เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 32 การคาดเดาที่แสนน่ากลัว
บทที่ 32 การคาดเดาที่แสนน่ากลัว
เมื่อรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของเพลิงมรกต พวกปลาก็ถอยร่นไป หนวดที่ยื่นออกมาเองก็หดกลับไปเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังเชิดหน้าขึ้นเหนือน้ำพร้อมดวงตาสีแดงที่เบิกกว้างมายังเหล่ามนุษย์
“บอกข้ามา พวกเราควรจะไปที่ไหนต่อ?” ฉิงฮั่นถามหลังจากที่ได้สติ
“เจ้าไม่ต้องการฆ่าข้าแล้วงั้นเหรอ?” ลู่หยุนพร้อมที่จะปล่อยให้หลี่ยูวไฉออกไปอาละวาด แต่คำถามนี่ก็โผล่ออกมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
“ทำไมข้าต้องทำอย่างนั้น?” ฉิงฮั่นตอบ “เจ้าดูเหมือนจะคุ้นเคยกับที่นี่ เพราะฉะนั้นทำตัวดี ๆ แล้วนำทางข้าไปซะ ถ้าข้าได้สมบัติเมื่อไหร่ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ลู่หยุนลูบจมูกของเขาและไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ หากแต่มองเยว่เฉินที่อยู่ข้างเขาแทน เด็กหญิงคนนั้นชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า “ เจ้าต้องข้ามทะเลสาบ หากอยากไปถึงใจกลางสุสาน”
“เราต้องผ่านทะเลสาบเล็ก ๆ แห่งนี้เพื่อไปยังศูนย์กลางของเนินฝังศพนี้และค้นหาโลงศพที่อยู่ด้านใน” ลู่หยุนพูดย้ำอีกครั้งอย่างลังเลเล็กน้อยเมื่อเขามองดูปลา
“เจ้าจะรออะไรอยู่? จัดการพวกปลานี่สิ!” เซียนชุดแดงที่ยืนข้างฉิงฮั่นตะโกนมาที่ยู่อิง ดวงตาของเจ้าเมืองหนุ่มมองไปยังเรือนร่างของหญิงสาว ถ้าไม่ติดที่ว่ามีฉิงฮั่นอยู่เขาคงทำตามใจตัวเองไปแล้ว
“นี่เจ้าโง่หรืออะไรกัน?!” อารมณ์ของลู่หยุนเปลี่ยนไป เขาโกรธเล็กน้อย “ปลาแต่ละตัวอยู่ในระดับพลังเซียน ข้ารับใช้ของข้าอยู่แค่ระดับจิตวิญญาณ ถ้าส่งไปก็เท่ากับตายน่ะสิ”
ยู่อิงเป็นไพ่ตายของเขา เพราะฉะนั้นชายหนุ่มจะไม่ปล่อยให้นางปรากฏตัวยกเว้นเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่ไม่มีการบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ถ้าเขาปล่อยให้ผีดิบพวกนั้นเข้ามาใกล้มากเกินไป ความเร่งด่วนของสถานการณ์ทำให้เขาต้องเรียกหญิงสาวออกมาเพื่อกำจัดพวกมัน
ยู่อิงเป็นเซียนก็จริง แต่พลังของนางก็ยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ แต่ด้วยสิ่งนั้นและดาบทั้งเจ็ดเล่มของนาง มันก็ทำให้หญิงสาวสามารถต่อสู้กับพวกเซียนได้ แต่ถึงกระนั้นลู่หยุนก็ไม่อยากให้นางแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา
แทนที่จะเสียเวลาเถียงกับชายชุดสีแดง เขาก็หันไปคำรามอีกทาง “งั้นเจ้าไปซะ จัดการพวกมัน!” เห็นได้ชัดว่าเขามีสถานะที่สูงกว่าเซียนอื่น ๆ เป็นเพราะเขาสามารถสั่งการคนอื่น ๆ ได้ทั้งที่อยู่ตรงหน้าฉิงฮั่น
แม้ว่าใบหน้าของท่านทูตจะทรยศต่อความไม่พอใจของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายชายเสื้อแดง
“เอ่อ…” เซียนในชุดน้ำเงินยังคงลังเล หากใครก็ตามที่จัดการผีดิบเมื่อครู่ไปก็จะกลายเป็นพวกมัน… แล้วใครจะรู้ล่ะว่าปลาพวกนี้มันจะทำอะไรพวกเขาได้อีก?
“ไม่ต้องกังวล ปลาพวกนั้นอาจจะดูน่ากลัว แต่พวกมันไม่ใช่ผีดิบ… เจ้าสามารถจัดการได้ตามที่ใจปรารถนาเลย” ลู่หยุนอธิบาย
เซียนคนนั้นพยักหน้าแล้วหายใจเข้าลึก ๆ ดาบของเขาพุ่งเป็นลำแสงสุกใสและบินไปบนท้องฟ้า เมื่ออยู่เหนือทะเลสาบมันก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างรุนแรง
พื้นผิวอันเงียบสงบของทะเลสาบเป็นฟองคลื่นราวกับสายฝนที่ไม่มีที่สิ้นสุด ลำแสงของดาบจัดการพวกปลาได้อย่างไม่มีปัญหา
การโจมตีหยุดลงหลังจากหายใจไปหลายสิบครั้ง ตอนนี้ทะเลสาบกลายเป็นสีแดงเลือดจากปลาซากศพทั้งหลายที่ลอยอืดขึ้นมา
“เร็วเข้า ไปกันเถอะ!” ลู่หยุนตะโกนในทันที ก่อนที่ยู่อิงจะพาเขาข้ามทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
หลี่ยูวไฉก็ยังบ่นพึมพำเช่นเคย “เอาสมบัติมาให้ข้า!” ก่อนที่เขาจะไปถึงฝั่งตรงข้ามในพริบตา
“ไปกันเถอะ!” แม้ว่าจะตกใจ แต่ฉิงฮั่นตอบสนองเร็วพอ แสงดาบสีม่วงสลัวห่อหุ้มเขาไว้และพาเขาไปอีกด้านหนึ่ง
“รอข้าด้วยสิ!” หลังจากการปลดปล่อยวิชาดาบของเขา เซียนชุดน้ำเงินที่ตอบสนองช้าก็ใช้ดาบลำแสงของเขาพุ่งตามไป
ตู้ม!
ทะเลสาบทั้งปะทุอย่างรุนแรงด้วยการปรากฏตัวของหัวมนุษย์ขนาดใหญ่ มันกว้างอย่างน้อยหนึ่งไมล์จนสามารถปิดกั้นได้ทั้งทะเลสาบ
แขนหนาร่ายรำอยู่เหนือหัวของศพขนาดมหึมา ไม่นานนักชายในชุดน้ำเงินก็ถูกแขนเหล่านั้นดึงลงไปในปากของปลา
เสียงกรีดร้องที่ทำให้ตกใจของเขาสะท้อนออกมาด้วยเสียงเคี้ยวของวิญญาณ สร้างความสยองขวัญให้กับทุกคนในที่แห่งนี้
ฟ่อฟ่อฟ่อ!
ปลาสร้างเสียงขู่ที่คล้ายกับงู เหนือหัวของมันแขนสีซีด ๆ เหยียดตรงไปที่ริมฝั่ง
“กระจายตัว!” เสียงโห่ร้องชายชุดแดง ก่อนที่ดาบลำแสงสีเดียวกันก็พุ่งออกจากฝ่ามือของเขาเพื่อจัดการปลาตัวนั้น
“ นายน้อยรีบหนีไป… ปลานี่มันอยู่ในระดับเซียนสูงส่ง!” สีหน้าของเขาซีดลง ถึงเขาจะต้านทานการโจมตีของปลาตัวนี้ได้ หากแต่ก็บาดเจ็บหนักเช่นกัน และก่อนที่คนผู้นี้จะบินหนีออกไป เขากลับต้องล้มลงบนพื้นที่ห่างออกไปไม่ไกลนักเสียก่อน
“ข้า ข้าบินไม่ได้!” เขาตะโกนอย่างหวาดกลัว
“รัศมีของเจ้าปลานี่มันอยู่ได้แค่ในทะเลสาบ พวกเราต้องออกห่างจากมัน” ลู่หยุนประกาศออกมา
ก่อนหน้านี้ปลาซากศพตัวจิ๋วไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก พวกมันสามารถเป็นคู่มือให้กับมนุษย์ได้ แต่กับปลาขนาดมหึมาตัวนี้ล่ะ
“ที่นี่มีค่ายกลจำกัดพื้นที่ไหม?”
แน่นอนว่าบัดนี้เจ้าปลาตัวใหญ่นั่นก็ได้ดำลงไปในทะเลสาบอีกครั้งเพื่อซ่อนตัวจากพวกเขาที่บินอยู่ด้านบน
พวกเขาใช้สัมผัสตรวจสอบโดยรอบ ฉิงฮั่นเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ทั้งผู้ฝึกตนและเซียนที่บินอยู่ตอนนี้ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวด้วยการบินบนฟ้าไปแล้ว มันก็เหมือนกับมนุษย์ที่ถูกตัดขาห้ามเดินนั่นแหละ
“ค่ายกลจำกัดพื้นที่งั้นเหรอ? ดี! เยี่ยมเลย!” ลู่หยุนปรบมือและหัวเราะออกมาดัง ๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความยินดี
“เราบินไม่ได้แบบนี้ เจ้าว่ามันดีได้ยังไง?” ฉิงฮั่นหน้าบึ้งด้วยความรำคาญ
“แน่นอนอยู่แล้ว” ลู่หยุนยิ้ม “ ทั้งสุสานและเนินฝังศพจะต้องได้รับการปกป้องจากอะไรสักอย่าง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าเราเข้าใกล้ขุมทรัพย์แล้ว วู้ว!”
ชายหนุ่มลอยตัวขึ้น ก่อนจะบินเข้าไปในอุโมงค์อย่างมีชีวิตชีวา
คนอื่นมองหน้ากัน ทำไมคนผู้นี้ถึงตื่นเต้นได้ขนาดนี้นะ? มันเป็นเพราะสมบัติงั้นเหรอ?
“เจ้าไม่คิดบ้างรึไง? ว่าอุโมงค์นี้มันช่างคุ้นตาแค่ไหนน่ะ” ฉิงฮั่นพูดอย่างลังเลในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ แทนที่อุโมงค์จะเป็นเส้นตรงแต่มันกลับมีทางซิกแซกมากมายเหมือนกับเขาวงกต
“หืม?” ลู่หยุนแข็งตัวเมื่อเขาได้ยินเสียงดนตรี “เจ้าก็คิดว่ามันคุ้นตาเหมือนกันหรือ?”
“ถูกต้อง” ฉิงฮั่นพยักหน้า “ ที่จริงแล้วคุ้นเคยมาก แต่ข้าก็บอกเจ้าไม่ถูกว่าทำไมข้าถึงได้คุ้นเคยกับมันแบบนี้ “
ลู่หยุนพยักหน้า เขายังแบ่งปันความรู้สึกเดียวกัน “ข้าสังเกตอุโมงค์มาตลอดทาง -”
ยู่อิงพูดแทรกขึ้นมา “พวกเขาวางเส้นทางให้คล้ายคลึงกับระบบไหลเวียนของมนุษย์”
“ระบบไหลเวียนของร่างกายมนุษย์?” ฉิงฮั่นกะพริบตาจากนั้นก็เริ่มตระหนักได้ทันที “ข้าเข้าใจแล้ว! เป็นอย่างที่เจ้าพูดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!”
“ระบบไหลเวียน… ร่างกายมนุษย์… ” ลู่หยุนรู้สึกถึงสันหลังที่สั่นสะท้าน สมองของเขาทำงานเต็มที่และมองไปยังแมลงศพที่อยู่ตามกำแพง
แมลงศพ… สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากผีดิบอายุขัยนับพันปีเท่านั้น
“คนที่สร้างสถานที่แห่งนี้จะต้องเชี่ยวชาญการวางรูปแบบจริงๆ” ฉิงฮั่นอุทานพร้อมเดาะลิ้นของเขา
“ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ…” ลู่หยุนสะอึกอย่างรุนแรง ถึงกระนั้นคอของเขาก็ยังรู้สึกแห้ง “เส้นทางเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น… มันเหมือนกับว่าพวกเราอยู่ในซากศพของยักษ์ ถ้าพูดให้ถูกก็คือ พวกเรากำลังอยู่ในตัวผีดิบ” แม้แต่คำพูดของเขาก็ฟังดูไม่น่าเชื่อถือ
“จะ เจ้าหยุดพูดเรื่องไร้สาระเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฉิงฮั่นตัวสั่นและรีบแย้ง “จะมีใครที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”