โฮกกกกกก”
ออร์คผู้ขี่ไวเวิร์นมองแม่พันธุ์ตัวใหม่พลางฉีกยิ้มกว้าง
น้ำลายยาวๆไหลยืดด้วยความตื่นเต้น อวัยวะเพศช่วงร่างแข็งตัวขึ้นจนแทบจะทะลุออกจากกางเกง
หลังจากที่มนุษย์ในโลกเดิมสูญพันธุ์ไปเกือบหมด มันก็นานมากแล้วที่มันไม่ได้ฝังเมล็ดพันธุ์ลงในสิ่งมีชีวิตอื่น
อารมณ์ทางเพศที่ถูกกระตุ้นหลังได้ยินเสียงร้องไห้และการได้เห็นร่างกายของหญิงสาวกำลังสมสู่กับสหายรวมเผ่าพันธุ์ ผลักดันให้มันรีบขี่ไวเวิร์นลงไปข้างล่าง
ตึก !
มันรีบวิ่งเข้ามาหาพวกพ้องของมันที่หันหลังให้และเหล่มองหญิงสาวที่กำลังถีบขาไปมาด้วยความทรมาน
มันวางมือลงบนไหล่ของพวกพ้องด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับคำรามเพื่อขอร่วงวงด้วยอีกคน
“โฮกกกกกก”
ข้าขอเล่นด้วย
ทันทีทันใด มันก็ถอดกางเกงออก และ ยื่นแท่นยาวๆเข้าหาหญิงสาวที่ใบหน้าเประเปื้อนด้วยน้ำตา ดวงตาสีเขียวสุกสกาวของนางสะท้อนอาวุธลับของมันที่รอคอยวันเปิดผนึกมาแสนนาน
หมับ !
แต่ทว่า อยู่ๆก็มีสัมผัสมืออันนุ่มนิ่มวางบนไหล่ของมัน
“โฮกกกก”
อะไร ? แค่นี้แบ่งไม่ได้หรอ ?
มันอดไม่ได้ที่จะบ่นพวกพ้องจอมขี้งก
ทว่า เมื่อหันหลังกลับมา มันก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่า—
“ใจเย็นก่อน จะรีบไปไหน ไอ้ตัวน่าเกลียด”
หน้าท้องที่ถูกผ่าออกจนเปิดกว้างเผยให้เห็นร่างของเด็กสาวผมทองที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ฝ่ามือเรียวเล็กที่ยื่นทะลุออกมาจากท้องของออร์คอย่างน่าสยดสยองคือมือของนาง และ มือคู่นั้นก็วางบนไหล่ของมันอยู่
“โฮก !?”
นะ นะ นี่มัน เรื่องบ้าอะไรเนี่ย !?
มะ มะ มีจอมเวทย์ซ่อนตัวอยู่ในศพของออร์ค !
ในตอนที่สมองของมันประมวลผลตามเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ทัน ประกายแสงสีทองก็ก่อกำเนิดขึ้นที่ฝ่ามือชุ่มเลือดที่วางบนไหล่ของมัน
เปรี๊ยะ !
“ธันเดอร์โบลท์ !!!”
เปรี้ยง !
และแล้วความรู้สึกปวดแปล๊ปก็ลามไปทั่วร่างก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนอันมหาศาลราวกับร่างทั้งร่างกำลังลุกไหม้จากภายใน
สติของออร์คดับวูบลงพร้อมๆกับชีวิตที่สูญสิ้นไป
โครม !
ทันทีที่ร่างของเจ้านายล้มลงในสภาพที่ร่างทั้งร่างปกคลุมด้วยเขม่าดำและมีควันขาวๆลอยออกมาจากปาก
ไวเวิร์นก็สะดุ้งเฮือกใหญ่ พลางเพ่งสายตาไปที่เจ้านายของมันด้วยความหวาดระแวง
กรงเล็บถูกยกขึ้น ปีกกะพืออออกเตรียมโผบิน ปากของมันอ้าออกราวกับจะพร้อมโจมตีใส่ทุกเมื่อ
ฟ้าวววว
แต่แล้วทันใดนั้นเอง วัตถุทรงกลมขนาดเล็กก็ลอยขึ้นมาจากบริเวณที่ออร์คอีกตัวกำลังยืนคร่อมร่างกายของจอมเวทย์สาวอยู่
แม้จะไม่รู้ว่าวัตถุทรงกลมที่ถูกปามาหามันคืออะไร แต่มันก็รีบพ่นไฟใส่เพื่อความปลอดภัย
ซู่มมมมม
เปลวเพลิงเข้าปะทะลูกกลมๆสีดำที่ลอยกลางอากาศในระยะห่างจากมันเพียงหนึ่งเมตร
เหล็กค่อยๆหลอมละลาย ดินปืนที่อัดแน่นอยู่ภายในจึงสัมผัสกับความร้อนหลายร้อยองศา
ทันทีที่ไวเวิร์นผู้น่าสังเวชมั่นใจว่าแผดเผาวัตถุปริศนาจนมอดไหม้ ทันใดนั้นเองก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากวัตถุทรงกลมนั่น
ตู้มมมมม
และแล้วความร้อนหลายร้อยองศาก็ถาโถมเข้าใส่ใบหน้าของมัน ตัวมันเองที่ปิดตาไม่ทันจึงถูกความร้อนปะทะเข้าที่ตาโดยตรง
แม้เกล็ดของมันจะป้องกันแรงระเบิดได้ระดับหนึ่ง แต่สำหรับดวงตาที่เป็นเยื่อบางๆมีหรือจะทนความร้อนได้
“กรรรรรรรรรร”
เจ้าไวเวิร์นกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียการมองเห็นไปอย่างถาวร
ทว่า ยังไม่ทันที่จะได้รู้สึกถึงความทรมานอย่างแท้จริง สัมผัสเย็นเฉียบก็ลูบไล้ผ่านลำคอของมัน
“อควาคัตเตอร์ !”
สิ้นเสียงใสๆอันไพเราะ ไวเวิร์นผู้น่าสงสารก็ตายตามเจ้านายของมันไปในที่สุด
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
—- ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ซักเล็กน้อย
“ให้ฉันเข้าไปซ่อนอยู่ในร่างของเจ้านี่เนี่ยนะ !?”
“ใช่แล้วค่ะ ส่วนฉันจะแสดงบทเป็นเหยื่อที่กำลังถูกออร์คกระทำชำเราอยู่”
“เดี๋ยวๆๆ นี่เธอพูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า ?”
แผนการของฉันก็คือจะให้เอวาช่วยแสดงละคร โดยฉันจะแกล้งทำเป็นจอมเวทย์ที่ติดกับจนถูกจับตัวได้ ส่วนเอวาก็แกล้ง ทำเป็นจอมเวทย์ที่ทะเล่อทะล่าตกลงไปในกับดักบ่อกกรดจนตาย ทั้งๆที่จริงแล้วเธอกำลังซ่อนอยู่ในศพของออร์คที่เอามาใช้แสดงละครเป็นตัวที่กำลังกระทำชำเราฉันอยู่
จากประสบการณ์ที่ได้เห็นพวกเอวาโดนมาเมื่อครั้งที่แล้ว ฉันพบว่าพวกออร์คเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการทางเพศสูง และ เมื่อใดที่พวกมันคิดว่าชนะแล้วบวกกับเริ่มมีอารมณ์ทางเพศ ความคิดอ่าน การตัดสินใจจะดรอปลงจนเปิดโอกาสให้ฉวยจังหวะเล่นงานพวกมันได้
แม้จะมีโอกาสที่มันจะคิดว่าเป็นกับกัด
แต่ถ้าฉันทิ้งอาวุธไว้ห่างจากตัว ในขณะที่เอวาก็เอาหลอกว่าตายแล้วด้วยการเอาอาภรณ์เวทย์ที่ขาดรุ่งริ่งมาวางทิ้งเอาไว้ มันก็คงคิดว่าต่อให้เป็นกับดัก ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เผลอๆอาจจะเชื่อสนิทใจด้วยซ้ำ ถ้าแสดงละครได้ดีพอ
แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่พลาด ฉันก็ให้เอวาเป็นคนโจมตีจากมุมอับที่ออร์คคาดไม่ถึง อย่างการให้เอวาซ่อนอยู่ในศพของออร์คที่ตายแล้ว
เป็นทั้งที่ซ่อนและตำแหน่งชุ่มโจมตี เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ทว่า แผนการของฉัน มันก็ออกจะเหนือสามัญสำนึกไปเสียหน่อย เอวาเลยไม่ค่อยเห็นด้วยมากนัก
“แต่คุณเอวาคิดวิธีอื่นออกด้วยหรอคะ ?”
“อึก ! เรื่องนั้น…..”
“ถ้าไม่มีวิธีอื่นล่ะก็ ลองวิธีนี้ดูก็ไม่เสียหายหรอกค่ะ”
“ตะ แต่—”
“หรือว่าจะปล่อยให้มันหลุดออกไปทำร้ายผู้บริสุทธ์หรอคะ”
“…………………….”
“ว่ายังไงละคะ คุณเอวา ?”
“…กะ…..”
“คะ ?”
“ระ รู้แล้วน่า แค่ถอดออกก็พอใช่ไหม !? เข้าใจแล้ว จะถอดเดี๋ยวนี้ล่ะ ช่วยหันไปทางโน้นที !”
หลังจากนั้นก็เริ่มทำตามแผน ฉันให้เอวาซ่อนในศพออร์ค จากนั้นพวกเราก็ไปยืนคร่อมกันแถวโขดหินให้ดูเหมือนฉันกำลังโดนย่ำยีอยู่ เสร็จแล้วก็โยนอาวุธและเสื้อผ้าของเอวาที่ขาดไว้ไกลๆตัว จากนั้นพอส่งเสียงกรีดร้องแกล้งแสดงละคร ทางนั้นก็ติดกับตามแผน พอออร์คตัวนั้นเข้ามาใกล้ ก็ให้เอวาโผล่ออกมาจากศพออร์คแล้วฆ่ามัน ในจังหวะที่ไวเวิร์นยังสับสน ฉันก็รีบโจมตีใส่มันไปพร้อมๆกัน
ผลสุดท้ายที่ได้ก็คือชัยชนะอันหอมหวานที่เราทั้งคู่กำลังดื่มด่ำกันอยู่
“แหวะ ! รู้สึกคลื่นไส้ ข้างในนี้เหม็นสุดๆไปเลย อี๊ ! มีโครงกระดูกอยู่ในนี้ได้ไงเนี่ย ?”
“อดทนได้ดีมากค่ะ อ่ะนี่รางวัล วอเตอร์บอล !”
ซ่าาาา
น้ำสะอาดๆเย็นชื่นใจราดลงบนหัวของเอวา
ผมทรงดริลที่เคยเปียกน้ำก็พลันสยายออกอย่างงดงาม
สายน้ำไหลไปตามโครงร่างอันบอบบางอ่อนช้อย ไล่จากหัวไหล่เนียลขาวไปตามไหลร้า ก่อนจะไหลผ่าเอวผ่านสะโพก เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวขาวอมชมพู จนผิวพรรณของเธอกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
“นี่ค่ะ —”
แล้วฉันก็หยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากไอเท็มบอกซ์ยื่นให้กับเธอ
“ขอบคุณ–”
เอวาก็รับไปเช็ดผมเช็ดตัวให้เรียบร้อย พอแห้งแล้ว เธอก็หยิบชุดใหม่จากไอเท็มบอกซ์มาเปลี่ยน
ส่วนอาภรณ์เวทย์นั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์ติดตัวตั้งแต่เริ่ม และ มีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง โดยความเร็วในการซ่อมแซมขึ้นอยู่กับความเสียหาย ถ้าพังเละเทะจนพลังป้องกันเหลือ 0 แบบที่ชุดของเอวาเป็นในตอนนี้ ก็จะใช้เวลาซ่อมแซมอย่างน้อย 24 ชั่วโมงได้ เพราะงั้นระหว่างนี้เธอจึงทำได้เพียงใส่ชุดลำลองที่เตรียมมาไปก่อน
ฉันเหลือบมองเอวาเล็กน้อย พลางเสียดายเรื่องที่ทรงผมดริลของเธอดูไม่น่ารักเท่าเธอตอนไว้ผมยาวตอนนี้เอาเสียเลย
เอาเถอะ ในเมื่อจัดการเรื่องเอวาเสร็จ ฉันก็ทำเหมือนอย่างเคย
“อควาคัตเตอร์ !”
ฉันไล่กุดหัวของพวกออร์คเพื่อยืนยันว่ามันตายหมดทุกตัว
1 ตัว 2 ตัว 3 ตัว 4 ตัว….. เอ๋ ?
“นี่ ! กำลังทำอะไรอยู่นะ ?”
“กำลังตัดหัวเพื่อเผื่อมันแกล้งตายค่ะ…แต่—”
“ ??? ”
“ทำไมถึงนับออร์คได้แค่ 6 ตัวละ ?”
เมื่อฉันเปิดเมจิคัลโฟนขึ้นมาก็พบว่า—
‘อัตราฟูลซิงโคร 90 %’
เอ๋ ?
เดี๋ยวสิ !?
ไม่นะ ทำไมกันละ ?
เดี๋ยวๆๆๆ หายไปไหน ออร์คอีกตัวหายไปไหน !?
“ทำไมอัตราฟูลซิงโครถึงไม่หายไป”
“เรื่องนั้นฉันก็อยากจะถามเหมือนกัน…ไม่สิ ก็พอจะเดาได้แล้วค่ะ”
ต้องมีออร์คตัวหนึ่งหนีรอดไปได้แน่ๆ
แต่ว่ามันเป็นตอนไหนกัน ?
พวกเราก็ฆ่ามันหมดแล้วไม่ใช่หรอ
พอมาไล่ย้อนๆดูก็มีสองตัวแรกที่เอวาฆ่าไป ศพก็อยู่ตรงนี้
จากนั้นตอนที่ฉันมาช่วย ฉันก็ฆ่าไวเวิร์นและ—
“เอ๋ ?”
เดี๋ยวก่อน..ตอนนั้นฉันจัดการแค่ไวเวิร์น …..แค่ไวเวิร์นไปตัวเดียวเพื่อช่วยเอวา
อควาคัตเตอร์ตัดฉับเข้าที่ขอของไวเวิร์นจนขาด
แต่……
หายไปไหน ?
ออร์คที่ขี่ไวเวิร์นตัวแรกที่ฉันฆ่าไป ศพของมันอยู่ที่ไหน !?
มอนสเตอร์ตัวนั้นหลังจากตกจากหลังไวเวิร์น มันก็หายตัวไป ไม่ได้เข้ามาร่วมสู้ด้วย ฉันก็เลยไม่ทันสังเกตุ
“แย่แล้ว ! อะ อะ เอ็มเพรส มารีน…อะ อะ อัตราซิงโครมัน..อัตราซิงโคร”
เมื่อยินเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเธอ ฉันก็รีบเปิดเมจิคัลโฟนของตัวเอง
‘อัตราฟูลซิงโคร 100 %’
*คำเตือน : เกิดการเคลื่อนย้ายเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง*
*ศัตรู : ออร์คระดับกลาง 1 ตัว*
*รบกวนเคลื่อนย้ายเข้าสู่โลกแห่งความจริงและทำการกำจัดเป้าหมายโดยด่วน*
ตื๊ดดดดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดด
โทรศํพท์ร้อนขึ้นและร้องเตือนเสียงดังสนั่น
“เอ็มเพรส ! รีบไปเร็วเข้า”
“ค่ะ !”
พอฉันเงยหน้าขึ้นมาก็พบกระจกเคลื่อนย้ายปรากฎขึ้นตรงหน้า
พวกเราก้าวข้ามผ่านกระจกบานนั้นเข้าไปโดยไม่มีเวลาให้คิดแล้วว่าไปการไปทั้งๆแบบนี้ จะปกปิดความลับการคงอยู่ของจอมเวทย์ได้รึเปล่า
บ้าชะมัด รู้งี้ฉันน่าจะเล็งดีๆและตัดคอมันทั้งสองตัวไปพร้อมๆกันตั้งแต่แรก
นับเป็นความผิดพลาดอันร้ายแรงที่น่าเสียดายเหลือเกินค่ะ