เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 468 เมืองเทียนซา
“ความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งมาก ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ถ้าพูดตามตรงโดยไม่อ้อมค้อมก็คือ บางทีพวกเราอาจจะฆ่าเขาไม่ได้ ทุกคนต้องเตรียมตัวตายให้ดี!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจังพลางมองไปยังทุกคนของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์
ในตอนที่เย่เทียนเฉินพูดคำนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว และไม่มีเสียงพึมพำแม้แต่ครึ่งคำ นี่คือวินัยของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ เย่เทียนเฉินไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมลูกน้องมากนัก เพียงแค่ทำตามหลักการหนึ่งมาโดยตลอด นั่นก็คือปฏิบัติกับพวกเขาโดยไม่เห็นพวกเขาเป็นลูกน้องแต่เห็นเป็นพี่น้อง ใช้ใจแลกใจ หากทำเช่นนี้แล้วยังไม่รู้ใจกัน ถ้างั้นคงไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ
“พี่ใหญ่ คุณสั่งมาเถอะ ต่อให้ผมหวังเจี๋ยต้องสู้จนตัวตายก็จะฆ่าพวกสารเลวพวกนี้ให้ได้!” หวังเจี๋ยเป็นคนที่มีนิสัยบุ่มบ่าม รีบเอ่ยปากขึ้นอย่างดุดัน
“ใช่แล้ว ต้องทำให้พวกสารเลวนี่กลับประเทศชิบะไม่ได้อีก ให้พวกมันทิ้งชีวิตไว้ที่ประเทศจีนซะ ทำให้พวกมันรู้ว่าประเทศจีนไม่ได้มาง่ายๆ!” เปาเทียนหลงก็รู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว ผ่านมานานขนาดนี้ยังไม่มีการต่อสู้อะไร สำหรับพวกเขาที่ชอบต่อสู้ นี่ทำให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าฆ่าพวกเขาซะอีก
เย่เทียนเฉินมองไปยังพี่น้องกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ หากพูดตามจริง สามารถมีพี่น้องแบบนี้ได้ทำให้เย่เทียนเฉินปลื้มใจมาก ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เป็นเหมือนพี่น้องกลุ่มเดียวกันอย่างแท้จริง พวกเขามีความจริงใจซื่อสัตย์ต่อตน ไม่กลัวความตาย ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟพวกเขาก็เต็มใจทำโดยไม่ปฏิเสธ ชีวิตหนึ่งมีพี่น้องแบบนี้ เรียกว่าได้ว่าต่อให้ตายก็ไม่เสียดายแล้ว
“ดี ที่ฉันตัดสินใจก็คือ ขอเพียงหาเบาะแสของพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเจอ พวกเราก็จะไปโจมตีมันก่อน กำจัดพวกสารเลวนี่ซะ ไม่ว่าพวกมันจะแข็งแรงขนาดไหนก็ตาม ฉันเป็นคนไม่ชอบถูกกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในถิ่นของพวกเราเองด้วย!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืน เอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง
“ครับพี่ใหญ่!” กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์รับปากพร้อมกัน
“เย่เทียนเฉิน นายนี่กล้าหาญจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่หาไม่พบแม้กะทั่งว่าคนกลุ่มนี้อยู่ที่ไหน แล้วยังอยากจะฆ่าพวกเขาอีก ฉันว่ารอให้พวกเขามาฆ่านายเถอะ!”
ตอนนี้เอง เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอย่างหยอกล้อ กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์รวมถึงเย่เทียนเฉินต่างหันไปมอง บางทีในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อาจมีคนไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่เย่เทียนเฉินกลับรู้จักดี ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “เธอกลับมาจากการเดินเล่นเร็วขนาดนี้ ฉันหวังว่าเธอคงมีข่าวดีมาให้ฉันนะ”
“ฉันจะเอาข่าวดีอะไรมาให้นายได้ นายคิดว่าฉันเอาข่าวดีอะไรมาให้นายล่ะ?” อลิซกรอกตาใส่เย่เทียนเฉิน มองไปทางเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
อลิซมาแล้ว บทสนทนาระหว่างเธอกับเย่เทียนเฉินทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ กระทั่งเย่เทียนเฉินและอลิซเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสนทนากันในบรรยากาศเช่นนี้ได้โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองต่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด ไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย เพียงแต่ไม่เปิดโปงกัน รักษาสภาพเข้าใจกันโดยไม่มีใครต้องพูด ดูเหมือนว่าเช่นนี้ก็พอแล้ว
“เธอไปเดินเล่นคราวนี้ไม่มีค่าอะไรเลย!” เย่เทียนเฉินไม่ได้โกรธ ทั้งยังพูดด้วยรอยยิ้มอีกด้วย
ตอนนี้เอง อู๋เสวี่ยเดินมาเบื้องหน้าอลิซ ขวางอลิซเอาไว้ อลิซมองไปยังอู๋เสวี่ย สายตาเปลี่ยนไปคล้ายกับต้องการลงมือ ไม่กล่าวไม่ได้ว่าอลิซมีความกล้าอยู่บ้างจริงๆ เผชิญหน้ากับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของเย่เทียนเฉินซึ่งแต่ละคนต่างเป็นยอดฝีมือชั้นสูง แต่เธอยังไม่มีความหวาดกลัวเลย นี่ทำให้เย่เทียนเฉินต้องเปลี่ยนมุมมองจริงๆ อลิซจะมีฐานะอย่างไรกันแน่เย่เทียนเฉินเองก็ไม่รู้ และไม่ได้ส่งคนไปตรวจสอบด้วย เขาเพียงแค่คาดเดาได้บ้างเท่านั้น และตอนนี้ก็ไม่ว่างจะมาเปิดโปงกันด้วย จะอย่างไรอลิซเองก็ไม่ได้พูดและไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องสนใจชั่วคราว ความอันตรายจากพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวถึงจะร้ายแรงที่สุด ต้องกำจัดพวกสารเลวกลุ่มนี้ก่อนค่อยว่ากัน
“อู๋เสวี่ย ไม่ต้องขวางเธอ อลิซไม่ใช่คนชั่วช้าอะไร!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าพูดกับอู๋เสวี่ย
อู๋เสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปยังอลิซ จากคำพูดของผู้หญิงคนนี้ดูคล้ายกับว่าเธอจะรู้เบาะแสของพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริว หากไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินหยุดเอาไว้ อู๋เสวี่ยต้องจับตัวอลิซมาแน่ ต่อให้ต้องลงมือทำลายดอกไม้งามอย่างโหดเหี้ยมหรือต้องทรมานให้สารภาพเขาก็จะทำให้อลิซบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอรู้ออกมาให้ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินจะไม่ให้เขาทำแบบนี้ ดังนั้นอู๋เสวี่ยจึงหลีกทางกลับไปยืนด้านข้าง เชื่อฟังคำสั่งของเย่เทียนเฉิน
อลิซไม่ได้พูดอะไรทำเพียงเดินไปเบื้องหน้า รักษาระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง เย่เทียนเฉินมองเธออยู่เช่นนั้น เขาคิดว่าอลิซมีคำพูดต้องการพูดกับเขา ผู้หญิงคนนี้ดูผิวเผินแล้วอัธยาศัยดี แต่ตอนที่โหดเหี้ยมขึ้นมาก็โหดเหี้ยมอย่างไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เย่เทียนเฉินยังไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายโหดเหี้ยมของอลิซ
“มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะลงมือด้วยตัวเองแล้ว นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา คิดหาวิธีหนีไปเถอะ!” อลิซเอ่ยปากพูด ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง
“วางใจเถอะ ฉันไม่ตายหรอก เรื่องของฉันกับเธอยังไม่จบเลย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยใบหน้าที่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ฉันกับนายไม่มีเรื่องอะไรกัน ถ้าเป็นไปได้ฉันจะฆ่านายด้วยตัวเอง!” อลิซตอบคำพูดของเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันเต็มใจที่จะถูกเธอฆ่าสักครั้ง แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ที่ไหน...” เย่เทียนเฉินยังคงถามอย่างไม่ยอมแพ้
ขณะนั้น อลิซหยุดอยู่กับที่ ไม่ได้เดินไปข้างหน้าต่อ ชะงักไปประมาณ 3 วินาทีถึงจะได้ยินเสียงของเธอ เธอไม่ได้บอกเย่เทียนเฉินว่าพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ที่ไหน แต่กล่าวว่า “วันนี้ฉันจะออกจากเมืองหลวงกลับไปประเทศ M แล้ว บางทีหลังจากนี้พวกเราคงไม่ได้พบกันอีก หรือถ้าได้พบกันอีกครั้ง ฉันจะต้องลงมือฆ่านายแน่…”
“กลับไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? หรือรังเกียจที่อาหารของฉันไม่ดีพอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย
อลิซเองก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ายิ้มๆ เธอถูกเย่เทียนเฉินหยอกล้อจนอารมณ์ดีแล้วจริงๆ อย่างไรก็ตามกลับไม่ได้เอ่ยปากอีก เดินเข้าไปในคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่โดยตรง พวกอู๋เสวี่ยพอจะฟังออกบ้าง ต่างกระตือรือร้นอยากจะลองมือ ขอเพียงเย่เทียนเฉินพูดออกมาเพียงครึ่งคำหรือส่งสัญญาณมือเพียงนิดเดียวพวกเขาก็จะลงมือกับอลิซทันที
ฟิ้ว!
มีดทหารเล่มหนึ่งลอยมา มุ่งสังหารมาทางเย่เทียนเฉินโดยตรง รวดเร็วเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินขยับตัวครั้งหนึ่ง รับมีดทหารเล่มนั้นไว้ได้ ตอนนี้เอง อู๋เสวี่ยพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ต้องการสังหารอลิซซะ ต่อให้ฆ่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องจับตัวเธอให้ได้
“กลับมาเถอะ ไม่เป็นไร พวกเราเตรียมตัวออกเดินทางได้!” เย่เทียนเฉินตะโกนบอกอู๋เสวี่ย
“พี่ใหญ่…พวกเราจะไปไหนหรือ?” อู๋เสวี่ยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจนัก อลิซลงมือกับเย่เทียนเฉินแล้ว หรือพี่ใหญ่จะหลงใหลผู้หญิงคนนั้น?
“ไปฆ่าพวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็น!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฆ่าพวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็น? พี่ใหญ่ คุณรู้เบาะแสของพวกมันแล้วเหรอ?” อู๋เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
เย่เทียนเฉินมองไปยังมีดทหารในมือขวา จากนั้นจึงพยักหน้า เขาเดาไม่ผิดจริงๆ อลิซนำข่าวดีมาให้เขาจริงๆ ด้วย พวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวพวกนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะซ่อนอยู่ที่นั่น มิน่าล่ะหาทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วก็ยังไม่พบ คนพวกนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ
ออกเดินทางแล้ว เย่เทียนเฉินพาทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ออกเดินทางในเวลาสี่ทุ่มของวันนั้น ทุกคนต่างสวมเสื้อผ้าเหมือนกัน เสื้อผ้าชุดนี้ดูแล้วไม่เหมือนวัยรุ่นและไม่ได้มีสีที่ทำให้คนอื่นหัวเราะ ในทางตรงกันข้าม เมื่อกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์สวมชุดแบบนี้ออกมาจะต้องสั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือภารกิจครั้งแรกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ การเปิดตัวของพวกเขาจะต้องทำให้พวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวต้องสั่นสะท้าน
บริเวณรอบนอกเมืองหลวงที่อาจไม่นับว่าเป็นชายขอบเมืองหลวงแล้ว อย่างน้อยก็ห่างกันหลายร้อยลี้ ที่นี่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าเมืองเทียนซา ไม่รู้ว่าทำไมถึงตั้งชื่อที่ดูอันตรายแบบนี้ หากว่ากันตามเหตุผล เมืองเล็กๆ ที่มีชื่อแบบนี้คงไม่มีใครอาศัยอยู่แน่นอน จะมากจะน้อยคนจีนก็ยังมีความงมงายเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง ก็เหมือนกับที่ชาวต่างชาติหลงใหลในโค้ดดิจิตอล ในตอนที่เย่เทียนเฉินรู้จักกับเมืองเทียนซาเป็นครั้งแรกก็ส่งคนเข้าไปตรวจสอบทันที เมื่อตรวจสอบออกมาก็ต้องรู้สึกตื่นตะลึง เมืองเทียนซาแห่งนี้ ร้อยกว่าปีก่อนยังคงเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีผู้คนอยู่หลายหมื่นคน เพียงแต่วันหนึ่ง เมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ จู่ๆ คนในเมืองแห่งนี้ก็หายไปจนหมด ทำให้คนอื่นที่รู้ต่างต้องตกใจและไม่กล้าเชื่อ เมื่อแจ้งตำรวจ ตำรวจก็พบศพของคนหลายหมื่นคนที่ที่ราบระหว่างภูเขานอกเมือง คนหลายหมื่นคนล้วนตายหมดแล้ว สภาพน่าอนาจจนทนมองไม่ได้ บนร่างของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยของสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกรงสีเลือด น่ากลัวและอำมหิตเป็นอย่างมาก ทางตำรวจหาเบาะแสอื่นไม่พบ สุดท้ายจึงไม่มีวิธีใด ทำได้เพียงใช้ที่ราบแห่งนี้แทนที่ฝังศพ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมืองเทียนซาก็กลายเป็นสถานที่ไร้ซึ่งผู้คน นี่เป็นคดีที่สั่นสะเทือนบุคคลระดับสูงของประเทศจีนทั้งหมดและเป็นคดีที่ไม่อาจแก้มาโดยตลอด พริบตาเดียวคนในทั้งเมืองก็ตายไปหลายหมื่นคน ศพหลายหมื่นศพถูกกองอยู่ที่ที่ราบระหว่างเขาด้านนอกเมืองที่อยู่ไม่ไกล เพียงแค่คิดถึงภาพนี้ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวแล้ว กลัวจนขนหัวลุก ตกลงใครเป็นคนทำกันแน่?
ตอนนี้ข่าวที่เย่เทียนเฉินได้รับก็คือพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ในเมืองเทียน ซา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังใช้ประโยชน์จากเมืองเทียนซาเพื่อแฝงตัวเข้ามา ปิดบังหูตาของผู้คน จะได้ไม่ถูกคนอื่นพบ นี่เป็นเมืองที่เคยเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ย่อมไม่มีใครคิดจะกล่าวถึง ด้วยเหตุนี้มันจึงเต็มไปด้วยไอสังหารและเรื่องที่ไม่น่าพิสมัย ไม่มีใครคิดว่าพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะไม่กลัวตายแบบนี้ ถึงกับซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้เชียว หรือนี่จะเป็นเจตนาสวรรค์? กระทั่งพระเจ้าก็ทนดูเมืองนี้ไม่ได้หรือ?