เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 55 เส้นยาแดง
เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ
GS บทที่ 55 เส้นยาแดง
ลิ้งฮั่นยู่ปากอย่างกังวล ก่อนจะเอนศีรษะซบนิ่งกับหน้าอกของอีกฝ่ายจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจของเขา ท่ามกลางซากแหลกละเอียดของหลุมฝังศพแม่มดผีดิบอสูรชั่วร้ายยังคงติดตามมาอย่างไม่ลดละ
ทว่าเขากลับรู้สึกปลอดโปร่งอย่างประหลาด
สําหรับลิ้งฮั่นในเวลาเฉียดความตายเช่นนี้ แต่เขากลับ… ได้แต่ถอนหายใจ ข้าไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้มาก่อนในชีวิตพี่น้องข้าหรือพี่ใหญ่ยังไม่ทําให้รู้สึกปลอดภัยได้มากมายเช่นนี้
ลิ้งฮั่นลูบคลําอัญมณีดาราบนหน้าอก ไม่ว่าภาพแห่งความว่างเปล่าจะเป็นต้นเหตุที่ทําให้ค่ายกลโลงศพถล่มลงมาหรือไม่ก็ตามแต่อํานาจแห่งอัญมณีสามารถทําได้
อัญมณีไม่สามารถกําจัดแม่มดผีดิบแต่ทําลายค่ายกลได้ฉิงฮั่นหลับตาพยายามรวบรวมพลังกระตุ้นอิทธิฤทธิ์แห่งอัญมณี “แต่ถ้าข้าใช้อํานาจแห่งอัญมณี คัมภีร์จะออกมาช่วยข้าอีกหรือไม่
หากมันไม่ได้ช่วยจริง ภายหลังจากที่ข้าตาย อัญมณีดาราคงเป็นได้เพียงหินที่ไม่มีค่า ราคาแต่อย่างใดความจริงก็จะปรากฏเขาจะว่าอย่างไรจะยังเรียกข้าว่านังแม่มดผีดิบหงําเหงอะอยู่อีกหรือไม่?
“มันอยู่โน่น!” สู่หยุนหยุดฉับพลัน โลงศพสีดําทั้งเก้าวางสงบนิ่งอยู่กึ่งกลางโถงถ้ําขวางทางเบื้องหน้า ประสาทสัมผัสส่งสัญาณเตือนสิ่งไม่ชอบมาพากล ร่างใหญ่โตของแม่มดผีดิบหยุดกึกยื่นคํารามเสียงต่ํา
”เพิ่งคิดกลัวหรือ” เขาเหยียดมุมปาก “สายไปเสียแล้ว!”
โลงทั้งหมดอยู่ตรงตําแหน่งสุดขอบของหลุมฝังศพ โครงสร้างผสมผสานกลมกลืนกับโถงถ้ํา ในขณะนั้นเป็นส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายชายหนุ่มตรงเข้าหาโลงศพ เมื่อเห็นแบบนั้นแม่มดผีดิบพลันส่งเสียงกรีดร้องเสียงแหลมออกมา แม้ลู่หยุนจะเกิดอาการมึนงงเล็กน้อยหากเขากลับไม่หวั่นเกรง
” ดูเหมือนเจ้าจะกลัวจนไม่กล้าเข้ามาเลยละสิ” ยิ้มพลางก้าวเข้าไปในค่ายกลตอนนั้นเองค่ายกลโลงศพทั้งเก่าและยันต์แปดเหลี่ยมเริ่มเคลื่อนไหวพลันบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป
ฉับพลันลู่หยุนรู้สึกมีแรงผลักมหาศาลมาจากร่างที่ขดอยู่ในอ้อมแขนเขารีบตะโกนห้าม “ยังก่อน ถ้าเจ้าทําลายโครงร่างพวกเราต้องกลายเป็นเหยื่อพวกผีดิบซากศพชโลมโลหิตแน่”
ฉิงฮั่นชะงัก เขาพยักหน้ายินยอมกดพลังของอัญมณีไว้ก่อนตามที่ลู่หยุนบอก
ลุ่หยุนถอนใจอย่างโล่งอก กระโดดออกห่างจากค่ายกลอย่างรีบเร่งและกระตือรือร้น หวนนึกถึงคราวที่เขาเคยมาที่นี่ นั่นก็ยิ่งทําให้อยากหลีกลี้ออกไปให้ไกล
“ในเวลานี้ “ ฉิงฮั่นเอ่ย
“ยังไม่ต้องทําอะไรทั้งสิ้น! “ ลู่หยุนร้องห้าม หน้านิ่วอย่างใช้ความคิดสายตาที่จ้องมองมาจากอีกฟากของค่ายกลของแม่มดผีดิบเต็มไปด้วยความเคืองแค้นชิงชังค่ายกลโลงศพนี้สร้างให้มีทางออกเพียงด้านเดียวซึ่งนางแม่มดผีดิบจําต้องเดินเข้ามาทางที่ลู่ห ยุนยืนอยู่
ครืนนน ครืนน โครม!
เสียงครั่นครืนของถ้าที่กําลังแยกแตกออกจากกันสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทางเดินนั้น ร่างแม่มดผีดิบสั่นเทิ้มพร้อมที่จะทะยานเข้า หาเขาทุกเมื่อหลุมฝังศพถล่มอยู่รอบกาย ความรุนแรงย่อมส่งผลทําลายโลงศพอีกทั้งกับดักการรับรู้ของมันต้องแตกดับลงไปด้วยเช่ นกัน
“ใช่แล้ว!” พลันลู่หยุนเริ่มตาสว่าง” จะต้องหาทางให้แม่มดผีดิบทําลายค่ายกลด้วยตัวมันเอง”
” ทําอย่างไร” ฉิงฮั่นกะพริบตาด้วยความไม่มั่นใจ เห็นได้ชัดว่าแม่มดผีดิบมันหวาดกลัวค่ายกลเกินกว่าจะยอมเข้าใกล้
บางทีมันคงกลัวซากศพอาบเลือดพวกนั้น แต่หาได้กลัวจิตแห่งการรับรู้ในโลงซากศพไม่”
ทิ้งงง!
ร่างมโหฬารปรากฏขึ้นอย่างกระทันหันภายในโถงถ้ํา ขนาดใหญ่โตของมันแทบจะเต็มทั้งช่องทางเดิน ด้านหนึ่งเป็นขั้วแห่งความ ตายที่แห้งแล้งส่วนอีกด้านเป็นขั้วแห่งชีวิตชีวา ทั้งสองขั้วสอดประ สานกันเป็นโครงร่างฟื้นชีพ
แม่มดผีดิบแผดเสียงร้องฟังไม่ได้ศัพท์พุ่งเข้าหายอดเขาลอยซึ่งถูกละทิ้งไว้
โครมมม!
ความผลีผลามของแม่มดผีดิบ ร่างของมันชนเข้ากับโลงศพอย่างรุนแรงจนแตกละเอียด ผีดิบซากศพชโลมเลือดคลานออกมาจากเศษโลงศพที่แตกหักเผยใบหน้าประหลาด ปริแตกเป็นรอยยิ้มอัน น่าสยดสยอง
“ไอ้พวกหนอนหน้าปีศาจมันอยู่ที่ไหน!” ลู่หยุนกระวนกระวายเมื่อเห็นเพียงซากศพแต่ไร้แววหนอนปีศาจ ทันใดนั้นเขารู้สึกอยากอาเจียนออกมาต่อสิ่งที่เห็น
เมื่อซากศพอ้าปากงับกัดกินนางแม่มดผีดิบ มันก็เผยให้เห็นตัวซีด ๆ ของหนอนยั้วเยี้ยอยู่ในปากที่อ้ากว้าง ที่จริงแล้วหนอนหน้าปีศาจมันฝังตัวอยู่ในท้องของซากศพนั่นเอง!
แม่มดผีดิบกรีดร้องอย่างหวาดกลัวในขณะที่เนื้อหนังที่เน่าเละถูกเจ้าซากศพชโลมเลือดกัดแทะกินอย่างเลือดเย็นไม่เว้นแม้แต่กระดูกมันทั้งดิ้นรนตะเกียกตะกายเพื่อจะปืนให้ถึงยอดเขาลอยได้แต่แล้วมันกลับถูกผีดิบซากศพซึ่งแข็งแกร่งกว่ากระชากลงมาจนได้
“เหอเหอเหอ!” เสียงหัวเราะชวนขนหัวลุกขณะเขมือบกินนางแม่มดผีดิบทันใดพวกมันที่เหลือก็หันมาทางลู่หยุนและฉิงฮั่น
“ซวยละ กําจัดแม่มดผีดิบได้ แต่ต้องมาเจอกับซากศพชโลมโลหิตที่ร้ายกาจกว่า!” ลู่หยุนปั่นป่วนในท้อง “หวังว่าพวกมันจะไม่ออกจากหลุมฝังศพเหมือนพวกผีดิบนะ” เขาพลิกฝ่ามือร่ายเวทเพื่อผลักเขาลอยได้ออกให้พ้นทาง ก่อนจะออกวิ่งหนี
เบื้องหลังเต็มไปด้วยเสียงอึงอลของสิ่งชั่วร้าย เสียงของซากศพชโลมเลือดดังก้อง พวกมันกําลังกัดแทะเนื้อหนังและกระดูกของแม่ มดผีดิบทําให้เจ้าอสูรร้ายร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมาน
“อย่ามอง!” ลู่หยุนรีบยกมือปิดตาของหนุ่มน้อยอย่างรวดเร็วก่อนที่ฉิงฮันจะหันกลับไป “ถ้าเจ้าหันไปมอง ซากศพผีดิบพวกนั้นมันจะตามพวกเรามา!”
” พวกมันตามมาแล้ว” ฉิงฮันเถียงเสียงสั่น ๆ ตาเหลือบมองเหนือศีรษะของลู่หยุน เงื่อมเงาสีแดงเข้มจํานวนเก้าเงาลอยอยู่บนศีรษะ มันเข้ามาใกล้เสียจนเขามองเห็นดวงตาส่องแสงสีแดงประกายเยือกเย็นในเงานั้น
“อย่างไรก็ช่างเถิดน่า ไม่ต้องสนใจ!” บรรยากาศเอะอะอีกทึกเบื้องหลังเงียบสนิท พวกซากศพอาบโลหิตรุมกัดกินนางแม่มดผีดิบจนไม่เหลือซากในเวลารวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
“นั่นพวกซากศพ หรือปีศาจ” ลู่หยุนโดยสารดาบพิฆาตโลกันต์ออกมาภายนอกหลุมฝังศพ แต่ยังมีซากศพชโลมโลหิตเก้าตนแอบตามเขามาจนได้และลอยเหนือศีรษะ
“เจ้า…ทําลายข้า!” เสียงพูดเย็นเยือกลอยมาเข้าหูของลู่หยุน
“เจ้าเป็นแค่สิ่งลวงการรับรู้ ไม่มีแม้แต่วิญญาณ!” เขาเย้ยหยัน “ไอ้ปีศาจชั้นต่ํา”
เขารู้ดีว่าเสียงนั่นคืออะไร มันคือจิตตระหนักรู้ที่ถูกจองจําอยู่ในโลงซากศพซึ่งไม่ใช่ปีศาจ หรือผีดิบ ทว่าเป็นจิตที่ถูกพันธนาการและจะลดน้อยลงเมื่อมันออกจากหลุมฝังศพ
ดังนั้นจึงไม่น่ากลัว
” พาข้าไปด้วย” เสียงดังมาอีกหากครั้งนี้กลายเป็นวิงวอน “ให้ข้าเข้าไปเถิด ขอข้าเข้าไป ขอเข้าไป!”
” ข้างในอย่างนั้นหรือ” นิ่งไปอึดใจ ลู่หยุนร่ายเวทมนตร์ประตูสู่อเวจีเปิดออก
ฟูววว!
บางสิ่งบางอย่างพุ่งทะยายเข้าสู่ประตู
” ทีมม์” ทั้งจิตตระหนักรู้และซากศพชโลมโลหิตถูกดูดเข้าสู่ประตู โลกเบื้องหลังประตูเป็นอาณาจักรของลู่หยุน ซากศพทั้งเก้าจะไม่สามารถแผลงฤทธิ์เมื่ออยู่ในนั้นได้อย่างแน่นอน
ลู่หยุนเตรียมปะทะเมื่อฝูงอะไรบางอย่างฮือกันออกมาจากกองซากหักพังของหลุมฝังศพ บางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว
ฝูงแมลงซากศพ!
พวกเขากําลังอยู่ส่วนกลางลําตัวของโลงซากศพ หลุมฝังศพยังคงถล่มลงมาอย่างต่อเนื่องจนสภาพภายในพังเสียหายยับเยินผนังถ้ําแตกออกส่งผลให้แมลงซากศพทั้งฝูงแตกฮือออกมาตามรอยแยก
แมลงขนาดเท่าฝ่ามือของคนบินพุ่งจู่โจมลู่หยุนอย่างมุ่งร้ายเขี้ยวที่เต็มไปด้วยพิษร้ายสีแดงคล้ํา แมลงพวกนี้เปรียบเสมือนอาวุธร้ายด้วยพิษร้ายของมันสามารถกลายสภาพสิ่งมีชีวิตที่ถูกกัดให้กลายเป็นผีดิบทันที
แมลงซากศพทุกตัวมีพลังเทียบได้กับผู้ฝึกตนขั้นแก่นแท้ในขณะที่ลู่หยุนเพิ่งเข้าสู่ปราณแปรเปลี่ยน เขาอาจรับมือพวกมันได้สักตัวหรือสองตัวหากไม่ใช่ทั้งฝูงแมลงซากศพ
ฮืมมม
แสงสีขาวนวลพุ่งออกมาจากฝ่ามือของลู่หยุน พลังของแสงปกคลุมกลุ่มแมลงที่ห่างออกเพียงช่วงแขน พลันนิ่งฮั่นปลุกคัมภีร์องค์เทพเซียนนั่นขึ้นมันเปล่งแสงสว่างไสวขับไล่ฝูงแมลงซากศพไม่ให้เข้ามาใกล้แต่ไม่ถึงกับฆ่าพวกมัน
“ข้าไม่รู้ว่าจะใช้มันได้อย่างไร” ฉิงฮั่นพูดอย่างร้อนรนใบหน้าซีดเผือด “สิ่งนี้มันเกินกว่าที่ข้าจะควบคุมได้”
“ก็ยังดี!” ลู่หยุนถอนใจ ขณะยืนบนดาบพิฆาตโลกันต์มุ่งตรงไปที่ทางออก
บึงน้ําข้างหน้าระเกะระกะด้วยซากปรักหักพัง ไม่เห็นปลาซากศพแม้สักตัวบางที่พวกมันอาจจะตายหรือหนีไปจนหมด
“ออกมาได้แล้ว!” เมียวและเยี่ยเงินในร่างของหลี่ยวไฉกําลังยืนคอยด้วยความกระสับกระส่ายอยู่ที่ซากหักพังห้องโถงกว้างรีบรีเข้ามาหาลู่หยุนและฉิงฮันในอ้อมแขน
“รีบออกจากที่นี่เร็วเข้า! ฝูงแมลงซากศพกําลังไล่มา!” คู่หยุนหันมองเห็นแมลงซากศพกลุ่มใหญ่ จึงแกว่งดาบในมือทําลายเพดานและผนังบางส่วนปิดเส้นทาง ผนังห้องโถงพังลงมาเล็กน้อยพอจะยื้อเวลาให้พวกแมลงปีศาจเข้าถึงได้ช้าลงหากคงจะยื้อต่อไปได้ ไม่นานนัก
“โน่นอย่างไร สลักค่ายกล!” เมียวเสียงร้อนรน
“อย่าเลย ใช้สิ่งนี้เถิด!” วัตถุทรงกลมแบนของค่ายกลยานพาหนะนําพาปรากฏขึ้นในมือของลู่หยุน
“เอ้ออ..” เมียวเห็นดังนั้นแล้วจึงชะงักไป
ชายหนุ่มเจ้าเมืองเคยใช้ค่ายกลยานพาหนะนําพาในการพาพวกเขาเข้ามาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง วัตถุวางสงบนิ่งอยู่บนฝ่ามือทั้งสองข้างเสียงครางกระหมไม่นานร่างทั้งหมดพลันหายวับออกจากบริเวณนั้น
บี้มมม
เพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบสิบนาที ทั้งหลุมฝังศพสั่นไหวโยกอย่างรุนแรงในที่สุดก็ไหลเลื่อนจมลงไปในโคลนจนมิด
พื้นผิวดินภายนอกสั่นไหวจากการถล่มของชั้นใต้ดิน
โม่วยี่จับตามองภาพของเทือกเขาแห่งค่ายกลที่สูงตระหง่านค่อยจมลงต่อหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เทือกเขาที่ยืนหยัดคู่กับเขตปกครองสนธยามานานถึงห้าพันปี มาบัดนี้กําลังจะหายไปจากโลกในพริบตา
จิตวิญญาณที่ผูกติดอยู่กับภูเขาใหญ่เฝ้ามองจุดที่เคยปรากฏเป็นเขาทั้งลูก
” มันหายไปแล้ว” โม่วยี่พึมพํา “เขานําตําราค่ายกลโลกานิมิตออกมาได้หรือไม่”
แม้ว่าลู่หยุนจะใช้ระยะเวลาในการตามหาตําราค่ากลโลกานิมิตแต่สําหรับเวลาของโลกภายนอกค่ายกลเพิ่งผ่านไปเพียงไม่นานเนื่องจากค่ายกลถูกตั้งขึ้นกว่าห้าพันปี ไม่แล้วจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมค่ายกลภูเขาใหญ่แห่งนี้จึงยืนหยัดมาได้โดยไม่ถูกทําลาย
โม่วยออกมาชานเมืองนานแล้ว เก้อหลงยืนอยู่เคียงข้างพร้อมด้วยค่ายกลยานพาหนะ ท่าทางกระสับกระส่ายรอคอยผู้เป็นเจ้านายทันใดนั้นมีแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าพลันร่างปรากฏขึ้นลอยอยู่กลางอากาศ
พบ พบ พี่บ
แมลงซากศพตัวใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือคนแตกฮือขึ้นมาจากกองซากหักพังไม่ห่างออกไป