เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ [1 ] บทที่ 58 เหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์
บทที่ 58 เหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์
เมื่อได้ยินทั้งโม่วยี่และลิ้งฮั่นต่างหน้าตาปิ้งตึงด้วยไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ ผู้ฝึกตนเยี่ยงลู่หยุนกลับกล้าท้าทายเหล่าเซียนชั้นสูงเช่นนี้ พวกเขาต่างมองว่าชายหนุ่มเป็นเพียงมนุษย์โลกผู้ไร้เดียงสาเป็นแค่เจ้าเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองสนธยาเท่านั้น
ในความเป็นจริง ตัวของชายหนุ่มหาได้รู้จักโลกใหม่แห่งนี้สักเท่าไหร่ ความเข้าใจที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่มาจากของความทรงจําของยู่อิงและเฟยหนี้ที่ได้รับมา และถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นอดีตเจ้าเมืองสนธนยา ทว่าพวกนางก็แทบจะไม่เคยผจญภัยในโลกอันกว้างใหญ่เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกับลู่หยุนซึ่งมาจากโลกมนุษย์ สําหรับเขา โลกเซียนมีความลึกล้ําจนน่าประหวั่นและพรั่นพรึง มันน่ากลัวดุจมหาสมุทรสุดยากจะหยั่งถึง ทั้งยังลี้ลับดํามืดมองไม่เห็นถึงก้นบึงกระนั้น
อย่างไรก็ตาม เขาได้พบกับมิตรที่สามารถไว้วางใจ ต้องขอบคุณคัมภีร์เป็นตายที่จุดตันเถียนของตนเอง และเหตุที่ทําให้เจ้าเมืองหนุ่มค้นพบเซียนในอดีตกาลออกจากสุสานเก่าแก่โบราณเพื่อเป็นทูตวิญญาณ จนได้รับทั้งความสามารถและประสบการณ์ของพวกนางมาไว้กับตน
พูดง่าย ๆ ความสามารถในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นคนละเรื่องกับความสามารถที่เขามีเมื่ออยู่ในโลกมนุษย์เลยทีเดียว
โม่วยออกไปจัดการให้จวนกลายเป็นค่ายกลหลังใหญ่เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในขณะที่พวกลู่หยุนไม่อยู่
“หากไม่ใช่พวกลู่หยวนโฮหรือเฟิงลี่ ถ้าเช่นนั้นจะเป็นผู้ใดกันแน่” เขาหันไปมองผู้คลุมสีดําของบุรุษที่วางอยู่ในค่ายกล แม้ว่าจะถูกจัดแจงใหม่แล้ว หากแต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความยุ่งยากในสายตา
“นายท่านขอรับ นายท่าน ข้าน้อยกลับมาแล้ว!” เก้อหลงถลันเข้ามาด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย และฉุนเฉียว ขณะที่ทั้งดึงทั้งลากเจ้าอ้วนหลี่ยวไฉที่มีสภาพอย่างกับหมูตาย
“เจ้าพามันเข้ามาให้เป็นเสนียดบ้านข้าได้อย่างไร โยนมันออกไป” สีหน้าของนางแสดงว่ารังเกียจอย่างเด่นชัด
ไอ้คนตัวอ้วนมันเป็นต้นเหตุให้นางต้องตกระกํานับตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในเมือง มันยังจับนางให้หมั้นหมายกับเจ้าเมืองคนอื่น! หากได้ลู่หยุนช่วยเอาไว้ แต่นั่นก็มิได้ทําให้ความรังเกียจของนางลดทอนลงไปสักน้อย
“จับเขาโยนออกไปข้างนอก มันอยู่ก็เปลืองพื้นที่” ลู่หยุนยิ้มกึ่งขบขันกึ่งเหน็บแนม หลังจากมองเห็นแววอาฆาตพยาบาทในท่าทีของนาง
เจ้าอ้วนยังมีเรี่ยวแรง ถึงจะถูกครอบงําโดยผีเซียนก็ตาม ซึ่งตามปกติวิญญาณและพลังปราณของผู้ฝึกตนผู้นั้นจักสูญสิ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือจิตวิญญาณแตกซ่าน และอย่างมากที่สุดก็คือการที่ตลอดทั้งช่วงชีวิตตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน
ทว่าสภาพของชายร่างอ้วนคนนี้กลับยังดูปกติดี ถึงจะต้องสูญเสียพลังไปมากจากการปะทะกับเหล่าอสูร ทว่าดูเหมือนก็จะไม่ทําให้สะดุ้งสะเทือนแม้สักน้อย เขายังคงนอนแผ่หลาไม่ได้สติอยู่บนพื้นซ้ําส่งเสียงกรนดังสนั่นเพราะหลับสนิทอีกต่างหาก
“เฮ่อ เอาละ!” เก้อหลงลากขาหลี่ยวไฉพามันออกไป หากเมื่อเขามาหยุดมองขึ้นไปบนท้องฟ้า หยุดชะงักก่อนร้องเสียงหลง “เอ๊ะ นั่นมันหัวหน้าพ่อบ้านเก้อไม่ใช่หรือ”
“เจ้าว่าไรนะ” ลู่หยุนอุทาน “เจ้าแน่ใจหรือ”
“ข้าน้อยคอยรับใช้เขามานานหลายปี มีหรือจะจําไม่ได้!” เก้อหลงพูดอย่างมั่นใจ “แต่ว่าใช่แล้ว ต้องมีวิญญาณอื่นครอบงําร่างของเขาแน่ ๆ…”
“คนรับใช้เจ้าไปตามดูสิว่าพ่อบ้านเก้ออยู่ที่ใด!” โม่วยหน้าเครียด พ่อบ้านเก้อเป็นคนรับใช้ของชนชั้นสูงแห่งเขตสนธยา พลังปราณของเขาในระดับจิตวิญญาณเริ่มต้นแต่ก็เป็นคนสําคัญคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามสําหรับโม่วยี่เขาเป็นได้เพียงมดปลวกเล็กน้อยเท่านั้น
นางมักเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ภายในเมืองวารีทมิฬปกปิดความสามารถในการเข้าถึงแก่นพลังปราณชั้นยอดมานานนับสิบปี ซึ่งเจ้าเมืองคนอื่นๆ ก็มีระดับพลังที่เท่าเทียมกัน คนของนางหาใช่คนที่มีอิทธิพลแต่อย่างใด แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นผู้ฝึกตนพลังชี้และแก่นพลังปราณ
จะเป็นอย่างไรถ้าหลี่ยวไฉสามารถแอบเข้ามาในที่จวนที่พักของนางได้โดยง่าย
ที่แห่งนั้นก็เช่นสนามเด็กเล่นของผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณเริ่มต้น ด้วยเหตุนี้นางจึงสามารถลักลอบเข้ามาแล้วสังหารทุกคนในนี้จนเหลือรอดได้เกินสองรอบชีวิต
ทั้งหัวหน้าพ่อบ้านเก้อและใครก็ตามที่ครอบงํามันเห็นจวนที่พักของเจ้าเมืองเป็นเสมือนสนาม เด็กเล่นที่มันนึกอยากจะเข้าออกได้ตามใจชอบ อีกทั้งความละเลยของลู่หยุนที่เพิ่งกลับจาก เดินทางจึงไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติรอบกาย
“ไม่จําเป็นต้องตามมันดอก หากข้าคือเป้าหมาย พวกมันต้องการใช้ว่านเฟิงเป็นเหยื่อล่อให้ข้าออกจากเมืองนี้!” ลู่หยุนใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่
แน่นอนที่สุด ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยปาก คนนําสารมาส่งเทียบหยกให้ถึงมือ
“ซากต้นไม้ห่างออกไปทางเหนือสิบห้ากิโลเมตร ให้ข้าไปเพียงลําพังหรือ” เขากวาดสายตา ทว่าจิตสัมผัสเพ่งพิจารณาอัขระบนเทียบนั้น พลันหันมาทางเจ้าคนนําสารซึ่งยังคงยืนนิ่งวิ่งราวต้องมนตร์ จากประสบการณ์เขาจึงมั่นใจว่านี่เป็นผลของเครื่องรางเวทเท่านั้น
“ ของเล่นเช่นนี้เป็นของเหล่าเซียนเหนือสวรรค์” โม่วคิ้วขมวดมุ่นขณะพิจารณาเวทมนตร์ถึงกลายสภาพไร้ชีวิตแล้ว
เหล่าเทพเซียนเป็นหนึ่งในเก้าชุมนุมเทพเซียนแห่งโลกเซียน ทั้งยังเหนือกว่าหลางเซียนเทียนในแง่ของความแข็งแกร่ง และมีเซียนบางคนในชุมนุมที่อาศัยชื่อของเหล่าเซียนในด้านความแข็งแกร่งและสถานะเพื่อหาผลประโยชน์
“เทพเซียนแทบจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของชุมนุมอื่น แต่ทําไมในครั้งนี้เหล่าเทพเซียนถึงล่วงล้ําเข้ามาในเขตของเรา” โม่วยตั้งข้อสังเกต
“อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว มันต้องเป็นเขาแน่ ไอ้แมลงสาบที่ต้องแฝงในร่างของผู้อื่น” ลู่หยุนพึมพําเสียงอู้อี้ เมื่อเอ่ยถึงเหล่าเทพเซียนเหนือสวรรค์ ชายหนุ่มเดาออกทันทีถึงผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรู นี่น่าจะเป็นฝีมือของชายในเสื้อคลุมสีดําผู้ที่หลบหนีรอดออกไปจากหลุมฝังศพของยู่อิง
“ซากต้นไม้ที่อยู่ห่างนอกเมืองออกไปสิบห้ากิโลเมตรอย่างนั้นหรือ ข้าขอไปกับท่านด้วย” โม่วยี่ตอบอย่างใจเย็น ” บุกเข้ามาในจวนของข้าเช่นนี้ ในฐานะเจ้าเมือง ข้าไม่อาจนิ่งเฉย”
“ขะ-ข้าจะไปด้วย” ฉิงฮั่นทั่วงเสียงอิดโรย
“สภาพของเจ้าตอนนี้ อยู่ที่นี่จะดีกว่า” ลู่หยุนปฏิเสธเสียงอ่อน เขาถูกบีบให้ออกไปเพียงลําพัง หากคงไม่เหมาะจะไปกีดกันโม่วย นางมีความเหมาะสมด้วยตําแหน่งเจ้าเมืองที่ไม่อาจยอมรับคําปรามาสโดยไม่ตอบโต้
ส่วนฉิงฮั่น หากเขาไปด้วยคงต้องหมายความว่าลู่หยุนจะต้องแบกเขาไว้บนหลังอีกครั้ง
“ข้า…” ฉิงฮั่นกัดริมฝีปาก ในที่สุดจําต้องพยักหน้าอย่างยินยอม
โม่วยค่อยพลิกฝ่ามือค่ายกลจวนที่พักสั่นน้อย ๆ ราวกับมีชีวิต “ค่ายกลดวงดาวทั้งเจ็ดสามารถป้องกันเซียนที่พลังแข็งแกร่งได้ เขาจะพักอยู่ในนี้ได้อย่างปลอดภัย”
โม่วยและลู่หยุนต่างนิ่วหน้าเมื่อมาถึงบริเวณชายป่าเขียวขจีห่างจากตัวเมืองไปทางเหนือสิบห้ากิโลเมตร
“ดูเหมือนว่าจะมีศัตรูติดตามท่านมามากกว่าหนึ่งคน” เจ้าเมืองสาวพูดเบาเหมือนกระซิบ น้ําเสียงเจือความกังวล
“ข้าต้องฝาถึงสิบแปดค่ายกล ที่จริงพวกนั้นคงคิดถึงข้าแน่ หี” ลู่หยุนถอนใจใหญ่ เมื่อก่อนลู่หยุนมองโครงร่างฮวงจุ้ยผสมปนเปกันไปหมด แต่เมื่อได้ความชาญฉลาติของเฟยหนี้เข้ามา มันก็ทําให้สิ่งที่เขาเข้าใจไม่กระจ่างกลับดีขึ้น
ไม่ได้คิดมากเกินไปหรือเพราะเกิดความสับสนเอง ไม่เพียงแค่มีเซียนที่ฟื้นชีพขึ้นมา ลู่หยุนย่นหัวคิ้ว นอกจากฉิงหงเชิงจะกลับมาด้วย!
แว่บเดียว ชายหนุ่มพลันมองเห็นเซียนมันพุ่งเข้ามาทางเขา
ค่ายกลที่ตั้งไว้ค่อนข้างแม่นยําในการตอบโต้กับพลังเซียน “เฟยหนี้ เจ้ารีบเข้าไปช่วยว่านเฟิง” ลู่หยุนสั่งการผู้รับบัญชาซึ่งอยู่ที่ใดสักแห่งในประตูสู่อเวจี คนผู้นั้นพยักหน้ารับก่อนหายวับไป
MANGA DISCUSSION