เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 40 บทพิสูจน์ผู้ภักดี
GS บทที่ 40 บทพิสูจน์ผู้ภักดี
เขากลัวหรือ
ชายหนุ่มเป็นคนธรรมดา ความกลัวเป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่ถ้าเป็นโจรปล้นสุสานผู้มีประสบการณ์โชกโชน และประสบการณ์ภาคสนามที่ดีที่สุด ที่นั่น—ความกลัวไม่อาจหยุดคนเช่นเขา ในทางตรงกันข้าม ยิ่งกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ ยิ่งน่าตื่นเต้น
“ทางลาด” เขาเดินลงไปในร่องหลุมลึกที่ทหารเสกขุดไว้ พยายามทรงตัวมิให้เซล้ม “ในนี้อากาศชื้น ซากผีดิบยักษ์ข้างบนนั่นคงนอนแช่อยู่ในน้ำ”
เพราะแบบนี้จึงทำให้พื้นที่แถบนี้กลายเป็นผืนดินชุ่มชื้นกับหนองน้ำขนาดมหึมาเช่นนี้
“แดนเดียวดายหรือ ทำไมหลุมฝังศพจึงต้องมีแดนเดียวดาย” ชายหนุ่มรู้สึกสับสนในตอนแรก แต่ลู่หยุนก็ต้องยอมรับว่าสถานที่นี้ช่างน่าประหลาด ใครก็ตามที่ร่างถูกฝังในสุสานแห่งนี้ย่อมมีเหตุผล เมืองทั้งเมืองถูกฝัง เพื่อผู้วายชนม์จะได้นำพาติดตัวค่อไปยังโลกหลังความตาย นี่จึงไม่น่าแปลกที่แดนเดียวดายจะมีในสุสาน ไม่มีที่ใดเหมาะสมมากไปกว่านี้อีกแล้ว!
มีฝูงแมลงศพอยู่ทั่วไป พวกมันทำให้เกิดแสงสลัวขึ้นภายใน เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับผู้ฝึกตน ลู่หยุนไต่ลงเนินไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้ปริปากพูดคุยกับฉิงฮั่นที่ถูกแบกอยู่บนหลัง
ทางลาดชันไม่ยาวนัก เมื่อลงถึงพื้นราบก็มองเห็นหนองน้ำกว้าง คะเนด้วยสายตาน่าจะหลายไมล์ทีเดียว เช่นเดียวกันกับเมืองโบราณเจิ้นชุย แม้ไม่มีช่องให้แสงส่องถึง ทว่าทั่วทั้งบริเวณกลับสว่างสามารถมองเห็นได้ถนัดตา
“ข้าเคยมาที่นี่” ลู่หยุนพึมพำกับตนเอง ระหว่างที่มองไปรอบๆ
“แน่ละซี เจ้าเคยมาแล้ว” เสียงเยือกเย็นดังขึ้นข้างตัวชายหนุ่ม “เจ้าจะเล่นกลอะไร ลู่หยุน เจ้าเมืองสนธยา!”
ฉิงหงเชิง!
บุรุษในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ขาดวิ่น ใบหน้าอาบไปด้วยโลหิตจนแดงฉาน ความเคียดแค้นชิงชังฉายชัดในแววตา เขาจ้องมายังเจ้าเมืองสนธยา จนนัยน์ตาแทบจะทะลุออกมานอกเบ้า
ลมหายใจสะดุดติดขัด ลู่หยุนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาพานพบชายคนนี้ หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เมียวนำทางเขาไปพบกับหน้าผาสูงชัน ทว่าชายหนุ่มเจ้าเมืองไม่ใช่คนโง่เขลา ดังนั้นเขาดึงกระชากเอาแผ่นป้ายตราประจำตำแหน่งซึ่งฉิงหงเชิงเป็นมอบให้เขาเองออกมา และโยนมันทิ้งลงหน้าผาไป
ในเวลานั้นเอง ลู่หยุนได้สังเกตเห็นเงาเลือนรางว่ายเวียนใต้ท้องน้ำในหนองใหญ่ เป็นอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัว มันโผนขึ้นจากน้ำก่อนจะเขมือบคว้าเอาทหารเมล็ดถั่วไปตนหนึ่ง หากสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเมื่อฉิงหงเชิงกระโจนตามป้ายตราประทับเพื่อหวังจะเอาคืน กลับกลายเป็นว่ามาพบเขาในที่แห่งนี้ที่ฝังคัมภีร์ค่ายกลกระนั้น
มีคนอีกผู้หนึ่งโผล่มายืนข้างกายฉิงหงเชิง ไม่ใช่นายท่านที่สิบสาม หากแต่เขาคือเจ้าเมืองเทียนเหอขุนนางวารีนภาพคนนั้น!
“ฆ่าพวกมัน!” ลู่หยุนออกคำสั่งเสียงดังก้อง
“ตายเสีย!” ยู่เฉิงพุ่งตรงเข้าหาในร่างของหลี่ยูวไฉ พร้อมดึงเอาแผ่นป้ายมังกรพิทักษ์ขุนเขาและสายน้ำ ขว้างไปยังฉิงหงเชิงและเจ้าเมือง
“ไม่!!!” ฉิงหงเชิงร้องเสียงหลง พลันถลันไปยังชายฝั่งหาที่หลบกำบังกาย
ครืนนน!
ทันทีที่แผ่นป้ายแสดงอิทธิฤทธิ์ มีบางอย่างปรากฏขึ้นบนผิวน้ำที่เคยเงียบสงบ ลำแขนขนาดมหึมายืดยาว กวัดไกว
ปลาซากศพยักษ์!
มันมีขนาดมโหฬารอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
“เจ้าไปให้พ้น!” ยู่เฉิงกระชากร่างวิญญาณออกจากกายหลี่ยูวไฉ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง สีหน้าของนางดุจผีที่ขึ้นจากหลุม ทำให้ลูกนัยน์ตาสีแดงสดของไอ้ปลายักษ์ส่อแววหวาดกลัว ก่อนที่มันจะหันหัวมุดกลับลงน้ำไปอย่างเชื่องช้า
ต๋อม!
แผ่นป้ายมังกรกลับกระเด็นตกลงไปในสระน้ำด้วย
“โอนายท่าน ข้า ข้ากระหายยิ่ง อยากกินมันเหลือเกิน” กลุ่มควันสีดำม้วนเกลียวลอยขึ้นจากร่างวิญญาณยู่เฉิง ใบหน้าแสยะน่าขนหัวลุก ดวงตาแดงก่ำ จ้องมองไปที่สระน้ำอย่างหิวกระหาย
“อะ—อะไรนั่น!” เจ้าเมืองเทียนเหออุทานอย่างหวาดกลัว เมื่อเห็นยู่เฉิงปรากฏตัวลอยอยู่กลางอากศ
“นี่หรือ ผีเซียน” ฉิงฮั่นมองปากค้าง เขาเคยรู้ว่านางวนเวียนอยู่แถวนี้ และเผชิญหน้ากันแต่ในร่างหลี่ยูวไฉทุกครั้ง หากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางปรากฏตัวออกมาให้ทุกคนเห็น
“เจ้าไปเถิด” ลู่หยุนตอบเสียงเรียบ ยู่เฉิงคงสติแตกแน่หากถูกยับยั้ง อันความโกรธเกรี้ยวของผีเซียนพิษสงของมันรุนแรงยิ่งนัก แม้เซียนชั้นฟ้าเช่นหลี่ยูวไฉก็ไม่อาจขัดขวาง คงเป็นได้เพียงของเล่นแก้เหงาของนางเท่านั้น
เจ้าเมืองสนธยาไม่ได้มีอำนาจควบคุมนาง เพียงเพราะนางเองที่พยายามสงบเสงี่ยมในยามปกติเท่านั้น เมื่อใดที่ถูกยั่วยุจนเกิดอารมณ์โกรธพลุ่งพล่าน นางอาจเห็นการฆ่าเป็นเกมสนุก ผีเซียนหาใช่วิญญาณที่เปี่ยมคุณธรรมไม่ นี่ละธรรมชาติที่แท้ของนาง
เมื่อได้รับอนุญาต วิญญาณตนนั้นลอยละล่องอย่างกระตือรือร้น พุ่งไปยังสระน้ำค้นหาไอ้ปลาซากศพยักษ์
“ผีเซียนหรือ ลู่หยุน เจ้ามันช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง” ฉิงหงเชิง ผ่อนลมหายใจยาว พลันเหลือบไปเห็นฉิงฮั่นบนหลังของลู่หยุน “เจ้าฉิงฮั่น น้องเจ็ดของข้า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
เขาประเมินสถานะของฉิงฮั่นเวลานี้ ยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมปรากฏที่มุมปาก เดินตรงเข้าหาลู่หยุนและน้องชายของตนเอง
เจ้าเมืองเทียนเหอเห็นดังนั้น ก็แหงนหน้าหัวเราะ “โอ้ สถานการณ์พลิกผันแล้วซีเจ้าลู่หยุน”
เขารู้เช่นเห็นชาติคนเยี่ยงฉิงหงเชิงดีที่สุด ลู่หยุนต้องตายอย่างไม่มีข้อแม้ ตระกูลฉิงปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อใช้ประโยชน์จากเขาเท่านั้น พอหมดประโยชน์ หนุ่มเจ้าเมืองมีเพียงหนทางเลือกตายสถานเดียว
“ท่านจะยอมให้มือของตัวเองเประเปื้อนหรือคุณชายห้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าจะดีกว่า” เจ้าเมืองเทียนเหอเดินก้าวมาข้างหน้าลู่หยุน แสยะยิ้มอย่างมาดร้าย
“เอาซี ข้าอนุญาต” ฉิงหงเชิงสีหน้าเฉยเมย
“ช้าก่อน!” ลู่หยุนพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ “พวกเจ้าไม่กลัวนางผีเซียนหรือ เมื่อมันกลับขึ้นมาแล้วพบว่าข้าโดนฆ่าตายเสียแล้ว”
“กลับมา?” ฉิงหงเชิงหัวะเราะหยัน “เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ว่าใต้หนองน้ำนั้นมีตัวอะไรอยู่ มันไม่มีทางได้กลับมาหาเจ้าหรอก ลงมือได้!” เสียงเย้ยหยัน “เสร็จแล้วจัดการฆ่าไอ้เจ้าฉิงฮั่นเสียด้วย!”
“เจ้าเป็นคนของทางการ ใช้ศาลเตี้ยพรากคู่หมั้นไปจากข้า! ฉะนั้น จงตาย!”เจ้าเมืองเทียน ก้าวพรวดเดียว เงื้อดาบฟันฉับไปที่ลู่หยุน คมดาบเป็นเงาปลาบ
ฟุ่สสส
ประกายไฟสีม่วงพุ่งออกจากปลายดาบพิฆาตโลกันต์ ตัดร่างเจ้าเมืองจนร่วงลงไปกองกับพื้น
“อะไรนี่” ส่วนที่เป็นใบหน้าของเจ้าเมืองแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ดาบที่กระเด็นไปปะทะเข้ากับผนังที่มองไม่เห็นแหลกละเอียด เปลวเพลิงสีม่วงยังโอบคลุมทั่วร่างก่อนที่เปลวไฟลามเลียเผาร่างนั้นจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน
ลู่หยุนยืนหอบหายใจ ใบหน้าซีดเผือด หยาดโลหิตไหลหยดจากปลายดาบในมือ
“เป็นไปไม่ได้!” ทั้งฉิงฮั่นและฉิงหงเชิง แทบร้องประสานขึ้นพร้อมกัน ดาบพิฆาตโลกันต์เป็นอาวุธชั้นเซียนระดับเก้า ไฉนผู้ฝึกตนปราณรวมตัวจึงสามารถใช้อาวุธชนิดนี้ได้”
ฉิงฮั่นได้รับบาดเจ็บสูญสิ้นเรี่ยวแรงจากการทุ่มเทพลังที่มีทั้งหมดในการใช้ดาบ จนเดี๋ยวนี้พลังก็ยังไม่ฟื้นคือ เขาเองขยับตัวยังลำบาก เหตุไฉนลู่หยุนยังยืนหยัดได้ มีเพียงอาการหอบ และหายใจเร็วเท่านั้น
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าคงจะไม่สามารถทะลวงผ่านหลุมฝังศพแห่งนี้มาได้โดยง่ายหากไม่มีกลวิธีใดเลย หลังจากหายใจหอบหน้าแดงก่ำลู่หยุนก็พูดต่อ “ภายในกายของข้ามีพละกำลังที่แข็งแกร่ง แม้จะฆ่าเจ้าไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้เห็นเจ้าต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน คนเยี่ยงเจ้าต้องตายในที่ที่เต็มไปด้วยคำสาปเช่นนี้”
เจ้าเมืองหนุ่มไม่ได้นึกหวาดเกรงฉิงหงเชิงเลยแม้แต่น้อย ในประตูเปิดสู่ขุมนรกของเขายังมีเซียนอีกสามตน หากทว่าเขายังไม่อยากเรียกออกมาในตอนนี้ ยังก่อน นายท่านที่สิบสามยังคงซุกซ่อนอยู่ตรงไหนสักที่
ชายหนุ่มไม่เคยคิดฆ่าเจ้าเมืองนั่นให้ตาย คนที่ไร้ค่าไร้ประโยชน์เยี่ยงมันยังมีชีวิตอยู่ได้ ถ้างั้นนายท่านที่สิบสามย่อมต้องมีชีวิตอยู่เช่นกัน การที่เขาหายตัวไปเพราะได้ทำการทรยศฉิงหงเชิง จึงทำให้เขาต้องซ่อนตัว
นายท่านที่สิบสามเป็นคนใหญ่คนโตพอสมควรในมณฑลหลางเซี๋ยเทียนเขามั่นใจว่าตนเองจะค้นหาขุมสมบัติที่ประเมินค่ามิได้ในหลุมฝังศพแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน
ลู่หยุนกวาดสายตาไปรอบ ๆ ตระหนักในบัดดลว่าเมียวหายไปแล้ว
“เจ้ามีอะไรก็ว่ามา” ฉิงหงเชิงหรี่ตา ถามเสียงเหี้ยมโหด
“พวกเราน่าจะร่วมมือกันค้นหาขุมสมบัติ” ลู่หยุนหน้าเครียด “แล้วมาแบ่งกันอย่างยุติธรรม!”
“ร่วมมือกัน? ได้ซี” ฉิงหงเชิงแสยะหัวเราะ “แต่ข้าต้องเป็นนายเจ้า ถ้าต้องการเป็นมิตรกับข้าจริง ๆ เช่นนั้นจงฆ่าฉิงฮั่นเสีย ตัดหัวมันมาให้ข้า เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าจริงใจ อย่างไรเล่า”