เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 496 สังหารสี่ปีศาจสีเงิน
แม้ว่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินจะฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่ก็สามารถกดข่มเย่เทียนเฉินได้ สิ่งที่พวกเขาใช้ก็คือพลังต้นกำเนิด เมื่อฝ่ามือทั้งสองโจมตีปะทะเข้าด้วยกัน ใครก็ไม่กล้าบุ่มบ่าม นี่ยังอันตรายยิ่งกว่าการดวลกันของเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งเสียอีก และน่ากลัวกว่ามาก
หลีซิ่นเดินออกมา มีเขาเพียงคนเดียว ส่วนผู้หญิงที่ถูกตีจนสลบที่เดิมทีอยู่ข้างกายเขาไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว หลีซิ่นเดินออกมาอย่างสบายใจ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยมเย็นชา พูดจายโสโอหังไม่เห็นหัวใคร ไม่เห็นทุกคนที่อยู่ในงานอยู่ในสายตา ต่อให้ในนี้จะมีคนระดับผู้อาวุโสที่นับได้ว่าอยู่ระดับเดียวกับปู่ของเขาอยู่ด้วยก็ตาม หลีซิ่นก็ยโสโอหังเช่นนี้เอง เขาไม่เหมือนลูกหลานตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่บางกลุ่มที่รู้ตัวว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือคนยังมีคน เขารู้แค่ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองก่อเรื่องไปไม่น้อยแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ดังนั้นจึงทำให้หลีซิ่นมีนิสัยเย่อหยิ่ง
“นายน้อยหลี ฉันว่านะ เย่เทียนเฉินไม่ใช่คู่มือของนายน้อยหลีหรอก”
“เย่เทียนเฉินกล้าล่วงเกินนายน้อยหหลี ถ้างั้นจะต้องตายแน่นอน”
“ฉันรออยู่ที่นี่มาตลอดเพราะต้องการเห็นสักหน่อยว่าหลีซิ่นจะจัดการเย่เทียนเฉินยังไง…”
“คิดจะผงาดขึ้นมา ไม่ถามนายน้อยหลีของพวกเราสักคำว่ายอมหรือเปล่า ฆ่าคนตระกูลเย่ทั้งหมดไปซะเลย!”
ตอนนี้เอง หญิงชายที่เห็นเย่เทียนเฉินถีบหลีซิ่นก่อนหน้านี้หลายคนปรากฎตัวออกมายืนข้างกายหลีซิ่นอีกครั้ง เดิมทีพวกเขาคิดจะไปแล้วเพื่อจะได้ไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัว แต่ในขณะที่พวกเขาเตรียมจะจากไปนั้นเอง สี่พี่น้องปีศาจสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้พวกเขาอยู่ต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตอนนี้เห็นว่าเย่เทียนเฉินถูกสี่พี่น้องปีศาจสีเงินกดดันทั้งยังอยู่ในสภาพเสียเปรียบจึงก้าวออกมาพูดจาประจบประแจงหลีซิ่น ทำตัวเป็นหญ้าบนกำแพง ลู่ไปตามลม เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“หึ นับว่าพวกแกมีตา ฉันจะทำให้พวกแกได้เห็นว่าฉันจะทำให้ไอ้ลูกเต่าเย่เทียนเฉินคุกเข่าร้องขอชีวิตฉันยังไง” หลีซิ่นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยปากพูดอย่างดุดัน
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเย่เทียนเฉินและสี่พี่น้องปีศาจสีเงิน พบว่าเย่เทียนเฉินกำลังถอยหลังด้วยความรวดเร็ว ส่วนสี่พี่น้องปีศาจสีเงินต่างมีใบหน้าโหดเหี้ยม พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง เย่เทียนเฉินหยุดเอาไว้ไม่ได้ มุมปากมีเลือดสดๆ ไหลออกมา เขารู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีพลังเท่าภูเขาไท่ซานสี่ลูกกำลังกดดันอยู่บนไหล่ของตน ระดับความแข็งแกร่งของกายเนื้อในตอนนี้ยังไม่สามารถรับได้ เขาถูกสี่พี่น้องปีศาจสีเงินกดดันจนต้องถอยหลังไม่หยุด พลังโจมตีรุนแรงมากจริงๆ
ตู้ม…แผ่นหลังของเย่เทียนเฉินชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งจนหัก….
ตู้ม…แผ่นหลังของเย่เทียนเฉินชนเสาหินต้นหนึ่งจนแตกกระจาย…
ตู้ม…แผ่นหลังของเย่เทียนเฉินชนกำแพงจนทลาย…
“หึ พวกแกเห็นหรือเปล่า? นี่คือจุดจบของคนที่กล้ามาล่วงเกินฉันหลีซิ่น เย่เทียนเฉินจะนับเป็นตัวอะไรได้ พวกแกเองก็กล้าไปยกยอปอปั้นเขา ไม่รู้จักที่ตายเลยจริงๆ” หลีซิ่นเห็นเย่เทียนเฉินเสียเปรียบลงเรื่อยๆ ก็ยิ่งมั่นใจในสถานการณ์จึงกล่าวเสียงดัง ก่อนจะหัวเราะออกมา
“นายน้อยหรือ คุณต้องเลี้ยงเหล้าพวกเรานะครับ หลังจากฆ่าเย่เทียนเฉินแล้วพวกเราไปดื่มเหล้ากันเป็นไง?”
“ใช่แล้วนายน้อยหลี พวกเราไปฉลองกันหน่อยเถอะ”
“ต่อไปนี้ถ้าใครในเมืองหลวงกล้ามาหาเรื่องนายน้อยหลี มีแต่ต้องตายเท่านั้น!”
เหล่าชายหญิงที่อยู่รอบด้านเห็นเย่เทียนเฉินตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ มีแนวโน้มว่าจะพ่ายแพ้จนตายในเวลาไม่นานก็รีบเลียแข้งเลียขา ประจบศพลอหลีซิ่น คิดอยากเห็นเรื่องน่าขันของเย่เทียนเฉิน
ไม่ง่ายเลยกว่าที่ตระกูลเย่จะมีคนอย่างเย่เทียนเฉินออกมา เดิมทีคิดว่าตระกูลเย่จะรุ่งเรืองขึ้นมาได้ เย่หย่วนซานจึงประกาศว่าจะมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้แก่เย่เทียนเฉินผู้เป็นหลานชายของตนในวันเกิดอายุครบ 75 ปี เห็นได้ว่ามีความหวังมากมายแค่ไหน ถ้าวันนี้เย่เทียนเฉินถูกสังหาร ต่อให้ตระกูลเย่ทั้งหมดรอดไปได้ก็คงไม่มีโอกาสพลิกฐานะไปชั่วชีวิต จะต้องกลายเป็นเรื่องน่าตลกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เมืองหลวงเคยมีมา
“พวกแกดูให้ดี นี่คือจุดจบของเย่เทียนเฉิน จุดจบของคนที่กล้าล่วงเกินฉันหลีซิ่น ใครที่มันเบื่อชีวิตก็ลองมาหาเรื่องฉันหลีซิ่นดูได้!” ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินกำลังจะถูกฆ่าหลีซิ่นจึงยโสโอหังถึงขีดสุด ตะโกนกับทุกคนที่อยู่ในงาน เสียสตินึกคิดไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีความสง่างามและบุคลิกอันดีแม้แต่น้อย
ใครหลายคนต่างรู้สึกเหยียดหยาม มองไปยังหลีซิ่นด้วยความโกรธเกรี้ยวแต่ไม่กล้าพูดอะไร คนอื่นๆ ต่างรู้สึกไม่พอใจหลีซิ่นซึ่งเป็นหลานปู่ที่มาจากตระกูลหลีคนนี้เป็นอย่างมาก คนเช่นนี้จะต้องทำการใหญ่ไม่สำเร็จแน่นอน
“เย่เทียนเฉิน แกแข็งแกร่งมาก แต่แกไม่ใช่คู่มือของสี่พี่น้องอย่างพวกเรา…” ปีศาจสีเงินที่เป็นหัวหน้าซัดฝ่ามือทั้งสองโจมตีเย่เทียนเฉินสุดแรงพลางตะโกนกล่าว
“มาติดตามฉันเถอะ เข้าร่วมกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของฉันเถอะ!” เย่เทียนเฉินมองไปยังสี่พี่น้องปีศาจสีเงินอย่างใจเย็นแล้วเอ่ยถาม
“ฮ่าๆๆๆ แกเป็นคนใกล้ตาย ยังคิดให้พวกฉันติดตามแกอีก แกไม่คู่ควร”
“ถ้างั้นฉันคงทำได้แค่ฆ่าพวกแกแล้ว”
เย่เทียนเฉินมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ตอนนี้เองมีเสียงเสียงหนึ่งดังสนั่น แผ่นหลังของเขาชนเข้ากับรูปปั้นทองเหลืองของบ้านเดิมตระกูลเย่จนเกิดรอยแตกขนาดใหญ่ และในขณะนั้นเอง มีกระบี่สามเล่มบินออกมาจากในร่างกายของเย่เทียนเฉิน เล่มหนึ่งคือกระบี่เซียวหยวน เล่มหนึ่งคือกระบี่ไท่อา อีกเล่มหนึ่งคือกระบี่อวี๋ฉาง
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
สิบกระบี่บรรพกาลทุกเล่มต่างมีพลังอำนาจที่พลังมนุษย์ไม่สามารถต่อต้านได้ ในตอนที่กระบี่ทั้งสามเล่มพุ่งออกมาพร้อมกัน พริบตาเดียวก็สังหารปีศาจเสียเงินไปได้สามคน มีเพียงปีศาจสีเงินผู้เป็นหัวหน้าที่ตกใจจนหน้าซีด ดึงพลังภายในจากฝ่ามือทั้งสองกลับมา คิดจะหนีไปอย่างรวดเร็ว เพียงแต่น่าเสียดายที่เย่เทียนเฉินคิดสังหารแล้ว จะให้โอกาสหนีได้อย่างไร สี่พี่น้องปีศาจสีเงินร้ายกาจขนาดนี้ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฆ่าพวกเขา ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปคงไม่ง่ายแล้ว
เสียงครืนดังสนั่น นั่นไม่ใช่เสียงระเบิดของพลังที่โจมตีออกไป เย่เทียนเฉินกระตุ้นพลังของตนจนถึงขีดสูงสุดในเวลาเพียงชั่วพริบตา มือขวากำแน่น มีพลังสายฟ้าฟาดผ่าลงมาจากฟ้ากระทบลงบนหมัดขวาของเย่เทียนเฉินโดยตรง เย่เทียนเฉินกลายเป็นเงา ใช้เคล็ดวิชาเทพท่องโดดเดี่ยวใต้หล้าทะยานตัวไปเหนือศีรษะของปีศาจสีเงินผู้เป็นหัวหน้า ซัดหมดโจมตีลงไป
“หมัดอัสนีสวรรค์!”
“ฝ่ามือเทพทรายเหล็ก!”
ตู้ม!
เสียงดังสนั่น ฝุ่นทรายเอ่อทะลักไปทั่วทั้งขอบเขตหลายร้อยเมตร ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างต้องตกตะลึงจนนิ่งงัน โชคดีที่คนที่นี่ไม่มีใครเป็นพวกอ่อนหัด แม้ว่าการต่อสู้เหนือระดับเช่นนี้จะทำให้พวกเขาตื่นตะลึงแต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้พวกเขาเสียสติ จะอย่างไรก็เป็นคนที่เคยเห็นการต่อสู้เหนือระดับมาบ้างแล้ว คนที่เกิดในตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่ย่อมต้องมีความเข้าใจมากกว่าคนธรรมดาอยู่บ้าง
ในตอนที่ฝุ่นทรายสลายไป หลายคนพลันต้องตื่นตะลึงจนอ้าปากกว้าง เนื่องจากบนพื้นปรากฏหลุมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อย 5 เมตรและลึกจนมองไม่เห็นก้นปรากฏขึ้นหลุมหนึ่ง เมื่อมองให้ละเอียดพบว่ามีสภาพคล้ายหมัด เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยหมัดของเย่เทียนเฉิน เขาใช้หมัดอัสนีสวรรค์โจมตีไป ทำให้พี่ใหญ่ของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินถูกฆ่าตาย
เหตุการณ์นี้มาเยือนกะทันหันเกินไป ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลีซิ่นที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ เมื่อครู่เขายังพูดจาหยาบคายตอนที่เห็นว่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินโจมตีเย่เทียนเฉินจนไม่มีแม้แต่แรงจะโต้กลับและกระอักเลือดออกมา แต่ตอนนี้เย่เทียนเฉินกลับสังหารสี่พี่น้องปีศาจสีเงินทั้งหมดในเวลาเพียงชั่วพริบตา นี่ทำให้หลีซิ่นแทบทรุด
เย่เทียนเฉินเดินมาทางหลีซิ่น พลังที่ปะทุออกมาทั่วทั้งร่างสลายไปหมดแล้ว กระบี่ทั้งสามเล่มที่พุ่งออกมาราวกับดาวตกก็กลับเข้าไปในร่างกายแล้ว หากต้องการสังหารหลีซิ่นนั้นง่ายเหมือนกับบี้มดตัวหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใช้พลังพิเศษอันแข็งแกร่ง
ความจริงการที่เย่เทียนเฉินสามารถสังหารสี่พี่น้องปีศาจสีเงินได้เช่นนี้ ส่วนสำคัญที่สุดมาจากกระบี่เซียวหยวน กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉาง กระบี่เทพทั้งสามเล่มนี้แต่ละเล่มมีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งสี่พี่น้องปีศาจสีเงินยังมั่นใจในร่างกายของตนเองมาก ไม่เห็นกระบี่เทพทั้งสามเล่มที่ออกมาจากร่างกายเย่เทียนเฉินอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย นี่ทำให้พวกเขาต้องตาย ส่วนหมัดสุดท้าย เขาใช้เพียงหมัดเดียวก็สามารถสังหารพี่ใหญ่ของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินลงได้ นั่นเป็นเพราะเย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษขั้นสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิทั้งยังผสมผสานไปด้วยพลังอันบริสุทธิ์ของคัมภีร์ดรุณีหยกจึงโจมตีสำเร็จ
หากสี่พี่น้องปีศาจสีเงินรีบหลบตอนที่เห็นกระบี่เทพทั้งสามออกมาจากร่างกายเย่เทียนเฉิน การต่อสู้ใหญ่ในวันนี้คงยากจะหลีกเลี่ยง บ้านเดิมตระกูลเย่อาจพังทลายก็เป็นได้ สี่พี่น้องปีศาจสีเงินตายเพราะความลำพองใจและความเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไปจนดูถูกความแข็งแกร่งของเย่เทียนเฉิน
“แก…แกคิดจะทำอะไร?” หลีซิ่นได้สติกลับมา ตกใจจนเหงื่อท่วมหน้า ถึงกับเอ่ยถามคำถามโง่งมเช่นนี้ออกมา
“ฆ่าแก!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
ไม่มีคำพูดเกินความจำเป็น ไม่มีคำถามเกินความจำเป็น มีเพียงสองคำง่ายๆ “ฆ่าแก” นี่คือนิสัยและหลักการของเย่เทียนเฉิน เขาไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าฟันสังหาร แต่ก็ไม่อนุญาตให้คนอื่นมาทำตัวยโสโอหังต่อหน้าเขาโดยเด็ดขาด และยิ่งไม่อนุญาตให้คนอื่นมาลงมือกับครอบครัวของเขาด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ต้องถามว่าคุณเป็นใคร หากมาหาเรื่องจนถึงขั้นสมควรตายก็จะฆ่า ง่ายดายแค่นี้เอง
หลีซิ่นหมุนตัววิ่งไปทางประตูใหญ่ของบ้านเดิมตระกูลเย่ ทุกคนต่างเห็นภาพนี้ เดิมทีคิดว่าเย่เทียนเฉินจะตามไป แต่เย่เทียนเฉินกลับเดินตามหลีซิ่นไปอย่างเชื่องช้า ท่าทีราวกับเทพสังหารที่ต้องการเอาชีวิตใครก็ได้ ต่อให้คุณจะวิ่งไปจนสุดขอบฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินเดินเข้ามา ชายหญิงหลายคนที่เดิมทีพูดจาหยาบคายทำตัวเป็นหญ้าบนกำแพงลู่ไปตามลมและเข้าข้างหลีซิ่นต่างตกใจจนสั่นไปทั้งตัว หมัดนั้นของเย่เทียนเฉินรุนแรงมากจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาคงเหมือนกับมดตัวหนึ่ง เย่เทียนเฉินใช้นิ้วชี้ขยี้เบาๆ ก็สังหารพวกเขาได้แล้ว
ตอนนี้พวกเขาถึงค่อยเข้าใจ เดิมทีพวกเขาก็ไม่อยู่ในสายตาของเย่เทียนเฉินอยู่แล้ว เพียงแค่เย่เทียนเฉินต้องการก็สามารถฆ่าพวกเขาได้สบายๆ พวกเขาไม่สงสัยในความใจกล้าของเย่เทียนเฉินแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่ทำตามหลักการโดยไม่สนใจใคร
เมื่อเห็นแผ่นหลังของหลีซิ่นที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เย่เทียนเฉินก็ยกมือขวาของตนขึ้น บนนิ้วชี้ขวามีประกายสายฟ้าลุกโชนขึ้นมาช้าๆ ขอเพียงชี้ออกไป หลีซิ่นจะต้องตายทันที
“เทียนเฉิน จบแค่นี้เถอะ จะฆ่าหลีซิ่นไม่ได้!” เย่หงเดินมาเบื้องหน้าลูกชายของตนแล้วเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างผมรับผิดชอบเอง” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าฆ่าหลีซิ่นจะมีเรื่องยุ่งยากมากมาย ตระกูลเย่รับผิดชอบไม่ไหวแน่ เธอคิดดูให้ดีเถอะ” ตอนนี้เอง ฟ่านชิงอวี่และเย่หย่วนซานเดินออกมา ไม่อยากให้เย่เทียนเฉินฆ่าหลีซิ่นเช่นกัน
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง เสียงปังดังขึ้น มือขวากำเป็นรูปปืนราวกับยิงปืนไปทางหลีซิ่น ทั้งยังพูดด้วยรอยยิ้มสงบนิ่ง “ถ้าแม้แต่หลีซิ่นคนเดียวก็ไม่กล้าฆ่า ตระกูลเย่ของผมจะสั่นสะท้านประเทศจีนได้ยังไง?”