เปลวไฟในม่านหมอก - ตอนที่ 25 อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
เมื่อถึงบ้าน ชายหนุ่มย่องเข้านอนอย่างเงียบกริบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยายใบยังคงนอนนิ่งโดยไม่รู้ว่าหลานชายไปข้างนอกมา
เขาแทบจะหลับตาไม่ลงเพราะตื่นเต้นเหลือเกิน ชวนเธอหนีทั้งที่ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน แต่เขามีน้องสาวของยายใบอยู่อีกอำเภอหนึ่งและใจดีเหมือนกัน คิดว่าจะไปกบดานที่นั่น
ตีห้าครึ่ง ชายหนุ่มก็ลุกจากที่นอนแล้วเดินไปหายายของตนที่หุงข้าวต้มแกงอยู่ในครัวอย่างทุลักทุเลเพราะเจ็บยอกที่โดนผลักกระแทกพื้นเมื่อวาน จึงเดินเข้าไปหายายแล้วแจ้งเจตนารมณ์ นั่นทำให้ยายใบตาเหลือกลาน
“ มึงสิบ้าตี้บักไฟ หาเรื่องตายแท้ ๆ ตายอีหลีอีหลอ ตายบ่อเหลือซากเลยล่ะบาดทีนี้ แค่ก ๆ โอ๊ย แม่ใหญ่กะเทิงจุกเทิงยอก คอฮ้อนไปเบิด คือสิไข้ ”
(มึงจะบ้าไปแล้วเหรอไฟ หาเรื่องตายแท้ ๆ ตายแน่ ๆ ไม่เหลือซากเลยล่ะทีนี้ แค่ก ๆ โอ๊ย ยายก็ทั้งจุกทั้งยอก ในคอร้อนไปหมด เหมือนเป็นไข้)
ไฟจึงยกมือใหญ่ขึ้นจับแขนยายดูก่อนเอ่ยอย่างตกใจ
“ แม่ใหญ่คิงฮ้อนคักเลย ”
(ยายตัวร้อนมากเลย)
“ บ่อเป็นหยังดอก เดี๋ยวกะเซา แต่ว่าเรื่องสิพาหนูหมอกหนี แม่ใหญ่บ่อเห็นดีนำดอก เสี่ยอิทธิบ่อเอาเฮาไว้แท้ ”
(ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย แต่ว่าเรื่องจะพาหนูหมอกหนี ยายไม่เห็นดีด้วยนะ เสี่ยอิทธิไม่เอาเราไว้แน่)
นายไฟส่ายหน้าช้า ๆ
“ เสี่ยอิทธิสิบ่อได้เฮดอีหยังพวกเฮาเทิงนั้นเพราะเฮาสิหนีไปนำกันเหมิด แม่ใหญ่กะต้องไปนำข้อย ไปอยู่กับแม่ใหญ่ไรจักคราวนึง ”
(เสี่ยอิทธิจะไม่ได้ทำอะไรพวกเราทั้งนั้น เพราะเราจะหนีไปด้วยกันทั้งหมด ยายก็ต้องไปกับผม ไปอยู่กับยายไรสักพัก)
“ สิไปจั่งไสล่ะไฟ รถเรือเฮากะบ่อมี มีแต่รถถีบ สิไปกันจั่งได๋เหมิดสามคน ”
(จะไปยังไงล่ะไฟ รถเรือเราก็ไม่มี มีแต่รถจักรยานจะไปยังไงกันหมดทั้งสามคน)
“ เดี๋ยวข้อยสิไปยืมรถเครื่องบ้านเอื้อยบัว บอกว่าสิพาแม่ใหญ่ไปหาหมอ อีกจักสองสามมื้อจั่งเอามาคืนเพิ่น ”
(เดี๋ยวผมจะไปยืมรถมอเตอร์ไซค์บ้านพี่บัว บอกว่าจะพายายไปหาหมอ อีกสองสามวันค่อยเอากลับมาคืน)
ชายหนุ่มกล่าวเป็นมั่นเหมาะก่อนเดินลงเรือนไป ยายใบได้แต่มองตามด้วยสายตากังวล
เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
คิดได้ดังนั้น ยายใบก็เดินเข้าเรือนเก็บข้าวของที่จำเป็นทั้งของหลานและของตัวใส่ถุงย่ามทันที
แปดโมงครึ่ง
ไฟผุดลุกผุดนั่งกระสับกระส่ายเนื่องจากเลยเวลานัดมาชั่วโมงกว่าแล้ว ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นไปคร่อมรถจักรยานยนต์
“ แม่ใหญ่ ถ่าข้อยอยู่นี่เด้อ ข้อยสิขี่รถเครื่องไปเบิ่งหมอกจักคราวนึงแล้วกะซื้อยาแก้ไขมาให้แม่ใหญ่พร้อม เดี๋ยวข้อยสิฟ้าวกลับมาเด้อ ”
(ยาย รอผมอยู่นี่นะ ผมจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูหมอกสักพักหนึ่ง แล้วก็ซื้อยาแก้ไข้มาให้ยายด้วย เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา)
ยายใบยกมือขึ้นจะห้ามแต่เขาบิดรถออกไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกใจหวิว ๆ ราวกับว่าจะไม่ได้เห็นหลานอีกแล้วในชีวิต
แม่เฒ่ามองตามหลานจนลับสายตาก่อนเดินกลับเข้าไปในเรือน นางรู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกินเพราะพิษไข้ จึงหยิบหมอนมาวางแล้วเอนกายลงนอนรอหลานชาย ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มขับรถออกไปจากบ้านด้วยหัวใจหวิวไหวแปลก ๆ เช่นกัน ห่วงยายก็ห่วง ห่วงหมอกก็ห่วง แต่เขาก็สลัดศีรษะให้ความคิดรบกวนหัวใจหายไป รีบไปซื้อยามาให้ยาย รีบไปเอาตัวหมอกมาแล้วหนีไปอยู่ด้วยกันดีกว่า
ราวครึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงหน้าโรงแรมที่เธอพัก ประจวบกับที่นายพล ลูกน้องคนหนึ่งของเสี่ยอิทธิที่เป็นคนหมู่บ้านเดียวกับไฟเดินออกมาจากที่นั่นพอดี
“ อ้าว บักไฟ มึงมาเฮดหยังหม่องนี่ อยากตายตี้ มื้อวานถืกตีนยังบ่อคักใจตี้ ”
(อ้าว ไอ้ไฟ มึงมาทำอะไรที่นี่ อยากตายเหรอ เมื่อวานยังโดนตีนไม่สาสมใจอีกเหรอ)
ไฟจ้องคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ ตีนข้อยกะมีคือกัน ถ้าบ่อเจอหมาหมู่รุม กะอยากสิฮู้คือกันว่าหมารับจ้างอย่างเจ้าสิมีปัญญาเฮดหยังข้อยได้ ”
(ตีนผมก็มีเหมือนกัน ถ้าไม่เจอหมาหมู่รุม ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสุนัขรับใช้อย่างน้าจะมีปัญญาทำอะไรผมได้)
“ บักไฟ มึงอย่ามาปากดีแถวนี้ กลับบ้านไปดีกว่า เห็นแก่ว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน กูบ่ออยากให้มึงตามถิ่มหนีแม่ใหญ่ใบ เพิ่นยิ่งเฒ่าลงทุกมื้อ กลับไปสา ”
(ไอ้ไฟ มึงอย่ามาปากดีแถวนี้ กลับบ้านไปดีกว่า เห็นแก่ที่เป็นคนบ้านเดียวกัน กูไม่อยากให้มึงตายทิ้งเสียเปล่า ๆ ยายของมึงก็ยิ่งแก่ลงทุกวัน กลับไปซะ)
“ ข้อยบ่อกลับ ถ้าน้าพลเห็นแก่ว่าเป็นคนบ้านเดียวกันกะขอให้ข้อยได้พ้อหมอก ได้เว้ากับหมอก ข้อยขอร้อง ”
(ผมไม่กลับ ถ้าน้าพลเห็นแก่ว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกันก็ขอให้ผมได้เจอหมอก ได้คุยกับหมอกเถอะ ผมขอร้อง)