เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 509 ตกตะลึงพรึงเพริด
คุณชายใหญ่ตระกูลถังคิดกับตัวเองว่าถ้าหากเป็นตัวเขา เขาคงไม่มีทางเผยแพร่สู่สาธารณะ
ถังจวินเหลือบมองเขาโดยไม่พูดอะไร
แค่หันไปและส่งสัญญาณให้ท่านหลี่ขึ้นไปข้างบน
สิ่งที่ท่านหลี่กังวลตอนนี้คือปัญหาสมาคมแฮกเกอรแที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งสองหยุดอยู่ที่ห้องหนังสือชั้นบน
“ท่านประธาน” ท่านหลี่ก้มตัว
ถังจวินหันกลับมา ขยับคิ้วเล็กน้อย “ฉินซิวเฉินว่ายังไง บ้าง?”
ท่านหลี่รายงานไปตามความจริง
ฉินซิวเฉินมีท่าทีเป็นไปตามที่ถังจวินคาดเอาไว้ เขาให้ ความสําคัญกับฉินหลิง แต่ในความเป็นจริง เขากลับให้ ความสําคัญกับฉินหร่านยิ่งกว่า
ตั้งแต่เหตุการณแลู่จือสิงครั้งที่แล้ว ถังจวินก็ไม่ได้ติดต่อ กับฉินหร่านอีกเลยเพราะไม่รู้จะเผชิญหน้าเธอด้วยท่าทีแบบ ไหน
อย่างไรก็ตามเขาก็ยากที่จะซ่อนความภาคภูมิใจที่ น้องสาวของเขามีลูกหลานแบบนี้
ถังจวินส่งข้อความให้ฉินหร่าน——
(ฉันคิดว่าเธอสามารถเดินไปในเส้นทางคอมพิวเตอรแได้ เธอมีพรสวรรคแด้านคอมพิวเตอรแสูงส่งมาตั้งแต่เด็กๆ แบบนี้ จะเป็นการทิ้งพรสวรรคแโดยสูญเปล่า)
**
เฉิงเจวี้ยนปิดเสียงโทรศัพทแฉินหร่านไปแล้ว
เธอจึงได้รับข้อความนี้ตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
เธอนั่งบนเตียงและอ่านข้อความอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ ตอบกลับไปว่า “ขอบคุณค่ะ”
ตอนที่เจอลู่จือสิงที่สนามบินแรกๆ ฉินหร่านก็รู้แล้วว่าไม่ สามารถปิดบังเรื่องอวิ๋นกวงกรุ฿ปได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม…
ลู่จือสิงเคยบอกว่าพ่อของเขาเป็นประธานสมาคมแฮก เกอรแ…และเฉิงเจวี้ยนกับประธานสมาคมแฮกเกอรแยังมี มิตรภาพต่างวัยอีกด้วย
ฉินหร่านถือโทรศัพทแ ลากผ้าห่มลงจากเตียงพลางขบคิด เล็กน้อย
เฉิงเจวี้ยนกําลังเปิดประตูห้องน้ําของห้องพักออกมา เขา เพิ่งจะอาบน้ําเสร็จ หลังจากผ่านมาตลอดทั้งคืน ท่าทีของเขา ยังดูเอื่อยเฉื่อยเหมือนเดิม พิงขอบประตูในขณะที่กําลังเช็ด ผมก็มองเธอด้วยสายตาอบอุ่น “มีอะไร?”
“เอ฿ะ” ฉินหร่านเงยหน้า เธอสวมรองเท้าแตะ “จู่ๆ ก็นึก ถึงปูุใหญ่ของฉันคนนั้นขึ้นมา…”
“อือ ฉันจําได้” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า เธอฟังฉินหร่านพูด แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ใส่ใจ
“คุณไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นประธานสมาคมแฮกเกอรแ” ฉินหร่านเดินอ้อมเขาไปที่อ่างล้างหน้าแล้วหยิบแปรงสีฟัน
มือที่เช็ดผมชะงักครู่หนึ่ง
เขาหันมาแล้วมองฉินหร่านในกระจกอย่างจริงจังอยู่ หลายวินาที ดวงตาคมกริบหลุดหัวเราะในท้ายที่สุด “ไม่ ใช่มั้ง”
เขาอยู่ดีๆ ก็อายุสั้นไปหลายปีอย่างงั้นหรือ?
ฉินหร่านแปรงฟันพลางเลิกคิ้ว
“แล้ววันนี้เธอจะไปพบเขาไหม?” เฉิงเจวี้ยนถอยหลังไป ข้างในสองก้าว ยื่นมือกอดเธอจากด้านหลังพลางมองคนใน กระจก ยิ้มเบาๆ “วันนี้เขาจะเกษียณแล้ว กําลังกลุ้มใจว่า อินทรีดําจะหักหลังคนในสมาคม ไม่อย่างนั้นทําไมเธอไม่รับ ช่วงต่อสมาคมแฮกเกอรแแทนเขาล่ะ”
เสียงฉินหร่านฟังไม่ค่อยชัด “การมีอยู่ของสมาคมแฮก เกอรแน่าจะถูกโจมตีมาตั้งนานแล้ว”
แมทธิวแทบทนรอไม่ไหวที่จะยกความผิดให้กองกําลังหัว รุนแรงในรัฐ M
เฉิงเจวี้ยนก็พอจะเดาปฏิกิริยาของเธอได้ เขากระชับมือ ขึ้นเล็กน้อย “งั้นกลับประเทศวันนี้เลยไหม?”
“คุณไม่มีธุระ?” ฉินหร่านประหลาดใจ
“จัดการเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เฉิงเจวี้ยนวางคางเกย ผมยุ่งๆ ของฉินหร่านแล้วยิ้มเบาๆ
**
ชั้นล่าง
เวลาอาหารเช้า สวีเหยากวงไม่ค่อยมีสมาธิเล็กน้อย
อารองสวีริเริ่มถามเฉิงมู่ก่อน “จะส่งอาหารไปที่ห้อง คุณหนูฉินไหม?”
เฉิงมู่ยังไม่ทันตอบก็เห็นสวีเหยากวงมองไปที่ด้านหลัง เขา
เฉิงมู่หันกลับไปเจอเฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านเดินตามกันลง มาจากบันไดพอดี
กลุ่มคนตระกูลสวีต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ที่เห็นเฉิงเจวี้ยน ที่นี่ …
ที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลมาส แล้วเฉิงเจวี้ยนมาปรากฏตัว แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
สวีเหยากวงเจอเฉิงเจวี้ยนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้จึง ไม่ได้ตกใจ เงียบอยู่คนเดียว
หลังจากอารองสวีรู้สึกตัวก็กุลีกุจอให้เฉิงเจวี้ยนนั่ง
“ฉันจะกลับวันนี้” ฉินหร่านนั่งเสร็จก็บอกกับสวีเหยาก วงและอารองสวีก่อนเป็นอันดับแรกว่าจะกลับประเทศ
สวีเหยากวงมือชะงัก เขามองฉินหร่านด้วยดวงตาสุกใส จากนั้นก็เม้มปาก “เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
เมื่อเฉิงเจวี้ยนที่รินนมให้ฉินหร่านได้ยินเสียงสวีเหยากวง ก็หรี่ตาลงเหลือบมองสวีเหยากวง
ฉินหร่านผงกหัว “อืม”
ไม่ได้อธิบายอะไรมาก
ฉินหร่านพอจะเดาเหตุผลที่เฉิงเจวี้ยนให้เธอกลับ ประเทศเร็ว ฉินหร่านเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน
ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างกินข้าว
หลังจากกินข้าวเสร็จ อารองสวีก็มองเฉิงเจวี้ยน “คุณชายสาม ผมจะติดต่อคุณแครแโรลให้”
ทางนี้อันตราย ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุระเบิด อารองสวีจึง เป็นห่วงความปลอดภัยของทั้งสอง หากมีคนของตระกูลมาส คอยคุ้มกัน เขาก็เบาใจลงหน่อย
เฉิงเจวี้ยนติดต่อเฉิงสุ่ยไว้ก่อนแล้ว เขาจึงมองอารองสวี อย่างเอื่อยเฉื่อย กล่าวขอบคุณก่อนจะปฏิเสธ
สวีเหยากวงมองเขา “แน่ใจนะว่าไม่ให้คนไปส่ง? ทางนี้ เหตุการณแไม่ค่อยสงบ”
“ไม่ต้อง คนของผมอยู่ทางนี้” เฉิงเจวี้ยนพูดอย่างเฉื่อย ชา
พอได้ยินที่เฉิงเจวี้ยนบอก สวีเหยากวงก็มองเฉิงเจวี้ยน ด้วยความประหลาดใจ พยักหน้าแล้วไม่ได้พูดต่อ
เฉิงมู่ที่อยู่ข้างบนถือกระเป๋าลงมาแล้ว
สวีเหยากวงยังต้องอยู่เคลียรแเรื่องตลาด รอจนกว่าคนที่ ตระกูลสวีมอบหมายงานจะมา ตอนนี้จึงไม่สามารถกลับไปได้ กลุ่มคนตระกูลสวีมองทั้งสามคนจากไป
อารองสวีเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัย “คนในฐานที่มั่น ไม่ได้ขวางคุณชายสามตระกูลเฉิงเลยเหรอ?”
สวีเหยากวงไม่ตอบ คนตระกูลสวีคนอื่นๆ ต่างมองหน้า กัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เฉิงเจวี้ยนเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้ เสียงได้อย่างไรกันแน่ ตระกูลมาสเก่งกาจมากไม่ใช่หรือ…
ทุกคนกําลังตกอยู่ในความสงสัย
ภายในฐานที่มั่น มีกลุ่มคนเดินมาที่นี่ด้วยความเร่งรีบ
หัวหน้าผู้คุ้มกันตระกูลสวีจําได้ว่าคนที่เดินนํามาคือเบิรแต เขาจึงค่อนข้างตื่นเต้น “ท่านเบิรแต!”
เบิรแตพยักหน้าและมองออกไป เขาไม่เจออะไรเลย จึง หันมาถามกลุ่มคนตระกูลสวี “ค่งไป๋ล่ะ? ได้ยินแครแโรลบอก ว่าเธอจะไปแล้ว?”
หัวหน้าผู้คุ้มกันอึ้ง “อะไรนะ?”
“ก็คุณหนูฉินท่านนั้นที่อยู่กับพวกคุณไง” เบิรแตตบหน้า ผากตัวเองด้วยความเสียใจ “เธอไปแล้ว?”
มือที่ห้อยอยู่ข้างลําตัวของสวีเหยากวงบีบแน่น
เขาหันไปมองเบิรแตแล้วผงกหัว น้ําเสียงเยือกเย็น “เธอ กลับประเทศแล้ว”
“กลับประเทศแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย” เบิรแตมองไปทาง ประตูใหญ่ด้วยสายตาผิดหวัง
ในที่สุดอารองสวีที่เดาได้นานแล้วก็สูดหายใจอยู่ข้างๆ สวีเหยากวง
เขารู้…
ไม่เช่นนั้นเมื่อวานพวกเขาตระกูลสวีจะสามารถนั่งสาม แถวแรกได้อย่างไร…
คิดไปคิดมาก็มีแค่ฉินหร่านที่เป็นตัวแปรเดียว
เบิรแตขมวดคิ้วและพูดอย่างเสียดาย “มาช้าไปหนึ่งก้าว”
เดี๋ยวนะ
เบิรแตหมายความว่าอะไร…
คงไป๋ = คุณหนูฉิน ? !
หัวหน้าผู้คุ้มกันกับลูกน้องตระกูลสวีที่ออกมาต่างก็มอง หน้ากัน อยู่ในอาการตกตะลึงพรึงเพริด สับสนวุ่นวายอยู่ใน หัว