เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 13 โจมตีเมือง
บทที่ 13 โจมตีเมือง
รอยยิ้มครึ่งหนึ่งปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของท่านหยิง ก่อนเขาจะหายตัวไปจากกำแพงเมืองโดยไม่มีคำอธิบาย
ท่าทีของลู่หยุนมืดลง เห็นได้ชัดว่าเขาคือเป้าหมายหลักชัดๆ
“เจ้าเมืองไม่สามารถกลับเข้าไปในเมืองตัวเองได้เพราะหมาเฝ้าเมืองโง่ๆเนี่ยนะ? ถ้าเรื่องพวกนี้แพร่งพรายไป ข้าคนนี้ขอลาออกดีกว่า!” รอยยิ้มมืดหม่นปรากฏบนใบหน้าของเจ้าเมืองหนุ่ม
“ให้ข้าจัดการมันเถอะ นายท่าน!” ใบหน้าของยู่อิงบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ในสายตาของนาง ลู่หยุนเป็นถึงเจ้าแห่งชีวิตและความตายในทุกภพ ใครกันที่กล้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจ?
“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่เป็นไร ถ้าเจ้าฆ่าเขาโดยไม่รู้มูลเหตุแบบนี้ ผู้คนจะกล่าวหาข้าและใช้เรื่องนี้โจมตีตำแหน่งเจ้าเมืองของข้าได้“
“ข้านี่มันเป็นเจ้าเมืองที่น่าสมเพชเสียจริง! พวกชนชั้นสูงให้คนมาจับตาดูข้าถึงในบ้านเลยนะ! ฮ่า คิดว่าข้าคนนี้จะหลงกลเหรอ? พวกนั้นจะต้องคิดใหม่!”
ลู่หยุนฉีกเสื้อผ้าของเขาออกมา ก่อนจะนำเหรียญขนาดฝ่ามือมาห้อยไว้ที่เอว ที่เหรียญนั่นด้านหนึ่งอ่านได้ว่า “เขตสนธยา” และอีกฝั่งหนึ่งอ่าน “คำสั่ง” นี่คือเป็นสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยกองทัพ
นี้คือสิ่งที่ว่านเฟิงเคยพูดถึง ด้วยเหรียญนี่ชายหนุ่มจะสามารถปลดปล่อยกองทัพที่ประจำการที่อยู่ในเขตสนธยาได้
“อัญเชิญกองทัพสวรรค์ออกมาให้ข้า!” ลู่หยุนมอบเหรียญให้กับยู่อิง
“นายท่านเป็นเจ้าเมืองเขตสนธยาด้วยงั้นเหรอ!” ดวงงตาของยู่อิงเบิกบาน หญิงสาวเคยอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับเขา ดังนั้นนางจึงรู้วิธีเปิดใช้เหรียญตรานี่อยู่แล้ว “ เจ้าผู้เฝ้าประตูเมืองกล้าดียังไงถึงได้มาเมินหน้าใส่เจ้าเมืองแบบนี้?! สงสัยว่าอยากจะตายสินะ!”
นางถือมันไว้ในมือ ก่อนที่เหรียญจะเปล่งแสงสีมรกตสลัวออกมา
ฟุ่บ
ลำแสงสีทองที่ยิงเข้าไปในก้อนเมฆส่องสว่างเกือบทั้งฝั่งตะวันออกของเมือง ประตูใหญ่เปิดออกอย่างช้า ๆ ที่กึ่งกลางลำแสง
“โลกแห่งเซียนนี่มันน่าอัศจรรย์เสียจริง ตอนแรกข้าคิดว่ามันคงจะเป็นการยิงพลุสัญญาณขึ้นไปเพื่อเรียกทหารมาออก ที่ไหนได้ มันกลับเป็นการเปิดประตูให้กองทัพออกมาเลยเนี่ยนะ นี่มันน่าสนใจเสียจริง!” ลู่หยุนสะเดาะลิ้น
ท่านหยิงที่อยู่บนกำแพงตัวสั่นเมื่อเห็นภาพนี้ นายทหารจ้องมองประตูบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ข ขะ เขาเรียกกองทหารหอกทมิฬที่ประจำการอยู่ทะเลเหนือออกมาได้ด้วย นี่เขาไม่คิดว่าพวกอสุรกายใต้ทะเลจะฉวยโอกาสนี้โจมตีบ้างเลยเหรอ?”
“ในฐานะผู้ใช้อำนาจของเหรียญตราแห่งสนธยา! กองทหารหอกทมิฬ พวกเจ้าจงรับคำสั่งเร่งด่วนให้ทำการปราบปรามความไม่สงบในเมืองสนธยาเดี๋ยวนี้!” คำประกาศของยู่อิงสะท้อนเข้าไปในประตูวาร์ป
“รับทราบ!”
กองทัพขนาดมหึมาพากันเดินออกจากประตูที่ถูกล้อมรอบไปด้วยแสงจ้า พวกเขาแข็งแกร่งมาก กองทหารในชุดเกราะหนาสีดำพร้อมด้วยโล่และหอกเต็มรูปแบบ ทุกครั้งที่พวกเขาเดินทัพพื้นดินก็ถึงกับต้องสะเทือน
“แม่ทัพหยินฉวนเทียน ยินดีรับคำสั่งท่านเจ้าเมือง!” ชายในชุดเกราะสีดำเข้าหาลู่หยุนแล้วคุกเข่าลงข้างเดียว
ช่วงเวลาแห่งความสับสนอลหม่าน ตามมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะกลายเป็นความกล้าหาญที่เพิ่มขึ้นจากใจของลู่หยุน เจ้าเมืองคนนี้จะกลัวอะไรกับกองทัพของเขาเองด้วยล่ะ ถูกไหม?
“นั่นสินะ” ชายหนุ่มสูดลมหายใจลมเข้าลึก ๆ ก่อนจะประกาศออกไป “เข้าโจมตีเมือง! สังหารทุกผู้ที่คิดจะต่อต้าน! ไม่มีข้อยกเว้น!” เขาคนนี้คือโจรปล้นสุสาน ผู้รอดชีวิตจากโลกอันแสนมืดมิด และการที่จะอยู่รอดได้นั้น คนเราต้องมีการตัดสินใจที่เฉียบขาด!
“น้อมรับบัญชา!” หยินฉวนเทียนลุกขึ้นยืนแล้วลุกขึ้นยืน “โจมตี!”
“ฆ่ามัน!”
“ฆ่ามัน!”
“ฆ่ามัน!”
เสียงปลุกใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้าจนกำแพงเมืองสั่น ทหารทุกนายวิ่งเข้าใส่กำแพงเมืองและบดขยี้กองทหารรักษาการณ์จนแหลกเป็นเศษเนื้อ ตอนนี้ฝั่งตะวันออกของเมืองตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเพียงชั่วอึดใจ
“แปลก ทำไมหอกทมิฬถึงได้อ่อนแอเยี่ยงนี้?” ยู่อิงขมวดคิ้ว
“อ่อนแอ?” เก้อหลงกลืนน้ำลาย เขาจำได้ว่าลู่หยุนขู่เขาด้วยกองทัพสวรรค์มาก่อน ตอนแรกชายชราคิดว่าคงแค่โดนหลอก แต่ตอนนี้มันได้อยู่ต่อหน้าต่อตาเขาแล้ว! “ นั่นคือกองทหารระดับแกนกลาง! ท่านหยินเองก็เป็นถึงระดับจิตวิญญาณ! เจ้าไม่รู้หรือไงว่านั่นคืออะไร? เขาอยู่เหนือเราจนเราไม่สามารถมองเห็นฝ่าเท้ารองเท้าของเขาได้! เขาเป็นเช่นเดียวกับรุ่นใหญ่ที่เป็นหัวหอกในตระกูลขุนนาง!”
“ข้าเข้าใจผิดเองแหละ” ยู่อิงพูดพึมพำ “ ไม่ว่าพวกทหารอ่อนแอ แต่ทั้งเขตเองก็อ่อนแอเช่นกัน”
เก้อหลงยื่นริมฝีปากของเขา และงดเว้นจากการแสดงความคิดเห็น
เสียงดังกึกก้องก่อนเปิดประตูเมืองตะวันออก ลู่หยุนเดินเข้าไปในเมืองตามหลังทหารของเขา ท่านหยิงที่เป็นผู้ดูแลประตูเมืองถูกมัดและเหวี่ยงมาลงตรงหน้าเขา
เขาพูดติดอ่างในขณะที่มองงลู่หยุน “ลู ลู่หยุน เจ้ากล้าดียังไงถึงได้โจมตีเมืองนี้?! เจ้ากำลังกบฎเหรอ?”
“กบฎ?” ลู่หยุนเย้ยหยัน “ ข้าเป็นเจ้าเมืองสนธยานะ จะให้ตัวข้าตนนี้กบฎใส่ใครล่ะ? ตัวเองเหรอ?”
ท่านหยิงเงียบ เขาไม่ได้คาดหวังว่าลู่หยุนจะสารเลวได้ขนาดนี้ เขาแค่ขังไว้ให้เจ้าเมืองอยู่ด้านนอกเท่านั้น แต่นี่คือสิ่งที่เขาได้รับกลับมางั้นหรือ?!
“ศัตรูกำลังมา! ศัตรูกำลังมา!” ทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหล
รูปแบบขบวนถูกจัดตั้งโดยรวมตั้งแต่ผู้ฝึกตนและทหารมุ่งหน้าไปยังเมืองตะวันออก คนที่นำทัพคือตระกูลใหญ่ทั้ง 3 แห่งเมืองนี้ที่ประกอบไปด้วยตระกูล เก้อ ตระกูล เฟิง และตระกูล กงซุน
“ใครกล้าโจมตีเมืองหลวงเขตสนธยา! พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตกันอยู่แล้วหรือไง?!” ฝูงชนแยกทางและปล่อยให้ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีขาวยาวเหยียดและดาบสีดำที่หลังของเขา ก่อนจะชี้ไปที่ลู่หยุน
เมืองสนธยาเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของมณฑลหลางเซียเทียน การโจมตีเมืองหมายถึงการตั้งตนเป็นศัตรูกับทางราชสำนัก ซึ่งมีโทษถึงตาย
ว่านเฟิงที่อยู่ในอ้อมแขนของลู่หยุนก็ได้สติ เธอยืนงง ๆ อยู่ข้างตัวเขา และเมื่อสถานการณ์ตอนนี้ นั่นก็ยิ่งทำให้เธองงกว่าเดิมอีก
ลู่หยุนจับมือไพล่มือไว้ด้านหลังและเงยหน้าขึ้นมองชายในชุดขาว “กล้าดีงั้นเหรอ!?” เขาเย้ยหยัน “แล้วการที่ทหารนายหนึ่งปิดประตูเมืองพยายามทำการกบฎ จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ?”
“ไม่ ข้าไม่ได้ทำ” ท่านหยิงลุกขึ้นคุกเข่าพยายามปกป้องตัวเอง แต่ลู่หยุนขัดจังหวะเขาด้วยการเตะที่คาง
นัยน์ตาของชายหนุ่มหดตัว “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร” เขาโกรธ “ใครก็ตามที่โจมตีเมืองจะต้องถูกลงโทษถึงตาย จับตัวเขาไป!”
ผู้ฝึกฝนมากมายรอบตัวเขา บางคนก็หัวเราะใส่ลู่หยุนสำหรับความโชคร้ายของเขา บางคนก็ถอนหายใจลึก ๆ บางคนก็ยิ้มเยาะอย่างสนุกใจ
ชายหนุ่มในชุดขาวคือ เก้อเฉิงเชียน ลูกชายคนที่หกตระกูลเก้อ เขาออกจากเมืองสนธยาไปตั้งแต่เด็กเพื่อฝึกวิชา และพึ่งกลับมาที่นี่เพื่อเรียนต่อ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักลู่หยุน
คนที่มองดูส่วนใหญ่มั่นใจเลยว่าเก้อเฉิงเชียนจะต้องจัดการลู่หยุนได้แน่ แม้แต่คนในตระกูลเก้อก็เห็นด้วยแบบนั้น อาจารย์ของเก้อเฉิงเชียนอยู่ในกลุ่มที่ทรงอำนาจเป็นอย่างมาก คงไม่มีใครพูดอะไรหรอกถ้าหากเขาจะจัดการเจ้าเมืองคนนี้ไป แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็คงจะไม่กล้าตั้งข้อครหาจากเด็กหนุ่มในกลุ่มที่ทรงพลังหรอก หรือเปล่า?
“รับทราบ” ผู้ฝึกฝนหลายคนรีบไปที่ลู่หยุนพร้อมด้วยหิวกระหาย
“ฆ่า” คือคำสั่งง่าย ๆ ของหยินฉวนเทียน
ตึก! ตึก! ตึก!
หอกที่ยอดเยี่ยมพุ่งลงมาจากท้องฟ้าสังหารทุกคนที่กล้าเคลื่อนไหว
“เจ้าหนูโง่ บังอาจท้าทายอำนาจผู้ที่อยู่สูงกว่างั้นเหรอ ตายซะ!” หยินฉวนเทียนก้าวไปข้างหน้าหอกสีดำพุ่งเข้าหาเก้อเฉิงเชียนราวกับมังกร
“ระดับจิตวิญญาณ!” เก้อเฉิงเชียนตื่นตระหนก นี่มันเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้เสียอีก! เขาที่อยู่ในระดับแก่นทองคำ จะไปสู้คนที่อยู่ในระดับจิตวิญญาณได้ยังไงกัน!
ฉึก!
ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ทันตอบสนอง หอกสีดำแทงทะลุคอของเขาเสียแล้ว
อัจฉริยะที่เพิ่งจะกลับบ้านมาได้หลังจากเข้าสู่ระดับแก่นทองคำ มาตอนนี้เขากลับต้องตายลงด้วยหอกของหยินฉวนเทียนก่อนที่จะทันได้ปีกกล้าขาแข็งเสียอีก