เปลวไฟในม่านหมอก - ตอนที่ 42 เขาไม่ได้ทำ
“ มะ… ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ หมอกไม่อยากทำให้หมอต้องมาทำบาป ต้องมาเดือดร้อนด้วย ”
เขาหันมายิ้ม
“ ไม่ได้บาปอะไรเลยและผมก็ไม่เดือดร้อนด้วย อย่าลืมสิว่าผมเป็นหมอนะ ผสมอะไรฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดไปได้ง่าย ๆ แป๊บเดียว ไปไม่กลับหลับไม่ตื่น ว่าแต่หมอกจะเอาแบบทรมานหรือว่าให้หลับไปเลยดี ”
เธอมองเขาด้วยแววตาตระหนก
“ ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะคะ ”
“ ทำไมล่ะ หมอกเกลียดมันนี่ ผมทำทุกอย่างได้เพื่อหมอกนะ กำจัดเสี้ยนหนามในชีวิตออกไป ไม่มีมัน หมอกจะได้มีความสุขไง ”
“ หมอกบอกว่าไม่ไงคะ หมอจะไปฆ่าไปแกงคนเป็นผักเป็นปลาได้ยังไง หมอกไม่ให้ทำ ”
“ ทำไมล่ะ หมอกไม่ได้เกลียดไอ้หมอนั่นอย่างที่พูดเหรอ ”
“ ก็… เอ่อ… ”
“ อ่านจดหมายเมื่อคืนแล้วใช่ไหม สรุปว่าเข้าใจกัน จะกลับไปรักกันถูกไหม ”
“ อ่านแล้วค่ะ แต่ว่า… ”
“ ว่าไง หมอกจะกลับไปรักกับนายไฟหรือเปล่า ” เขาถามจ้องมองไม่ลดละ เธอรีบก้มหลบ เสพูดเรื่องอื่น
“ หมอคะ รีบเอาผลเลือดไปตรวจเถอะค่ะ ” คุณหมอเถื่อนตวัดข้อมือดูนาฬิกา
“ จริงสิ อย่างนั้นผมจะไปตอนนี้เลย ตอนนี้ก็ฝากหมอกเข้าไปดูแลนายไฟหน่อยละกัน คงจะหลับยาวเพราะพิษไข้ อีกสักพักก็คงไข้ลดเพราะผมฉีดยาให้แล้ว แต่ก็วางใจไม่ได้ เผื่อชัก แต่ถ้าหมอกเปลี่ยนใจเมื่อไรบอกผมได้เสมอนะ ผมทำเพื่อหมอกได้ทุกอย่าง ” เขาลาด้วยรอยยิ้ม แล้วหันหลังเดินไปยังรถยนต์ของนายไฟ ใบหน้าคมเข้มยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ บ่นพึมพำอยู่ลำพัง
“ ผู้หญิงนี่ปากแข็งจริงจริ๊ง รักก็แค่บอกว่ารัก ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก แบบนี้ไง ไอ้หมอหนามเลยยังไม่อยากมีเป็นตัวเป็นตน วุ่นวายตายชัก แบบนี้ได้บุญกว่า ”
ก่อนที่จะขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูง อวัศยาถอนใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนรีบเดินเข้ากระท่อมน้อยอันเป็นที่พักของนายไฟด้วยจิตใจร้อนรน
เธอใจหายวาบเมื่อเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงใหญ่นอนอยู่บนเตียงที่มุมห้อง ผ้าห่มคลุมถึงคอ ใบหน้านั้นดูไร้สีเลือด ยิ่งริมฝีปากยิ่งซีดเผือด
เธอเข้าไปทรุดตัวนั่งบนเตียง แล้วยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากและลำคอ
“ ตัวร้อนจี๋เลย เช็ดตัวดีกว่า น่าจะช่วยระบายความร้อนให้ไข้ลดลงได้ ” เธอว่าพลางลุกขึ้นยืนมองหาอุปกรณ์ ก็ได้เสื้อยืดของชายหนุ่มที่พาดไว้บนเก้าอี้ ขณะเดินเข้าห้องน้ำจะนำผ้าไปชุบในอ่างล้างหน้า พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มที่วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น เธอหมุนตัวกลับมาแล้วลังเลว่าจะปลุกให้เขามารับดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันซีดเผือดนั้นก็ตัดสินใจได้ว่าไม่ควร อยากให้เขาพักผ่อนมากกว่า
เสียงเรียกเข้านั้นเงียบลง แต่ก็ดังขึ้นแทบจะติดต่อกัน อวัศยาจึงตัดสินใจกดรับเพื่อไม่ให้เสียงนั้นปลุกผู้ป่วยให้ตื่นขึ้น ปลายสายรีบส่งเสียงมาทันทีอย่างตื่นเต้น
“ ท่านครับ ได้เรื่องแล้วครับ ผมกับไอ้กรมาเฝ้าอยู่ที่สนามบินตามที่สายของเรารายงาน และทันทีที่คุณวีด้าลงจากเครื่องผมก็ล็อคตัวมาบนรถ เค้นถามจนเธอสารภาพความจริงว่าแอบไปหาเสี่ยอิทธิที่โรงพยาบาล พูดเรื่องคุณอวัศยามาขายตัวให้กับท่าน แถมยังมีคลิปที่คุณมาหาท่านด้วยนะครับ เธอแอบถ่าย ผมเช็คดูในมือถือคุณวีด้าแล้วมีคลิปจริง ๆ คิดว่าเพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้เสี่ยเครียดและช็อคจนเสียชีวิต เธอบอกว่าตั้งใจให้เสี่ยห้ามคุณอวัศยาไม่ให้มาขายตัวให้คุณเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกกระป๋อง ไม่คิดว่าเสี่ยจะถึงขั้นตาย ท่านจะให้ผมจัดการคุณวีด้ายังไงดีครับ ”
อวัศยาไอ้แต่กำมือถือไว้ในมือแน่นแล้วช็อคค้างอยู่เช่นนั้น ปลายสายจึงส่งเสียงเรียก
“ ท่านครับ ท่าน ได้ยินผมไหมครับ ” เธอจึงตัดสินใจตอบกลับไป
“ นี่ฉันอวัศยา ส่วนนายของคุณเขาไม่สบายนอนหลับอยู่ ถ้าเขาตื่น ฉันจะบอกให้โทรกลับนะคะ ”
“ เดี๋ยวครับ คุณอวัศยา แล้วจะให้ผมทำยังไงกับคุณวีด้าล่ะครับ ” ปลายสายถามด้วยไม่มีทางออก เธอจึงใช้สิทธิ์ในการเป็นโจทก์ของสาเหตุแห่งการเสียชีวิตของผู้เป็นบิดาตอบกลับไป
“ ปล่อยเธอไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากผูกเวรผูกกรรมกับใครอีกแล้ว ”
“ ครับ ” ปลายสายตอบกลับมาก่อนกดตัดสาย
เธอมองร่างสูงใหญ่ที่นิ่งสนิทอยู่บนเตียงอยู่ชั่วครู่ แล้วถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง
เขาไม่ได้วางยาฆ่าพ่อของเธอจริง ๆ ด้วย…