เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 54 กฎตายตัว
บทที่ 54 กฎตายตัว
ลู่หยุนวิ่งหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต นางแม่มดผีดิบไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด ขณะเดียวกันรอบ ๆ ตัวหลุมฝังศพกําลังพังถล่มลงมาอย่างน่ากลัว
ประเดี๋ยว! พลันคิดขึ้นได้ว่าตัวเขาสามารถใช้ดาบเป็นพาหนะได้นี่นา! ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตในโลกเซียนอย่างช้า ๆ แต่ยังยากสําหรับการปรับตัวต่อสถานะใหม่ในฐานะผู้ฝึกตน ยามใดที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเขามักจะใช้สองขาของตนเองก่อน เสมอ
ฮึ่มมมม –
ขณะที่ลู่หยุนร่ายคาถาเกิดเป็นประกายสีม่วงรายรอบตัวชายหนุ่ม ทันใดนั้นดาบพิฆาตโลกันต์พลันแปรเปลี่ยนรูปเป็นลําแสงโอบร่างเขาไว้ทั้งตัวและยกลอยขึ้นสู่อากาศ ก่อนเคลื่อนที่ออกไปราวกับมีใบพัดข้างท้ายนําพาออกจากอุโมงค์ที่พังถล่มอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนรูปของอาวุธดาบแทนที่ด้วยพาหนะกระดาน ใช้คาถาแปรเปลี่ยนดาบให้เป็นพลังแสงพุ่งเข้าโอบล้อมรอบตัวผู้เป็นเจ้าของดาบนั้น เมื่ออาวุธกับเจ้าของมีความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวจะสามารถย่นระยะทางที่ห่างออกไปไกลนับพันกิโลเมตรให้กลายเป็นใกล้ทันที
ลู่หยุนไม่เคยใช้วิชาการเคลื่อนที่เช่นนี้มาก่อน ทว่ายู่อิงและเฟยหนี่ทั้งสองมีทักษะการใช้เวทอาวุธเคลื่อนที่เป็นอย่างดี เพียงลู่หยุนเลือกเอาความทรงจําของคนใดคนหนึ่งก็สามารถนําออกมาใช้ได้อย่างทันท่วงที
“นี่เขาไม่ต้องฝึกปรือการใช้ดาบเลยเที่ยวหรือ” ฉิ่งฮั่นรําพึงด้วยความงุนงนกับตัวเอง
ดาบพิฆาตโลกันต์เป็นดาบที่มีอานุภาพสูง ไม่เพียงแต่ลู่หยุนสามารถใช้มันได้อย่างหน้าตาเฉย แม้แต่จะใช้เป็นยานพาหนะยังสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง หนําซ้ำยังยินยอมแต่โดยดี
ดูเหมือนจะเป็นดาบที่สร้างมาเพื่อเขาที่เดียว ฉิงฮั่นได้แต่ครุ่นคิดในใจ
บึ้ม–
ข้างหลังลู่หยุนแม่มดผีดิบกําลังลุยฝามาตามทางที่ถล่มของอุโมงค์ ทง่าด้วยขนาดของร่างกายมันจึงไม่ง่ายนัก
เบื้องหน้าเป็นซากเมืองโบราณเจิ้นชุยอาคารแท่นบูชาเป็นเงาตะคุ่มท่ามกลางแสงสลัว ขณะที่ข้างใต้ผืนดินสะเทือนเลื่อนลั่น รากฐานความเป็นมาในอดีตครึ่งหนึ่งกําลังจะถูกฝังจมอยู่ในนั้น
” หลุมฝังศพกําลังจะถล่มแล้ว!” ลู่หยุนโฉบมากลางอากาศ ขณะลอยอยู่เหนือซากเมืองโบราณพลางสอดสายตาดูสิ่งที่อยู่รอบตัวไปพร้อมกัน
ข้าเข้าใจแล้ว โครงร่างมรณะอนิจจังเป็นเสมือนเสาหลักค้ำยันหลุมฝังศพไว้ เมื่อเสาหลักที่สําคัญถูกทําลาย จะส่งผลให้โครงร่างอื่นถูกทําลายไปด้วยซึ่งผลพวงที่ตามมาจากล้มเหลวของตัวมันเอง
สีหน้าลู่หยุนบ่งบอกอารมณ์มากมาย การที่หลุมฝังศพพังถล่มยอมส่งผลต่อจิตซึ่งการรับรู้ของแม่มดผีดิบสูญสลายไปด้วย ไม่แปลกเลยที่มันอาละวาดอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้ ถ้าเช่นนั้น การที่มันขาดซึ่งจิตซึ่งการรับรู้ แม่มดผีดิบจะนึกมาถึงตอนนี้ลู่หยุนเสียววาบทั่วสันหลัง
ตราบใดที่มันยังคงสภาพจิตซึ่งการรับรู้ มันก็จะยังคงอยู่เท่าที่ขอบเขตจํากัดภายในหลุมฝังศพนี้ เพื่อที่จะคอยปกป้องดวงวิญญาณรอวันที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
แม่มดผีดิบเป็นตัวอย่างของอสูรที่ปราศจากซึ่งความรู้สึกนึกคิดอยู่ได้ด้วยสัญชาตญาณเป็นแรงขับให้กัดกินสิ่งมีชีวิตอื่น การรับรู้แต่เฉพาะตัวตนของมันกําหนดการกระทําให้เป็นดังเช่นที่เป็นอยู่ เมื่อปราศจากการรับรู้มันจะหลุดพ้นจากหลุมฝังศพและออกอาละวาดไปตามเขตปกครองภายนอก
“ก๊าซซซซ!” แม่มดผีดิบกรีดร้อง หัวซุกหัวซุนพยายามหาหนทาง เนื่อหนังเหลวเละหลุดลอกจากร่างกายเผยให้เห็นกระดูกสีดําข้างใน ความหวังเดียวที่มันที่จะรอดจากหลุมฝังศพที่กําลังถล่มคือจะต้องเอาโครงร่างฟื้นชีพมาจากพวกมนุษย์
การฟื้นคืนชีพอีกครั้งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว แต่ก็ไม่อยากติดกับกับดักของจิตการรับรู้อยู่ภายในหลุมฝังศพอีกต่อไป นับตั้งแต่แรกนางแม่มดผีดิบถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นหุ่นเชิดสําหรับเจ้าของผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้น
“ต้องทําลายแม่มดผีดิบ!” ลู่หยุนตัดสินใจ คิดได้ดังนั้นจึงกลับไปหาที่ตั้งของอุโมงค์แล้วย้อนกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“นั่นเจ้าจะไปไหน! กลับมานี่! ทางออกอยู่อีกด้าน!” เมียวตะโกนสุดเสียงเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มเจ้าเมืองกําลังมุ่งไปทางซากศพชโลมโลหิต ซึ่งแตกต่างจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง ทางด้านเยี่ยเสินเองก็เลือกที่จะตามติดมาเงียบ ๆ
“เยี่ยเสิน เมียว เจ้าสองคนหาทางที่ปลอดภัยแล้วพาฉิ่งฮั่นออกไป!” เขาหยุดกะทันหัน วางหนุ่มน้อยที่แบกลงจากหลัง
“ไม่ ข้าจะอยู่กับเจ้า!” ไม่พูดเปล่า ฉิงฮั่นยังกัดหมับเข้าที่ใบหูจะไม่ยอมลงจากหลังของลู่หยุน
” หยุดนะ!” ลู่หยุนเริ่มเป็นกังวล เขาตบเผียะเข้าที่ต้นขาเพื่อให้หนุ่มน้อยยอมปล่อยเขาไป ก่อนจะจับโยนลงพื้นอย่างไม่ปราณี
” ภะ…ภาพวาดที่เจ้าให้ข้าสามารถทําลายค่ายกลโลงศพ ข้าช่วยเจ้าได้นะ!” ฉิงฮั่นรู้แน่แก่ใจแล้วว่าภาพวาดว่างเปล่าที่อยู่ในกายซึ่งปรากฏขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนนั้น เป็นเหตุผลเดียวที่ทําให้เขายังมีชีวิตมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ โดยวิธีที่ไม่อาจเข้าใจแต่ได้ช่วยชีวิตเขาและฟื้นพลังขึ้นมา
ไม่เคยมีใครนอกจากลู่หยุนที่มอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้กับเขา
แม่มดผีดิบใกล้เข้ามาเมื่อฉิงสั่นกระไอขึ้นอย่างรุนแรง “ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวว่าแม่มดผีดิบมันจะหนีออกไปและทําร้ายผู้คน แต่ลําพังเจ้าเพียงคนเดียวไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ดอก พวกซากศพอาบโลหิตมันจะกินเจ้าโดยไม่ต้องอาศัยเจ้าหนอนหน้าผีมาช่วยเลย ให้ข้าไปด้วยเถิด ข้าช่วยเจ้าได้!” ฉิงฮั่นพูดรัว ใบหน้าแดงกําด้วยเห็นสถานการณ์เร่งด่วน
“ให้ตายซี!” ลู่หยุนกัดกรามแน่นอย่างลังเล
ในหมู่โจรปล้นสุสานยึดถือกฏอยู่ข้อหนึ่ง โจรอาจปล้นสุสานคนตายหรือของล้ำค่าเพื่อหาความร่ำรวยได้ แต่สิ่งนั้นต้องไม่ทําอันตรายแก่คนเป็น
ถึงจะเป็นโจรปล้นหลุมฝังศพ แต่พวกเขาก็มีจรรยาบรรณด้วย เช่นกัน!
ดังเช่นกรณีพวกผีดิบ อสูร และพลังชั่วร้ายจะถูกปลดปล่อยและออกไปทําร้ายผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อิเหน่ นี่จึงเป็นความรับผิดชอบที่พวกเขาจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีสกัดมันไว้อย่างดีที่สุดเท่าที่สามารถจะทําได้ หากล้มเหลวอย่างมากก็คงตายไปพร้อมกันและมีหนังสือจารึกมรณกรรมของเหล่าโจรปล้นสุสาน
แน่นอนว่าในโลกมนุษย์ลู่หยุนจะเป็นเพียงโจรปล้นสุสาน แต่หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มโจรบัญญัติกฏขึ้นให้พวกเขายึดถือเป็นกฎเหล็กไม่ยอมให้มีใครกระทําการโดยไม่ยั้งคิด
“ถ้าเจ้าไม่ช่วยไว้ข้าคงจะตายไปนานแล้ว ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า” ขณะที่ชายหนุ่มมองด้วยสายตาไม่พอใจ ฉิ่งฮั่นเสริมขึ้นมาอีกอย่างเร่งเร้า “ขอให้พาข้าไปด้วยกันเถิด พวกเรามัวชักช้าไม่ได้แล้ว!”
“เยี่ยเสิน เมียว เจ้าสองคนออกไปอีกทาง ฉิงฮั่นไปกับข้า” ลู่หยุนออกคําสั่งหน้าตาทิ้งตึง ในเมื่อภาพที่ว่างเปล่าของฉิงฮั่นยังสามารถทําลายโครงร่างมรณะอนิจจังได้ค่ายกลโลงศพของซากศพอาบโลหิตก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
“เยี่ยเสิน ขาเข้าใจดีว่าซากศพชโลมโลหิตมีความหมายกับเจ้า แต่ตอนนี้พวกมันไม่เหมือนเดิม เจ้าควบคุมมันไม่ได้อีกต่อไป อีกอย่างไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ตอนนี้พวกมันทั้งเก้าตนแต่ละตนมีโลงศพของแต่ละตัวด้วย!”
ด้วยพลังของนางเพียงพอจะซัดพวกมันให้กระเจิงได้ เพราะเดิมแล้วเจ้าร่างพวกนั้นต้องอาศัยพลังของนาง แต่มันกลายร่างเป็นพวกซากศพชโลมเลือดก็ด้วยพลังที่นางถ่ายเทสู่พวกมันขณะที่อยู่ในค่ายกลโลงศพ จึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่ตอนนี้พวกมันจะมีพลังจะแก่กล้าจนมีอํานาจเหนือนางและจัดการด้วยตัวของมันเอง ดังนั้น แม้จะเป็นสิ่งไม่พึงปรารถนา ทว่าก็ต้องจําใจไปกับเมียวในที่สุด
“ก๊าซซซซซ!” แม่มดผีดิบตามพวกเขามาทันในอุโมงค์ เนื้อหนังของมันหลุดออกไปเกือบหมดเผยกระดูกสีดําทั่วร่าง เส้นผมดํายาวเคลื่อนไหวเหมือนงูที่มีชีวิตยืดออกตวัดเข้าหาลู่หยุนและฉิงฮั่น
“ไปเร็ว!” ไม่มีเวลาแบกขึ้นหลัง ลู่หยุนยกตัวขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน ก้าวขึ้นไปบนดาบพิฆาตโลกันต์ก่อนเคลื่อนที่แหวกอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว แม่มดผีดิบไล่จี้ตามหลังมา ดังนั้นเจ้าเมืองหนุ่มจึงเร่งความเร็วขึ้น ด้วยความไม่อยากให้นางแม่มดผีดิบตวัดมาโดนหนุ่มน้อยในอ้อมแขน
“เจ้าเป็นชายหรือหญิงกันแน่ ทําไม่เนื้อตัวจึงนุ่มนิ่มเสียยิ่งกว่าว่านเฟิงของข้าเสียอีก” ลู่หยุนถามเสียงแหบสาก
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดถึงเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่หรือ” ฉิงฮั่นตอบอย่างอ่อนระโหย ทันใดนั้นเองเขาสังเกตเห็นหยาดเลือดไหลซึมออกมาจากดวงตาของชายหนุ่ม ชายหนุ่มดูเหมือนต้องใช้ความพยายามข่มความเจ็บปวดอย่างยากเย็น