เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 57 ประกาศศึกกับเซียน
เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ
บทที่ 57 ประกาศศึกกับเซียน
“ฝีมือใคร!” สู่หยุนแทบระงับความโกรธไว้ไม่ได้
โม่วยี่ส่ายหน้า “คนของข้าถูกฆ่าตายไปหลายคนแล้ว ตอนนี้พวกมันกลับจับตัวสาวใช้ของท่านไปแทนที่จะฆ่านางเสีย เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เป้าหมายของมันคือท่าน”
พิธีกรรมบูชายัญแม่น้ําสนธยาจะมีขึ้นในอีกหกวันข้างหน้า การตระเตรียมงานพิธีกรรมที่จะจัดขึ้นเต็มไปด้วยความขัดแย้งภายในเขตเมืองสนธยาปีนี้มีการแต่งตั้งเจ้าเมืองสนธยาคนใหม่ การขัดแข้งขาขัดผลประโยชน์กันแสดงออกมาอย่างชัดเจน เป้าหมายที่หลายคนล้วนแต่เพ่งเล็ง-ลู่หยุน
” หรือว่าจะเป็นลู่หยวนโฮ” ลู่หยุนสีหน้าหม่นหมอง แน่นอนว่าไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิด ชายคนนั้นต้องรับโทษแสนสาหัสด้วยการถูกส่งเข้าค่ายกลมังกรทองและยังสมุนของลู่หยวนโฮที่ถูกฆ่าตายอีกหลายคน พวกมันทั้งหมดถูกจองจําในอเวจีมหานรก เจ้าเมืองหนุ่ม จึงเป็นคนที่ตระกูลสู่เกลียดชังจนเข้ากระดูกดํา
ลู่หยวนโฮ” โม่วยี่ยนหัวคิ้ว ” คนตระกูลลู่ที่มาจากหลางเซียเทียนนั้นหรือ คนคนนี้นับว่าเป็นจุดบอดของตระกูล กว่าจะกู้ชื่อเสียงของตระกูลกลับคืนมาได้ต้องใช้เวลานานนับศตวรรษ พวกเขาเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร”
“เจ้าคิดอะไร” ลู่หยุนหน้าเครียดขมึง เขาเพิ่งเริ่มเอะใจว่าน่าจะมีบางอย่างที่มากกว่าที่เห็น
เป็นความจริงที่ตําแหน่งเจ้าเมืองสนธยาเป็นถือส่วนหนึ่งของหลางเซ็นเทียน มีทั้งความยิ่งใหญ่และอํานาจ ทว่าเขตปกครองนี้ก็ยังแร้นแค้นกันดารและมีภัยร้ายเคลือบแฝงจึงเป็นที่หวาดหวั่นของพวกเซียน
ลู่หยุนเอง เมื่อเขารับเอาความทรงจําของยู่อิงเข้ามา เขาไม่เคยตั้งข้อสงสัยใดๆ แต่เมื่อมีเฟยหนี่เข้ามาอีกคน ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างดูน่าเคลือบแคลง
เมืองสนธยาในปัจจุบันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับอดีตเมื่อห้าพันปีก่อน เวลานั้นเจ้าเมืองในอดีตล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนทองคําทั้งสิ้น โดยมีผู้ว่าการเมืองในระดับเซียนลึกลับ เมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนตําแหน่งผู้ว่าการหลางเซียงเทียนจะส่งผู้ฝึกตนที่มีอิทธิพลซึ่งมีอยู่ทั่วไปมายังเมืองสนธยา แม้ว่าทางเมืองประสงค์ให้ผู้ว่าการเมืองที่ได้รับมอบอํานาจเป็นคนในท้องถิ่น แต่ก็จําต้องกระตือรือร้นทําที่ยอมรับผู้ว่าการเมืองคนใหม่
ทว่าเวลานี้ทั้งสองตําแหน่งแทบจะไม่หลงเหลือความสําคัญในตัวมันเองอีกต่อไป เซียนทองคําที่ถูกส่งมายังเมืองนี้กลับถูกพลังมืด ลอบสังหารตายเป็นจํานวนมาก กระทั้งหลายพันปีที่ผ่านมา แทบจะไม่มีผู้ว่าการเมืองคนใดสามารถอยู่ในตําแหน่งได้เกิน หนึ่งศตวรรษ พลเมืองในท้องถิ่นหาได้สนใจอีกต่อไปว่าใครจะมาเป็นเจ้าเมืองของตน ถึงขนาดนี้แล้วใครจะสนใจ
ในเวลานี้อาณัติแห่งสวรรค์บัญชาให้ลู่หยุนต้องเป็นผู้ฝึกตนให้ได้ ภายในหกเดือน และเขาใกล้ความเป็นผู้ฝึกตนเข้าไปทุกขณะ พระองค์กลับมีบัญชาเพิ่มเติมให้มีการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมดํารงตําแหน่งเจ้าเมืองขึ้นมาเสียอีก
แต่ไม่ว่าลู่หยุนจะต้องอยู่ในตําแหน่งเจ้าเมืองไปอีกหกเดือนได้ หรือไม่ก็ตาม เขาก็ยังต้องถูกท้าทายโดยอํานาจมืดของผู้ฝึกตนคนอื่นอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่อีกต่อไป แม้จะดูว่าเป็นเรื่องโง่หากบางอย่างไม่ถูกต้อง
“เรื่องนี้ไม่สลับซับซ้อน” เมื่อเห็นว่าลู่หยุนเริ่มใจเย็นลงโม่วยี่จึงพูดขึ้น “ตอนนี้เมืองที่ถูกลืมกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเมื่อสิ่งล้ําค่าปรากฏออกมา”
“สิ่งล้ําค่า” ลู่หยุนชะงักงันไป ” ตําราค่ายกลโลกานิมิต ภาพวาดนั่นน่ะหรือ”
“หาใช่สิ่งเหล่านั้นไม่” โม่วยี่สั่นหน้า “สิ่งล้ําค่านั้นคือดาบเจดีย์ มันเป็นของล้ําค่าที่รู้จักกันดีมานานหลายแสนปีแล้ว”
“สิ่งนี้มีอิทธิฤทธิ์สูงกว่าตําราค่ายกลโลกานิมิตด้วยหรือ” ดูเหมือนลู่หยุนค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย พยายามขบคิดกันมากมายว่าตําราค่ายกลโลกานิมิตที่ซุกซ่อนที่ใดสักแห่งภายในเทือกเขาสูง ยังหาใช้สิ่งน่าดึงดูดใจมากที่สุดไม่
” ข้าว่าท่านอย่าแพร่งพรายเรื่องตําราค่ายกลโลกานิมิตจะดีกว่า หาไม่ท่านเองนั้นล่ะจะเดือดร้อน” โม่วยี่เดาออกว่าลู่หยุนได้ค้นพบสิ่งใดในหลุมฝังศพ ได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มรู้สึกหวั่นใจจึงหุบปากสนิท
“ตําราค่ายกลโลกานิมิตเป็นสมบัติล้ําค่า แน่นอนว่าอิทธิฤทธิ์ยอมเหนือกว่าดาบเจดีย์เป็นอันมาก อย่างไรก็ตามเทือกเขาใหญ่เป็นปราการสําคัญที่ช่วยปกป้องตําราเอาไว้มิให้ผู้ใดแผ้วพาน-แม้แต่เซียนเต่ยังมิอาจครอบครอง แต่ดาบเจดีย์นั้นต่างกัน ขณะที่เจ้า เมืองสามารถออกคําสั่งต่อดาบได้โดยไม่ยาก เพียงใช้ป้ายประจําตําแหน่งกับพลังพสุธาก็สามารถเรียกใช้ดาบได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่หยุนก็รู้สึกข้องใจ
“ดาบเจดีย์เป็นมากกว่าสมบัติโบราณที่ล้ําค่า” เสียงของฉิงฮั่นดงมาขัดจังหวะ เขายังคงนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ “อักขระเก่าแก่ที่ถูกค้นพบในสุสานโบราณว่าเป็นของล้ําค่าของขุนนางในยุคโบราณ หลังจากที่ขุนนางสิ้นชีวิตลงจึงทําการฝังทรัพย์สินที่เป็นมรดกไว้ในหอสูง
“เจ้าจงรู้ไว้ว่าวิชาความรู้แห่งผู้ฝึกตนนั้นล่มสลายไปนับแสนปีแล้ว มันเกิดช่วงว่างเว้นของที่ความรู้บนโลกแห่งนี้หายไป วิชาเซียนเต๋าได้รับการฟื้นฟูขึ้นจากมนุษย์ผู้ค้นพบในสุสานส่วนใหญ่ได้ถูกเปิดเผย อย่างไรก็ตามในเวลานั้นต่างกระจัดกระจายไปหมดแล้ว”
“ดาบเจดีย์ อีกนัยหนึ่งทรัพย์สินล้ําค่าของขุนนางสมัยก่อน อักขระโบราณกล่าวว่าเขาเป็นหนึ่งในเซียนเต่ที่พลังปราณกล้าแข็ง ปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!
“สิ่งล้ําค่าสามารถวัดมูลค่าได้ ทว่าไม่สามารถวัดค่าโดยเฉพาะเมื่อหากสิ่งนั้นเป็นที่หวงแหน” เสียงพูดยืดยาวของลิ้งฮั่นกับสีหน้าสดใสขึ้นจากพลังภายในเริ่มฟื้นคืน ลู่หยุนค่อยคลายความตึงเครียดลง
“ข้าจะขอส่งมอบป้ายประจําเมืองคืนให้กับเจ้าและให้คนของเจ้ารับช่วงต่อไปได้หรือไม่” เขาเข้าใจสถานการณ์ความยากลําบากของตนเองในตอนนี้เป็นอย่างดี และตนเองเคยก่อกรรมทําเข็ญจนสร้างศัตรูกลับมาตามจองล้างจองผลาญ
โลกใหม่เริ่มก่อร่างขึ้นบนกองซากหักพังเบื้องล่างภายหลังเกิดมหันตภัยขนาดใหญ่ หลายสิ่งจึงเพิ่งเริ่มเตาะแตะ หลายอย่างคืบหน้าไปทีละน้อย ทั้งหมดนี้ต้องขอบใจวัตถุที่ถูกขุดค้นขึ้นมาได้จากซากปรักหักพัง
ในปัจจุบัน โลกเซียนถูกปะปนด้วยคนธรรมดาและผู้ฝึกตนมากมาย ทว่าเซียนเต่กลับสามารถดํารงอยู่ได้นับแสนปีแตกต่างจากคนธรรมดาและผู้ฝึกตน เซียนเมื่อเกิดขึ้นมาแรกเริ่มเป็นเซียนแท้จริงที่มีความโดดเด่น แม้แต่บุตรแห่งสวรรค์ที่จุติลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ก็ต้องออกเดินทางในฐานะมนุษย์ปุถุชนก่อนขึ้นสู่ตําแหน่งเซียน
แน่นอนที่กาลเวลาที่เหมาะสมอาจเรียกคืนความเชื่อในเซียนเต่า และโลกก็จะคืนสู่ความเจริญรุ่งเรือง ทว่าในเวลานี้ยังอีกยาวไกลเวลากว่าหลายแสนปีอาจยังไม่เพียงพอ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทรัพย์สินโบราณของขุนนางในอดีตกาลจึงดึงดูดให้บรรดาเซียนต่างมุ่งหวังช่วงชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งผู้ที่ได้ครอบครองจะได้ทั้งผลประโยชน์มหาศาลและความเจริญก้าวหน้าไปไกลเกินกว่าที่คิด อย่างไรก็ตามลู่หยุนอาจจะอ่อนด้อยเกินกว่าจะต้านรับเหตุการณ์เลวร้ายที่กําลังจะมาถึง
เวลานี้เขาไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ สําหรับดินแดนแห่งนี้ เซียนเป็นผู้ควบคุมปัจจัยประกอบของโลกได้ และสามารถฆ่าลู่หยุนได้เพียงชั่วพริบตาเดียวเช่นกัน
เมื่อคิดได้แบบนั้น พลันความสํานึกในบุญคุณสว่างวาบขึ้นภายในใจโดยไม่ต้องมีใครบังคับ สําหรับการที่คนระดับเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกเซียนในสุสานเมืองสนธยา หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจนขับไล่เซียนชั้นสูงไปเสียได้ เขาคงโดนใครสักคนฆ่าตายเสียนานแล้ว
“ตระกูลสู่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ และเจ้ากลายเป็นเบี้ยต่อรองของพวกเขา” ฉิงฮั่นสั่นศีรษะ “พวกเขาคงไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ นอกเสียจากเจ้าจะยอมจํานน”
“ข้าทําร้ายลู่หยวนโฮ จึงทําให้ข้ากลายเป็นศัตรูของพวกมัน” ชายหนุ่มทอดถอนใจ
“ทรัพย์สินล้ําค่าของขุนนางในอดีตกาลมีความสําคัญกว่าเจ้าอู่หยวนโฮ” ฉิงฮั่นพยายามให้เหตุผลมาหักล้าง “ตระกูลลู่เพียงแต่ต้องการฟื้นฟู ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการทรัพย์สินล้ําค่านั้นอย่างที่สุด พวกเขาหาทางบีบบังคับรวมทั้งพยายามเขี่ยเจ้าให้พ้นทางด้วย”
ลู่หยุนนึกถึงยานนพคุณเวทย์ซึ่งตระกูลสู่จงใจส่งมาให้เขา อย่างไรก็ตามยู่อิงรู้ทันเล่ห์เสียก่อนทําให้ลู่หยุนไม่ได้ดื่มยานั่นเข้าไป
“ถึงเจ้าจะส่งคืนป่ายประจําตําแหน่ง ทว่าไม่มีใครสามารถใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับคําสั่งจากศาลสูงแห่งหลางเซียเทียน ดังทุกคนต้องยึดถือเป็นกฎกติกา แต่ไม่ต้องกังวลใจไป ข้าจะให้ความคุ้มครองเจ้าเอง” วาจาของหนุ่มน้อยเข้มแข็งมุ่งมั่นขึ้นมาก เมื่อพูดไปแล้ว แม้แต่ตนเองยังคิดไม่ถึงว่าจะพูดออกไปเช่นนี้
ลู่หยุนเหยียดริมฝีปากอย่างขบขันแกมเหน็บแนม ด้วยอะไร? กฎแห่งศาลสูงอย่างนั้นหรือ
หากปราศจากกฎเกณฑ์ย่อมไม่อาจพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า นับแสนปีมาแล้วที่เหล่าเซียนแต่งตั้งกลุ่มคน เพื่อให้ตรากฎหมายให้กับศาลสูงแห่งสวรรค์จนบรรลุความสําเร็จ
พวกเขาไม่มีทางยอมให้กฏเกณฑ์มีข้อยกเว้นเพียงเพื่อทรัพย์สิน โบราณล้ําค่าของขุนนาง เพราะเมื่อคนหนึ่งได้รับยกเว้นคนอื่นก็จะเรียกร้องอ้างสิทธิ์นั้นด้วยเช่นเดียวกัน ถึงตอนนั้นโลกเซียนจะเกิดความวุ่นวายยุ่งเหยิงอีกครั้ง
ลู่หยุนเคยคิดจะรื้อฟื้นชุมนุมโจรปล้นสุสานขึ้น และจะผลักดันให้มีฐานะเป็นที่ยอมรับในโลกใหม่ซึ่งมีสุสานอยู่มากมายนับไม่ถ้วน แต่โชคไม่เข้าข้าง ความยุ่งยากที่ถาโถมเข้ามาก่อนที่การผจญภัยจะเริ่มเสียด้วยซ้ํา
“ข้าจะต้องได้สมบัติโบราณล้ําค่านั่นมาให้ได้” ลู่หยุนแยกเขี้ยว “ในชีวิตนี้ข้าไม่เคยมุ่งหวังชื่อเสียงแม้กระทั่งจะประสบความสําเร็จ จากการบุกเข้าไปในหลุมฝังศพ อยากรู้เหมือนกันว่าทรัพย์สมบัติโบราณของขุนนางจะมีมูลค่าสักเท่าใด ข้าจะไปเอามาให้จงได้! ดูสิว่า ใครหน้าไหนบังอาจมาขวางทาง!”
การเปล่งวาจาออกมาดังๆ ช่วยข่มความกลัวที่อาจยื้อฉุดรั้ง -ความกลัวต่อโลกที่ไม่คุ้นเคย ความกลัวกับการต้องเผชิญหน้ากับเหล่าเซียนที่สูงส่งและน่าเกรงขาม หัวหน้าแห่งสมาคมขุดสุสารของเขาเคยได้ชัยชนะเหนือทั้งโลกสวรรค์และโลกมนุษย์ เรื่องดังกล่าว ยังคงสร้างความปลาบปลื้มภาคภูมิใจมิรู้หาย ดีละ เช่นนั้นข้าอู่หยุนจะบุกตะลุยไปข้างหน้าในโลกเซียนแห่งนี้