เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 505 มาหาคนใหญ่คนโตก็ต้องกินข้าว
หยางอี้มาแล้ว เป็นเย่เทียนเฉินที่โทรหาหยางอี้ระหว่างทาง เนื่องจากเขาคิดถึงคำพูดประโยคนั้นของซูเฟยเฟยที่ว่าหลีเจี่ยนเป็นคนใหญ่คนโตในระดับเดียวกับหยางอี้ เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ว่างจนต้องหาเรื่องวุ่นวายให้ตัวเอง ถ้าหยางอี้รู้ว่าเขามีความคิดเช่นนี้ถึงได้โทรเรียกเขามาคงโกรธแน่นอน
“ขอแค่ซิ่นเอ๋อร์ไม่เป็นไร เรื่องนี้ก็หารือกันได้ ถ้าซิ่นเอ๋อร์เป็นอะไรไป ฉันจะฆ่าล้างตระกูลเย่!” หลีเจี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ขอแค่คุณอย่าปล่อยให้หลานของคุณมาหาเรื่องผมอีก อย่ามาแตะต้องคนตระกูลเย่ของผม ผมก็จะมองข้ามการดำรงอยู่ของเขา แต่ถ้าใครกล้าแตะต้องตระกูลเย่ของผมแม้แต่ปลายเส้นขน ต่อให้เป็นพระเจ้าผมก็จะสังหาร!” เย่เทียนเฉินยังคงพูดอย่างเผด็จการเช่นเดิม
“แก…”
“คุณ…”
หลีเจี่ยนถูกเย่เทียนเฉินทำให้โกรธจนพูดอะไรไม่ออก ความกล้าบ้าบิ่นของชายหนุ่มคนนี้ทำให้เขารับไม่ได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินมีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ อีกทั้งนิสัยยังบ้าดีเดือดเช่นเดียวกับตน พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เมื่อคิดให้ดี เรียกได้ว่าเจอคู่ปรับแล้ว
“เอาละเทียนเฉิน นายก็พูดให้น้อยลงหน่อย ฉันเชื่อว่าท่านหลีรู้จักแยกแยะ เขามีหลานชายแค่คนเดียว มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลีแค่คนเดียว นายต้องเข้าใจจิตใจเขาด้วย รีบปลุกหลีซิ่นลีให้ตื่นเถอะ!” หยางอี้มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“เป็นยังไงท่านหลี คิดดีแล้วหรือยัง?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย
“แก…ก็ได้!” หลีเจี่ยนมองไปยังหลีซิ่นผู้เป็นหลานที่ยังคงสลบไสลไม่ได้สติ เป็นห่วงว่าหลีซิ่นจะมีอันตรายอะไรไปจริงๆ จึงจำเป็นต้องยอมประนีประนอม
“ท่านหลีรับปากแล้ว นายยังไม่รีบลงมืออีกล่ะ?” หยางอี้รีบพูดกับเย่เทียนเฉิน
การที่หยางอี้มาที่นี่ พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นผู้มาสร้างสันติภาพคนหนึ่ง หลีเจี่ยนเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงดีเดือด เป็นคนที่มีชีวิตรอดกลับมาจากสงคราม ความเป็นความตายไม่สำคัญสำหรับเขา ต่อให้มีปืนจ่ออยู่ที่หัว หลีเจี่ยนก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ตอนนี้ความคิดเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือต้องการปกป้องหลีซิ่นที่เป็นหลานของตนไม่ให้เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลหลีมีอันเป็นไป ถ้าหากหลีซิ่นเกิดอะไรขึ้น หลีเจี่ยนตายไปคงไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษตระกูลหลีแน่นอน
ส่วนเย่เทียนเฉินล่ะ? ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทำตามหลักการของตนโดยไม่สนใจใคร เขาเป็นคนที่ขึ้นชื่อในเรื่องนี้ ต่อให้อยู่ต่อหน้าท่านผู้นำสูงสุด เจ้าหมอนี่ก็ยังกล้าต่อรอง คุณว่าร้ายกาจหรือไม่ล่ะ? จะอย่างไรไอ้หนูนี่ก็ไม่มีระเบียบวินัย ไม่สามารถใช้กฎทหารไปทำอะไรเขาได้ วุ่นวายกับเขาไม่ได้เลยจริงๆ
เย่เทียนเฉินมองไปยังหลีเจี่ยน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอยู่ในใจ คิดในใจว่า ตาแก่อย่างคุณมาใช้อารมณ์ต่อหน้าผม ถ้างั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่เห็นแก่ฐานะที่คุณเสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชน หลีซิ่นหลานของคุณคงถูกผมฆ่าไปนานแล้ว!
หลังจากคิดครู่หนึ่ง เย่เทียนเฉินก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องฆ่าฟัน ความจริงนอกจากที่หลีเจี่ยนเป็นคนอารมณ์ร้อนแล้ว เขาก็ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนมากมาย ตอนนี้อายุ 70 กว่าปี ทั้งยังอยู่ในตำแหน่ง ถึงแม้จะออกหน้าออกตาน้อยมาก แต่ในเบื้องหลังก็ยังทำเรื่องมากมาย ตอนที่คุยโทรศัพท์ หยางอี้รู้ว่าเย่เทียนเฉินถึงกับปะทะกับหลีเจี่ยน จึงรีบสั่งเย่เทียนเฉินทันทีว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็อย่าลงมือกับหลีเจี่ยนเด็ดขาด เขาเป็นคนเสียสละคนหนึ่ง ทำเพื่อประเทศชาติเพื่อประชาชนมาชั่วชีวิต อย่างน้อยก็ควรมีความเคารพนับถือ หลังจากวางโทรศัพท์ไป หยางอี้ก็รีบมา ในใจก่นด่าเย่เทียนเฉินไปยกหนึ่ง เจ้าหนูนี่ถึงกับกล้าต่อต้านหลีเจี่ยน ไม่ใช่กำลังหาเรื่องให้ตนเองหรือไง?
หลีเจี่ยน หยางอี้ และหวังเฟิงต่างมองเย่เทียนเฉินเดินไปข้างกายหลีซิ่นที่ยังสลบไสลราวกับตาย ยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวาออกไป มีพลังพิเศษผุดออกมา พบว่าเย่เทียนเฉินแตะไปที่คอของหลีซิ่นเบาๆ คนที่สลบไสลมาโดยตลอด ปัญหาแม้แต่หมอชั้นยอดในประเทศก็ยังรับมือไม่ได้พลันถูกแก้ไขในพริบตา หลีซิ่นลืมตาตื่นขึ้นมาทันที
“แม่งเอ้ย ฉันจะฆ่าแกซะ!”
เมื่อหลีซิ่นตื่นมาเห็นเย่เทียนเฉินก็พุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉินทันที ไม่รอให้เย่เทียนเฉินลงมือ หลีซิ่นก็ถูกตบหน้าไปสามครั้ง คนที่ตบหน้าทั้งสามครั้งนี้ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นหลีเจี่ยนผู้เป็นปู่ของหลีซิ่นนั่นเอง
“ไสหัวไปด้านข้างซะ!” หลีเจี่ยนพูดกับหลีซิ่นเสียงดัง
หลีซิ่นถูกปู่ตบหน้าไปติดต่อกันสามครั้งพลันรู้สึกมึนงงไปแล้วจริงๆ เขาคิดไม่ถึงว่าปู่จะตบตีตน ตั้งแต่เล็กจนโตปู่รักและตามใจตนมาก ต่อให้ก่อเรื่องใหญ่แค่ไหนก็จะเข้าข้างตน รีบมาจัดการให้ทันที แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
“ปู่ครับ เป็นไอ้หมอนี่มันทำร้ายผม แล้วยังฆ่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินอีกด้วย!” หลีซิ่นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่กัดฟันมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วเอ่ยปาก
หลีเจี่ยนได้ยินคำพูดของหลีซิ่นก็รู้สึกตื่นตะลึงอยู่ในใจ ความสามารถของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินนั้นหลีเจี่ยนย่อมรู้ดี เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินจะตายอยู่ในน้ำมือของเย่เทียนเฉิน นี่เป็นชายหนุ่มอายุ 20 ปีคนหนึ่งเท่านั้น ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ ตอนนี้หลีเจี่ยนรู้สึกโชคดีอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะหลานชายของตนหลีซิ่นไม่ได้ถูกสังหาร มิฉะนั้นตนจะทำอย่างไร? จะส่งทหารกองใหญ่ไปฆ่าล้างตระกูลเย่จริงๆ เหรอ? เกรงว่าคงจะเป็นจริงไม่ได้ล่ะมั้ง?
“ไสหัวออกไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่มีคำอนุญาตจากฉันก็ห้ามแกก้าวออกจากตระกูลหลีแม้แต่ครึ่งเก้า” หลีเจี่ยนมองไปยังหลีซิ่นแล้วตะโกนอย่างดุดัน
“ปู่ครับ…”
“ทหาร พาตัวไอ้เด็กอกตัญญูนี่ออกไปซะ” หลีเจี่ยนไม่ให้โอกาสหลีซิ่นพูดอีก เรียกให้ทหารทั้งสองของตนพาหลีซิ่นออกไปจากห้องทำงานโดยตรง
หลีซิ่นรู้สึกมึนงงจริงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปู่ที่รักถนอมตนมาโดยตลอด วันนี้ถึงกับเข้าข้างเย่เทียนเฉิน ต่อให้ตนเป็นฝ่ายผิด ต่อให้ตนจะหาเรื่องก่อน ปู่ก็ไม่เคยตบตี หลีซิ่นที่ยโสโอหังจนถึงขีดสุดยังไม่เข้าใจถึงความร้ายกาจของเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะฟ่านรั่วเซวียนใช้ไม้ตีตนจนสลบ เกรงว่าเขาคงถูกเย่เทียนเฉินฆ่าไปแล้ว สำหรับพวกขยะหรือศัตรูที่มาหาเรื่อง เย่เทียนเฉินไม่เคยยั้งมือ
ตอนนี้หลีเจี่ยนเข้าใจคำพูดของเย่เทียนเฉินขึ้นมาแล้ว ถ้าหากหลีซิ่นยังไม่ได้รับการสั่งสอนเข้มงวดก็อาจก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาอีก คราวนี้เย่เทียนเฉินไม่ฆ่าเขา ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าครั้งต่อไปจะถูกคนอื่นฆ่าหรือไม่ ขาข้างหนึ่งของตนเข้าไปอยู่ในโลงศพแล้ว ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เขาสามารถปกป้องหลีซิ่นได้ แต่ถ้าเขาไม่อยู่บนโลกนี้แล้วใครจะปกป้องหลานของตนได้ล่ะ? วิธีการเพียงอย่างเดียวก็คือสั่งสอนเขา ทำให้หลีซิ่นรู้ความ ทำให้หลีซิ่นไม่ก่อเรื่องมั่วซั่วและทำตัวยโสโอหังไปทั่ว
“ท่านหลี วันนี้รบกวนแล้ว ลาก่อน!”
เย่เทียนเฉินมองไปยังหลีเจี่ยน เขารู้ว่าหลีเจี่ยนเข้าใจกระจ่างแล้ว ในขณะที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มยังทำวันทยาหัตถ์ให้หลีเจี่ยนครั้งหนึ่งแล้วจึงหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงานของหลีเจี่ยน
เมื่อเดินออกมาจากตึกพักอาศัยของทหาร หยางอี้และเย่เทียนเฉินก็เดินมาด้วยกัน ตอนแรกทั้งสองไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งเย่เทียนเฉินขึ้นไปนั่งบนรถทหารของหยางอี้จึงหาวครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านหยาง บนรถมีของกินหรือเปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน หยางอี้แทบไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งทหารที่ทำหน้าที่ขับรถก็มีเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า ถึงกับถามหาของกินจากคนระดับลูกพี่ใหญ่ในวงการทหาร คนที่ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ บนโลกใบนี้เกรงว่าจะมีแค่เย่เทียนเฉินคนเดียวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย เพิ่งจะปะทะอารมณ์กับหลีเจี่ยนที่มีอารมณ์ร้อนที่สุดซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำระดับสูงเพียงไม่กี่คนของทางการ ตอนนี้ถึงกับมีอารมณ์มาหาของกินแล้ว
“ไม่มี นายถึงกับไปทะเลาะกับหลีเจี่ยน รู้หรือเปล่าว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดไหน?” หยางอี้ถามอย่างไม่สบอารมณ์
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม หลานของเขาหาเรื่องผมก่อน ผมไม่ฆ่าหลีซิ่น หลีเจี่ยนก็ควรดีใจแล้ว!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากพูดอย่างเรียบเฉย
หยางอี้มองเย่เทียนเฉิน อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าเคร่งขรึม ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่านายจะหยุดอารมณ์ร้อนของหลีเจี่ยนได้ คงมีแค่นายคนเดียวจริงๆ ”
“ผมก็แค่เกิดมาหล่อเท่านั้นแหละ” เย่เทียนเฉินพูดจาไร้สาระ
“ฉันไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับนายหรอก คราวนี้ฉันมาเพราะมีคนคนหนึ่งต้องการพบนาย” หยางอี้เอ่ยปากพูด
“ใครครับ? ผมยุ่งมาก คนธรรมดาก็อย่าไปพบเถอะนะ?” เย่เทียนเฉินคิดว่าหยางอี้จะมีภารกิจอะไรให้เขาทำอีกจึงพูดอย่างระมัดระวัง
“หลิงอวี่สวิ๋น” หยางอี้พูดอย่างเรียบเฉย
หยางอี้พอจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหลิงอวี่สวิ๋นและเย่เทียนเฉินอยู่บ้าง ดังนั้นเขารู้ว่าเมื่อพูดถึงหลิงอวี่สวิ๋นก็ไม่จำเป็นพูดอะไรกับเย่เทียนเฉินมากมาย แม้เย่เทียนเฉินจะดูพึ่งพาไม่ได้แต่ก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เติบโตเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กอย่างหลิงอวี่สวิ๋น จะมากจะน้อยก็มีความรู้สึกดีต่อกัน เรื่องของหลิงอวี่สวิ๋น เย่เทียนเฉินยังยากจะปล่อยวาง มิฉะนั้นคงไม่ไปสังหารยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทันที ทั้งยังต่อสู้กับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นจนตนเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
“อวี่สวิ๋น? เธอเป็นอะไร? ไม่ใช่ว่าพวกคุนส่งคนไปคุ้มกันแล้วเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามทันควัน
“หลิงอวี่สวิ๋นกับหลิงเยว่ต้องปลอดภัยแน่นอน แต่หลิงอวี่สวิ๋นอยากพบนาย พวกเราไม่กล้าให้เธอออกมาเจอนาย ตอนจะมีสำนักโฮคุชินอิตโตริวซ่อนตัวอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือจะมีมือสังหารของประเทศ M หรือเปล่าพวกเราก็ไม่รู้ ดังนั้นฉันเลยถือโอกาสมาบอกนายสักคำ” หยางอี้พูด
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” เย่เทียนเฉินมองไปยังหยางอี้แล้วพูดขึ้น
“ไปไหน?” หยางอี้จงใจถามทั้งยังแสร้งทำเป็นไม่รู้
“ก็ต้องไปหาอวี่สวิ๋นน่ะสิ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจนใจ
หยางอี้แย้มยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงให้คนขับรถนำรถออก ไม่ผิดไปจากที่เขาคาดจริงๆ เย่เทียนเฉินใส่ใจเรื่องของหลิงอวี่สวิ๋นมาก ตระกูลหลิงต้องการย้ายกลับมาพัฒนาธุรกิจในประเทศ นี่นับว่าส่งผลกระทบครั้งใหญ่กับเศรษฐกิจจีน คนระดับสูงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ตระกูลหลิงเป็นตระกูลการค้าอันดับหนึ่งของชาวจีนโพ้นทะเลในต่างประเทศ ดังนั้นต้องส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจอย่างยิ่งใหญ่โดยไม่ต้องสงสัยเลย
ดังนั้นประเทศ M จึงใช้ทั้งการข่มขู่และผลประโยชน์เข้าล่อโดยไม่สนใจหน้าตา ต้องการหยุดยั้งไม่ให้ตระกูลหลิงย้ายกลับมายังประเทศจีน ส่วนทางประเทศจีน แม้จะให้ความสำคัญแต่ก็ไม่ลงมือต่อสู้กับประเทศ M เพียงเพื่อตระกูลหลิงเพียงตระกูลเดียว ทำได้เพียงช่วยเหลือในทางลับ และความช่วยเหลือที่ดีที่สุดก็คือเย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินเป็นคนที่ไม่มีกฎระเบียบไม่มีวินัยและไม่ได้เป็นคนของกองทัพ การกระทำของเขาจึงไม่ได้เป็นตัวแทนของทางการ แต่หากต้องการมอบภารกิจอะไรให้เขาก็ยังลำบากอยู่บ้าง ตระกูลหลิงไม่ต้องการอะไรมาก แค่ให้หลิงอวี่สวิ๋นที่เป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กมาพูดกับเย่เทียนเฉินก็พอ ยังมีประโยชน์กว่าการที่พวกเขาพูดจาจนปากเปียกปากแฉะเปลืองน้ำลายไปมากซะอีก ถ้าอย่างนั้นหลิงอวี่สวิ๋นต้องการพบเย่เทียนเฉินเพราะมีเรื่องอะไรกันล่ะ?
…………………………..