เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 35 แม่มดผีดิบ
บทที่ 35 แม่มดผีดิบ
ดาบของฉิงฮั่นตวัดขวับ! ทั้งยู่อิงและเยี่ยเสิน ไม่ทันได้ตั้งตัว
นี่เขาคิดจะฆ่าข้าดอกหรือ!! คิดได้เพียงเท่านี้ ความรู้สึกบอกว่าประกายแสงม่วงเข้าประชิดกายเสียแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับความตายเขามักใช้ยุทธวิธีที่เรียกว่าประตูสู่ขุมนรก ทว่าเมื่อถูกฉิงฮั่นขู่ด้วยดาบเข้าจริง เขากลับนิ่งขึง ก้าวขาไม่ออกเสียอย่างนั้น
ควับบบ!
เสียงกระทบแก้วหูของลู่หยุน ตามาด้วยบางอย่างเป็นน้ำ เหนียวๆ ของเหลวเย็นๆปลิวมาโดนบนใบหน้า ทำเอาแก้วหูลั่นเปรียะ เขาสะดุ้งสุดตัว ก่อนหันขวับมาพบว่าเป็นร่างผู้หญิงนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่พื้น
หรืออีกทีอะไรที่ดูมีส่วนคล้ายร่างหญิงต่างหาก ผิวเนื้อที่เหี่ยวแฟบห่อหุ้มกระดูกปูดโปนอย่างชัดเจน ราวกับสิ่งนี้แช่อยู่ในน้ำมาเป็นเวลานานแสนนาน ผมเผ้ากระเซิงเกาะกันเป็นก้อนสภาพเหมือนสาหร่ายเน่าๆ ผิวสีซีด ลูกนัยน์ตาดำเล็กจ้องมองฉิงฮั่นแทบไม่วาง ผู้ที่ใช้ดาบ สับเข้าไปที่สมองของมันจนของเหลวสีคล้ำกระจัดกระจายไปทั่ว
“ไอ้นี่มันตัวอะไร!” ฉิงฮั่นแทบอาเจียนออกมาเมื่อได้เห็นถนัดตา น่าสยดสยองอย่างยิ่ง! ราวกับว่าร่างที่ถูกแช่อยู่ในน้ำมานานชั่วกัลป์ร่างนี้กลับยังมีชีวิตอยู่ได้กระนั้น
ลู่หยุนยังต้องถึงกับผงะถอยกรูด
“แม่มดผีดิบ” เขาพึมพำ “แต่ว่าทำไมมันจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”
แม่มดผีดิบเป็นปีศาจแห่งน้ำ หรือเรียกอีกอย่าว่าผีดิบใต้บาดาล แน่นอนว่าผีดิบประเภทนี้น่ากลัวกว่าผีดิบทั่วไปหลายเท่านัก ในอดีตหลายพันปีที่แล้วเหล่าผีดิบอ่อนแอลง แต่เนิ่นนานแล้วที่ยังไม่มีวิธีกำจัดพวกแม่มดผีดิบได้อย่างไร แม้แต่ของขลังกีบเท้าลาสีดำยังไม่สามารถกำจัดได้
และด้วยเหตุนี้ นางแม่มดผีดิบแม้ว่าจะถูกฉิงฮั่นบั่นหัวมันออกเสียครึ่งหัว มันยังไม่ตาย ร่างของมันเริ่มขยับเขยื้อนเหมือนจะลุกขึ้นยืน
แม่มดผีดิบจะแฝงร่างอยู่ในน้ำ ซึ่งลู่หยุนไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของแม่น้ำหรือหนองน้ำในบริเวณนี้
“หนีเร็ว!” เขาตะโกนบอก เมื่อเห็นฉิงฮั่นตั้งท่าเงื้อดาบกำลังจะหวดฟันมันอีกครั้ง ทุกคนออกวิ่งหนีฝูงแม่มดผีดิบนับร้อยตนที่ผุดขึ้นจากหนองน้ำไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้ ต่างพากันตะเกียกตะกายขึ้นที่สูง ซึ่งไม่รู้แน่ชัวว่าเป็นที่ใด เนื้อตัวโดนขีดข่วนขณะปีป่าย โดยมีฉิงฮั่นวิ่งตามไล่หลังมา
“เยี่ยเสิน!” ลู่หยุนคำราม
“เฮ้ย ใครวะบังอาจ มาขโมยสมบัติของข้าไปหมดเลยนี่”หลี่ยูวไฉโยนล้วงเอาก้อนหินที่ถือมาโยนทิ้ง ท่าทางดุจคนละเมอตื่นขึ้นจากความฝัน หยิบแผ่นป้ายมังกรรูปสี่เหลี่ยมไว้ในมือ
ตู้มมมม
แรงระเบิดประกายสีทองพุ่งออกมาจากแผ่นป้ายมังกรนั้นหลายครั้ง ปะทะร่างของพวกแม่มดผีดิบร่วงหล่นลงไปกองพะเนินคล้ายภูเขาขนาดย่อม
ครืนนนนน
ผลพวงจากแผ่นป้ายมังกรสำแดงอืทธิฤทธิ์ใส่แม่มดผีดิบ ส่งผลให้ทั่วทั้งแผ่นดินสั่นไหว
“มังกรพิทักษ์ขุนเขาและสายน้ำ ขุมสมบัติอันดับแปด” ความยินดีฉายแว่บในดวงตาของหลี่ชิงขณะที่หันไปพูดกับทุกคน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาแย่งชิงทรัพย์วมบัติล้ำค่า สิ่งที่จะทำได้คือวิ่งให้เร็วที่สุด
แม้ร่างจะถูกทำลายด้วยแรงปะทะของอิทธิฤทธิ์แห่งแผ่นป้ายมังกร เหล่าอสูรร้ายแม่มดผีดิบหาได้ล่าถอยออกไปไกลไม่ พวกมันขยับลุกขึ้นและคลานตามพวกเขามาจนได้ ลู่หยุนเคยรู้มาเพียงว่ายังไม่มีใครค้นพบจุดอ่อนของพวกมัน ดังนั้นทางที่ดีที่สุดเพื่ออยู่รอดคือการวิ่งหนีสุดชีวิต
“กี้สสสสส!”
“กาสสสส!”
“ก้าสสส!” ผีดิบร้ายกาจแผดเสียงร้องดังอย่างประหลาด จนเยี่ยเสินถึงกับผงะสะดุ้ง ทั้งที่เป็นเพียงวิญญาณซึ่งแฝงตัวอยู่เกาะบนบ่าของหลี่ยูวไฉ ยังหายวับไป
“เฮ้ยเว้ย!!” เมื่อสติกลับคืนมาเป็นของตนเอง มองเห็นสถานการณ์คับขันเบื้องหน้าอย่างแจ่มแจ้งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงตัดสินใจเก็บแผ่นป้ายมังกรใส่พกห่อ ก่อนออกวิ่งจนสุดกำลัง
กองทัพแม่มดผีดิบยังคงไล่ตามหนำซ้ำ มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกขณะ ขณะที่บรรยากาศเริ่มมีกลิ่นแปลกโชยมา
“กลั้นหายใจเอาไว้ อย่าสูดกลิ่นมันเข้าไป!” ลู่หยุนร้องลั่น “อากาศพิษ!”
ดุจเปลวเพลิงกองใหญ่แผดเผาในกาย กลิ่นพิษมีอำนาจทำลายล้างกำลังไหลวนไปทั่วร่าง ฉิงฮั่นและหลี่ชิงต้องใช้พลังวิชาช่วยกำจัดกลิ่นพิษออกจากกายจนปลอดภัย
กลิ่นพิษที่เหล่านางแม่มดผีดิบปล่อยออกมา หากใครสูดดมเข้าไปมากเท่าไร จะส่งผลให้คนผู้นั้นกลายสภาพเป็นพวกเดียวกับมัน
ตามบันทึกของอาจารย์ลำดับที่ห้าของลู่หยุน ระบุไว้ถึงช่วงเวลาที่พบเจอกับฝูงแม่มดผีดิบ ขณะออกค้นสุสานใต้บาดาลแห่งหนึ่ง แม้ภายหลังจะหลบหนีออกมาสำเร็จ หากสุดท้ายเขาก็กลายร่างเป็นพวกมัน หลังจากนั้นผู้มีพลังวิชาพากันออกตามไล่ล่าเขาและกำจัดในที่สุด
การต่อสู้กับเหล่าแม่มดผีดิบ ส่งผลให้พลังวิชาอ่อนด้อยลง ต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีจึงจะสามารถฟื้นคืน แม้ตอนนี้ลู่หยุนจะสามารถเป็นผู้ฝึกตน เขายังไม่อาจล่วงรู้ว่าจะต่อกรกับแม่มดผีดิบด้วยกลวิธีใด
“ที่นั่น!” ยู่อิงตะโกนพร้อมชี้มือไปยังหอคอยสูงตระหง่าน ตั้งอยู่ใจกลางเมือง “พวกแม่มดผีดิบมันไม่กล้าเข้าใกล้บริเวณนั้นสักตัว!”
ลู่หยุนพุ่งตรงไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว “ไปที่นั่นกันเถิด!”
ฝูงแม่มดผีดิบมันช่างว่องไวเสียกระไร วิ่งไล่ติดตามพวกมนุษย์ไปอย่างไม่ลดละ หากทั้งฝูงผีดิบกลับเชื่องช้าลง เมื่อคนทั้งหมดผลุบหายเข้าไปภายในหอคอยหลังนั้น ความเกรงกลัวบางอย่างในนั้นทำให้พวกมันต่างล่าถอย
ทันทีที่ทุกคนพรวดเข้าไปภายในหอคอยแล้ว หลี่ยูวไฉทิ้งตัวลงกับพื้น เสียงหอบหายใจฟืดฟาดสนั่นไปอย่างกับเสียงคำรามของวัวกระทิงก็ไม่ปาน
“ว่าแต่นี่เป็นที่ใด เราพากันมาที่นี่ทำไม ไหน ขุมสมบัติ อยู่ที่ใด เขากวาดตามองไปรอบสถานที่ท่าทางสับสน พลันเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่ง “โอ นั่น สมบัติของข้าอยู่ตรงนั้น!” มุมปากยกขึ้นยิ้มออกมาอย่างพึงใจ
Yueshen’s startled specter was back to distort Li Youcai’s perception.
อาการสะดุ้งเมื่อถูกวิญญาณของเยี่ยเสินกลับมาครอบงำ ทำให้การรับรู้ของหลี่ยูวไฉผิดเพี้ยน
“ภูตผีในตำนาน ล้วนเป็นเรื่องจริง!” ฉิงฮั่น หวาดกลัวจนสั่นเทาเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของหลี่ยูวไฉ การได้พูดโต้ตอบกับผีเซียน จึงไม่อาจปฏิเสธว่าครั้งหนึ่งเขาเองเคยโดนหลอกหลอนมาแล้ว
“ขอบใจเจ้ามาก” ลู่หยุนจ้องมองฉิงฮั่น ถ้าไม่ได้ชายหนุ่มผู้นี้ ลู่หยุนคงไม่พ้นกลายเป็นเหยื่อของแม่มดผีดิบข้างนอกนั่น แน่นอนเขาได้เรียนรู้คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย แต่ไม่ได้ช่วยอะไร หากเขาโดนพวกมันกัดโดยไม่ได้ตายลงทันที ซึ่งหากเขาตายลง ทั้งยู่อิง เก้อหลง และพวกเขาทั้งสามก็ไม่พ้นเดินเข้าประตูแห่งขุมนรก เพราะเชื้อร้ายคงแพร่กระจายไปทั่ว
ฉิงฮั่นมีทีท่าขุ่นข้องแทนการตอบรับความรู้สึกขอบคุณจากลู่หยุน ลู่หยุนยกมือขึ้นลูบสันจมูกอย่างอึดอัด
“ว่าแต่ที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่” เสียงหลี่ชิงถามอย่างสงสัย ขณะมองสำรวจบริเวณ “พวกเราจะออกไปอย่างไรทีนี้ ข้างนอกมีแต่พวกผีดิบฆ่าไม่ตายเต็มไปหมดเช่นนี้”
แม่มดผีดิบสามารถเดินเหิร แม้ว่าหัวจะขาดไปจนครึ่งหัวก็ตาม หรือภายหลังจากระเบิดเนื้อหนังของพวกมันจนป่นปี้ เขาได้เห็นกับตาว่าพวกมันยังไม่ตาย
“ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมฎช” ลู่หยุนหันมอง
อาคารมีพื้นที่ราวสิบสองหลาและทาสีดำสนิท ตลอดผนังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ลวดลายออกแบบที่แปลกประหลาด ฝูงแม่มดผีดิบพากันหนีห่างให้ไกลสักสามสับหลา ความเกรงกลัวฉายชัดในกระบอกตาซีดๆของพวกมัน
“ชาวเมืองในนครเจิ้นชุย ถูกฝังทั้งเป็น เพื่อการบูชายัญ ที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ใช้ทำพิธีบูชายัญชาวเมืองก็เป็นได้” ลู่หยุนสูดหายใจลึก พลางพูดพึมพำ “ข้าไม่สังเกตเห็นว่ามีสถานที่ที่ใช้ทำพิธีตอนอยู่บนหน้าผา”
“เจ้าจะบอกอะไร!” ฉิงฮั่น ถามเสียงต่ำ
“สถานที่บูชายัญแห่งนี้ อาจล่วงรู้การมาของพวกเรา หรือไม่ก็ ล่วงรู้ถึงสิ่งมีชีวิตที่ล่วงล้ำเข้ามานั่นสิ” ลู่หยุนพูดตอบกลับไปด้วยสุ้มเสียงเคร่งเครียด “นี่ไงเล่ามันถึงได้เผยโฉมต่อพวกเรา เพราะต้องการบูชายัญสังเวยพวกเราเสียด้วยอย่างไรละ”
“ว่าไงนะ เจ้าจะบอกว่าสถานที่ทำพิธีบูชายัญ มีชีวิตเช่นนั้นหรือ” ฉิงฮั่งสะดุ้งสุดตัว
“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่จะบอกว่า อาจมีอะไรบางอย่างเช่น อะไรที่สามารถสร้างภาพหลอนลวงตา! พวกเราน่าจะคิดออกตั้งแต่ย่างกรายมาถึงที่นี่แล้วต่างหาก”