เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 45 ความฝัน
GS บทที่ 45 ความฝัน
“จ้องหน้าข้าทําไม” ลู่หยุนมองมาที่เขา จึงอดที่จะลูบไล้ใบหน้าของคนเองไม่ได้ “เริ่มจะเห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วกระมัง” พูดแล้วออกจะเขินนิดหน่อย
“ข้าอยากเห็นหน้าหญิงงามในโครงร่างมรณะอนิจจังมากกว่าหน้าเจ้าอีก” ลู่หยุนพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
ฉิงฮั่นเบะปาก หากหน้าแดงอีกจนได้
“เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก มังกรนอนรอจะเขมือบอยู่ตรงโน้น” เขาเหลือบเห็นลู่หยุนเดินขึ้นไปตามลิ้นทางเดินมุ่งสู่ยอดเขาลอยได้เบื้องหน้า “ถ้ามังกรฟื้นคืนชีพขึ้นมาเมื่อใด มันจะกินข้าก่อนเป็นคนแรก นับว่ายังดี…ข้าว่าท่าทางมันคงจะพ่ายแพ้จึงอ่อนล้าเช่นนั้น”
ยอดเขาที่มองเห็นมีขนาดใหญ่มหึมาเหลือเกิน
“โครงร่างฟื้นชีพ ไม่ต้องสงสัยใดๆทั้งสิ้น…ตามตําราบันทึกไว้ว่าฮวงจุ้ยบารมีจัดเป็นฮวงจุ้ยที่มีอิทธิพลต่อโลก!” เมื่อพิจารณาโครงสร้างอย่างชัดเจน นัยน์ตาของเขาลุกโชนอย่างกระตือรือร้น
ศาสตร์ฮวงจุ้ยดั้งเดิมกําหนดบริเวณที่ตั้งสี่แบบคือ ค่ายกล โครงร่าง อํานาจ และบารมี ซึ่งฮวงจุ้ยบารมีเป็นฮวงจุ้ยที่มีอิทธิพลต่อโลก!
เบื้องหน้านี้เป็นชั้นสูงที่สุดแห่งฮวงจุ้ย สามารถควบคุมธรรมชาติแปรเปลี่ยนให้เป็นหยินและหยางเพื่อเรียกคืนคนตาย! สําหรับโจรปล้นสุสานและผู้ชํานาญในศาสตร์ฮวงจุ้ย พวกเขาย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงอํานาจแห่งบารมีฮวงจุ้ยที่แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณจนยากที่จะต้านทาน
แน่นอนที่สุดสรรพสิ่งในโลกถูกแบ่งออกเป็นสี่ชั้น และเขาเปิดมุมมองการรับรู้กว้างขึ้นจากการได้มาอยู่ในโลกแห่งเซียน ซึ่งอํานาจแห่งบารมีฮวงจุ้ยหาใช่สิ่งสําคัญที่สุดไม่
พลังอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงได้ถูกค้นพบแล้ว
“นี่คือ…” ชายหนุ่มชะงักลงทันควัน “โลงศพเคลือบทอง แดง!” เค้นเสียงพูดลอดไรฟัน
“แต่ตอนที่พวกเรามาถึงยังไม่เห็นมีนี่นา” ฉิงฮั่นถามอย่างงงงวย “เป็นของจริงหรือภาพลวงตากันแน่”
“ของจริง” ลู่หยุนสูดหายใจลึก ยู่อิงเดินมาขนาบด้านข้าง พลังทัศนียภาพแห่งความเด่นชัดสามารถรับรู้ได้ถึงแรงกระตุ้นจากอันตรายที่ยังซุกซ่อนอยู่ นางใช้พลังป้องกันโครงร่างมีชีวิตไว้ด้านนอก คอยข่มพวกมันไว้มิให้เข้ามาใกล้
โลงศพเคลือบทองแดงวางสงบนิ่งอยู่บริเวณกึ่งกลางโครงร่างคืนชีพ สะท้อนความเดียวดายฉายชัดออกมา
“โลงศพของเจ้าอย่างนั้นหรือ” ลู่หยุนเอ่ยถามขณะที่สายตากลับถูกตรึงให้อยู่กับโลงศพ ภาชนะโลหะตรึงสะกดสายตาไว้ เช่นเดียวกับตัวของเมียวเอง นับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในบริเวณนี้ กระทั่งตัวอักษรบนฝาโลงก็ทําด้วยโลหะชนิดเดียวกัน
“ไม่ใช่” เขาส่ายหน้าที่แฝงด้วยความเศร้าโศก “ข้าอยู่ด้านโน้น” ชี้มือไปยังซอกเล็กของภูเขาด้านนอกของโครงร่างนั้น ที่อะไรบางอย่างมีขนาดเล็ก ขนปุกปุย ขนาดเพียงฝามือของมนุษย์ มันค่อยๆผุดลุกขึ้นและล้มลงอย่างเป็นจังหวะ
“สุนัขจิ้งจอก” ลู่หยุนฉงนในใจ หันมาทางเมียว “นั่นคือเจ้าลูกสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นหรือ”
“มันคือสุนัขจิ้งจอกสินะ” เมียวจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า พยักหน้าแต่ท่าที่ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ตนเป็นเท่าใดนัก
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ยังไม่ตาย” ดวงตาปีศาจของลู่หยุนมองเห็นอสูรที่ยังมีชีวิตได้อย่างพร่าเลือน
“จริงหรือ” เมียวยังไม่หายสงสัย “แล้วทําไมข้าจึงมายืนอยู่ตรงนี้”
“เจ้าหลับไปน่ะซี” ลู่หยุนตอบหลังจากพิเคราะห์ดูเจ้าสุนัขจิ้งจอกน้อยท่าทางของมันกําลังหลับสนิท ร่างกายเคลื่อนไหวขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ
“เจ้ากําลังอยู่ในความฝัน!” โพล่งออกไปแล้วเจ้าเมืองหนุ่ม เริ่มรู้สึกว่าออกจะไร้สาระไปสักหน่อย “จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากความฝัน!”
“เป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากความฝันอย่างนั้นหรือ” เมียวทวน หน้าเหวอ
“ถูกแล้ว ตอนนี้เจ้ากําลังฝัน พวกเราทั้งหมดต่างหากที่เข้ามาอยู่ในความฝันของเจ้า จึงทําให้ไม่มีใครมองเห็นนอกจากข้า เพราะว่าเจ้าไม่มีตัวตนอยู่จริง” เสียงของลู่หยุนเบาลงจนเกือบเป็นกระซิบ
ลูกสุนัขจิ้งจอก หรือคล้ายเช่นนั้น จิตวิญญาณของเมียวยังไม่ได้ละออกจากสังขาร ทั้งยังไม่ได้ล่องลอยไปที่ใด หากเขาเพียงแค่กําลังฝัน ช่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
มีตํานานชาวจีนโบราณกล่าวถึงเว่ยเจิงสามารถพิชิตมังกรได้ในความฝัน
ตอนที่ยังเป็นมนุษย์ เขาไม่บูชากราบไหว้ภูตผีและไม่สามารถอดจิตออกจากร่าง แต่ยังสามารถฆ่าราชาแห่งเทพมังกรในความฝันได้
เรื่องของเมียวช่างคล้ายคลึงอย่างประหลาด
ลู่หยุนเห็นและรับรู้ตัวตนของเมียวเพราะคัมภีร์เป็นตาย หากมิใช่ทุกคนจะได้เห็นวิญาณซึ่งรวมทั้งยู่อิงด้วย หรือไม่ก็เพราะเขาไม่ยอมให้คนอื่นเข้าไปในความฝันได้ต่างหาก
เขาร่ายเวทลวงตาเพื่อให้เกิดภาพหลอนล่อเหยื่อให้เกิดความเข้าใจผิดเพราะที่นี่ภายในหลุมฝังศพนี้เป็นโลกแห่งความฝันของเขานั่นเอง
“ข้าไม่แปลกใจแล้ว! ทําไมมังกรจึงไม่เคยคิดจะกินข้า พวกมันจะกินสิ่งที่ไม่มีกายเนื้อได้อย่างไร” พูดพลางปรบมืออย่างยินดี ไม่นานร่างนั้นเริ่มเลือนราง ในที่สุดก็จางหายไปจากสายตา
“เจ้าลูกสุนัขจิ้งจอกมันตื่นแล้ว!” ยู่อิงกระซิบบอก “นายท่านพูดกับเจ้าเมียวผู้ไร้ตัวตนนั้นหรือ”
ความเป็นไปได้นี้กระตุ้นความสนใจแม้กระทั่งฉิงฮั่นด้วยเช่นกัน
เมื่อเมียวมาปรากฏร่างให้เห็น ลู่หยุนไม่ใคร่สนใจเขาเท่าหนุ่มน้อยบนหลัง กระนั้นก็เถอะ เขาคงตัดใจสังหารสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยนั้นไม่ลง อีกอย่างหากต้องต่อสู้กัน ข้าเองคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยิน
“โอ้วววว “ สุนัขจิ้งจอกสีขาวถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการนอนขดตัวหลับ นัยน์ตาโตสีน้ําเงินเข้มดั่งอัญมณีหันมองไปรอบตัวอย่างสับสน “เบ้กก เบ้กก เบ้กก เบ้กก เบ้กก!” มันส่งเสียงเล็กๆเห่า
“ข้าคิดว่ากําลังฝันในฝันนั้นข้าพบกันบุรุษผู้หนึ่งเขาบอกว่า ข้ากําลังฝัน” เสียงเหมือนเด็กดังมาจากเจ้าขนปุยสีขาว
“เมียว” ลู่หยุนเรียก เสียงลังเล
สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยหยุดนิ่งขณะที่ใบหูยกตั้งขึ้น มันหมุนไปรอบตัวมองอย่างลังเล
“ลู่หยุน นี่เจ้าไม่ใช่ภาพในจินตนาการของข้าหากเป็นจริงใช่ไหม เดี๋ยวก่อน แสดงว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันเป็นความจริงด้วยสินะ เจ้าลูกสุนัขจิ้งจอกกระโจนเข้ามาหาลู่หยุนอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน “ถ้าเช่นนั้นก็เป็นจริงทุกอย่าง”
มันกระโจนขึ้นไปนอนขดตัวบนบ่าของลู่หยุน บรรจงใช้อุ้งเท้าหน้าเช็ดบริเวณแก้มของมันเองอยู่ง่วนไป
“ข้าควรจะปล่อยให้เจ้ากลับนอนหลับให้ยาวนานสักหน่อย” ลู่หยุนถูหน้าผากอย่างยุ่งยากใจ “สภาพนี้เจ้าคงช่วยอะไรข้าไม่ได้”
“ใครว่า!” สุนัขจิ้งจอกน้อยร้องประท้วงลั่น เผ่นแผลิ้วลงจากบ่าลู่หยุน พลันภาพดุจความฝันก็ฉายชัดสว่างสดใส
เมียวในรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาไร้ที่ติปรากฏออกมาอีกด้าน ตอนนี้เองจึงเห็นหางฟูสีขาวปัดไปมาอยู่ด้านหลัง ในมือถือกระจกบานเล็กส่องหน้า ท่าทางจะพอใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นภาพ ที่ปรากฏได้ดั่งใจคิด “เคราะห์ดีจริง การนอนหลับไม่มีผลทําให้ใบหน้าของข้าเที่ยวห้อยลงไปแม้แต่น้อย”
“นะ-นั่นหรือเมียว” ฉิงฮั่นจ้องมองรูปโฉมชั้นเลิศนั้นอย่าง ตกตะลึง
“คิดอะไรหา เจ้าน่าสะอิดสะเอียนพอเห็นข้าถึงกับหน้ามืดเลยเชียวหรือ” เมียวหมุนตัวความเป็นคนหลงตัวเองยังไม่เปลี่ยนแปลง
“เจ้ามันก็แค่วิญญาณสุนัขจิ้งจอกเท่านั้น” ฉิงฮั่นตอบ หากอดหัวเราะไม่ได้ เขาไม่ได้รู้สึกสะดุ้งสะเทือนต่อฉายาที่เมียวตั้ง
“แล้วเจ้าเล่า หลงเสน่ห์ข้าเข้าแล้วละซีถึงกับมองไม่วางตาทีเดียว
” เมียวปรี่ไปทางยู่อิงฉับพลันเปลี่ยนท่วงท่าอย่างมั่นใจเต็มที่
“ข้าสนใจแต่นายน้อยเท่านั้น” นางจ้องเขม็งพลางบอกเสียงเรียบ
เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเมียวได้แต่ยืนคอตกอย่างผิดหวัง “อะไรกัน มนุษย์ประหลาดไร้ความรู้สึกกันไปเสียหมด มาตรฐานของคนหน้าตาดีเปลี่ยนไปแล้วระหว่างที่ข้ามัวนอนหลับกระนั้นหรือ”
“เอาล่ะ พอได้แล้ว” ลู่หยุนขัดจังหวะ “จะจัดการโลงศพเคลือบทองแดงเหล่านี้กันอย่างไร ทําไมจึงมาอยู่ที่นี่”
โดยไม่ต้องบอกก็รับรู้ได้ตั้งแต่แรกว่าโลงศพเคลือบทองแดง เป็นมหันตภัยที่ทรงพลังเคลือบแฝงอยู่ ที่นี่เป็นที่สิงสถิตของมังกร ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิญญาณสุนัขจิ้งจอกด้วย
“โลงศพถูกนํามาไว้ที่นี่เมื่อห้าพันปีก่อน วันที่หลุมฝังศพพังพินาศลงมาจากฟากฟ้า นับแต่นั้นมังกรจะออกมาดูดกลืนพลัง ของเหล่าอสูรที่เข้ามาล้มตายในนี้ หลังจากนั้นไม่นานมังกรได้ฟื้นคืนชีพ
กล่าวด้วยน้ําเสียงที่ไม่ทิ้งร่องรอยแห่งความกลัว ” กระทั่งมีคนต่างถิ่นเข้ามา หลังจากนั้นจะมาในทุกช่วงต้นศตวรรษเป็นเวลานับพันปีแล้วผู้คนจํานวนมากจะนําพาเอาแก่นพลังชีวิตจากภายนอก พิธีกรรมได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งอีกเจ็ดวันข้างหน้าก็จะถึงกําหนดแล้ว มังกรจึงยังไม่ฟื้นคืนชีพในขณะนี้ นอกจากจะมีคนตาย!”
1.เว่ยเจ๋ง ขุนนางผู้รับราชการในสมัยจักรพรรดิไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง ตํานานเล่าว่าผลจากการท้าพนัน มังกรจึงบันดาลให้เกิดเหตุฝนตกหนักจนน้ําท่วมสิ่งมีชีวิตล้มตาย ขณะที่บางแห่งกลับประสบภาวะฝนแล้งอย่างรุนแรง ในเมืองน้ําท่วมบ้านเรือนของชาวเมืองจมบาดาลขณะเดียวกันไร่นากลับเที่ยวแห้งตายเพราะขาดน้ํา
ด้วยความโกรธจักรพรรดิไท่จงออกคําสั่งให้จับมังกรประหารเสีย มังกรเกรงกลัวจะถูกสังหารจึงขอชีวิตไว้และจะยอมเป็นข้ารับใช้ในวันถัดมาเว่ยเพิ่งได้รับคําสั่งให้ฆ่ามังกรจึงชวนมาเล่นหมากรุก เว่ยเจิงงีบหลับไปและบั่นคอมังกรในความฝัน เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเลือดมังกรสาดกระจายลงทั่วพระราชวังนั่นเอง ที่ทําให้เชื่อว่าเป็นความจริง
เรื่องที่ได้รับความนิยมในวงกว้างในฐานะนิยายคลาสสิกมี ชื่อว่า ไซอิ๋ว