เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 418 ไฟไหม้ยับเยิน เหมือนว่ากลไกการล็อกจะสูญหายไป
ซ่งลี่ว์ถิงเข้าไปยังสถาบันวิจัยเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องปฏิบัติการ เฉิงเวินหรูกับเฉิงเหราฮั่นต่างคาดเดาและฟังบางส่วนจากที่ลูกมือกล่าวถึง
สำหรับพรสวรรค์เช่นนี้ของซ่งลี่ว์ถิง…ที่เมืองหลวงอุบัติขึ้นไม่กี่คนในทุกปี แต่น้อยคนที่ทำให้คลื่นถาโถมได้จริงๆ ตระกูลส่วนใหญ่ต่างเลือกลงทุนกับคนหายากเหล่านี้ หว่านพืชหวังผลในวงกว้าง
ทว่าหลายคนในกลุ่มนี้ทำผลงานออกมาได้ดีจริงๆ และมีหลายคนที่ทำให้ผู้คนขุ่นเคืองระหว่างการทำงาน สุดท้ายตายกลางทาง
ซ่งลี่ว์ถิงที่ทำให้สถาบันวิจัยเกิดความโกลาหล มีคนสังเกตเห็นเขา
เพียงแต่การคลั่งไคล้งานวิจัยของเขาที่สถาบันวิจัยทำให้เกิดคลื่นลูกยักษ์ แต่ในสายตาของผู้มีอำนาจตัวจริงในเมืองหลวงมีน้ำหนักไม่มากนัก ฉะนั้น…เขาจึงยังเป็นอัจฉริยะที่อยู่ระหว่างการเติบโต อำนาจความเชื่อถือในมือแทบไม่มี หลายตระกูลจึงต่างยังเฝ้าดูเขา
นอกจากเรื่องของซ่งลี่ว์ถิงกับสถาบันวิจัยแล้ว พวกเขายังให้ความสนใจกับการตรวจสอบห้องปฏิบัติการหลักหลายแห่งในทุกปีด้วย
การรวบรวมการตรวจสอบห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ในปีนี้ คนจำนวนมากให้ความสนใจกับคลื่นลูกใหญ่คนใหม่ที่อุบัติขึ้นคนนี้อย่างฉินหร่าน
แม้แต่ลูกมือของเฉิงเหราฮั่นยังเอ่ยถึงหลายประโยค
ขณะนั้นที่ลูกมือของเฉิงเหราฮั่นกำลังจับตาดูอยู่…ยังกล่าวถึงฉินหร่านเกี่ยวกับทัศนคติของการลงทุนในภายภาคหน้าอีกด้วย
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น นอกจากซ่งลี่ว์ถิงแล้ว ฉินหร่านเองก็เป็นสมาชิกใหม่ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีนี้ของในมหาวิทยาลัยเมืองหลวง แม้แต่เฉิงเหราฮั่นก็ยังให้ความสนใจเล็กน้อยขณะที่เอ่ยถึงสมาชิกใหม่คนนี้ แต่กระนั้นก็ยังเป็นเพียงวัยรุ่นที่ได้รับความสนใจคนหนึ่ง เฉิงเหราฮั่นจึงเพียงสั่งให้ลูกมือเฝ้าดู
ขณะนี้เมื่อได้ยินลูกมือเอ่ยถึง มือของเขาที่ถือข้อมูลอยู่กำแน่นขึ้น “คุณพูดเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าสมาชิกใหม่คนนั้นคือฉินหร่านงั้นเหรอ”
เขานึกขึ้นได้ ในตอนแรกที่ลูกมือเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเขา คลับคล้ายว่าเธอนามสกุลฉิน
เพียงแต่ตอนนั้นเขากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตระกูลสวี จึงไม่ได้ใส่ใจจำ
อุณหภูมิในห้องหนังสือลดลงอย่างเห็นได้ชัด ลูกมือก้มหน้า ผ่านไปสักพัก จึงพูดขึ้นช้าๆ “…เป็นเธอคนนี้ครับ”
“ก็ดี ชัดเจนอย่างไม่มีข้อกังขา” หากฉินหร่านเป็นเพียงคนธรรมดาก็แล้วไป แม้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้เฉิงเหราฮั่นสนใจได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้โกลาหลขนาดนั้น ไม่มีภูมิหลังในเมืองหลวงก็ไม่ง่ายที่จะเป็นส่วนหนึ่งในแวดวงนี้
แต่ตอนนี้…
คุณสมบัตินี้ของฉินหร่าน กับทัศนคติของนายท่านเฉิงที่มีต่อเธอ…อีกไม่กี่ปี ย่อมได้ดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารของสถาบันวิจัยแน่นอน
ถ้าหากเข้าไปยังระดับผู้บริหารได้ จะแตกต่างจากนักวิจัยทั่วไปมาก
เฉิงเหราฮั่นกุมหน้าอก เขาแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก
ลูกมือมองเขาสักพักโดยไม่พูด อดไม่ได้ที่จะเงยหน้า มองท่าทางเขากุมหน้าอก ท่าทางตกใจมาก “นายน้อย นายน้อยคุณโอเคไหม!”
“ไม่…เป็นไร” เฉิงเหราฮั่นส่ายหน้า มือสองข้างของเขาดันโต๊ะ เม้มปาก
ดูเหมือนเขาต้องเร่งมือหน่อยแล้ว
**
ขณะเดียวกัน
สนามฝึก
ในมือของเฉิงเจวี้ยนถือ เจี่ยน[1]ยาว เงยหน้ามองวัยรุ่นหลายคนที่อยากรู้อยากลอง หยุดลง ถามอย่างจริงจัง “พวกคุณอยากสู้กับฉันจริงเหรอ”
เขาประเมินน้ำหนักของเจี่ยนในมือ เลิกคิ้ว
“แน่นอน วันนี้ตอนที่พวกเราไปฝึกพิเศษ อาจารย์คนก่อนบอกว่าคุณทำลายสถิติไว้” กลุ่มวัยรุ่นพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ไกลนัก ผู้คนต่างจับจ้องมา
“คุณซือ คุณไม่มีปัญหานะ” เมื่อเห็นซือลี่หมิง ใครคนหนึ่งราวกับมุมปากกระตุก
ซือลี่หมิง “…ไม่มีปัญหา”
ในวง เฉิงเจวี้ยนยกเจี่ยนยาวในมือขึ้นมาอย่างง่ายดาย มองรอบพวกกลุ่มคนวัยรุ่น “หกคน…”
เขาเงยหน้าครุ่นคิด
หนึ่งนาทีต่อมา
เจี่ยนยาวในมือเฉิงเจวี้ยนหมุนไปมา แล้วจึงจับยึดไว้ ก้าวออกไปหลายก้าว กระโจนไปยังช่องเป้าหมายของอาวุธในสนามฝึก
ตลอดทางที่ผ่าน เสียงผู้คนหลีกทางออกไปต่อเนื่องดัง ผลัก
“นายน้อยสามเหมือนในข่าวลือของฐานทัพไม่มีผิด เก่งกาจมาก” เฉิงรุ่ยยืนอยู่ข้างฉินหร่าน
ด้านข้าง ฉินหร่านไม่ได้พิงอยู่ที่กองอาวุธใด ตัวเธอยังคงสวมเสื้อคลุมสีขาว กำลังมองไปทางเฉิงเจวี้ยนอย่างครุ่นคิด
เธอไม่เคยเห็นเฉิงเจวี้ยนลงมือ…
เมื่อกี้…
เธอรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก แต่พูดเจาะจงไม่ได้ว่าคุ้นเคยจากที่ไหน…ฉินหร่านครุ่นคิดเล็กน้อย
“ใช่แล้ว พี่สาวฉินหร่าน” เฉิงรุ่ยด้านข้างถามฉินหร่านอีกครั้ง “ฉันถามคุณหนึ่งคำถามได้ไหม…”
“ถามมา” ฉินหร่านละสายตาที่มองเฉิงเจวี้ยนกลับมา เธอมองเฉิงรุ่ย ยิ้มบาง
เฉิงรุ่ยเบิกตากว้าง “เกี่ยวกับ ไอดอล24ชั่วโมง มีอีกหลายด่านทำไมคุณไม่ไป ด่านยิงเป้านั้น ฉันเคยดูโพสต์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ตอนนั้นคุณฝึกทหารได้คะแนนสิบเต็มสิบ ถ้าคุณไปด่านนั้น ป่านนี้ได้ที่หนึ่งของการยิงแล้ว”
“แล้วยังมีด่านไวโอลิน คุณเก่งกว่าเถียนเซียวเซียวนี่” เฉิงรุ่ยยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น “ด่านกลยุทธ์ทางด้านการวาดนั้น ขอโทษ ฉันยังเคยไปขุดคุ้ยคอลัมน์สมัยมัธยมปลายของคุณ คุณเคยวาดรูปไว้บนกระดานได้สวยงามมาก ทำไมไม่ไป ทั้งยังการเขียนตัวอักษรนั้น…”
เธอแจกแจงแต่ละด่าน
ท้ายที่สุดสรุปอย่างน่าเศร้า “ถ้าคุณเข้าร่วมทั้งหมดก็คงดี”
อย่างอื่นช่างมัน เฉิงรุ่ยอยากดูฉินหร่านยิงปืนให้เห็นกับตาที่ฐานทัพมาก
ถ้าหากได้เข้าร่วมสิ่งนี้ ความผันผวนของคลื่นในอินเทอร์เน็ตต้องมากกว่าตอนนี้มากแน่นอน ฉินหร่านต้องไฟไหม้อย่างยับเยิน…
แม้ว่าตอนนี้เธอเองก็ร้อนแรง…
เพราะสิ่งนี้เฉิงรุ่ยจึงเศร้าโศกไปหนึ่งสัปดาห์
ฉินหร่านกระชับเสื้อเข้าเล็กน้อย ตอบอย่างใจเย็น “เพราะไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง”
เฉิงรุ่ยเอียงหน้ามองเธอ สงสัย “ตัวของตัวเองยังไง”
“ไม่มีอะไร” เฉิงเจวี้ยนเดินมาทางด้านนี้แล้ว ฉินหร่านยืนขึ้น เธอกระแอมจากนั้นจึงมองเฉิงรุ่ย เลียนแบบประโยคหนึ่งของเฉิงเวินหรู “ตั้งใจเรียนรู้”
เฉิงเจวี้ยนสวมเสื้อคลุมพลางเดินมาทางด้านนี้ เหลือบมองเฉิงรุ่ย ถามอย่างสุภาพ “คุณยังมีธุระอยู่ไหม”
“…ไม่” เฉิงรุ่ยก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า แล้วจึงมองฉินหร่าน นิ้วมือติดกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตตัวในเข้าอย่างไม่รีบร้อน หยุดลง มองถามฉินหร่าน “ไปหานายท่านก่อนไหม”
ฉินหร่านมือเท้าคางมองเฉิงเจวี้ยนอย่างครุ่นคิด จึงค่อยพยักหน้าช้าๆ ส่งเสียง ‘อือ’ สบายๆ
เธอยังต้องกลับไปที่โปรเจกต์งานวิจัย
ทั้งสองกลับทางเดิม ซึ่งต้องผ่านสวนบ๊วย
ตอนนี้บางส่วนของตระกูลเฉิงถ้าไม่ได้อยู่สนามฝึก ก็อยู่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันที่ด้านในห้องโถง ระหว่างทางเงียบจริงๆ พบคนเพียงไม่กี่คน
ห้องหนังสือของนายท่านเฉิง
เฉิงมู่ติดตามเฉิงเวินหรูมาดูความครึกครื้น
พ่อบ้านตระกูลเฉิงยกกล่องไม้ขึ้นอย่างระมัดระวัง กล่องบรรจุรูปภาพแผ่นนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพราะเฉิงเวินหรูพูดถึง ‘เตี่ยนชุ่ย’ ก่อนหน้านี้นายท่านเฉิงกับพ่อบ้านตระกูลเฉิงพินิจดูอยู่สักพัก ไม่ได้ปลดล็อกอย่างฉับพลันเหมือนฉินหร่าน
ท้ายที่สุดยังต้องเชิญผู้ดูแลคลังเก็บของ ซึ่งมีความรับผิดชอบด้านการวิจัยอยู่มาก
“นี่คือกลไกการล็อก” คนดูแลมองกล่องไม้นี้ ตาเป็นประกาย “เทคนิคเช่นนี้ฉันเคยเห็นแต่ในหนังสือประวัติศาสตร์”
คนดูแลรับกล่องไม้มาอย่างระมัดระวัง ถือมองดูในมือครู่หนึ่ง ค่อยเริ่มปลดล็อก
นายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรูและคนอื่นต่างนั่งอยู่ห้องหนังสือ ตามองมือของผู้ดูแลตาไม่ขยับ
เฉิงเจวี้ยนและฉินหร่านเข้ามาจากด้านนอก
“หร่านหร่าน นี่คือเพื่อนคนไหนของเธอ คนดูแลบอก เห็นได้ชัดว่าเทคนิคกลไกการล็อกนี้ ในปัจจุบันคนที่ศึกษามีอยู่ไม่มากแล้ว เพื่อนคนนั้นของเธอยังศึกษากลไกการล็อกนี้อยู่เหรอ” เฉิงเวินหรูมองฉินหร่าน ชี้ถามไปที่กลไกการล็อกนี้ทันที
ได้ยินคำพูดนี้ ฉินหร่านยังไม่มีการตอบสนอง เฉิงเจวี้ยนที่พิงประตูของห้องหนังสืออยู่อย่างขี้เกียจเหลือบมองเธอ คิ้วอันประณีตเลิกขึ้น
นายท่านเฉิงกับเฉิงมู่ต่างย้ายสายตาจากกลไกการล็อก มามองทางฉินหร่าน
“…ฉันก็ไม่รู้” ฉินหร่านก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เธอมองกล่องไม้ในมือของคนดูแล นึกไม่ออกเช่นกัน ทำไมจระเข้ยักษ์ต้องส่งให้เธอแบบบนี้…ดูแล้วไม่มีอะไรแต่ยังมีส่วนของกล่องด้านประวัติศาสตร์
เธอเพิ่งพูดจบ เสียงกลไกล็อกดังขึ้น
คนดูแลไม่ได้หยาบกระด้างเหมือนฉินหร่าน จึงเปิดกลไกการล็อกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเห็นว่ากลไกการล็อกมีร่องรอยถูกคนบังคับเปิดไปก่อนหน้านี้ ช่องว่างยังใหม่มาก เขาปวดใจสุดๆ “กลไกการล็อกนี้หายไปหนึ่งชิ้น ใครไม่รู้คุณค่าขนาดนี้…”
เฉิงมู่ไม่พูดอะไร
เฉิงเวินหรูก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
เฉิงเจวี้ยนพิงประตูเกียจคร้าน เหลือบมองผู้ดูแลคนนั้น พูดขึ้นเรียบๆ “คุณดูภาพนั้นก่อน”
ด้านนอกของกล่องไม้ประณีต ด้านในยิ่งประณีตกว่า บุผ้าไหม ด้านในบรรจุม้วนภาพไว้เสร็จสรรพอย่างเรียบร้อย
ผู้ดูแลจึงค่อยวางกล่องไม้ลง สวมใส่ถุงมือป้องกันปฏิกิริยาออกซิเดชั่น[2]ของภาพวาดโดยเฉพาะ แม้ว่าเขาจะปวดใจกับกลไกการล็อก แต่ภาพที่ใช้กล่องประณีตเช่นนี้บรรจุไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน
เขาค่อยๆ คลี่ภาพปูวางที่โต๊ะยาวช้าๆ
ด้านในเหมือนจะเป็นภาพวาดทิวทัศน์
“ภาพภูเขาและแม่น้ำหมื่นลี้เหรอ” เฉิงมู่มองข้อความจารึกด้วยแปรงหมึกตรงกลาง แล้วอ่านชื่อ
จึงค่อยมองตราประทับสีแดงด้านข้าง เขาอ่านลายมือไม่ชัด จึงไม่รู้ว่าใครประดิษฐ์ขึ้น
หลังจากอ่านแล้ว เฉิงมู่ค่อยมองที่พวกคนทั้งสามที่เข้าใจพวกนี้ที่สุดในห้อง นายท่านเฉิง เฉิงเวินหรูกับพ่อบ้านตระกูลเฉิงต่างไม่พูดอะไร เขาหันหน้ามองผู้ดูแล “ภาพนี้มีปัญหาไหม”
“ไม่มีปัญหา” ผู้ดูแลค่อนข้างงุนงง
“ถ้างั้นทำไมคุณ…” เฉิงมู่เงยหน้า
“ไม่ใช่” เฉิงเวินหรูมองนายท่านเฉิง “พ่อ พวกเรา…เคยศึกษาภาพนี้ใช่หรือไม่”
[1] เจี่ยน เป็นอาวุธจีนชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีในไทย ลักษณะคล้ายง้าว
[2] ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นคือปฏิกิริยาที่อะตอมหรือโมเลกุลเกิดการสูญเสีย หรือเป็นการเพิ่มให้อิเล็กตรอนหรืออะตอมกับโมเลกุลเพื่อสร้างความเสถียรให้กับโมเลกุล ผลลัพธ์ปฏิกิริยาของทำให้เกิดได้ทั้งผลดีและผลเสียต่อสิ่งของหรือร่างกาย