เปลวไฟในม่านหมอก - ตอนที่ 30 ผมรู้ทุกเรื่องที่ผมอยากรู้
ภาพที่เธอถูกชายหน้าตาดีโอบกอด สายตาของเธอที่มองมาราวกับไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ยิ่งคำพูดและเสียงกรีดร้องขับไสไล่ส่งให้เขาออกไป เธอไม่รู้จักเขา นั่นยิ่งตอกย้ำซ้ำแผลให้เหวอะหวะในฝันอยู่บ่อยครั้ง
เขาเหมารวมเอาว่าเธอก็ต้องโดนกระทำเหมือนกัน วันนั้นเขาเจ็บแค่ไหน เธอจะต้องเจ็บมากกว่าเป็นทวีคูณ เขาจะดูถูกเหยียบย่ำหยามเหยียดให้สาแก่ใจ
ก็เขาไม่รู้นี่ว่าเธอความจำเสื่อมในตอนนั้น ไม่รู้ว่าหมอกยังเป็นหมอกคนเดิมที่รักไฟจนสุดหัวใจ ยิ่งคิด ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผิด สิ่งที่เขาทำร้ายเธอมันรุนแรงเหลือเกิน แต่อย่างไรเสียเขาก็อยากได้โอกาสในการ ได้พูด ได้คุย ได้อธิบาย มันน่าจะต้องมีอะไรที่เขาและเธอเข้าใจผิดกันและกันอยู่หลายปม
แต่จะไปหาที่ไหน จะคุยอย่างไร ในเมื่อเธอหนีหายไปแล้ว !
เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่คนอย่างนายไฟไม่เคยยอมแพ้ เขาจะไม่ยอมให้เธอจากไปแบบนี้ จากไปทั้งที่ยังรักกันแทบเป็นแทบตาย เพียงแต่หลอกตัวเองมาตลอดว่าเกลียดเพราะถูกความแค้นและความเข้าใจผิดบังตา
เธอจะไปไหนได้ เธอไม่มีใคร เงินทองก็มีติดบัญชีเพียงไม่กี่บาท ญาติพี่น้องไม่มี เห็นก็แต่เพื่อนคนนั้นที่มางานศพทุกวัน
ใช่ เพื่อนคนนั้น !
ดวงตาคมลืมขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เขารู้แล้วว่าจะเจอเธอได้อย่างไร !
***
“ ออกไปจากที่นี่ ถ้าไม่อยากโดนแจ้งตำรวจจับ ! ” นั่นคือคำทักทายจากเพื่อนสาวคนสนิทของอวัศยาที่เป็นเจ้าของร้ายขายยา ทันทีที่ได้เห็นหน้าของเขา
นายไฟสืบเท้าเข้าหา เธอเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาไว้ในมือ อีกมือคว้าแจกันดอกไม้มาไว้ป้องกันตัว
“ อย่าคิดนะว่ารวยแล้วจะทำอะไรยังไงกับใครก็ได้ ผู้หญิงก็สู้ยิบตาได้เหมือนกัน แล้วจะบอกอะไรให้นะ ผัวฉันเป็นตำรวจ นี่แค่ฉันโทรบอก ตำรวจทั้งโรงพักก็จะกรูมาที่นี่ ”
“ สามีคุณไม่ใช่ตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัดที่กำลังเข้าเวร ขณะปฏิบัติหน้าที่ไม่อาจจะรับสายได้เพราะผิดกฎของทางโรงพยาบาล ” ปรียาหรือเปรียวเบิกตากว้าง
“ คุณรู้ ! ”
“ ผมรู้ทุกเรื่องที่ผมอยากรู้ และตอนนี้ผมก็อยากรู้ว่าหมอกอยู่ที่ไหน ” เธอส่ายศีรษะดิก
“ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ”
“ อย่าโกหก คุยกันดี ๆ แล้วผมกับลูกน้องจะกลับไปอย่างสงบ แต่ถ้าคุณยื้อ ไม่ยอมบอกความจริง ลูกน้องทั้งสองของผมก็จะยืนถมึงทึงอยู่หน้าร้านแบบนั้นแหละ ลูกค้าก็จะไม่เข้าร้านคุณ อย่าลืมสิว่าต้องหาเงินส่งธนาคาร สิบนาทียี่สิบนาที ลูกค้าไม่เข้า รายได้ก็ลดนะ ถ้าไม่ยอมบอกก็จะมาเฝ้าทั้งวัน ทุกวัน ” เขาพูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ปรียาถอนใจขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
“ คุณมันรวยนี่ จะใช้อำนาจเบ่งกับใครยังไงก็ได้ เหยียบหัว ย่ำยีหัวใจใครจนแหลกเหลวก็ได้ ” เธอว่าประชด เขาส่ายศีรษะ
“ คุณกำลังเข้าใจผมผิด เช่นเดียวกับที่ผมเข้าใจหมอกผิด และตอนนี้หมอกก็กำลังเข้าใจผมผิดอยู่เช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลวร้ายเพราะความเข้าใจผิดนี่แหละ และผมจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมต้องแก้ไขมัน ”
ปรียาเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาคมกริบจ้องมองไม่ลดละ ดวงตาคู่นั้นเข้มข้นจริงจังจนเธอลังเล
“ ผมไม่ได้โกหก พ่อของหมอกเผาทุกคนในหมู่บ้าน เผายายของผม เผาญาติพี่น้องเพื่อนบ้าน มีผมที่เหลืออยู่ คนเดียว เพราะผมอยู่ข้างนอก นัดกับหมอกว่าจะหนีไปด้วยกันวันนั้น แต่พอผมไปถึงโรงพยาบาลเธอกลับบอกว่าไม่รู้จักผม แถมยังมีผู้ชายคนหนึ่งจับมือและโอบเธอไว้ ”
“ ยัยหมอกความทรงจำหายไปช่วงระยะหนึ่งและผู้ชายคนนั้นก็คือลูกชายของเพื่อนคุณพ่อที่ท่านหวังให้คบหาเลยถือโอกาสโกหกหมอกในตอนที่จำอะไรไม่ได้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน ต่อมาเมื่อความทรงจำกลับคืนเธอจึงปฏิเสธเขา เพราะเธอรักใครไม่ได้อีกแล้ว แล้วมันก็เป็นแบบนั้นตลอดมาหมอกมันกลับไปที่นั่นแต่ก็ไม่พบใครอีกแล้ว ไม่มีช่องทางติดต่อ จนเวลาผ่านไปหลายปี แต่หมอกมันก็ยังโง่งมทั้งรัก ทั้งรอ ทั้งที่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรแล้ว เพื่อนฉันมันบ้า ” คำบอกกล่าวของเธอทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื้น ทว่าปวดร้าวในคราวเดียวกัน
เขาทำร้ายเธอโดยที่เธอไม่รู้อิโหน่อิเหน่
เขาทำให้เธอเจ็บปวดทั้งที่เธอยังรักเขาจนสุดหัวใจ
เขาทำร้ายเธอ โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยรักใคร นอกจากเธอ
“ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหนีหายไปจากหมอก แต่คุณจะให้ผมทำยังไง ในเมื่อตอนนั้นผมไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างในชีวิต ทั้งยาย ทั้งญาติพี่น้อง ทั้งที่ซุกหัวนอน ผมหมดสิ้นทุกอย่าง แถมยังโดนซ้อมปางตาย นั่นคือสิ่งที่พ่อของเธอทำกับผม ถ้าเป็นคุณคุณจะไม่แค้นเลยเหรอ ปรียา ”