เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 28 ภาพลวงตาที่แท้จริง
บทที่ 28 ภาพลวงตาที่แท้จริง
“สมบัติมากมายเต็มไปหมด!” ใบหน้าของฉิงหงเฉินและฉิงฮั่นแดงเล็กน้อย มันแปลกมาก อย่างไรก็ตาม มันแปลกที่ทุกคนไม่ทำอะไรเลยทั้ง ๆ ที่มีสมบัติมากมายแบบนี้
ลู่หยุนจ้องมองไปที่โลงสำริดขนาดเท่ากระท่อมตรงใจกลางห้อง พวกผีร้ายมักจะอยู่ในโลงแบบนี้แหละ ในฐานะของโจรขุดสุสาน เขายอมเผชิญหน้ากับผีดิบพันปีดีกว่าจะต้องมาเจอกับโลงสำริดนี่
ย้อนกลับไปบนโลก กลุ่มโจรขุดสุสานที่ลู่หยุนเป็นเจ้าของนั้นมีชื่อเสียงในด้านนี้เป็นอย่างมาก พวกเขารุ่งเรืองจนถึงขนาดมีสาขายิบย่อยไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตามพวกเขาเคยพบโลงสำริดในระหว่างการขุด และมันคือต้นเหตุแห่งการล่มสลายของกลุ่ม สมาชิกกลุ่มหายไปจนกระทั่งเหลือแค่ลู่หยุน และในเมื่อเขากลับชาติมาเกิดใหม่ในโลกเซียนนี้ นั่นก็เท่ากับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว
แต่นี่คือโลกเซียนและตอนนี้ข้าเองก็เป็นผู้ฝึกตน โลงศพนั่นหยุดข้าไม่ได้หรอก! เจ้าเมืองหนุ่มตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขาอยากจะเห็นมันด้วยตาทั้งสองข้างของตัวเองว่ามีวิญญาณชั่วร้ายตัวไหนอยู่ในโลงสำริดนั่นกันแน่!
“นี่มัน เห็นหลินจือเก้าสวรรค์!” ทันใดนั้นขุนนางวารีนภาก็ตะโกน “ อาหารเสริมในตำนานที่เหนือกว่าส่วนผสมระดับเก้า! การกินมันเข้าไปจะทำให้กลายเป็นเซียนในทันที!” เขาคำรามและรีบไปที่มุมหนึ่งเพื่อแย่งเห็ดนั่น
“ไอ้สารเลว กลับมานี่นาะ!” หลี่ยูวไฉร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ มีค่ายกลแถวนั้น!”
แกร่ก!
สายฟ้าสีดำผ่าลงมาจากไหนก็ไม่รู้ผ่าเข้าใส่ขุนนางคนนั้นจนทำให้ร่างของคนผู้นั้นเกรียมจนกลายเป็นสีดำ
แกร่ก แกร่ก แกร่ก!
ขุนนางวารีนภาผู้นั้นได้ทำให้กลไกกับดักทำงาน สายฟ้ามากมายผ่าลงมาใส่ทุกคนในห้อง
“นายท่านสิบสาม!” ฉิงหงเฉินตะโกนออกมา สีหน้าของเขาดูตื่นตระหนก
เปลือกตากระตุก นายท่านสิบสามก้มตัวลงและวางมือลงบนพื้น
หึ่ง
ค่ายกลปรากฏขึ้นบนห้องโถง การป้องกันที่ทรงพลังถูกเนรมิตขึ้นมาเพื่อปกป้องทุกคนในนั้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสายฟ้านั่นจะไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย แถมยังผ่าใส่โล่ป้องกันเรื่อย ๆ
“ช่างเป็นค่ายกาลอัศนีที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ นี่มันจะต้องเป็นฝีมือผู้ที่สามารถกลายเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน!” เลือดไหลลงมาจากมุมปากของนายท่านสิบสาม ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความไม่เชื่อ “นี่มันค่ายกลอะไรกัน?! นี่มันคือการเรียกขานของเซียน!”
“ออกไปจากที่นี่!” นายท่านสิบสามรีบส่งพลังแห่งชีพจรผ่านค่ายกลเพื่อผลักทุกคนยกเว้นตัวเองกับฉิงหงเฉินให้ออกไป ทั้งห้องที่เต็มไปด้วยสายฟ้า ถ้าทุกคนโดนเข้า มีหวังพวกเขาได้กลายเป็นเถ้าธุลีแน่นอน
“ทั้งหมดเป็นแค่ภาพลวงตา” ลู่หยุนยกมือขึ้นและมองดูราวกับว่าสายฟ้านั่นกระแทกผ่านมือของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเขาเอง มันเจ็บมาก ทุกเซลล์ในร่างกายของเขากำลังกรีดร้อง และได้กลิ่นเนื้อไหม้
“ความเจ็บปวดนี่ก็เป็นของจริง” เขาบ่น “ ถ้าไม่ใช่เพราะฟ้าแลบ ข้าคงไม่เห็นภาพลวงตาหรอก” ร่างกายของชายหนุ่มฟื้นตัวด้วยความเร็วที่ผิดธรรมชาติ เขาวางมือของเขาไว้ด้านหลังและเดินไปที่ห้องโถงใหญ่อย่างสบาย ๆ
“ผู้ฝึกตนและขุมทรัพย์เซียน พวกเขากลัวเซียนกันมากที่สุดสินะ ดังนั้นก็เลยเกิดแบบนี้ขึ้น แล้วก็โลงสำริดนี่คือตัวที่ทำให้ข้าคนนี้กลัวสินะ บางอย่างที่นี่คงสัมผัสได้ถึงความกลัวของตัวข้าคนนี้ ข้าเคยตายเพราะมันมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วแบบนี้ทำไมข้าต้องกลัวมันอีกด้วยล่ะ?” ลู่หยุนหัวเราะเบา ๆ แล้วหายตัวไปจากห้องโถงใหญ่ ร่างสีขาวจาง ๆ กะพริบและตามหลังเขาไปติด ๆ
ค่ายกลของนายท่านสิบสามถูกทำลาย เสียงร้องไห้โหยหวนดังขึ้น ก่อนที่เขาและฉิงหงเฉินจะล้มลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว
นี่มันวังใต้ดินเนินฝังศพหรือว่าเมืองวารีแท้จริงกันนะ? ลู่หยุนมองไปรอบ ๆ ในระหว่างที่เดิน คิ้วของเขาก็ขมวดไปด้วย แปลกนะ ทำไมถึงมีแสงในที่แบบนี้ล่ะ?
ทันทีที่ลู่หยุนพูดสิ่งนั้น วิสัยทัศน์ของชายหนุ่มก็พลันมืดลง มีบางอย่างติดตามข้าเพื่อสร้างความสับสนให้กับข้า นี่มันคือกำแพงผีผ่านรูปแบบปรับปรุง!
เขาหยุดในเส้นทางของเขา หลับตาเงียบ ๆ และไม่ขยับเขยื้อน ถั่วเหลืองปรากฏอยู่ในมือของเจ้าเมืองหนุ่ม ซึ่งเขาก็ได้ทำการโยนมันขึ้นไปในอากาศเบา ๆ แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยนั้นปรากฏเป็นยักษ์ใหญ่สูงเจ็ดเมตรในชุดเกราะสีทองตรงหน้าลู่หยุน ทหารเม็ดถั่ว!
“บัดซบ เจ้ามันชั่วร้ายที่สุด!” ยักษ์ตัวนั้นส่งเสียงก่อนที่จะตายลง
ความเยือกเย็นซึมลึกเข้าถึงกระดูกสันหลังลู่หยุน เขายืนนิ่งอยู่กับที่ เบื้องหน้าชายหนุ่มคือก้นบึ้งไร้ที่สิ้นสุด มันได้กลืนกินทหารเม็ดถั่วของเขาเข้าไป ตอนนี้ทหารของเขากลับไปสู่ปรภพแล้ว
ขอบคุณสวรรค์ ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในภาพลวงตา แต่ก็มองไม่ออกอยู่ดีว่ามันเป็นยังไงกันแน่ ถ้าหากข้าคนนี้เดินออกไปอีกก้าวเดียวล่ะก็… ขืนเป็นแบบนั้นข้าได้ตายแน่ ๆ ลู่หยุนถอยกลับมาพร้อมกับเม็ดเหงื่อเย็นยะเยือก ถึงจะรู้ว่าถูกห้อมล้อมไปด้วยภาพลวงตา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทลายกำแพงภาพลวงนี้ได้
มีเสียงกระซิบเบา ๆ ดังนั้น โลกรอบ ๆ ตัวเขาพลันเปลี่ยนไป แสงประหลาดสีแดงแล่นตัดผ่านความมืดทำให้ชายหนุ่มได้วิสัยทัศน์กลับมาอีกครั้ง
แมลงขนาดเท่าฝ่ามือเกาะอยู่ที่กำแพง แสงสีแดงของมันทำให้ห้องสว่างขึ้นทันตาเห็น แมลงตัวอื่น ๆ เองก็ไม่ขยับ ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังหลับอยู่ หากแต่ลู่หยุนที่ได้เห็นภาพนี้เขาหวาดกลัวจนขนแขนลุกซู่
แมลงศพ!
นี่มันรังแมลงศพชัดๆ! พวกมันใหญ่กว่าที่เจอในสุสานของยู่อิงเสียอีก แมลงพวกนี้ตัวใหญ่เท่าฝ่ามือเขาเลยทีเดียว
ดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังติดตามข้าอยู่ มันสร้างภาพลวงตาล่อข้าให้มาที่นี่เพื่อให้ความมืดกลืนกิน การที่เจ้าสิ่งนั้นฆ่าข้าไม่ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันทำไม่ได้จริง ๆ
ประตูใหญ่เปิดช้า ๆ ที่ด้านหลังของลู่หยุน
“ข้ารับใช้จากปรภพ ลู่เทียน ขอทักทายท่านอาจารย์!” ชายในชุดดำพร้อมด้วยเคียวขนาดใหญ่ปรากฏข้าง ๆ ลู่หยุน เขาคือหนึ่งในเซียนที่ลู่หยุนจัดการฆ่าไปด้วยค่ายกลมังกรทอง พวกเขาเคยเป็นข้ารับใช้ของลู่หยวนโหและได้ใช้สกุลเดียวกัน พวกเขามีเพียงชื่อ เทียน ตี้ ซวน และฮวง ตามลำดับ
“ลุกขึ้น” ลู่หยุนสั่ง “ถอดเสื้อออกแล้วตามข้ามา”
“รับทราบ” ลู่เทียนรีบถอดเสื้อคลุมของเขาออก
มีอันตรายมากมายในเนินมหึมานี้ แต่ลู่หยุนจะปลอดภัยกว่าด้วยการมีลู่เทียนปกป้องเขา
……
“เกิดอะไรขึ้น?” หลังจากผ่านไปได้สักพัก นายท่านสิบสามและฉิงหงเฉินก็ได้สติ
สภาพรอบ ๆ ถูกมองเห็นอีกครั้งด้วยหอยมุกเรืองแสง มันไม่มีวังสุดหรูหรือว่าสมบัติมากมายแต่อย่างใด มีเพียงเสาหินธรรมดาเท่านั้น รอบข้างรายล้อมไปด้วยโครงกระดูกนับไม่ถ้วน มีคนตายไปเท่าไหร่กันแล้วนะในห้องนี้?
“มันเป็นภาพลวงตาทั้งหมดหรือเปล่า?” นายท่านสิบสามรู้สึกว่าขนของเขาลุกซู่ เขาไม่ได้ตระหนักเลย! “คนอื่นอยู่ไหนกันหมด?”
นอกเหนือจากโครงกระดูกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในห้องก็คือนายท่านสิบสาม ฉิงหงเฉิน และขุนนางวารีนภา ส่วนคนอื่น ๆ ต่างนอนกองอยู่ที่พื้นในสภาพที่ดูเหมือนตาย ฉิงหงเฉินเหยียบไปบนร่างของพวกเขา “เจ้าตายแล้วหรือไม่?”
“นายน้อยห้า! ข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ?” ขุนนางคนนั้นตื่นขึ้นและมองไปที่ฉิงหงเฉิน “อ๊า เห็ดหลินจือเก้าสวรรค์ของข้า!” เขายกมือขึ้นและเห็นว่าตัวเองกำกะโหลกที่มองกลับไปที่เขาด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย ด้วยความกลัวเขาจึงขว้างกะโหลกทิ้งไป “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?!” เสียงของเขาสั่นไหว
“มันเป็นของปลอม มันปลอมทั้งหมด” นายท่านสิบสามถอนหายใจ “ลู่หยุนสามารถมองทะลุภาพลวงตาได้ เขาเก่งกว่าข้า”
“ลู่หยุนเข้าร่วมกับข้าแล้วแท้ ๆ เขากล้าทิ้งข้าไปได้ยังไง?” รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายปรากฎที่ริมฝีปากของฉิงหงเฉิน “ถ้าเขามองทะลุภาพลวงตาได้ เขาจะต้องเป็นคนนำทางให้ข้า!”