เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 59 เป้าหมายแท้จริง
เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ [1
บทที่ 59 เป้าหมายแท้จริง
ทูตวิญญาณแห่งสังสารวัฏเฟยหนี้สามารถเดินทางเข้าและออกระหว่างเขตแดนหยินและหยางได้
ลู่หยุนไม่สามารถใช้พลังปราณภายในประตูสู่อเวจีเพราะเขายังเป็นมนุษย์มีชีวิต แต่สองสาวๆ วิญญาณแห่งสังสารวัฏของเขานั้นกลับไม่มีข้อจํากัด นับตั้งแต่ถูกบันทึกนามลงในคัมภีร์เป็นตาย มันก็ทําให้ทั้งสองที่อยู่ในอาณัติแห่งคัมภีร์จึงสามารถรวบรวมพลังในโลกความตายเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเวลาในประตูจะขึ้นอยู่กับลู่หยุน เมื่อใดที่เขาเข้าสู่เขตแดนเวลาภายนอกจะหยุดนิ่ง และเมื่อเขากลับออกมาเวลาจะกลับมาเดินต่อเนื่องจากตอนที่เขาเข้าไป
การนิ่งเพื่อสังเกตการณ์ของลู่หยุนส่งผลให้โม่วยี่ผู้ที่อยู่ข้างเคียงนิ่งเงียบ ค่ายกลทั้งสิบแปดสามารถคร่าชีวิตเซียนชั้นฟ้าได้ ทว่าสําหรับเฟยหนีกลับเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“นายท่าน ไม่มีใครอยู่ในซากต้นไม้นั่นสักคน” เสียงแสดงความผิดหวังของเฟยหนี่ลอยมาเข้าหูเป็นสิ่งที่ลู่หยุนไม่อยากได้ยิน หลังจากนั้นนางจึงกลับเข้าประตูสู่อเวจี
“อะไรนะ!” เสียงของลู่หยุนแสดงว่าฉุนเฉียวยิ่งกว่า
“เกิดอะไรขึ้น” โม่วยี่ถาม
“ไม่มีใครอยู่ในค่ายกล” ลู่หยุนกัดฟันกรอดอย่างโกรธจัด “ว่านเพิงไม่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครอยู่ในนี้แม้สักคนเดียว”
เขาถูกมันหลอกด้วยคําขู่ ในนี้มีแต่ค่ายกลสังหารแต่ไม่มีว่านเฟิง หากไม่ใช่เฟยหนีเข้าไปค้นหาจนทั่ว เขาคงต้องกล้าลุยเข้าไปด้วยตนเอง ว่าแต่ว่านเฟิงอยู่เสียที่ใด
อาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นกลโกงซึ่งอาศัยความอันตรายและความกลัว
“ไม่ได้อยู่ที่นี่ดอกหรือ” โวยื่นิ่งอย่างใช้ความคิด
“กลับกันเถิด” ลู่หยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาและนางพากันหันหลังกลับ
“จะกลับไปง่าย ๆ เช่นนั้นดอกหรือ ไม่ใส่ใจชีวิตของสาวใช้เพียงหนึ่งคนสินะ” เสียงโหดเหี้ยมลอยมาตามลม
ลู่หยุนส่งเขากลับเข้าไปในหลุมฝังศพของยู่อิง ซึ่งน่าจะถูกเจ้าของหลุมสังหารไปแล้ว! ที่จริง แล้วค่ายกลทั้งหมดมุ่งหวังทูตวิญญาณแห่งสังสารวัฏตนที่หนึ่งของข้าดอกหรือ เจ้าคนนั้นแค่โดนนางเหวี่ยงคราเดียวมันก็ตายแล้ว คงมีแต่วิญญาณของมันเท่านั้นจึงหนีออกมาได้
ฉิงหงเชิงไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉะนั้นผู้ที่เป็นเป้าหมายสําคัญก็คือยู่อิง หาใช่ข้าไม่
ไม่มีทางที่เจ้าคนตระกูลฉิงที่สูญหายจะสามารถกลับออกมาได้อย่างรวดเร็ว เป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะไปผูกมิตรกับคนที่มาจากเหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์ อันที่จริงไม่มีแม้โอกาสเศษเสี้ยวที่คนจากหลางเซียเทียนอยากจะทําเรื่องเช่นนี้
ลู่หยุนเงยหน้ามองทางเสียงซึ่งปรากฏร่างคนเลือนราง ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีดําคือหัวหน้าพ่อบ้านเก้อ เขาเคยได้รับการวางตัวในตําแหน่งเจ้าเมืองวารีทมิฬ พ่อบ้านมีท่าทีไม่สบอา รมณ์นัก เขาใช้เล่ห์กลหวังลวงให้ลู่หยุนและยู่อิงมาติดกับอย่างสะดวก
ทว่ากลับกลายเป็นท่านเจ้าเมืองสาวแทนที่จะเป็นยู่อิงที่มาพร้อมลู่หยุน ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนชายหนุ่มจะเริ่มเอะใจบางอย่าง เพราะรีบหันหลังกลับภายหลังเดินวนรอบค่ายกลอยู่สักครู่ ทําให้พ่อ บ้านรู้สึกระแวงอยู่ไม่หาย
“เป็นเขาดอกหรือที่ตั้งค่ายกลไว้ ฮี” โม่วยี่ทําซุ้มเสียงเยาะยั่วไปทางผู้มาใหม่ “ไฉนคนของเหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์จึงเข้ามาก้าวก่ายในอาณาเขตของหลางเซียเทียน”
ประกายระยิบระยับแวบวับจากร่างของโม่วยี่ก่อนประกายแวบวับจะรวมเป็นเส้นแสงสว่างในสรวงสวรรค์ ฉับพลันขว้างใส่ชายชุดดําทันที
“เซียนสูงส่ง!” ชายชุดดําร้องเสียงหลง เขาเผยตัวออกมาเพื่อต้องการจับคู่หยุนเป็นตัวประกัน และลวงยู่อิงให้ออกห่างจากภาพวาด การเปิดเผยความเป็นเซียนสูงส่งของเจ้าเมืองวารีทมิฬจึงยากจะเข้าใจและไม่อาจรับได้
มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร! เซียนทองคําและเชียนชั้นสูงจะถูกสกัดไม่อาจผ่านเข้าเมืองสนธยามา นานนับพันปีแล้ว เซียนสูงส่งเป็นเซียนนักรบที่จัดว่าพลังกล้าแข็งที่สุดกลับปรากฏว่ามีอยู่ในเข ตสนธยาได้ และคนหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขานี่
ปั้ม!
ทันทีที่ลําแสงจากโม่วยี่สัมผัสตัวบริเวณแขนระเบิดออก เกิดกลุ่มหมอกสีแดงเข้มก่อนที่จะกลืนร่างของเขากลายเป็นเงาสีแดงเลือนราง
“ไป!” คิ้วโก่งเรียวงามขมวดมุ่น โม่วยี่พลิกนิ้วมือปากร่ายเวทมตร์พลันดาบคมกริบแหวกพุ่งออกไปในอากาศ
“โอ๊ยยยย!” วินาทีนั้นเสียงดังโหยหวนร้องอย่างเจ็บปวด ในเวลาถัดมาก็ห่างออกไปจนจับทิศทางไม่ได้
“มันหนีไปได้ โดนพลังดาบของข้าเช่นนี้เพราะอํานาจที่ครอบงําไว้จึงทําให้ยังหนีรอดไปได้” โม่วยี่พูดอย่างหงุดหงิดขณะเก็บดาบเข้าฝัก
ชายชุดดําคนนี้มีพลังปราณเกือบเทียบเท่าระดับจิตวิญญาณเริ่มต้น เซียนสูงส่งซึ่งพลังกล้าแข็งอย่างนางยังพิศวงเมื่อพลังที่ครอบงําไว้ยังทําให้มันหนีรอดไปได้
“เจ้าพูดอีกก็ถูกอีก” ลู่หยุนแค่นหัวเราะ “มันเคยใช้ดวงวิญญาณที่เซ่นสรวงให้กับเหล่าเทพเซียนมาแล้วครั้งหนึ่ง บางทีมันอาจทําผิดข้อตกลงบางอย่างที่ให้ไว้กับอํานาจที่ครอบงําก็เป็นได้”
คนจากเหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์ทําเรื่องต่ําช้าเช่นนี้ด้วยหรือ” โม่วถึงกับผงะเมื่อได้รู้แจ้งต่อบางสิ่งที่โลกแห่งเซียนปกปิดไว้ บางคนกล้ากระทําการที่ละเมิดต่อกฎเกณฑ์ที่ลอยนวลอยู่ท่ามกลางผู้คนต้องถูกตามล่าอย่างไม่ลดละ
ถ้าเช่นนั้น คงไม่มีใครคิดดอกว่าชุมนุมเทพเซียนที่ทรงอํานาจจะมีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบของเซียนสมาชิกเช่นนี้
ลู่หยุนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อย่างไรก็ตาม พักเรื่องที่เจ้านั่นหนีไปได้ไว้ก่อนเถิด สิ่งที่สําคัญตอนนี้ว่านเฟิงอยู่ที่ไหน” เขารู้สึกใจแป้ว
“ทําไมพวกเราไม่ไปตามหาคนอื่นที่บ้านของเขาก่อน” โม่วยี่พูด “คนที่จะไปร่วมพิธีกรรมไม่ได้มีเพียงเจ้าพ่อบ้านคนนั้นเพียงคนเดียว”
อย่างน้อยที่นี่เป็นจุดรวมผู้คนซึ่งง่ายต่อการหาข้อมูล ขณะนี้บ้านตระกูลเก้อมีคนระดับสูงแห่งเมืองสนธยามาร่วมชุมนุม ซึ่งเกือบเป็นสิ่งยืนยันว่าสมาชิกคนใดคนหนึ่งคือผู้ที่จะมารั้งตําแหน่งเจ้าเมืองคนใหม่
“บ้านตระกูลเก้อมีผู้คนอยู่นับร้อย เป็นพวกที่ครอบครองที่ดินทางตอนใต้ของเมืองเกือบทั้งสิ้น” ลู่หยุนคิดว่าคงไม่ช่วยได้มากมายนัก “หรือว่าข้าควรไปที่นั่น”
ชายหนุ่มเดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวายอยู่ในจวนพักซึ่งโม่วยี่จัดเตรียมให้
“ได้สิ ตกลงทําไมจะไม่ได้เล่า!” แม้ว่าพ่อบ้านเก้อจะต้องโดนตําหนิที่ปล่อยให้มีการบุกรุกจวนของเจ้าเมือง อย่างน้อยเจ้าบ้านจะต้องถูกหน่วยงานลงโทษบ้าง
“ข้าขอไปช่วยเจ้าด้วยคน” ฉิงฮั่นฟื้นพลังเข้มแข็งขึ้นมาก
แม้ว่าจะรู้สึกอ่อนเพลียจากแก่นชีวิตเข้าใกล้เส้นความตาย แต่คัมภีร์องค์เทพเซีย เขากลับสู่ดินแดนแห่งชีวิตอีกครั้ง ทั้งได้เยียวยาอาการบาดเจ็บอาการอื่นจนหายหมดสิ้น คงเหลือเพียงอาการอ่อนเพลียเล็กน้อยทว่าโดยรวมฟื้นคืนแล้วเกือบทั้งหมด
“ทรัพย์สินจวนของเจ้าเมืองถูกบุกรุกโจรกรรม ทั้งยังมีคนที่ถูกฆ่าตายและโดนลักพาตัว เรื่องนี้จักต้องสั่งสอนพ่อบ้านเก้อให้รู้สึกหลาบจําเพียงคําแก้ตัวหาเพียงพอไม่” เขาเอ่ยเรียบเรื่อย “ข้าเป็นฑูตพิเศษเฉพาะองค์ฮ่องเต้ ตระกูลเก้อทําเช่นนี้ไม่เพียงเท่ากับดูหมิ่นข้าราชการในพระองค์และเจ้าเมือง หากไม่นึกไม่ฝันว่ายังกระทําการอันขาดความยําเกรงต่อข้าเสียด้วย”
ฉิงฮันก้าวออกมาภายหลังจากตัดสินใจเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน ที่บ้านที่มีความสําคัญที่สุดในเขตเมืองสนธยาอย่างบ้านตระกูลเก้อซึ่งขึ้นชื่อว่าประจบสอพลอ พวกมันกลับมีข้อแก้ตัวมาหักล้างทั้งลู่หยุนและโมวยจนไร้ซึ่งข้อกล่าวหาที่จะร้องเรียนได้
ความช่วยเหลือของฉิงฮันซึ่งเป็นทูตพิเศษเฉพาะองค์ฮ่องเต้ ด้วยการช่วยสนับสนุนนําทูลฮ่องเต้ให้พระองค์ทรงทราบปัญหาความขัดแย้งกันภายในหลางเซียเทียน เนื่องจากโดยปกติแล้ว คนพวกนั้นคงจะไม่แสดงพิรุธเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์องค์ฮ่องเต้
ลู่หยุนพยักหน้ารับทราบ เขาไม่เคยนึกถึงว่าจะต้องให้ฉิงฮั่นเข้ามาช่วยเหลือ การได้ร่วมผจญความเป็นความตายภายในหลุมฝังศพขนาดยักษ์นั่น ได้ลดความรู้สึกไม่เป็นมิตรเมื่อแรกของคนทั้งสองลงจนหมดสิ้น
“ดีแล้ว” โม่วยี่ยิ้มให้ “ตระกูลเก้อฝังรากอิทธิพลหยั่งลึกในเขตเมืองมาช้านาน ข้าไม่เคยสงสัยเลยว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง การที่ได้เจ้าเข้ามาช่วยครั้งนี้จะทําให้ทุกอย่างง่ายขึ้น”
อันดับแรกนางจะต้องพยายามปกป้องอํานาจหน้าที่แห่งความเป็นเจ้าเมืองของนางไว้ หากนางเพิกเฉยเพียงเล็กน้อย ทั้งเหล่าเซียนและผู้คนย่อมต้องขับไล่นางให้พ้นจากตําแหน่ง แล้วปัญหาที่มีอยู่จะไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นนางจะต้องเร่งจัดการทันทีและโดยเร็ว
หากคนที่มาจากเหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์ยังมุ่งติดตามยู่อิงอยู่ย่อมหมายความว่านางจะไม่สามารถออกสู่ภายนอกสักพักหนึ่ง ทั้งการที่ข้าได้ของล้ําค่าอย่างภาพวาดทั้งสามไว้ด้วยกัน และการที่ลิ้งฮั่นกลับคืนชีวิตเนื่องด้วยภาพเหล่านั้น ดังนั้นข้าจะต้องเก็บทั้งหมดนี้ไว้เป็นความลับห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด ลู่หยุนนึกเตือนสติตนเองอย่างเงียบเชียบ