เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ! - ตอนที่ 131 เด็กสาวผู้น่ารัก [จบภาค]
บทที่ 131 – เด็กสาวผู้น่ารัก [จบภาค]
เมื่อพูดเช่นนั้นเสร็จเลวิเนสต้าก็หลับตาลงแทบจะทันที ราวกับว่าเธอยอมรับความตายที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
ซึ่งการกระทำของเลวิเนสต้าอยู่ในสายตาของมิวทุกอย่าง ดังนั้นเมื่อเห็นการหลับตาและอาการกลัวที่ชัดเจนของเลวิเนสต้า
มิวก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ เพราะแม้เลวิเนสต้าจะดูทำตัวสนิทชิดเชื้อกับมิวอยู่ตลอด แต่มิวก็รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้กุมอำนาจที่สูงที่สุดในหอคอย
สามารถบันดาลความปรารถนาทุกอย่างให้เป็นจริงได้แม้แต่การก้าวข้ามเวลา.. เป็นเหมือนกับเทพธิดาจริงๆ
แต่อะไรทำให้หล่อนกลัวขนาดนั้น มิวจินตนาการไม่ออกเลย.. ภายใต้ความสับสนนั้นเองโลกทุกอย่างราวกับหยุดนิ่ง
มือสีขาวคว้าผ่านอากาศที่ว่างเปล่ามาจากด้านหลังของเลวิเนสต้า ค่อยๆ จับใบหน้าของเลวิเนสต้าอย่างแผ่วเบา
เลวิเนสต้าไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมา.. มันคือความกลัวที่แท้จริง มันคือความกลัวจากเบื้องลึก
แม้แต่ตอนที่เธอหลับตาอยู่ มิวยังสังเกตเห็นเลยว่าเลวิเนสต้าหนังตากระตุกราวกับไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
เพียงแต่ว่ามือนั้นค่อยๆ ลูบบนใบหน้าของเลวิเนสต้าอย่างอ่อนโยนก่อนจะพุ่งมาหามิวด้วยความเร็วที่ไม่ทันได้ตอบสนอง
มือนั้นจับคางของมิวแล้วก็เชิดขึ้นราวกับพยายามจะมองหน้าของมิว.. ไม่รู้ว่ามิวคิดไปเองหรือเปล่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น
เธอก็เห็นเหมือนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองหน้าเธออยู่… ในวินาทีที่มิวเห็นสิ่งที่ไม่เห็นนั้นเองร่างกายของเธอแข็งทื่อไปแทบจะทันที
ราวกับว่าเธอได้รับรู้สิ่งที่ไม่มีอยู่ รับรู้ถึงสิ่งที่ไม่ควรรู้ .. เด็กผู้หญิงคนนี้มีผมสีดำยาว ดวงตาสีดำสนิทเหมือนกับความมืดอนันตกาล
เมื่อสองคนมองหน้ากันและกัน.. ร่างของเด็กผู้หญิงที่มิวมองเห็นหรืออาจจะไม่ได้มองเห็นตั้งแต่แรกก็ค่อยๆ มลายหายไป
ทุกอย่างกลับคืนมาปกติ.. ดวงตาของเลวิเนสต้าเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่จะอุทาน
“ไม่ตาย..? ข้าไม่ตาย?”
เธอที่เหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น.. แต่หลังจากตรวจสอบจนเสร็จสรรพว่าตัวเองไม่เป็นอะไรจริงๆ เลวิเนสต้าก็ถอนหายใจ
ก่อนจะหันมามองมิวที่เหมือนเหม่อลอยไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เลวิเนสต้าแปลกใจเท่าไหร่ ผ่านไปสักพักมิวได้สติกลับคืนมา
“คนเมื่อกี้คือ….”
ทว่าก่อนที่มิวจำได้พูดออกมา เลวิเนสต้าก็รีบเอามือมาอุดปากเธอไว้แทบจะทันที
“ห้ามพูดชื่อนั้นเด็ดขาด.. ห้ามเด็ดขาด”
“เข้าใจไหม?”
เลวิเนสต้าเหมือนไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยมิว ถ้ามิวไม่ตอบตกลง.. เมื่อมิวได้ยินแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจพร้อมกับปล่อยมือออกจากปากมิว
“แต่..ทำไม?”
“ข้าพูดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่ว่าคนคนนั้นแหละคือคนที่เจ้าต้องระวัง หากเจ้ารู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาไว้แต่แรกก็ ‘อาจจะ’ เป็นเพราะคนคนนั้น”
“….”
“เพราะงั้นสหายข้า.. เจ้าไม่ได้ผิดหรอก โชคชะตาต่างหากที่บังคับเจ้า”
เมื่อได้ฟังแบบนั้นมิวก็ได้แต่นิ่งเงียบไป เลวิเนสต้าเองก็รู้ดีว่าเพียงแค่การโชว์ให้เห็นว่าตัวตนที่ควบคุมทุกอย่างบนโลกมีอยู่จริง
มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ามิวเป็นต้นเหตุในการทำลายโลกใบนี้อยู่ดี.. แต่อย่างไรก็ตาม ดวงตาของมิวก็ไม่ได้สับสนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“ข้าจะบอกอะไรให้อีกอย่างแล้วกัน..”
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย แต่คิดไปแล้วขนาดพูดชื่อคนที่ไม่ควรพูดยังพูดไปแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องหยุมหยิมพวกนี้
“จะว่าไปเจ้ายังไม่รู้สินะว่าทำไมเจ้าอิกดร้าถึงเหลือแค่กิ่งไม้กิ่งเดียว และต้องรอวันฟื้นคืนชีพ นั่นก็เกี่ยวข้องกับพลังเจ้าเช่นกัน”
“ใช่.. พลังของเจ้าแม้มันจะอันตรายก็จริงแต่ว่า…”
สิ้นคำของเลวิเนสต้า.. เทรต้าที่ไม่ได้สติอยู่ข้างๆ มิวก็เหมือนจะตอบสนองกับบางสิ่งบางอย่าง ร่างของเธอกระตุกเล็กน้อย
แล้วในพริบตานั้นเองร่างไม้.. ของอิกดร้าก็ตอบสนองต่อการตอบสนองของเทรต้า.. และก็มีกิ่งก้านหนึ่งยื่นออกมาจากร่างของอิกดร้าและพุ่งตรงเข้ากลางหน้าผากเทรต้า
“ก็ได้มอบโอกาสให้กับคนอื่นขึ้นมาเหมือนกัน อย่างน้อยก็สำหรับโลกของผู้หญิงที่เป็นสิ่งแปลกปลอมในหอคอยนี้อย่างแม่นั่น”
“หมายความว่าไง…?”
“เจ้าคงยังไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า ‘ระบบ’ ใช่ไหม?”
“ระบบ…?”
พอเห็นมิวไม่รู้จัก เธอก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเริ่มอธิบายว่า..
“เอาเป็นว่ามันคือพลังที่จะเชื่อมต่อจิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตเข้ากับโลกใบนี้..แทรกแซงเข้าสู่มิติแห่งข้อมูลที่สูงกว่าโลกนี้เพื่อสร้างเป็น ‘ระบบ’ เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลกและความคิดผู้ใช้”
“แต่ตามจริงแล้วการจะทำแบบนั้นได้มันต้องทำให้ความคิดของคนสัมผัสกับโลก พูดภาษาคนแบบง่ายกว่านั้นได้ก็คือต้องตายในหอคอยเท่านั้น”
“แต่ว่าการมีอยู่ของเจ้าได้ช่วยให้ผู้คนไม่ต้องตาย.. เดิมทีระบบนั้นจะมอบให้คนที่อยู่ชั้นที่หนึ่งและหากทำเควสที่สอดคล้องเสร็จก็ต้องตายเพื่อรับระบบ”
“แน่นอนเมื่อคนเผชิญกับความตายโอกาสที่จะกลับมาในฐานะคนเป็นนั้นก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะการฟื้นคืนชีพคนไม่ใช่เรื่องง่าย”
“แต่การมีอยู่ของเจ้าทำให้ระบบสามารถรับได้ก็ต่อเมื่ออยู่ชั้นที่สิบ.. และการรับระบบคือให้คนเชื่อมต่อเข้าไปยังโลกแห่งความคิดของอิกดร้าและสัมผัสกับพลังของเจ้าโดยตรง”
“เพียงแค่นั้นพลังของเจ้าก็จะพาจิตสำนึกขึ้นไปสู่มิติแห่งข้อมูลได้..หากตามหัวต้นตอของตัวตนตัวเองได้ก็จะได้รับพลังที่สามารถพัฒนาตนเองขึ้นมา”
“ไม่ใช่แค่ในหอคอยนี้.. แต่ทุกๆ หอคอยล้วนเป็นแบบนั้นหมด เพราะเจ้าทุกคนถึงได้รับโอกาสโดยต้องไม่เจ็บปวด”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำไม่ได้เพราะพลังของเจ้าก็คือของของเจ้า ต่อให้ใช้ความคิดไปสัมผัสกับพลังก็ไม่ได้สร้างทางผ่านให้เจ้า.. เพราะเดิมทีที่ทำให้ความคิดขึ้นไปยังโลกแห่งข้อมูลได้เพราะว่าสถานะของพลังเจ้ามันดำรงอยู่คาบกึ่งระหว่างความเป็นจริงกับความเป็นจินตภาพ”
“แต่พลังของเจ้าก็คือของของเจ้า ไม่ว่าจะอยู่สถานะไหนก็ไม่เปลี่ยนแปลง จึงไม่สามารถดึงความคิดของเจ้าไปสู่มิติข้อมูลได้.. แต่ทว่าจะยังไงก็ตาม..”
“พลังของเจ้าก็ได้มอบโอกาสให้คน.. ทุกคน”
เลวิเนสต้าเงียบลงไป มองหน้ามิว.. มิวเองก็เงียบลง ผ่านไปนานสองนานมิวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันมาถามเลวิเนสต้า
“ทำไม.. เธอถึงดีกับฉันขนาดนี้”
อาจจะเพราะคำพูดของเลวิเนสต้า ไม่ว่าจะเป็นทุกกอย่างมีคนบงการหรือแม้แต่คนที่นอนไม่ได้สติเหล่านี้จะสามารถเก่งขึ้นได้เพราะมิว
แม้แต่เทรต้าเองก็ด้วย.. ทุกอย่างมันทำให้ความรู้สึกผิดในใจของมิวเบาบางลงไปไม่มากก็น้อย แน่นอนว่ามันไม่สามารถทำให้บาปของมิวหายไปได้
แต่ทว่าอย่างน้อยๆ อย่างน้อยๆ มิวก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะตายอีกต่อไป.. มิวแค่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปแบกรับความตายของคนทั้งโลกไว้บนบ่า
เหมือนกับตอนที่ทำกับรินนะก็พอ.. เธอต้องแบกรับมันเอาไว้..
และแน่นอนทุกอย่างก็เป็นเพราะเลวิเนสต้า เลวิเนสต้าที่เคยเจอกันไม่กี่ครั้งและพึ่งรู้จักกันได้ไม่นานมานี้เอง
“ถามอะไรแปลกๆ สหายก็พวกเราน่ะ.. เป็นเพื่อ—”
ในจังหวะที่เลวิเนสต้ากำลังกล่าวเช่นนั้นเอง บางสิ่งบางอย่างก็พุ่งทะลวงออกมาจากหน้าออกของเธออย่างรวดเร็ว
เลือดสีแดงสาดกระจายกระเซ็นใส่หน้าของมิว.. ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนมิวไม่แม้แต่จะตอบสนอง สัญชาตญาณมังกรยังไม่ตอบสนองด้วยซ้ำ
เพราะมันเร็วระดับนั้นเลย.. แน่นอนสิ่งที่พุ่งออกมาจากอกของเลวิเนสต้านั่นคือแขนเล็กๆ ของใครบางคน
“อั้ก..”
ดวงตาของเลวิเนสต้าเบิกกว้างด้วยความสับสน แต่ทว่าหัวใจของเธอนั้นเหมือนเต้นอยู่บนมือที่พุ่งออกมาจากอก
“ทำ..ไม.. ข้า…”
“ทำผิดกฎหลายข้อยังจะมาถามว่าทำไมอีกเรอะ น่าตลกจังเลยน้า~~”
“ผิดกฎ….”
“ช่ายแล้ววว ในฐานะเชลยศึกหล่อนมีสิทธิ์พูดขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ.. นั่นสินะ แต่ก็คงไม่ถูกฆ่าหรอกเนอะ ขนาดท่านแม่ยังไม่ฆ่าเลย”
ใครบางคนดึงมือกลับออกไปทางเดิม เลวิเนสต้าค่อยๆ ล้มลงมาทางที่มิวอยู่ มิวรีบรับเอาไว้ภายใต้ความสับสน
เด็กหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเลวิเนสต้า.. เธอมีผมสีเหลืองทอง สวมชุดแฟนซีสีฟ้าขาวแปลกตา
สวมถุงน่องลายขาวกับฟ้าตัดสลับกันจากเท้าขึ้นไปจนถึงใต้กระโปรง
หน้าตาดูสดใสและร่าเริงอยู่เสมอ แต่มือขวากับโชกไปด้วยเลือดของเลวิเนสต้า และหัวใจเลวิเนสต้าก็ยังอยู่ในมือหล่อน
หล่อนมีตุ๊กตากระต่ายที่เอว.. แต่ตุ๊กตากระต่ายที่เอวของเจ้าตัวเหมือนจะมีแค่ส่วนหัวที่ทำจากตุ๊กตา.. แต่ส่วนร่างกายเหมือนจะ..
ทำจากร่างกายมนุษย์.. ร่างกายสิ่งมีชีวิตจริงๆ
“แต่เพราะเธอพูดถึงท่านแม่เสียๆ หายนั่นแหละ..เลยต้องตาย ทุกอย่างเป็นเพราะแม่มดต่างหาก เพราะท่านแม่ที่ไหน”
“เออ.. พูดไปก็ไม่รู้เรื่องนี่เนอะ ช่างเถอะ”
มิวดึงดาบออกจากอกตัวเองแทงไปที่เลวิเนสต้าแทบจะทันที แต่ทว่าผลลัพธ์กลับไม่ถูกลบออกไปแต่อย่างใด
“เลวิเนสต้า.. เลวิเนสต้า…”
“สหายข้า… มิว.. ข้า..”
“ไม่.. ทำไม ทำไม ทำไมถึงไม่รักษา”
มิวพยายามสั่งให้ดาบฟื้นบาดแผลให้เลวิเนสต้า แต่ทว่ามันกลับไม่ทำงาน ไม่ว่าจะทำกี่ครั้งมันก็ไม่ทำงาน
เลือดไหลอาบไปทั่วตัวของมิว.. เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่เลย เมื่อกี้เธอคนนี้ยังบอกทุกอย่างให้มิวอยู่เลย ยังปลอบใจอยู่เลย
เธอเห็น..มิวเป็นเพื่อนคนสำคัญจริงๆ ต่อให้ไม่บอกมิวก็รับรู้ได้แทบจะทันที.. แต่ตอนนี้หน้าอกเป็นรู เลือดไหลไม่หยุด
ไม่ว่าจะฟันความตายออกไปมากแค่ไหน ก็ไม่ยอมออกไป.. พลังมังกรปล่อยเข้าไปเพื่อรักษาก็ยังไม่หาย ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ไม่หายไป
มือสองข้างของมิวสั่นพยายามรักษา.. ทั้งเรย์น่า ทั้งรินนะ แม้แต่เรนะ มิวก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้ เธอจะสายตลอด ทุกครั้ง ทุกครั้ง ทุกครั้งทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันเกิดขึ้นต่อหน้าเธอ.. คนที่พึ่งเรียกเธอว่าเพื่อน คนที่เรียกเธอว่าสหาย และอธิบายทุกอย่างที่เธอไม่เข้าใจ
ต้องช่วยให้ได้.. ต้องช่วยให้ได้.. รอบนี้ต้องช่วยให้ได้
“ไม่ไหวหรอกๆ คนทำผิดกฎก็ต้องตาย ไม่มีทางเยียวยาหรือรักษาได้หรอก แต่กฎที่ว่าหมายถึงกฎของฉันอะนะ”
“แกหุบปากไปเลย”
“อุ้ย.. รุนแรงกับเด็กสาวผู้น่ารักและบอบบางได้ลงคอ เป็นผู้ใหญ่แบบไหนกันเนี่ย ฆ่าทิ้งเลยได้ไหม”
……….
…….
….
[จบภาคแรก : พลังอันยิ่งใหญ่]
…………..
[ข้อมูลเพิ่มเติม]
มาอธิบายเกี่ยวกับความเป็นจริงกับความเป็นจินตภาพกันเพิ่มเติมหน่อย เพราะที่บอกในเรื่องมันเอาในฐานะว่ามันโยงยังไงเฉยๆ ปวดหัวนิดหนึ่ง (ใครไม่อยากรู้รายละเอียดเบื้องลึก(ที่ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่) รู้แค่บอกในเรื่องพอคือข้ามได้เลย ผมไม่ยัดลงในเรื่องแน่ๆ) ก่อนอื่นผมใช้สูตรแบ่งโลกตามจำนวนเชิงซ้อน (Complex number) ซึ่งภายในจำนวนจริงความเป็นจริงจะประกอบไปด้วย จำนวนธรรมชาติที่นับได้ จำนวนติดลบที่นับได้ อัตราส่วนที่นับได้และอตรรกยะ พวกนี้คือ ส่วนที่เป็นจริง เรียกความเป็นจริง.. อีกส่วนคือความเป็นจินตภาพหรือจำนวนจินตภาพที่มีอยู่จริง.. ซึ่งผมนิยามมันเป็นโลกแห่งความคิด ซึ่งเป็นตัวแทนของต้นตอแนวความคิดทุกอย่าง (จำนวนจินตภาพที่มีอยู่จริง) และพลังมังกรของมิวมันไปอยู่คาบกึ่งระหว่างความเป็นจริงความเป็นจินตภาพ ซึ่งเหมือนกับ Complex number ที่คลุมทั้งความเป็นจริงและความเป็นจินตภาพ ซึ่งแบ่งโลกทุกอย่างออกเป็นในฐานะของชุดข้อมูล ดังนั้นพอคนเอาความคิดสัมผัสกับ complex number โดยตรงเลยทำให้ชุดความคิดเปลี่ยนเป็นข้อมูล และทางหอคอยก็ช่วยกรองให้มันเป็นเซตที่เข้าใจง่ายที่สุดก็คือระบบนั่นเองครับ งงมั้ย.. ถ้างงก็ช่างมันครับ เอาเป็นว่าโลกนี้อยู่ในฐานะของ set ข้อมูลที่รับรู้ได้และหอคอยก็ช่วยให้ชุดข้อมูลดังกล่าวตอบสนองกับความคิดของคนให้เป็นรูปร่างพอ ฮา
[จบไปแล้วครับ.. ภาคแรก เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานเลยนะ สำหรับ 131 ตอนเนี่ย เป็นไงครับ เคลียร์ทุกอย่างหมดดีแล้วใช่ไหม บอกตามตรงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สมองพังมากเรื่องหนึ่งเลย ขนาดผมยังรู้สึกว่ามันย่อยยากเลย คนที่ทนอ่านจนมาถึงตอนนี้ได้ผมนับถือจริงๆ เรื่องอื่นผมเขียนมันมักจะไปปวดหัวกันตอนท้ายเรื่องกันด้วย และสำหรับคนที่อาจจะมาอ่านเอาตัวเอกเทพ.. ขออภัยว่า..ซีนตัวเอกเทพมีแค่ตอนปิดจ้อบครับ ฮ่าๆ ภาคสองก็รอกันหน่อย จริงๆ ช่วงแรกของภาพสองเตรียมไว้หมดแล้ว แต่ช่วงนี้ไฟผมตกนิดหน่อย ไว้ค่อยเจอกันอีกอย่างเร็วสุดคือสัปดาห์หนึ่งครับ บ้ายบาย – ผู้เขียน]