เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส - ตอนที่ 283-284
ผลการสอบกลางภาคถึงมือของนักเรียนแต่ละคน
ภายในวันนั้น หูเจียวเจียวต้องผจญกับความรู้สึกผิดหวังที่เข้ามาเป็นชุด เหนื่อยทั้งกายและใจ และ”ความหวังทั้งหมดล้วนถูกทำลาย”
“ทำไมฉันถึงล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่แย่ที่สุดคือฉันได้ 59 คะแนนวิชาเคมี 59 คะแนนนะ ครูเคมีช่วยให้ฉันได้เพิ่มอีกสักแต้มเป็นพิเศษในหัวข้อใหญ่ไม่ได้เหรอ ฉันต้องการเพียงแค่แต้มเดียวเพื่อที่จะสอบให้ผ่าน”
สิ่งที่เลวร้ายไปกว่าการสอบไม่ผ่านก็คือการขาดคะแนนเพียงแค่แต้มเดียว
หูเจียวเจียวที่โศกเศร้าหันหน้าไปมองกระดาษคำตอบวิชาเคมีของเจี่ยนอีหลิง จากนั้นก็เห็นตัวเลขสามตัวที่ชัดเจนมาก
100
หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม
หูเจียวเจียวโง่ลงไปถนัดใจ
เธอหยิบกระดาษคำตอบของเจี่ยนอีหลิงขึ้นมาตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
เป็นคะแนนเต็มจริงๆ ไม่ถูกหักคะแนนแม้สักคะแนน และแม้แต่คำถามสุดท้ายก็ยังตอบถูก
คำถามสุดท้ายของการสอบเคมีนี้ยากมาก และเนื้อหาก็อยู่นอกสิ่งที่ได้เรียน
ตอนที่เพิ่งสอบเสร็จ ทุกคนก็เสียใจพากันบอกว่าทำไม่ได้ แม้แต่หลิวเหวินกรรมการการศึกษาก็ยังบอกอย่างเศร้าๆว่าเธอก็ทำไม่ได้
หลังจากยืนยันแล้ว หูเจียวเจียวก็น้ำตาแทบจะไหล รู้สึกทั้งเศร้าและโล่งอก
ที่น่าเศร้าก็คือพวกเธอได้ตกลงที่จะก้าวหน้าไปด้วยกัน แต่อีกฝ่ายได้กลายเป็นนักเรียนผู้โดดเด่น ปล่อยให้เธอดิ้นรนต่อไปในกลุ่มนักเรียนคะแนนยอดแย่
สิ่งที่น่ายินดีก็คือคะแนนสอบของอีหลิงได้เต็ม แสนสุดยอด สุดยอดการแก้ปัญหา ให้พวกที่สงสัยว่าอีหลิงโกงโดยไม่มีหลักฐานทั้งหมดนั้นหุบปากไปเลย โดยเฉพาะหวังเซี่ยงจ้งที่พูดจาแปลกๆ
“อีหลิงตอนนี้เธอเป็นไอดอลคนที่สองของฉันแล้ว” หูเจียวเจียวมอบตำแหน่งนี้ให้กับเจี่ยนอีหลิง
ตำแหน่งแรกยังคงเป็นหลัวซิ่วเอิน
จากนั้นกระดาษคำตอบของวิชาอื่นๆก็ถูกส่งมาตามลำดับ
คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ อังกฤษ คะแนนของเจี่ยนอีหลิงทุกวิชาดีจนกรามค้าง
คะแนนเต็ม คะแนนเต็ม คะแนนเต็ม
หูเจียวเจียวที่อ่านกระดาษคำตอบของเจี่ยนอีหลิงเข่าอ่อนจนเกือบจะคุกเข่า
กระดาษคำตอบแผ่นสุดท้ายภาษาจีนที่เต็มไปด้วยความสงสัยก็ถูกส่งมาเช่นกัน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หูเจียวเจียวจึงอยากรู้เหลือเกิน จนต้องแอบดูความเข้าใจในการอ่านของเจี่ยนอีหลิง
จากนั้นเธอก็เห็นไข่เป็ดใบใหญ่
ศูนย์คะแนน ความเข้าใจในการอ่านของเจี่ยนอีหลิง คะแนนทั้งหมดถูกหักไปอีกครั้ง
ยังคงเป็นรสชาติที่คุ้นเคย และเป็นสูตรที่คุ้นเคย
ความเข้าใจในการอ่านของอีหลิงยังคงน่าประหลาดใจ และไม่ตรงกับผลการเรียนของเธอในวิชาอื่นๆ
แต่ครั้งนี้ คะแนนรวมภาษาจีนของเจี่ยนอีหลิงยังดีมาก
ด้วยคะแนนรวม 150 คะแนน เจี่ยนอีหลิงได้ 116 คะแนน
จาก 34 คะแนนที่ถูกหัก 2 คะแนนถูกหักจากความเข้าใจในการอ่าน 8 คะแนนถูกหักจากเรียงความ และ 6 คะแนนถูกหักจากรายละเอียดอื่นๆ
หูเจียวเจียวยังถือโอกาสดู เอิ่มมม 6 คะแนนที่หักจากที่อื่นก็ยังเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจในการอ่าน
ยังไงก็ตามเจี่ยนอีหลิงก็มีคะแนนจากเนื้อหาท่องจำที่มั่นคง
ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ภาษาจีนคลาสสิกที่ทำให้หูเจียวเจียวต้องปวดหัว เจี่ยนอีหลิงกลับไม่มีปัญหา
และหลักภาษาเจี่ยนอีหลิงก็ยังทำให้หูเจียวเจียวต้องเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
คะแนนหลักภาษาคือ 60 คะแนน และผู้ที่ได้ 50 คะแนนขึ้นไปก็คือท่านเทพ
หูเจียวเจียวอยากรู้มากว่าเจี่ยนอีหลิงที่มีคะแนน 0 ในการอ่านและทำความเข้าใจ กลับเขียนหลักภาษาได้ถึง 52 จุดได้ยังไง
จากนั้นหูเจียวเจียวก็ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว
เจี่ยนอีหลิงเขียนเรียงความเชิงโต้แย้ง
###
หลังจากผลการสอบกลางภาคออกแล้ว ก็จะมีการประกาศผลการจัดอันดับ
ชื่อของเจี่ยนอีหลิงติดอันดับแรก ในชั้นปีหนึ่งของมัธยมปลาย
สะดุดตามาก
เมื่อเปรียบเทียบผลการสอบของเธอในการสอบรายเดือนสองครั้งก่อนหน้านี้ พัฒนาการนั้นยอดเยี่ยมมากจนผู้คนแทบไม่อยากเชื่อ
แต่ด้วยการแข่งขันเคมีครั้งล่าสุดได้ปูทางไว้ ผลลัพธ์ในครั้งนี้จึงไม่ถึงกับยอมรับไม่ได้เลย
นักเรียนบางคนยอมรับได้
แต่ก็ยังมีนักเรียนบางส่วนที่ยังรับไม่ได้
คนที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดก็คือหวังเซี่ยงจ้งซึ่งเดิมพันกับเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงติดอันดับแรกของทั้งชั้นปี
หวังเซี่ยงจ้งอยู่ในอันดับที่สามของห้อง และอันดับที่ 51 ของทั้งชั้นปี
ชัยชนะนั้นชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน ไม่มีข้อสงสัยเลย
ตามเนื้อหาของการเดิมพันก่อนหน้านั้นระหว่างเขากับเจี่ยนอีหลิง เขาต้องขอโทษเจี่ยนอีหลิงกับหูเจียวเจียวในที่สาธารณะและเขียนคำว่า “ฉันขอโทษ” ต่อพวกเธอพันครั้ง
ตัวบทลงโทษเองนั้นไม่ได้ร้ายแรง แต่สำหรับหวังเซี่ยงจ้งแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อัปยศอดสูมาก
เป็นเรื่องยากที่หูเจียวเจียวจะถือโอกาสเข้าหวังเซี่ยงจ้งก่อน “หวังเซี่ยงจ้ง นายควรจะซื่อสัตย์ต่อคำพูดของนาย ตอนนี้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว อีหลิงคะแนนรวมสูงกว่าคะแนนของนาย”
“ใครจะรู้ว่าคะแนนนี้มาจากไหน” หวังเซี่ยงจ้งตอบ เขาพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีกล่ะ เอาหลักฐานของนายมาดู หรือไม่ก็หุบปากไปได้แล้ว” หูเจียวเจียวโกรธหวังเซี่ยงจ้งอีกครั้ง
“ฉันเป็นคนธรรมดา จะไปเหมือนคุณหนูที่มีความสามารถยอดเยี่ยมที่ได้อะไรมากมายอย่างงั้นได้ยังไง ถ้าฉันมีคนหนุนหลังเหมือนเธอ ฉันจะปล่อยให้เธอโกงได้สำเร็จได้ยังไง”
“หวังเซี่ยงจ้ง นายช่างโครตน่ารังเกียจ ไม่รู้จักรักษาคำพูด”
“คนบางคนเพื่อที่จะเอาชนะไม่สนใจในความสามารถ ถือเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจจริงๆ”
หูเจียวเจียวกระทืบด้วยความโกรธ “ถ้างั้นนายไปบอกครู ให้ครูตรวจสอบ ถ้านายหาไม่เจอ ก็ให้ขอโทษพวกเราแต่โดยดี”
“เธอไม่จำเป็นต้องพูด ฉันจะไปอยู่แล้วหลังอาหารเที่ยง”
หวังเซี่ยงจ้งก็ไม่ต้องการให้ชื่อของเจี่ยนอีหลิงเป็นที่หนึ่งในระดับต่อไปด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว เขาก็ถือโอกาสไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายวิชาการในช่วงพักกลางวัน เพื่อที่จะรายงานให้หัวหน้าฝ่ายวิชาการ
เขาไปที่นั่นเพียงไม่นานก็กลับมาที่ห้องเรียนและเรียกเจี่ยนอีหลิง
“เจี่ยนอีหลิงไปกับฉันที่ห้องทำงานของหัวหน้าฝ่าย”
มีรอยยิ้มที่ชัดเจนบนใบหน้าของหวังเซี่ยงจ้ง
เนื่องจากหัวหน้าฝ่ายขอให้เขากลับมาและเรียกเจี่ยนอีหลิงไปด้วยกัน พฤติกรรมนี้ทำให้เขาเชื่อว่ารายงานในวันนี้ได้ผล และผู้นำของโรงเรียนก็ยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้
“อีหลิง…” หูเจียวเจียวมองไปที่เจี่ยนอีหลิงด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับอย่างใจเย็น
เธอลุกขึ้นและเดินไปที่อาคารบริหารซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของหัวหน้าฝ่าย
เมื่อเธอเข้าไปในห้องทำงาน ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวต่อหน้าเจี่ยนอีหลิง
จ๋ายหวินเชิ่ง เขาก็ยังอยู่ในสำนักงาน
มิสเตอร์หลี่ อดีตหัวหน้าฝ่ายวิชาการถูกไล่ออกโดยคณะกรรมการบริหาร หัวหน้าฝ่ายวิชาการคนใหม่เป็นอาจารย์ชายอายุสี่สิบต้นๆ นามสกุลจาง
อาจารย์จางดูใจดีมาก ไม่น่ากลัวเหมือนอาจารย์หลี่คนเดิม
หวังเซี่ยงจ้งได้ยื่นเรื่องต่อหัวหน้าฝ่ายวิชาการคนใหม่ อาจารย์จาง ส่วนจ๋ายหวินเชิ่งที่ปรากฏในสำนักงานนั้น เขาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
หวังเซี่ยงจ้งรายงานต่ออาจารย์จางว่า “ผมเรียกเพื่อนร่วมชั้นขี้โกงที่ผมพูดถึงมาแล้ว และก็คือเธอคนนี้ เจี่ยนอีหลิง ผลการสอบครั้งก่อนของเธอย่ำแย่มาก แต่ครั้งนี้จู่ๆเธอก็กลายเป็นอันดับแรกของชั้นปี นั่นต้องมีลับลมคมในอยู่ในคะแนนของเธอแน่”
อาจารย์จางไม่ได้ให้คำตอบในทันที แต่หันไปมองทางจ๋ายหวินเชิ่ง
จ๋ายหวินเชิ่งจ้องมองเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงก็มองไปที่จ๋ายหวินเชิ่งเช่นเดียวกัน
สีหน้าของเจี่ยนอีหลิงเรียบเฉยและเย็นชา
จ๋ายหวินเชิ่งมีรอยยิ้มซุกซ่อนอยู่ระหว่างคิ้วและดวงตา ดูคมกริบและป่าเถื่อนดังเช่นเคย
“โอ เธอบอกว่าทางนั้นโกง มีข้อพิสูจน์ไหม”
หลังจากที่รอชั่วขณะ จ๋ายหวินเชิ่งก็พูดขึ้น
น้ำเสียงเขาเกียจคร้าน พร้อมกับสีหน้าครึ่งยิ้ม