เพราะไออุ่นจากกองทัพจอมมาร ทำให้ผมทรยศมนุษยชาติ - บทที่ 6 : หลงทาง (1)
เรื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผู้กล้าจะทำได้ คือการตกหลุมรักขุนพลจอมมาร ..นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับตัวผมกัน
“เรื่องบ้าๆ”
ผมพึมพำออกมา ขณะที่นั่งล้างหน้าจากแม่น้ำขนาดใหญ่ ..หลังจากที่ดราแคล์ยื่นมือมาให้ และกล่าวเรื่องพวกนั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ตัวผมก็ปัดมือของเธอทิ้ง และออกวิ่งจากเมืองเคลื่อนที่โดยทันที ผมพยายามจะหนีจากที่แห่งนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และนี่ก็เป็นสภาพของผมหลังจากเหตุการณ์นั้น
ใบหน้าของผมยังคงแดงแจ๋ ลามมาจนถึงใบหู ตัวผมพบเจอสิ่งแปลกปลอมเข้า มันคงจะเป็นความรู้สึกนี้นี่แหละ ..เจ็บหน้าอกเหลือเกิน
ผมนึกถึงใบหน้าของดราแคล์ตอนที่ผมปัดมือเธอทิ้งเข้าให้ เธอมีสีหน้าที่เศร้าและดูผิดหวังจนถึงที่สุด ที่ผมทำไม่ได้ต่างอะไรกับการหักหลังเธอเลย ทั้งๆที่เธอไม่ได้หักหลังผมก่อน ..ผมสามารถกลับไปเป็นผู้กล้าเหมือนดั่งเดิมได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตามที่เธอบอก เพราะไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่มีพันธสัญญาบังคับ จะไม่มีใครตายเพราะผมไม่ทำตามดราแคล์ มีเพียงแค่ความจริงที่ว่าดราแคล์ถูกผมหลอก
ควรจะคิดอย่างนั้นแท้ๆ
“….”
ก่อนที่ผมจะถลำลึกไปมากกว่านี้ ผมได้ยินเสียงของนกบินผ่านมา นั่นคือสัญญาณที่ผู้กล้าทุกคนจะรับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่ามันเป็น ‘สารจากศาสนจักรริเซี่ยน’ ผมทิ้งทุกอย่างที่ไม่จำเป็นไว้กับแม่น้ำ เพียงชั่ววูบเดียว ผมตัดสินใจโยน ‘หน้ากากทองคำ’ ทิ้งลงแม่น้ำ และยื่นมือออกมารับนกตัวสีขาวสง่างามที่นำสารมาให้ผม มันอ้าปากขึ้น และพูดออกเสียง
‘ให้ความร่วมมือกับ เซอร์ บารัต ในการหาเบาะแสของดราแคล์’
..เอ๊ะ
ผมหน้าซีด
‘เซอร์ บารัต พบเจอเบาะแสสำคัญของดราแคล์เข้า ผู้กล้าลำดับที่ 12 ลีโอนาร์ ยูซาริเซี่ยน โปรดให้ความร่วมมือกับ เซอร์ บารัต—เซอร์ บารัต พบเจอเบาะแสสำคัญของดราแคล์เข้า ผู้กล้าลำดับที่ 12 ลีโอนาร์ ยูซาริเซี่ยน โปรดให้ความร่วมมือกับ เซอร์ บารัต—เซอร์ บารัต พบเจอเบาะแสสำคัญของดราแคล์เข้า ผู้กล้าลำดับที่ 12 ลีโอนาร์ ยูซาริเซี่ยน โปรดให้ความร่วมมือกับ เซอร์ บารัต”
..ผมพยักหน้ารับ และออกเดินไปตามคำสั่งจากศาสนจักร
****
สถานที่เป็นสถานที่เดิมกับคราวของภารกิจตามล่าดราแคล์ครั้งแรก แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีแค่ผมคนเดียวที่เป็นผู้กล้า แล้วก็–ผู้นำอย่าง เซอร์ บารัต เขานั่งรอผมอยู่บนเก้าอี้ที่ข้างหน้าเป็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสาร และแผนที่ภูมิศาสตร์โดยละเอียด เมื่อเห็นว่าผมเดินทางมาถึงแล้ว เขาก็คลี่ยิ้ม และโพล่งขึ้น
“เชิญนั่งก่อนสิ มิสเตอร์ ลีโอนาร์”
“ครับ”
“รู้รึเปล่าว่าทำไมผมถึงไม่เรียก เวอร์โก้กับอควาเรียมาด้วย”
“…ไม่ทราบครับ”
“สองคนนั้นไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของขุนพลจอมมาร ทั้งยังประมาทเกินไป โดยเฉพาะเวอร์โก้ที่แสดงออกอย่างเปิดเผยจนเกินไป การจะตามล่าขุนพลจอมมาร มันไม่ใช่เรื่องที่จะทำก็ทำได้เลย แต่ต้องวางแผนมาเป็นอย่างดี”
..เซอร์ บารัต เป็นชายที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาหลายสิบปี นั่นหมายความว่ากับเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อน ที่ผู้กล้าทั้งหมดหกลำดับเข้าปะทะกับขุนพลจอมมารในคราวนั้น เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมสงครามเหมือนกัน และแน่นอน เพระอย่างนั้นเขาจึงรู้ถึงพลังที่แท้จริงของขุนพลจอมมาร
“แต่ว่า อควาไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ”
“เห็นแบบนั้น แต่อควาเรียมีความทะนงตนยิ่งกว่าเวอร์โก้เสียอีก หากเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีคำว่าชนะแน่นอน เธอจะต้องเสียสติและเป็นฝ่ายแพ้อย่างแน่นอน จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมกับงานคราวนี้ ด้วยความสามารถของสองคนนั้น ไม่เหมาะกับวิธีการทำงานของผมสักเท่าไหร่”
เซอร์ บารัต ยิ้มออกมา
“มิสเตอร์ ลีโอนาร์ กองทัพของผม กับคุณ จะร่วมมือกันสะกดรอยดราแคล์ และเปิดโปงเมืองเคลื่อนที่ เมื่อทำสำเร็จแล้ว พวกเราจะนำคณะผู้กล้าลำดับที่ 4 ‘คาปิร์คอนุส ยูซิริเซี่ยน’ ‘ผู้กล้าแสงศักดิ์สิทธิ์’ มาช่วย”
ผู้กล้าแสงศักดิ์สิทธิ์ ..ผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุด
ผมเคยเดินสวนกับเขาอยู่ครั้งหนึ่งที่ศาสนจักรริเซี่ยน เพียงพริบตาเดียว ผมก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เหมือนกับขุนพลจอมมาร ..ไม่ผิดแน่ เขาคือมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ผมจะเคยพบเจอ แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นขุนพลจอมมาร ก็ไม่สามารถบอกได้เต็มปากว่าเขาะจะแพ้
“ตอนนี้ผมพบเจอเบาะแสสำคัญเข้า และเป็นเบาะแสที่มากพอจะทำให้ตามไปถุงตัวของดราแคล์ได้ จึงได้ริเริ่มภารกิจนี้ใหม่ และเรียก มิสเตอร์ ลีโอนาร์ มาที่แห่งนี้”
“…”
‘รู้รึเปล่าคะ? เทียบกับขุนพลจอมมารคนอื่น กองกำลังที่ดิฉันมี นับว่าน้อยสุดแล้ว เนื่องจากว่าไม่ได้มีการขยายอานาเขตุ หรือพัฒนากองทัพทหารมากขนาดนั้น เท่าที่มีอยู่ กองกำลังสำหรับต่อสู้โดยเฉพาะมีไม่ถึงหนึ่งร้อยคนด้วยซ้ำ ถึงจะมั่นใจว่ารับมือกับผู้กล้าหน้าใหม่สองคนได้ แต่ถ้าเป็นผู้กล้าคนก่อนหน้านี้เพิ่มมาด้วยอีกสักคนละก็ อาจจะต้านไว้ไม่ไหวก็เป็นไปได้ ไม่ใช่แค่ผู้กล้าสามคน แต่มีทหารมากฝีมืออีกหลายคนอีก ลำพังดิฉันไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่เมืองแห่งนี้คงจะถึงจุดสิ้นสุด โดยที่มีแค่ดิฉัน และกลุ่มคนไม่กี่คนที่หนีไปได้’
ผมนึกถึงคำพูดของดราแคล์เมื่อวันก่อนเข้า ..นั่นยิ่งทำให้ผมมั่นใจ ว่าถ้าสะกดรอยเมืองเคลื่อนที่สำเร็จ และเรียกผู้กล้าแสงศักดิ์สิทธิ์คนนั้นมาละก็ ..ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ดราแคล์กล่าว
ผมจะกลายเป็น ..ฆาตกรที่ฆ่าชาวเมืองทุกคนในเมืองเคลื่อนที่
เบื้องลึกของจิตใจ ตั้งใจจะห้ามผม เพียงแต่ว่า–ในที่แห่งนี้ ในเวลานี้ มีเรื่องที่ผมสามารถทำได้ด้วยเหรอ? สิ่งที่ผมสามารถทำได้ เพื่อที่จะปกป้องผู้บริสุทธิ์ มีด้วยเหรอ? ผมมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธด้วยเหรอ? ศาสนจักรยูซาริเซี่ยน กองทัพทหารของ เซอร์ บารัต หมายถึง อาณาจักรที่รบกับเผ่าปีศาจมาอย่างช้านาน กับพวกเขาเหล่านั้น ผมสามารถปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งได้ด้วยเหรอ?
ผมพึ่งจะมาสังเกตุว่าตลอดมา ผมใช้ชีวิตแบบไหนมาโดยตลอด ผมเป็นผู้กล้า–ที่เคลื่อนไหวตามเจตจำนงศ์ของผู้อื่นมาโดยตลอด คนที่ผมต้องปกป้องไม่ได้มาจากการที่ผมเลือกด้วยตัวเอง แต่มาจากคำสั่งสูงสุดจากเบื้องบน
แบบนี้มันไม่ถูกต้อง ผู้คนในเมืองแห่งนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้จะเป็นเผ่าปีศาจที่พรากทุกอย่างไปจากผม แต่ว่า พวกเขาเป็นคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง
“คะ ..คือว่า!”
“ว่าไงครับ มีไอเดียอะไรหรือ?”
“คือว่า ..เอ่อ ..ภารกิจนี้ ผมคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป”
“อย่างที่บอกครับว่าตั้งใจแค่สะกดรอย และเปิดโปง ไม่ได้คิดจะเข้าปะทะอย่างครั้งก่อน”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ! ผมก็คิดว่ามันไม่ปลอดภัยอยู่ดี ถ้า เซอร์ บารัต เป็นอะไรขึ้นมา ..เอ่อ เวอร์โก้ อควาเรีย มาเรีย ทุกๆคนคงจะเสียใจแย่ นะ แน่นอนว่ารวมถึงผมด้วย ผมไม่อยากจะให้เกิดเรื่องร้ายๆกับคุณเข้า”
“….”
“ครั้งนี้ไม่น่าจะไหวสักเท่าไหร่ เพราะอย่างนั้น เอ่อ ..ผมเห็นว่าครั้งหน้าคงจะดีกว่าครับ เป็นความเห็นในฐานะผู้กล้าลำดับที่ 12 หากเข้าใจละก็ ..ผมจะดีใจมาก”
“มิสเตอร์ ลีโอนาร์ เหมือนว่าคุณจะเข้าใจอะไรผิดไปนะครับ”
น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกทำให้ผมหน้าซีด ผมพยายามข่มใจมองหน้าของ เซอร์ บารัต และ ใช่ ตอนนี้เขากำลังโกรธจัดๆ
“พวกผมคือทหาร ความตายเป็นเรื่องน่าเศร้าก็จริง แต่ถ้ามันทำให้ชนะ ผม ..ไม่สิ ทหารทุกคนในที่แห่งนี้ก็คงจะยอมรับกันได้ไม่ยาก”
“ตะ แต่ว่า”
“ช่วยหยุดพูดอะไรอ่อนหัดแบบนั้นให้ผมได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง มันจะเป็นการทำให้ผมเสื่อมเสียเกียรติยศอย่างสูงที่สุด ที่ฟูมฟักผู้กล้าที่มีแนวคิดอย่างคุณขึ้นมาครับ มิสเตอร์ ลีโอนาร์”
“…ขอโทษด้วยครับ”
เหมือนกับตอนของดราแคล์ ผมทำได้แค่อ้อนวอนขอร้อง และทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น สุดท้ายก็ต้องยอมรับเงื่อนไขที่ไม่มีทางเลือก
สรุปแล้ว ในฐานะผู้กล้า ผมสามารถทำอะไรได้บ้าง ..เซอร์ บารัต ถอนหายใจ และเดินออกจากแคมป์
“อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้ ผมจะส่งจดหมายขอกำลังเสริมไปทางศาสนจักร และจะเริ่มการตามรอยโดยทันที ด้วยตำแหน่งปัจจุบันของผู้กล้าคาปิร์คอนุส เขาคงจะมาถึงในไม่ถึงหนึ่งวันเต็ม พวกเราจะเป็นกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์นับพันปี ที่ทำให้ตำแหน่งขุนพลจอมมารหายไปหนึ่งที่นั่ง ในฐานะผู้กล้า คุณควรจะภูมิใจนะ คิดเสียว่านี่คือการกู้คืนชื่อเสียงที่เสียไปเมื่อสองปีก่อนนะครับ ต่อให้เป็นคุณที่ถูกสาปส่ง แต่ว่าถ้ามีชื่อเสียงในการปราบขุนพลจอมมารร่วมด้วย ทุกคนจะมองคุณเปลี่ยนไป และกลับมาเห็นคุณค่าในตัวคุณอีกครั้ง มิสเตอร์ ลีโอนาร์ ..ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป”
…..อ่า
“มิสเตอร์ลีโอนาร์ คุณอาจจะไม่เคยทราบ แต่ว่า ..ในหมู่ผู้กล้า คุณคือคนที่ผมคาดหวังมากที่สุด เพราะอย่างนั้นโปรดอย่าทำให้ผมผิดหวัง”
กล่าวจบ เซอร์ บารัตก็ดินออกจากแคมป์ และเตรียมการณ์สั่งการทหาร และเตรียมพร้อมกับภารกิจตามล่าดราแคล์
ผมเดินออกจากแคมป์ตามไป และแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่คล้ายว่าฝนจะตกอยู่ร่ำไร ..
“ต้องทำอย่างไรมันถึงจะถูกต้อง”
ผมสับสนอย่างถึงที่สุด กับชีวิตของตัวเอง