เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 17 นรก
[GS] บทที่ 17 นรก
ทุกอย่างกลับไปเงียบดังเดิม ด้วยเหตุที่ลู่หยุนได้เรียกใช้อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเขตสนธยา นั่นจึงเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บางอย่างที่แม้แต่กงซุนโหย่วและเฟิงเหลียงเฉิง อีกสองราชเลขาแห่งตำหนักเจ้าเมืองที่เหลือก็ยังตัดสินใจหนีออกไปอย่างลับ ๆ และไม่คิดจะกลับมาแล้ว
เมื่อราชเลขาเซียหลางตายลง ลู่หยุน ว่านเฟิง และยู่อิงก็เป็นเพียงแค่สามคนที่ยังอยู่ในตำหนัก
ลู่หยุนได้สัมผัสถึงความเงียบสงบ
ชายหนุ่มใช้เวลาทั้งวันในการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ของโลกเซียนแห่งนี้ น่าเศร้าที่การฝึกของเขาหยุดนิ่งในช่วงปราณประยุกต์ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่ลู่หยุนต้องให้ความสนใจ เพราะตอนนี้เขาได้เริ่มลงลึกเกี่ยวกับการวางค่ายกลแล้ว
“ค่ายกลและฮวงจุ้ย มันคือสิ่งเดียวกันจริง ๆ ด้วย!” ลู่หยุนได้ลองตั้งวางค่ายกลตามที่ตำราบอก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันก็คล้ายคลึงกับฮวงจุ้ยที่เขาถนัด ต่อให้ชายหนุ่มไม่สามารถจำวิธีการวางค่ายกลได้ แต่เขาก็สามารถหยิบยืมความรู้ที่มีออกมาใช้ได้
เมื่อชายหนุ่มได้เรียนรู้พื้นฐานของค่ายกล เขาก็พบว่าความเข้าใจของเขาในเรื่องของฮวงจุ้ยนั้นดีขึ้นด้วยเช่นกัน
เที่ยงวันที่เจ็ดนับตั้งแต่มาถึงโลกแห่งเซียน
ขณะที่ ลู่หยุนกำลังอ่านหนังสือเอนหลังอยู่ในสวนหลังบ้าน อยู่ ๆ ว่านเฟิงก็วิ่งมาหาชายหนุ่มด้วยท่าทางตกใจ
“มีกลุ่มอันธพาลเข้ามาที่นี่เจ้าค่ะ พวกเขาบอกว่าต้องการพบเจอคุณชาย” ใบหน้าของหญิงสาวซีดด้วยความหวาดกลัว
“ในที่สุดพวกมันก็มา” ลู่หยุนลุกขึ้นและวางหนังสือของเขา “ ดีเลย ข้าคนนี้กำลังกังวลพอดีว่าพลังของข้ามันจะเติบโตช้าไปไหม ในเมื่อพวกมันมาที่นี่งั้นข้าก็จะลองใช้มันดูหน่อยละกัน ว่านเฟิง ยู่อิง ตามมา”
“รับทราบเจ้าค่ะ” เสียงโทนต่ำของยู่อิงดังขึ้น ก่อนที่หญิงสาวจะปรากฏตัวข้างลู่หยุน พลังของนางเองก็ได้รับการฟื้นฟูแล้ว ตอนนี้นางอยู่ในระดับแก่นดั้งเดิม ขาดเพียงอีกก้าวเดียวก่อนจะเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณ
ลู่หยุนเรียกกองทหารหอกทมิฬ และเปิดใช้งานค่ายกลมังกรทองเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว เรื่องนี้ทำให้พวกที่คิดจะต่อต้านชายหนุ่มสงบลงไปชั่วคราว แต่ตอนนี้ได้มีพวกกลุ่มคนใหม่กำลังบุกมายังบ้านของเขา ซึ่งก็เป็นพวกที่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครานั้น แท้จริงแล้วคนพวกนี้ก็คือคนที่เฟิงลี่บอกด้วยว่าจะนำยามาให้ลู่หยุนนั่นเอง
ตัดสินจากการแสดงออกของว่านเฟิง พวกเขาเหล่านั้นจะต้องมีทัศนคติที่หยาบคายอย่างแน่นอน
ฝูงชนต่างเฝ้ามอง คนเหล่านี้ต่างคาดหวังถึงการปะทะกันระหว่างพวกอันธพาลและลู่หยุน โดยหวังว่าพวกเขาจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ภายในห้องโถงใหญ่ของจวนเจ้าเมือง ชายหนุ่มผู้ดูหยิ่งจองหองนั่งอยู่ในที่นั่งหลักโดยมีผู้ติดตามสี่คนอยู่ข้าง ๆ เขา
“เจ้าคือลู่หยุนใช่ไหม?” ชายหนุ่มกลัวมือเรียกให้ลู่หยุนเข้ามาใกล้ ก่อนโยนกล่องอะไรบางอย่างใส่เขา “ตระกูลหลักจ่ายเงินเพื่อนำยานพคุณมาให้เจ้า จงดีใจเสียเถอะ ตอนนี้เจ้าเป็นหมารับใช้ของพวกเราแล้ว ต้องรับคำสั่งจากพวกเราตลอดเวลาเข้าใจไหม? ส่วนชื่อข้าเหรอ เจ้าไม่สมควรที่จะรู้หรอก“ เขาเย้ยหยั่น
“เจ้ากล้าดียังไง!” ท่าทีของยู่อิงมืดหม่น หญิงสาวเผยจิตสังหารออกมาใส่ชายหนุ่มคนนั้น
“โทษของเจ้าคือตาย!” คนติดตามสี่คนก้าวออกมาข้างหน้า ก่อนที่แสงสีฟ้าจะระเบิดออกมากลบรัศมีของยู่อิง
“พวกเซียน!” สีหน้าของยู่อิงเปลี่ยนไปทันที
“พอได้แล้ว!” ลู่หยุนสั่ง เมื่อได้ยินคำสั่งหญิงรับใช้ของเขาก็ลดหัวลง หากแต่เปลวไฟสีมรกตยังคงลุกโชนอยู่
“หึ ไม่เลวเลยนี่ ดูเหมือนว่าตระกูลย่อยจะมีผู้ภักดีที่มีฝีมืออยู่บ้างสินะ นี่มันนานเท่าไหร่แล้วนะสำหรับเขตสนธนา ในรอบพันปีงั้นหรอ?” ชายผู้นั้นแสดงท่าทาง ก่อนที่ผู้ติดตามทั้งสี่จะก้าวถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทั้งสี่ต่างถอยกลับไปยังตำแหน่งที่อยู่ด้านหลังชายหนุ่ม
“ตระกูลหลักงั้นเหรอ?” ลู่หยุนถามด้วยนิ่วหน้า “เจ้าก็เป็นคนในตระกูลลู่งั้นเหรอ?”
“ใช่ ข้าคือคนจากตระกูลลู่” ชายคนนั้นพยักหน้า “ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นหมาข้างถนนเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าจะยังมีคนคอยปกป้องเจ้าอยู่หลังจากที่ถูกปฏิเสธจากตระกูลหลักไปแล้ว หึ ช่างเป็นนางที่งามยิ่ง“ เขามองยู่อิงด้วยความชมเชย เขาเคยเห็นนางฟ้ามามากมายก่อนหน้านี้แล้ว แต่กับหญิงสาวคนนี้ถือว่างามที่สุดที่เคยเห็นมา
“ข้าจะพานางทั้งสองไปพร้อมกันเลย ไม่มีปัญหาสินะ?” ชายคนนั้นหยอกล้ออย่างสนุกปาก “ลู่ที่ 13 พาตัวนางไป”
ลู่หยุนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ชายหนุ่มหยุดชั่วคราว “เจ้าหัวเราะทำไม?”
“ว่านเฟิงกล่าวว่าค่ายกลนั้นสามารถฆ่าพวกเซียนได้ ข้าก็เลยคิดจะลองมันหน่อยน่ะ” ลู่หยุนกล่าวพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มของหมาป่าบนใบหน้า “เจ้าเป็นคนที่มายุ่มย่ามกับข้าคนนี้เองนะ อย่ามาโทษก็แล้วกันถ้าหากจะต้องกลายเป็นหนูลองยาให้กับข้า”
ชายหนุ่มไม่ได้เป็นเซียน แต่ผู้ติดตามของเขาต่างหาก
หึ่ม!
ทันใดนั้น! รัศมีสีทองก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของลู่หยุน มังกร 9 ตัวโผล่ออกมาจาง ๆ ระหว่างมือของเขาในขณะที่พวกมันพุ่งผ่านเมืองไป
“อะไรน่ะ?!” สีหน้าของชายหนุ่มตื่นตระหนก เขาไม่ได้คาดหวังว่าลู่หยุนจะเปิดใช้งานค่ายกลป้องกันที่ยิ่งใหญ่ของเมืองแบบนี้ “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าไม่รู้เหรอว่าข้าเป็นใคร?!”
ราวกับสายฟ้าฟาด ค่ายกลนั่นได้ทำการดูดพลังงานจากนายน้อยคนนั้น ก่อนที่จะทำให้ข้ารับใช้ทั้งสี่กระเด็นออกไป
“ปกป้องนายน้อย!” เซียนทั้งสี่ตะโกน พวกเขาต่างพยายามหาทางกลับไปช่วยเจ้านายตัวเอง ทว่ามังกรมันก็ขวางทางเอาไว้ ก่อนที่มันจะกระแทกเซียนทั้งสี่เสียจนกระเด็นออกมา
……
“ไอ้บ้านั่น! มันเปิดใช้งานค่ายกลอีกแล้ว!” เฟิงลี่จ้องไปที่มังกรที่ฉีกเซียนทั้งสี่ ค่ายกลมังกรทองน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้
ผู้นำของกลุ่มสำคัญในเมืองแห่งนี้ต่างก็บันทึกการเคลื่อนไหวเอาไว้
“ไม่มีใครจะทำอะไรกับลู่หยุนในอีกหกเดือนข้างหน้า ไม่สิภายในอีก 30 วัน ในเมืองนี้แน่ๆ”
“ทำการฆ่ามันทันทีที่เขาไปยังแม่น้ำสนธยา!”
……
“ข้าจะรู้ชื่อของเจ้าได้ยังไงถ้าเจ้าไม่ยอมเอ่ยปากบอก?” เจ็ดวันที่ผ่านมานี้ก็นานพอแล้วที่ลู่หยุนจะทำความเข้าใจพื้นฐานของค่ายกล ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาใช้ค่ายกลมังกรทองได้อย่างชินมือ
“ข้า-“
ปัง!
พลังค่ายกลกระแทกเข้าชายหนุ่มผู้นั้นจนไม่อาจพูดจบได้
ตึก!
ชายหนุ่มโดนส้นเท้าลู่หยุนกระแทกเข้าที่ใบหน้า
“ตอนนี้ข้าไม่สนใจหรอก เจ้าคิดว่าตัวเองใหญ่นักเหรอ? เจ้าอยากได้เจ้าเมืองคนนี้รับใช้ของเจ้างั้นเหรอ? คิดว่าข้าเป็นสุนัขหรือไง? นี่เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันห๊า?!” ริมฝีปากของลู่หยุนบิดเบี้ยว “กลับบอกเจ้านายของพวกเจ้านะ ถ้าอยากให้ข้าร่วมงานด้วยก็ต้องทำตัวดี ๆ กับหน่อย แล้วไหนละไอ้ยาเวรตะไลที่ข้าร้องขอ?”
ตึก!
ลู่หยุนเตะแขกผู้มาเยือนเสียจนออกไปจากจวนเจ้าเมืองของเขา
ความเย่อหยิ่งของชายหนุ่มและบรรยากาศเหนือธรรมชาติกลายเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาได้รับการยกย่องอย่างสูงในตระกูลลู่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือชายผู้นี้ก็เหมือนกับผ้าไหมแพรที่แสนล้ำค่าบนโลกมนุษย์ เพราะงั้นชายผู้นี้ย่อมไม่มีวันรายงานว่าเขาถูกหยามเกียรติโดยลู่หยุน เพราะนั่นคงน่าอับอายเกินไป ชายผู้นี้จะต้องหาทางแก้แค้นด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
ในทำนองเดียวกัน มันก็ไม่ฉลาดนักที่ลู่หยุนจะฆ่าชายหนุ่มคนนี้ ตอนนี้ลู่หยุนยังไม่ต้องการให้ทางตระกูลส่งใครบางคนที่ทรงพลังไปกว่ามาตามตัวเขา หรือไม่ก็เสี่ยงต่อการถูกฆ่าโดยตาแก่บางคน ว่าแล้วลู่หยุนก็เงยหน้าขึ้นมองเซียนทั้งสี่
“ตายซะ!!” เจ้าเมืองหนุ่มคำราม ภาพของค่ายกลมังกรทองปรากฏอยู่ทั่วร่างกายของเขา มังกรทั้งเก้านั้นแยกตัวออกเป็นหนึ่งร้อย ไม่สิ หนึ่งพันตัว ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าไปฉีกทึ้งร่างของเซียนทั้งสี่กลางอากาศ
หึ่ม!
เสียงกระหึ่มดังลั่นรอบ ๆ ลู่หยุน มันเป็นเพียงแค่ลมที่พัดเบา ๆ ด้านหลังของเจ้าเมืองหนุ่ม ประตูแห่งนรกได้เปิดขึ้นรับวิญญาณของเซียนทั้งสี่
“ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ข้าคนนี้ฆ่าใครบางคนไป วิญญาณของพวกเขาจะผ่านประตูไปเป็นทหารของปรภพสินะ” ลู่หยุนกล่าวพึมพำขณะที่ทำการควบคุมค่ายกล
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นอกเหนือจากการเรียนรู้เรื่องค่ายกลและการฝึกตนแล้ว ลู่หยุนก็ยังได้ค้นพบเกี่ยวกับประตูแห่งนรกอีกด้วย วิญญาณของใครก็ตามที่ชายหนุ่มฆ่า วิญญาณพวกนั้นจะผ่านเข้าไปในประตูและกลายเป็นกองกำลังส่วนตัวของเขา
เก้อหลงถูกเขาฆ่าเป็นคนแรก ซึ่งในตอนนั้นประตูก็ได้เปิดออกแล้ว ดังนั้นชื่อของตาแก่นั่นก็เลยอยู่ในคัมภีร์ และนั่นก็ทำให้ตอนนี้ลู่หยุนสามารถชุบชีวิตมันขึ้นมาได้ เพราะงั้นทังหมดนี่มันจึงขึ้นอยู่กับลู่หยุน
แท้จริงแล้วการชุบชีวิตมันจะไม่เกิดขึ้นหากว่านเฟิงเป็นคนฆ่าเก้อหลงที่เพิ่งฟื้นขึ้นในตอนนั้น
หากแต่ราชเลขาเซียและตาแก่นั่นไม่ได้โชคดีแบบเก้อหลง คัมภีร์เป็นตายจะจดจำเฉพาะคนที่ลู่หยุนฆ่าเองกับมือเท่านั้น และด้วยการเปิดของประตูนรก มันจะทำให้วิญญาณของพวกเขาถูกดึงเข้าไปอยู่ในปรโลก กลายเป็นทหารของที่นั่น
น่าเสียดายที่ทหารของเขาจะไม่สามารถไปไหนไกลจากลู่หยุนนอกประตูนรกได้ แต่เมื่อชายหนุ่มมีอำนาจมากขึ้น ในอนาคตเขาอาจสามารถควบคุมกองกำลังของตัวเองมากขึ้น
……
“แย่มาก แย่มาก! ลู่หยวนโห ผู้ที่เก่งกาจที่สุดในรุ่นกลับถูกจัดการเยี่ยงหมาข้างถนน“ เฟิงลี่เดาะลิ้น เมื่อลูกน้องของเขารายงานเข้ามา “เขาไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ลอยไปแน่ ตอนนี้ไม่มีใครต้องการให้ลู่หยุนมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน ถึงจะยังมีเวลาอีกเพียงแค่เดือนเดียวก่อนจะถึงช่วงเวลาสาบานตนที่แม่น้ำสนธยาก็ตาม ข้าว่าลู่หยุนจะต้องตายทันทีที่ออกจากเมืองเพราะขาดการคุ้มครองจากค่ายกล”
“ตระกูลเฟิงของเราเองก็ควรเคลื่อนไหวเช่นกันไหมนะ?” คิ้วที่สง่างามของท่านทูตหนุ่มดึงเข้าหากัน “ใครกันที่ซุกซ่อนขุมทรัพย์ในเขตสสนธยากัน? ที่นั่นมันไม่เห็นมีอะไรเลย!”
มือของเขาไพล่หลัง เฟิงลี่เดินวนไปมา ถ้าไม่ได้มีสมบัติที่พวกเซียนอยากได้อยู่ เขาก็ไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นเจ้าเมืองห่างไกลความเจริญแบบนี้
“ท่านทูต ลู่หยวนโหแห่งตระกูลลู่ขอเข้าพบ!” เสียงที่เย็นชาฟังจากด้านนอกประตู
เฟิงลี่สั่น “ ไล่เขาไป!” เสียงของเขาเพิ่มขึ้นเกือบเป็นสองเท่า
“เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เฟิงลี่ ทำไมเจ้าถึงได้วางแผนย้อนใส่ข้ากัน บอกข้ามาสิว่าเจ้าอยากจะตายแบบไหน?” ทันใดนั้นลู่หยวนโหก็ปรากฏอยู่ข้าง ๆ เฟิงลี่ ใบหน้าของเขาฟกช้ำ ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“ย ยะ อย่าเข้ามาใกล้นะ!” เฟิงลี่พูดติดอ่างอย่างหวาดกลัว “ข ขะ ข้าเป็นผู้แทนองค์จักรพรรดิ ตัวแทนตำแหน่งของพระองค์ท่าน ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรข้าล่ะก็ เจ้าจะต้องโดนองค์จักรพรรดิคาดโทษแน่!”
“องค์จักรพรรดิงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทหรอกเหรอที่ส่งเจ้ามา?” ว่าแล้วลูหยวนโหก็เดินไปที่เฟิงลี่ “ข้าว่าจ้าวฉางกงสามารถส่งคนมาแทนเจ้าได้เสมอแหละน่า”
นั่นคือชื่อขององค์รัชทายาทที่กำลังทำหน้าที่ดูแลมณฑลหลางเซียเทียนอยู่ในขณะนี้
“ข้าจะช่วยจัดการลู่หยุนให้!” เฟิงลี่โพล่งออกมาก่อนที่ลูหยวนโหทำการฆ่าเขา “การสาบานตนที่แม่น้ำสนธยาจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ในฐานะของเจ้าเมืองลู่หยุนจะต้องไปที่นั่น มันเป็นโอกาสดีที่จะจัดการเขา!”