เปลวไฟในม่านหมอก - ตอนที่ 36 คุณเพื่อนทรยศ
แม้ปรียาเองก็ยังตกใจที่ได้ยินคำพูดนั้นจากเพื่อนรัก เธอรีบเดินมาที่หน้าประตูและเอ่ยกับไฟที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเห็นใจ
“ คุณกลับไปก่อนเถอะ ให้ยัยหมอกพักผ่อนและใจเย็นก่อนแล้วค่อยมาคุย เดี๋ยวฉันจะดูแลยัยหมอกให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ” เขาจ้องมองเธออยู่ชั่วอึดใจก่อนเอ่ยตอบ
“ ผมฝากด้วยนะปรียา อย่าให้คลาดสายตา อย่าให้ไอ้หมอเถื่อนนี่อยู่ใกล้หมอกเป็นอันขาด ไล่มันออกไปจากบ้านได้ยิ่งดี แล้วเดี๋ยวผมจะโทรมา ”
“ ได้ค่ะ ” ร่างสูงใหญ่หมุนตัวกลับหลังไปที่รถและขับออกไป ปรียารีบเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน พบว่าหมอหนามนำร่างของเพื่อนรักไปวางไว้ที่เตียงนอนในห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว
“ หมอกนอนเยอะ ๆ นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมารับไปใหม่ ถ้าให้ยาและยาบำรุงทางเส้นเลือดแบบนี้เดี๋ยวก็ดีขึ้น ”
หญิงสาวพยักหน้าเนือย ๆ พลางยิ้มให้
“ ได้ค่ะ ขอบคุณหมอมากที่คอยดูแล คอยอยู่ข้าง ๆ ให้คำปรึกษาหมอกตลอด ”
“ ผมยินดีมาก ถ้าตื่นแล้วคิดถึงผมก็โทรหาได้เลยนะ อยากให้มาหาเมื่อไรก็ได้ สำหรับหมอก ผมยินดีบริการ ”
อีกฝ่ายกล่าวพร้อมร้อยยิ้มทะเล้นพลางห่มผ้าให้เสร็จสรรพ หญิงสาวยิ้มให้ก่อนปิดเปลือกตาลง
หมอหนามยังคงยืนยิ้มมองเธออยู่อย่างนั้น พลันก็มีเสียงกระแอมดังขึ้น
“ อะแฮ่ม ” เขาจึงหันไปมอง
“ อ้าว คุณยังอยู่หรือครับ คุณเพื่อนทรยศ นึกว่ากลับออกไปกับไอ้คุณอัปปรีย์นั่นแล้ว ” ปรียาตาลุกวาว
“ โอ้โห นั่นปากเหรอวะน่ะ ปากงี้น่าเอาน้ำร้อนกรอกจริง ๆ เลยนะไอ้หมอเถื่อน ไม่รู้อะไรจริงอย่ามาพูดมากนะยะ ฉันกับหมอกเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก่อนที่ฉันจะทำอะไรลงไปฉันคิดดีแล้ว คนนอกอย่างคุณจะมารู้อะไร ” อีกฝ่ายยักไหล่
“ ก็แล้วแต่คุณจะพูด คนนอกไม่เท่าไรอีกหน่อยก็เป็นคนในแล้วล่ะ ผมกลับล่ะ พรุ่งนี้มาใหม่ ”
“ เออ ไสหัวไปเลย แล้วจะบอกไว้เลยนะว่าบ้านนี้มันบ้านสามีฉัน ยืนอยู่ในบ้านเขาแล้วยังมาปากดีใส่เขาอีก ”
“ ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะมารับหมอกไปอยู่ด้วยกันจะได้จบ จะได้ไม่ต้องอยู่ในบ้านของคุณอีก แบบนั้นก็ดี ผมกับหมอกจะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันมากขึ้น ”
“ มีโอกาสอยู่ด้วยกันแค่ไหนก็ไม่มีวันเป็นอะไรได้อย่างที่คุณคิดหรอก เพราะในใจยัยหมอกมีแค่ผู้ชายคนเดียวคือคุณไฟเท่านั้น เธอรักใครไม่ได้อีกแล้ว ”
“ ผมก็จะรอดู เพราะตลอดมา ใครที่ผมจะเอาไม่เห็นรอดสักราย ” ปรียาจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยอยากกระโดดตบคนที่พึ่งเจอหน้ากันได้ไวเท่านายคนนี้มาก่อน ช่างเป็นผู้ชายที่มีทักษะยั่วยวนกวนประสาทสูงแท้
“ ไม่มีวันหรอกย่ะ ฉันนี่แหละ จะคอยฉุดมือเพื่อนไม่ให้จมลงไปเกลือกปลักเกลือกตมเอง ”
หมอหนามยักไหล่แล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้พูดอะไรต่อ พลางผิวปากแล้วเดินออกจากบ้านไป เธอจึงเดินกลับมายังเตียงที่เพื่อนหันหลังให้
“ หมอก แก ฉันขอโทษนะที่ทำแบบนี้ แต่ที่ฉันทำไปก็เพราะเป็นห่วงแก ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวก็ตามที แต่ฉันมีเหตุผล แกต้องฟังฉันก่อนนะ ”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงไหวไหล่นิดหน่อย ปรียาอนุมานเอาว่านั่นเป็นสัญญาณที่เพื่อนพร้อมรับฟัง เธอจึงเล่าเรื่องราวความจริงทั้งหมดระหว่างนายไฟและคุณพ่อของอวัศยาให้หล่อนฟังทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาราวสิบนาที อีกฝ่ายฟังอย่างสงบ ไม่ขัด ไม่ไหวติงใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งปรียาก็อนุมานเองอีกว่า เป็นสัญญาณอันดีที่เธอรับฟังโดยไม่ขัดข้อง
“ เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างนี้นี่แหละแก นายไฟก็มีเหตุผลของเขาที่ทำให้แค้นจนถึงทุกวันนี้ ส่วนฉันก็เห็นว่าทั้งคู่รักกันมานานแล้ว ก็อยากให้ปรับความเข้าใจกัน หวังว่าแกจะเข้าใจทั้งนายไฟ และทั้งตัวฉันนะแก ” เพื่อนก็ยังคงนิ่ง เธอจึงขยับไปจับแขน
“ แกไม่ว่าอะไรแบบนี้ แปลว่าทุกอย่างกำลังจะคลี่คลายใช่ไหม ” ทว่าความนิ่งนั้นมันเกินไปนักและการขยับเขยื้อนของกายนั้นดูจะเป็นจังหวะนิ่งสม่ำเสมอ ปรียาจึงชะโงกหน้าไปดูใบหน้าเพื่อนอีกฝั่งและพบว่า
“ ป้าดโธ่เอ๊ย หลับก็ไม่บอก ยัยหมอกบ้า ให้ฉันพูดคนเดียวตั้งนาน คอแห้งหมดเลยแถมหิวอีกตังหาก ต้มมาม่ากินดีกว่า ”