เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 508 ปรองดองกับว่าที่พ่อตาในอนาคต?
ตั้งแต่เย่เทียนเฉินได้มาเกิดใหม่จากดาวสิ้นโลกก็ไม่ค่อยเข้าใจการต่อสู้แย่งชิงระหว่างประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้มากนัก และไม่คิดจะทำความเข้าใจด้วย แต่เขาเข้าใจเหตุผลอย่างหนึ่ง นั่นก็คือที่ไหนมีคนที่นั่นมีการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นการต่อสู้นี้คือการต่อสู้ถึงขั้นเป็นตาย แม้เขาจะรู้ดีว่าเรื่องของตระกูลหลิงไม่ได้แก้ไขได้ง่ายๆ ขนาดนั้น แต่ก็คิดไม่ถึงว่ารัฐบาลประเทศ M จะร้อนใจขนาดนี้ จะหน้าด้านขนาดนี้ จากที่อีกฝ่ายเสนอเงื่อนไขสุดท้ายออกมาอย่างรวดเร็ว ดูท่าทางต่อให้ต้องฆ่าคนทั้งหมดของตระกูลหลิงก็จะต้องหยุดไม่ให้ตระกูลหลิงกลับมาพัฒนาตระกูลที่ประเทศ M ให้ได้
“แม่งเอ้ย ดูท่าทางโฮบาม่าจะเป็นคนโหดเหี้ยมคนหนึ่ง!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะก่นด่าอยู่ในใจ
นี่ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงคราวที่แล้วที่เขาไปทำภารกิจที่ประเทศ M กับพวกหลิ่วหรูเหมย คราวนั้นเขาเกือบได้พบโฮบาม่าแล้ว หากไม่ใช่ว่าโทมัสปรากฏตัวขึ้นมา เขาคงให้โฮบาม่าเลี้ยงข้าวเขาจริงๆ คราวนี้ยังมาหาเรื่องตระกูลหลิงอีก แม้ตระกูลหลิงจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเย่เทียนเฉิน แต่หลิงอวี่สวิ๋นและเย่เทียนเฉินมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นไม่น้อย หากจะให้เขายืนดูอยู่เฉยๆ คงยาก
“เทียนเฉิน ขอร้องล่ะ นายจะต้องช่วยปู่ฉันนะ!” หลิงอวี่สวิ๋นพูด ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกปวดใจ
เย่เทียนเฉินสามารถเข้าใจความรู้สึกของหลิงอวี่สวิ๋นได้ดี ผู้หญิงคนนี้มีชีวิตอย่างไร้กังวลมาโดยตลอด เรียกได้ว่ามีเกียรติยศความร่ำรวยให้เสพสุขไม่หมดสิ้น หากไม่ใช่ว่าตระกูลหลิงคิดจะเป็นใบไม้คืนถิ่น ต้องการย้ายกลับมาพัฒนาตระกูลในประเทศ หลิงอวี่สวิ๋นคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เธอไม่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายแบบนี้ คนในครอบครัวถูกสังหาร น้องชายแท้ๆ ต้องตาย ย่าขู่ที่ปกป้องเธอมาโดยตลอดก็ตาย ส่วนหลิงเยว่ผู้เป็นพ่อก็กลายเป็นคนพิการ ตอนนี้ปู่ที่อยู่ไกลถึงประเทศ M ก็อาจจะถูกฆ่า ถ้าจะให้ผู้หญิงคนหนึ่งรับเรื่องเหล่านี้ได้คงโหดร้ายเกินไปแล้ว
“อวี่สวิ๋น เธอไม่ต้องร้อนใจเกินไป ในเมื่อรัฐบาลประเทศ M บอกว่าให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ถ้างั้นภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์นี้ปู่ของเธอจะต้องไม่เป็นอะไร ยังคงปลอดภัยชั่วคราว” เย่เทียนเฉินพูดกับหลิงอวี่สวิ๋นด้วยรอยยิ้ม
“แต่ว่า เทียนเฉิน…”
“ไปเถอะ แพนเค้กข้าวโพดพวกนี้ทำให้ท้องฉันอิ่มไม่ได้หรอก ต้องทำอาหารอร่อยๆ ให้ฉันอีกสักมื้อถึงจะถูก...” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำพูดของหลิงอวี่สวิ๋น
“เทียนเฉิน…”
“ถ้ากินไม่อิ่ม ฉันก็ไม่มีแรงไปช่วยปู่ของเธอที่ประเทศ M นะ อีกอย่าง ฉันก็ไม่คุ้นเคยกับตระกูลหลิงของพวกเธอ เธอควรเล่าสถานการณ์ในตระกูลหลิงของเธอให้ฉันฟังคร่าวๆ หน่อยหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเย่เทียนเฉิน หลิงอวี่สวิ๋นที่เดิมทีมีสีหน้ากังวล ตอนนี้กลับหายไปจนหมดสิ้นในพริบตา เผยรอยยิ้มสว่างไสวออกมาโดยพลัน เพราะเธอเชื่อใจเย่เทียนเฉิน ในส่วนลึกของจิตใจของเธอเชื่อมั่นในผู้ชายคนนี้ เธอรู้ว่าขอเพียงเย่เทียนเฉินยอมลงมือจะต้องช่วยปู่ของเธอกลับมาได้แน่ ตอนนี้เย่เทียนเฉินพูดแบบนี้เท่ากับว่าเป็นการรับปากแล้ว หลิงอวี่สวิ๋นจะไม่ดีใจได้อย่างไร!
“ไปเถอะ ฉันหิวมากแล้ว ปัญหาบางอย่างก็คิดตอนหิวไม่ได้!” เย่เทียนเฉินมองไปยังหลิงอวี่สวิ๋นแล้วพูดหยอกล้อ
“อื้อ!” หลิงอวี่สวิ๋นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง วิ่งเหยาะๆ ตามเย่เทียนเฉินไป
เย่เทียนเฉินมองหลิงอวี่สวิ๋น ผู้หญิงคนนี้เติบโตเป็นเพื่อนเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองมีความเข้าใจกันโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปาก เขาไม่สนใจตระกูลหลิงได้ แต่ไม่สนใจหลิงอวี่สวิ๋นไม่ได้ ถ้าหากใครสามารถตัดกิเลสและห่วงไปได้แล้ว เช่นนั้นก็ไม่นับเป็นคน ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เย่เทียนเฉินรู้สึกหวงแหนญาติมิตรบนโลกนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากตอนที่เขาอยู่ดาวสิ้นโลกเขาไม่เคยมีมาก่อน และตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลกเขาก็พบกับความสูญเสียมาแล้ว ตอนนี้ได้มีสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง เย่เทียนเฉินย่อมไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้าย ใครกล้าทำให้พวกเขาแปดเปื้อนจะต้องตาย!
จนกระทั่งเย่เทียนเฉินและหลิงอวี่สวิ๋นกลับมาที่บ้านไม้เล็กๆ หยางอี้ก็จากไปนานแล้ว ส่วนหลิงเยว่ก็อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินเดินเข้ามา ในสายตาของหลิงเยว่ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาสนทนากับหยางอี้มากมาย คราวนี้เรื่องของตระกูลหลิงรับมือได้ยากมาก ไม่ใช่ว่าประเทศจีนจะไม่สนใจ แต่ไม่อาจยุ่งวุ่นวายได้มากเกินไป จะอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้สองประเทศเกิดสงครามกันเพียงเพราะตระกูลหลิงเพียงตระกูลเดียว นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ระหว่างประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้ทำสงครามต่อสู้แย่งชิงกันตลอดเวลา เพียงแต่การต่อสู้แย่งชิงเหล่านี้มีใหญ่มีเล็ก หลายครั้งที่คนอื่นไม่รู้ ต่อให้เป็นประเทศ M ที่ถูกเรียกว่าเป็นประเทศมหาอำนาจก็มีหลายเรื่องที่พวกเขาดำเนินการในทางลับ ไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย ดังนั้นจึงได้มีสายลับและมือสังหารเกิดขึ้น พวกเขาก็คือคนที่ทำภารกิจพวกนี้ เรื่องของตระกูลหลิง รัฐบาลประเทศ M ไม่กล้าดำเนินการต่อต้านและสังหารอย่างเปิดเผย รัฐบาลประเทศจีนก็ไม่สามารถต่อต้านอย่างเปิดเผย ต่างกระทำการในทางลับทั้งนั้น แน่นอนว่าการดำเนินการนี้มีข้อดี นั่นก็คือใครแพ้ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืน มีความลำบากแต่พูดออกไปไม่ได้
นี่ก็เหมือนกับครั้งที่แล้วที่เย่เทียนเฉินไปก่อความวุ่นวายที่วอชิงตัน ทำให้โฮบาม่าโกรธจนเขวี้ยงแก้วทิ้งไปหลายใบ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังโกรธเกรี้ยว โฮบาม่าได้รับความขมขื่นแบบนี้แต่กลับไม่อาจบอกกับคนอื่นได้ ต่อให้เป็นคนอื่นในรัฐบาลประเทศ M ก็บอกไม่ได้ ถ้าพูดออกไปจะทำให้ประเทศ M และโฮบาม่ากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งโลกแน่นอน
“พ่อคะ หนูจะไปทำกับข้าว พ่อกับเทียนเฉิน…ก็คุยกันดีๆ เถอะ!” หลิงอวี่สวิ๋นมองไปยังหลิงเยว่ผู้เป็นพ่อ กลัวว่าเขาจะทะเลาะกับเย่เทียนเฉินจึงพูดเสียงค่อย
“ไปเถอะ ทำมาหลายจานสักหน่อย!” หลิงเยว่มีท่าทีปกติ พูดด้วยรอยยิ้ม
อยู่ในค่ายใหญ่ของกองทัพของขุนพลระดับทัพฟ้า ความปลอดภัยของหลิงเยว่และหลิงอวี่สวิ๋นสองพ่อลูกย่อมเป็นเรื่องที่รับประกันได้เลย หยางอี้ส่งพวกเขาสองพ่อลูกมาอยู่ที่นี่เพื่อทำการคุ้มครอง เกรงว่าจะเป็นการคุ้มครองระดับสูงที่สุดในประเทศจีนแล้ว เห็นได้ชัดถึงประโยชน์และความสำคัญของตระกูลหลิงเลยทีเดียว ทุกคนในกองทัพขุนพลระดับทัพฟ้าต่างยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก ไม่มีใครมีเวลามาดูแลสองพ่อลูกคู่นี้ โชคดีที่หลิงอวี่สวิ๋นทำอาหารเป็น สามารถดูแลหลิงเยว่ได้
หลิงอวี่สวิ๋นมองไปยังเย่เทียนเฉินแต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นจึงเดินไปที่หลังบ้าน เธอรู้ว่าระหว่างหลิงเยว่ผู้เป็นพ่อและเย่เทียนเฉินเธอไม่สามารถพูดอะไรได้ พ่อไม่พอใจเย่เทียนเฉิน ส่วนเย่เทียนเฉินก็ไม่พอใจที่ถูกพ่อมองไม่ดี นี่ทำให้เธอปวดหัวมาก แทบจะทำให้หลิงอวี่สวิ๋นปวดใจจนน้ำตาใหล แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาปวดใจ หลิงอวี่สวิ๋นเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณปู่ที่สุดแล้ว ความหน้าด้านไร้ยางอายของรัฐบาลประเทศ M มากขนาดนั้น จะไม่ลงมือสังหารทันทีเหรอ?
เย่เทียนเฉินนั่งลงด้านข้าง หาวออกมาครั้งหนึ่ง เตรียมจะนอนหลับ ในขณะเดียวกันก็กำลังคิดว่าจะช่วยหลิงอวี่สวิ๋นแก้ปัญหาเรื่องตระกูลหลิงอย่างไร มีเวลาหนึ่งอาทิตย์ พูดได้ว่าหากเขาจะแก้ปัญหาเรื่องตระกูลหลิงก็ต้องไปที่ประเทศ M อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในหนึ่งอาทิตย์นี้ การได้ไปประเทศ M อีกครั้งไม่ได้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกสนใจมากนัก ครั้งที่แล้วที่เขาไปกับหลิ่วหรูเหมยก็ได้สู้กับโทมัสซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยรบพลังพิเศษแห่งประเทศ M ไปแล้ว แม้ว่าโทมัสจะนับเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่ชายชราคนนี้ไม่ใช่พวกชอบฆ่าฟัน หากสู้กันอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอะไร ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงกำลังคิดวิธีที่ไม่ต้องไปที่ประเทศ M เพื่อช่วยปู่ของหลิงอวี่สวิ๋นกลับมา นั่นจะเป็นการดีที่สุด เขาจะได้มีเรื่องให้น้อยลงหน่อย
“ไอ้หนุ่ม พวกเรามาคุยกันหน่อยเป็นไง?” ตอนนี้เอง หลิงเยว่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้านข้างมาโดยตลอดมองมายังเย่เทียนเฉินที่กำลังหลับตาอยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมา
ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินกลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทำให้หลิงเยว่โกรธจนขมวดคิ้ว ในใจคิดว่า ไอ้หนูนี่จะไม่มีมารยาทเกินไปหรือเปล่า? ต่อให้มีอคติกับตนหรือก่อนหน้านี้ตนจะดูถูกเขาซึ่งก็ทำไม่ถูกไปบ้างจริงๆ แต่ด้วยความสัมพันธ์เมื่อปีนั้นของสองตระกูล รวมกับที่เขาสนิทสนมกับลูกสาวของตนขนาดนี้ เป็นไปได้มากว่าอาจจะเป็นลูกเขยของตนในอนาคต เขาไม่ควรมีมารยาทกับพ่อตาในอนาคตอย่างตนหน่อยเหรอ?
หลิงเยว่คิดเช่นนี้ แต่เย่เทียนเฉินกลับไม่ขยับเขยื้อน ถึงกับบิดขี้เกียจด้วยซ้ำ ทำให้หลิงเยว่โกรธจนแทบอยากจะเขวี้ยงแจกันใส่เย่เทียนเฉิน เพียงแต่เมื่อคิดอีกที หลิงเยว่ยังคงอดทนไว้ ก็เหมือนกับที่หยางอี้พูดกับเขาเมื่อครู่นี้ คนเราแต่ละยุคสมัยเปลี่ยนไป ไม่สามารถใช้ความคิดของคนแก่มาตัดสินพวกเขา ที่สำคัญก็คือหลิงเยว่เป็นคนทำให้เย่เทียนเฉินอับอายก่อน ในใจของคนอื่นเขาจะไม่พอใจก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างคนที่ช่วยตระกูลหลิงได้และเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือเย่เทียนเฉิน
“เย่เทียนเฉิน ฉันอยากคุยกับนายดีๆ!” หลิงเยว่เอ่ยปากอีกครั้ง
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น มองไปยังหลิงเยว่ หาวครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรให้พูดกันดีๆ หรอก!”
“ฉันรู้ว่านายมีอคติกับฉัน แต่ฉันเองก็ลำบากใจ ตระกูลหลิงต้องการย้ายกลับมาพัฒนาตระกูลในประเทศ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉันจำเป็นต้องทำทุกอย่างไม่ให้มีข้อบกพร่อง ที่ไม่ให้อวี่สวิ๋นไปมาหาสู่กับนายนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของเธอ ฉันคิดว่านายคงเข้าใจอารมณ์ของคนเป็นพ่ออย่างฉันนะ?” หลิงเยว่ทอดถอนใจออกมา มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“ผมเข้าใจได้ มีอะไรก็พูดมาเถอะ ผมรู้สึกง่วงอยากจะนอนแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดกับหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ว่าจะยังไงฉันก็หวังว่านายจะช่วยตระกูลหลิงของพวกเราสักครั้ง ต่อให้เป็นการเห็นแก่หน้าอวี่สวิ๋นก็ตาม ฉันรู้ว่านายมีความสามารถ ฉันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ …” หลิงเยว่ส่ายหน้าพูด
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร ยังคงหลับตาต่อไป เขาไม่อยากพูดอะไรกับหลิงเยว่โดยสิ้นเชิง สำหรับหลิงเยว่ เย่เทียนเฉินไม่อยากสนใจอะไรเขาเลย หากไม่ใช่เพราะหลิงอวี่สวิ๋น วันนี้เขาคงไม่มาที่นี่
เสียงพรึ่บดังขึ้น ชั่ววินาทีต่อมา หลิงเยว่ถึงกับคุกเข่าลงบนพื้น มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดว่า “ขอร้องล่ะ ช่วยพ่อของฉันด้วย!”
“นี่ลุง รีบลุกขึ้นเถอะ รีบลุกขึ้นเร็ว ผมแค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้น ผมรับปากอวี่สวิ๋นไปแล้วว่าจะช่วยพวกคุณ!” เย่เทียนเฉินก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มีตำแหน่งฐานะอย่างหลิงเยว่จะคุกเข่าให้ตน นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ
หลิงเยว่ถูกเย่เทียนเฉินประคองขึ้นมา เขามองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แก่แล้ว แก่แล้ว ไม่ควรใช้สายตาและวิธีการในสมัยก่อนมาปฏิบัติกับคนหนุ่มอย่างพวกนายแล้ว อวี่สวิ๋นมีนายเป็นเพื่อน นับว่าเป็นบุญของเธอแล้ว!”
…………………………