เปลวไฟในม่านหมอก - ตอนที่ 8 วาบหวาม
ร่างบอบบางนั่งลงไปบนชิงช้าแล้วโยกมันเบา ๆ ชิงช้านี้ที่มีใครบางคนเคยทำให้เธอนั่ง ไม่ใช่ที่นี่ แต่เป็นที่ต้นไม้ใหญ่ปลายนา หรือที่คนที่นั่นเรียกว่าเถียงนา และต่อมาเมื่อหลังที่เธอกลับบ้านมาแล้ว จึงได้สั่งให้คนสวนทำมันขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงใครคนนั้น
คนที่หายลับไปจากชีวิตโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะร่ำลา
“ ไฟใจร้าย ” เธอตัดพ้อกับตัวเองเบา ๆ
ลมโชยโบกมาต้องผิวเนื้อ แม้ว่าจะไม่ใช่ยามเหมันต์ ทว่าสายลมและน้ำค้างในยามดึกก็โลมเลียเนื้อสาวให้หนาวสั่นขึ้นมาได้ เธอยกแขนทั้งสองขึ้นกอดตัวเอง ใจไม่รักดีพลันคิดถึงเขาอีกแล้ว
‘ เป็นแฟนเรานะหมอก ’
‘ พูดง่าย ๆ นายมีดียังไง ถึงได้จะมาขอเราเป็นแฟน ลองเสนอมาซิ ’
‘ ไฟก็คือไฟ เมื่อไรที่หมอกหนาว ไฟจะให้ความอบอุ่น เมื่อไรที่หมอกร้อน ไฟจะให้ความร่มเย็น เมื่อไรที่หมอกอยากให้รัก ไฟจะรักให้เร่าร้อนจนหมอกละลาย ’
ก่อนที่เขาจะกดจมูกลงบนแก้มนวลหนึ่งฟอด เธอวิ่งไล่ฟาดมือไม้ลงบนร่างสูงหลายตุ้บตั้บ แต่ทุกครั้งที่ตีก็ต้องแลกกับการเปลืองเนื้อเปลืองตัว กอดบ้าง หอมบ้าง
และสุดท้ายที่จูบอันแสนหวาน จูบแรกและจูบเดียวในชีวิต จูบนั้นพลันดึงวิญญาณและหัวใจของเธอไปหมดแล้ว…
“ ไฟอยู่ที่ไหน หมอกหนาวเหลือเกิน ”
เธอหลุดร่ำร้องเรียกเขาราวกระซิบให้ลอยไปตามสายลม ตากลมที่หลับพริ้มมีน้ำใสไหลเอ่อแล้วอาบล้นลงบนสองแก้มนวล
พลันเอวบางก็ถูกรวบจากทางเบื้องหลัง เมื่อเธอหันไปด้วยความตกใจก็พบใบหน้าคมสันอยู่ห่างเพียงคืบ เขานั่งคุกเข่าที่พื้นเบื้องหลัง สองแขนโอบล้อมรัดรึงเธอเข้าไปหาแผ่นอกแกร่งกำยำเปลือยเปล่า เบื้องล่างมีเพียงกางเกงผ้าฝ้ายสีขาวขายาวห่อหุ้ม
ใกล้เหลือเกิน… ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์และโคโลญจน์กลิ่นสปอร์ตเจือจาง
“ หนาวเหรอหมอก ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเบา ๆ ก่อนเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ใจบอกให้ผลักไส ทว่าทันทีที่ได้ประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีอำพันอันร้อนแรงคู่นั้น ทุกอย่างพลันละลายไหวยวบ
มันเป็นดวงตาคู่เดียวกับคนที่เธอรัก คนที่เธอโหยหามาตลอดชีวิต…
“ ไฟ… ” เธอหลุดปากออกมาแทบจะเป็นเสียงกระซิบเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยออ้าถูกครอบครองจนหมดสิ้น
เสมือนไฟถูกน้ำมันราด ความอัดอั้นถวิลหาถูกเปิดเปลือยให้ลุกโชนด้วยริมฝีปากฉ่ำชื้นที่ขบเม้มดูดดึง ลิ้นสากที่รุกล้ำสอดรัดกระหวัดดึงภายใน เธอขยับตอบโต้ตามธรรมชาติ นั่นยิ่งเท่ากับกระตุ้นให้เพลิงในกายชายฉกรรจ์ยิ่งโหมกระหน่ำ
มือใหญ่ข้างหนึ่งสอดเข้าใต้ชายกระโปรงนอน เลื่อนสูงขึ้นไปกอบกุมโนมเนื้ออวบอิ่มสองเต้าทีละข้างอย่างโหยหา อีกข้างเลื่อนไล้ไต่ต่ำไปยังสะโพกกลมกลึงแล้วบีบคลึงลมหายใจชายหนุ่มเริ่มหอบถี่ด้วยเพลิงราคะ จุมพิตจากหวานล้ำกลับเร่งเร้าให้ยิ่งร้อนเร้า สองมือที่ตะโบมบีบเคล้าคลึงหนักหน่วง
อวัศยายกมือขึ้นโอบกอดไหล่แกร่งเอาไว้ ปล่อยให้เขาแผดเผาหลอมละลาย อกข้างซ้ายไหวระรัวถี่กระชั้น ความตื่นเต้นระทึกถาโถมทำให้หายใจหายคอไม่ทัน รู้ตัวอีกทีคือเขาถอนจูบแล้วเลิกชายเสื้อนอนขึ้นบนเนินถันอวบอิ่มพร้อมบราเซียก่อนจะก้มลงโลมเลียครอบครองโนมเนื้อข้างหนึ่งด้วยปากและลิ้น
ซ่านเสียว กระเส่าสั่น วาบหวาม…
เนื้อนวลสาวสั่นเทาด้วยความรู้สึกหลากหลายโหมกระหน่ำ มันเกินกว่าที่จะรับไหว สติที่มีอยู่จึงดับวูบไปในที่สุด…
***
ร่างบอบบางที่เพลิดเพลินอยู่กับการลงแหวกว่ายเก็บบัวในบึงน้ำใสยามเย็น บางดอกมีฝักที่มีเม็ดบัวหวานหอมอยู่ข้างใน สาวน้อยยิ้มหวานพลางแกะมันออกใส่ปาก หัวร่อร่าอย่างแสนสุขอยู่เพียงลำพัง
ไม่ต้องมีอาหารเลิศรสราคาแพง ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางสถานที่หรูหรา ชีวิตก็มีความสุขได้จนหัวใจเอ่อล้น ความงดงามตามที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ปั้นแต่งมันเหมาะเจาะลงตัวเหลือเกิน
“ หมอกอยากให้แม่มาอยู่ตรงนี้ด้วยกันจังค่ะ ” เธอเงยหน้าขึ้นและสนทนากับผืนฟ้าที่เชื่อว่ามารดาผู้จากไปสี่ปีแล้วจะสถิตอยู่และเฝ้ามองเธอจากบนนั้น
พลันร่างบอบบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลัง เธอสะดุ้งเฮือกสุดตัวแล้วรีบเอี้ยวตัวไปมองด้วยสัญชาตญาณ ทว่านั่นกลับเป็นโอกาสให้คนข้างหลังฉกฉวยขโมยหอมแก้มนวลฟอดใหญ่
“ นายไฟ ! ”
“ จ๋าที่รัก ” เสียงห้าวลากตอบอย่างน่าหมั่นไส้ สาวน้อยรัวมือลงไปบนทุกที่ที่สามารถเอื้อมถึง
“ ใครเป็นที่รักนายไม่ทราบ แล้วกล้าดียังไงมาขโมยกอดหอมฉันแบบนี้ คอยดูนะ ฉันจะฟ้องคุณพ่อให้มาจัดการนาย ”
“ เออ ไอ้ไฟยอมวะ ฟ้องก็ฟ้อง แต่กว่าจะได้ฟ้องก็สงสัยตกเป็นเมียไอ้ไฟไปแล้วแหละ ” เขาว่าทีเล่นทีจริงแล้วใช้ความแข็งแรงและสูงใหญ่กว่าโอบร่างบางเข้ามาเบียดบดแผงอกแกร่ง จมูกโด่งและปากร้อนชื้นซุกไซ้ดมดอมลงไปบนแก้มนวลและซอกคอขาวผ่องทั้งสองข้าง ทุกสัมผัสทำให้สาวน้อยร้อนเร่าราวถูกไฟนาบทั้งที่แช่อยู่ในบึงน้ำ
“ ไฟ อย่าทำหมอกนะ ” เธอกระซิบเสียงกระเส่าวอนขอ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เห็นใจ ใบหน้าหล่อเหลาที่ซุกไซ้ดมดอมที่ซอกคอกลับยิ่งสูดดมขบเม้มจนเธอแข้งขาอ่อนพาลยืนไม่ไหว มือสากหยาบระคายล้วงไล้เข้าใต้ชายเสื้อยืดแล้วต้องแตะเนื้อนวลอย่างกระหายหิว
“ หมอกตัวหอม หมอกตัวนิ่ม เราอยากหอมหมอกให้หมดทั้งตัวเลย ”
ว่าพลางตะปบหมับเข้าที่เนินอกแรกแย้มกลมกลึงอย่างเอาแต่ใจ เธอผลักไสเป็นการใหญ่แม้มันจะค่อยอ่อนแรงด้วยสัมผัสเร่าร้อนแห่งกายชายที่เธอไม่เคยพบเจอ
“ ไฟ ทำแบบนี้ไม่ดีเลย ไฟไม่ให้เกียรติหมอกเลย ”
“ เรารักหมอก หมอกก็รักเรา เรารู้ ” เขาพร่ำพูดอยู่แถวซอกคอแล้วขยับขึ้นมายังสองแก้มนวล
“ รักแล้วไง หมอกอายุสิบหก ไฟอายุยี่สิบ หมอกยังเด็กมาก ไฟเองก็เถอะ ถึงแม้ยี่สิบแล้วแต่ก็ยังเรียนไม่จบ ยังไม่ควรทำแบบนี้นะ ปล่อยหมอกเถอะ ได้โปรด ”
ทว่าคำพูดที่เธอวอนขอคล้ายจะไม่เข้าหู ชายหนุ่มประกบปากลงไปแล้วปล้นจูบจากปากจิ้มลิ้มทันที
สติที่มีเพื่อต้านทานอยู่เพียงน้อยนิดขาดผึง !