เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 459 คุณธรรมของชายกระหายเลือด
“แก…เมื่อกี้แกยังไม่ได้ลงมือเต็มที่อีกเหรอ?”
ฮิคาวะมองไปยังพลังต่อสู้ที่พุ่งพล่านของเย่เทียนเฉิน เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ยังแข็งแกร่งกว่ามาก ไม่เหมือนกับคนที่สูญเสียพลังจากการต่อสู้นับร้อยกระบวนท่าโดยสิ้นเชิง พลังการต่อสู้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วยังแข็งแกร่งกว่า เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อและรู้สึกเหลือเชื่อมาก ตนเองใช้พลังเต็มที่ ใช้ฝ่ามือโฮคุชินสู้กับหมัดอัสนีสวรรค์ของเย่เทียนเฉินก็ยังไม่ได้ตกเป็นรอง เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเย่เทียนเฉินก็บาดเจ็บไม่เบา ไหล่ซ้ายถูกโจมตีจนทะลุเป็นรูใหญ่ มีเลือดไหลออกมา เดิมทีฮิคาวะคิดว่าตนยังเหลือพลังต่อสู้ คงสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้
ไหนเลยจะรู้ว่าตอนนี้อยู่ดีๆ เย่เทียนเฉินก็ระเบิดพลังต่อสู้ออกมา ถึงกับแข็งแกร่งขนาดนั้น ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองกลายเป็นตัวเล็กจ้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนเฉิน ความแข็งแกร่งและพลังต่อสู้เช่นนี้ของเย่เทียนเฉินสามารถข่มขู่ฮิคาวะได้มากจนเขาเกิดความคิดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือต่อให้ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ต่อสู้ไปหลายร้อยกระบวนท่า ยังคงรักษาพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งที่สุดไว้ได้ แต่ก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉินในตอนนี้
“ตอนนี้ถึงจะเป็นความสามารถทั้งหมดของฉัน แกยังจะสู้ได้อีกเหรอ? ฉันไม่ฆ่าคนไม่มีปัญญาสู้!”
บรรยากาศของเย่เทียนเฉินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่จะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้น แต่โดยพื้นฐานเขาคล้ายกับเป็นผู้ที่ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง สายตาไร้ผู้ต่อต้านเช่นนั้นทำให้ในใจของฮิคาวะสั่นสะท้าน จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้จะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ตนเองลงมือเต็มที่แล้ว แต่เขากลับรักษาพลังการต่อสู้เอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ด้วย ตั้งแต่ระดับการบ่มเพาะของเย่เทียนเฉินไปถึงระดับผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิ นี่นับเป็นครั้งที่สองที่เขาใช้พลังการต่อสู้ข้ามขอบเขต ขอบเขตเช่นนี้ลึกลับมาก เย่เทียนเฉินเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ตามใจ แน่นอนว่ามีเทคนิคเฉพาะอยู่ ขอเพียงตอนนี้เขาเข้าถึงได้ ไม่ต้องพูดถึงฮิคาวะที่ได้รับบาดเจ็บเลย ต่อให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้แน่นอน ต่อให้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงที่อยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นปลาย เย่เทียนเฉินก็มั่นใจว่าจะสู้ได้
“อ้าก...”
ฮิคาวะโมโหรุนแรง พุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉิน ใช้ฝ่ามือที่เปี่ยมไปด้วยพลังทั้งหมดจนทำให้กระทั่งอากาศก็ถูกโจมตีจนเกิดช่องว่าง ส่วนเย่เทียนเฉินในตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามืออันรุนแรงของฮิคาวะกลับไม่ได้รีบหลบไปอย่างรวดเร็ว ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน ซัดหมัดที่ดูปกติมากออกไปหมัดหนึ่ง กลิ่นอายบนหมัดอัสนีสวรรค์เปลี่ยนจากสีม่วงกลายเป็นสีทอง โจมตีไปยังฝ่ามือซ้ายของฮิคาวะ
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนไหวแม้เพียงก้าวเดียว ส่วนฮิคาวะกลับกระเด็นออกไปอย่างน้อยหลายร้อยเมตรก่อนจะร่วงลงกระแทกหลังคาคฤหาสน์ของเย่เทียนเฉินอย่างรุนแรง ทำให้หลังคาถล่มไปกว่าครึ่ง
“อ้าก...มือของฉัน!” ฮิคาวะพยายามลุกขึ้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด มือขวาของเขาบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป คล้ายกับเหล็กเส้นที่ถูกหักจนบิดเบี้ยว นี่คือจุดจบที่มาปะทะหมัดกับเย่เทียนเฉิน
“เห้อ ฉันน่าจะสนใจทิศทางสักหน่อย นี่ แกระวังหน่อย อย่าทำให้บ้านฉันพัง!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้า มองไปยังฮิคาวะแล้วพูดขึ้น
ฮิคาวะมองไปทางเย่เทียนเฉิน ดวงตาทั้งสองแดงก่ำเต็มไปด้วยไอสังหาร มือซ้ายขวาของเขาถูกเย่เทียนเฉินซัดจนใช้การไม่ได้แล้ว หมัดเมื่อครู่นี้ เขาลงมือเต็มที่แล้ว ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บไม่สามารถใช้พลังเต็มที่เพื่อโจมตี แต่อย่างน้อยก็ใช้พลังออกไปถึงเจ็ดส่วน แต่เย่เทียนเฉินกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย ส่วนเขากลับกระเด็นออกมาจนมีสภาพน่าอนาจขนาดนี้
หากจะพูดถึงเมื่อครู่นี้ เย่เทียนเฉินสามารถต่อสู้กับฮิคาวะได้ ฮิคาวะแม้จะโกรธเกรี้ยว มีไอสังหารฟุ้งกระจาย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นบ้าคลั่ง ตอนนี้ฝ่ามือที่เขาใช้พลังไปถึงเจ็ดส่วนถึงกับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเย่เทียนเฉินได้แม้แต่น้อย และไม่สามารถทำให้เขาถอยหลังได้ด้วย นี่ทำให้ความภาคภูมิใจของฮิคาวะถูกโจมตีอย่างรุนแรง คิดว่าเขาฮิคาวะผู้มีฐานะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว ถูกใครหลายคนมองว่าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิดาบแห่งสำนักโฮคุชินอิตโตริว ประกายแสงนับไม่ถ้วนห้อมล้อมเขา แต่ไหนแต่ไรไม่เคยพ่ายแพ้ ต่อให้พบกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งก็ยังสามารถสู้ได้ แม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ก็ยังถอยออกมาอย่างครบสมบูรณ์ อย่างน้อยก็ไม่ได้อนาถถึงขนาดนี้ นี่ทำให้ฮิคาวะที่เดิมทีมีความมั่นใจในตัวเองต้องบ้าคลั่งจนถึงขีดสุด
“คนที่บีบบังคับฉันมาถึงขั้นนี้ได้ นับว่ามีแกเป็นคนแรก แกเป็นคนแรก…”
ฮิคาวะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยัดใส่ปาก กินลงไปทั้งหมด ทำให้เย่เทียนเฉินตื่นตะลึงจนชะงักไป ถึงกับต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก เนื่องจากของสิ่งนั้นเขารู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันที่ซาโต้กินเข้าไปตอนที่สู้กัน นั่นเป็นยาแคปซูลชนิดหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือบนร่างของฮิคาวะถึงกับมีมันด้วย ดูแล้วพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวพวกนี้โหดร้ายมาก พวกสารเลวของประเทศชิบะโหดเหี้ยมจริงๆ ถึงกับให้ยาแคปซูลปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันกับคนของตนเอง ในตอนที่เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งพวกเขาก็จะใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันโดยไม่สนใจผลกระทบ ฝืนเผาผลาญพลังชีวิตเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการต่อสู้ของตนและโจมตีสังหารศัตรู พวกสารเลวของประเทศชิบะโหดร้ายจริงๆ เพื่อที่จะทำตามเป้าหมายถึงกับไม่เสียดายที่จะแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง
เสียงดังสนั่น ฮิคาวะเกินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันลงไปหนึ่งกำมือ เขาบ้าคลั่งไปแล้วโดยสิ้นเชิง เขาย่อมรู้แน่นอนว่ายาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันมีผลเสียมากขนาดไหน เป็นไปได้มากว่าจะทำลายสติสัมปชัญญะของตน เพียงแต่ตอนนี้เขาถูกเย่เทียนเฉินอัดจนไม่มีความสามารถที่จะตอบโต้โดยสิ้นเชิง ถูกอัดจนเสียสติไปแล้ว ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินโดยไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง รับไม่ได้ที่ตนซึ่งเป็นยอดฝีมือวัยเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักโฮคุชินอิตโตริวผู้อยู่ในประกายแสงมาโดยตลอดจะต้องพ่ายแพ้
เย่เทียนเฉินสูดหายใจเย็นยะเยือก พบว่าหลังจากที่ฮิคาวะกลืนยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมลงไป กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างก็สั่นสะท้าน ขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา กล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อขา ต่างขยายใหญ่ไม่หยุด ยิ่งไปกว่านั้นบาดแผลบริเวณมือทั้งสองก็สมานกันในพริบตา ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันเช่นนี้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงจริงๆ นอกจากนี้บนมือทั้งสองของฮิคาวะยังอัดแน่นไปด้วยประกายแสงที่ปะทุจากพลัง ดูแล้วทำให้หวาดกลัวยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นความสูงของเขายังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
“ซวยแล้ว จะสู้กันที่นี่ไม่ได้ เดี๋ยวจะทำลายที่นี่ซะหมด แล้วยังจะทำร้ายเสี้ยวหยา ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีกด้วย!” เย่เทียนเฉินคิดในใจ
ที่เย่เทียนเฉินรู้สึกตื่นตะลึงไม่ใช่เพราะต้องเผชิญหน้ากับฮิคาวะที่จู่ๆ ก็กินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันลงไปจนแข็งแกร่งขึ้นมากจนเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน เย่เทียนเฉินเป็นคนที่ยิ่งเจอกับผู้แข็งแกร่งก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตเหนือจินตนาการ มีความคิดราวกับไร้ผู้ต่อกร ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็จะไม่ยอมถอย ต่อให้จักรพรรดิดาบมาด้วยตัวเองเย่เทียนเฉินก็จะสู้กับเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนเฉินก็พุ่งเข้าใส่ฮิคาวะในพริบตา มือซ้ายจับลงบนไหล่ของฮิคาวะ เร่งเร้าเคล็ดวิชาเทพท่องจนถึงขีดสุด ใช้ความเร็วสูงสุดพาฮิคาวะพุ่งออกไปนอกเขตคฤหาสน์ พุ่งไปยังสถานที่รกร้างไร้ผู้คน
ฮิคาวะเพิ่งจะกลืนยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันลงไป ฝืนเผาผลาญพลังชีวิต ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาถูกรักษาในเวลาสั้นๆ แต่ยังไม่ได้ดูดซึมตัวยาไปอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะพุ่งเข้ามา เขาถูกเย่เทียนเฉินจับลงที่ไหล่ บังคับดึงให้ออกไปจากเขตคฤหาสน์ พลันนั้นจึงซัดฝ่ามือโจมตีไปยังเย่เทียนเฉิน
มือซ้ายของเย่เทียนเฉินจับอยู่บนไหล่ของฮิคาวะ มือขวาสกัดการโจมตีไม่หยุด เนื่องจากเขายังมีขีดจำกัด รวมกับที่ตอนนี้ฮิคาวะกินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันลงไปจนมีความแข็งแกร่งเพิ่มจากก่อนหน้านี้มาก แม้เขาจะสกัดระบวนท่าสังหารของฮิคาวะไว้ได้ แต่ปราณโลหิตในร่างกายก็พลุ่งพล่าน ถูกอัดไปหลายฝ่ามือจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา
“ฮ่าๆๆๆ คนจีนอย่างพวกแกจะห่วงหน้าพะวงหลังเกินไปแล้ว ตอนนี้ถ้าแกโยนฉันไปตัวเองก็ไม่ต้องเจ็บ รนหาที่ตายชัดๆ!” ฮิคาวะหัวเราะแล้วกล่าวออกมา ซัดหมัดโจมตีไปที่ท้องของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินรู้สึกเจ็บปวดราวปอดระเบิด เกือบจะกระอักเลือดออกมา
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร พาฮิคาวะบินไปบนอากาศด้วยความเร็วสูง เบื้องล่างคือทิวทัศน์อันงดงามของเมืองหลวง แต่เย่เทียนเฉินไม่ได้มีอารมณ์จะไปชื่นชม มือซ้ายของเขาจับฮิคาวะเอาไว้ มือขวาสกัดการโจมตีของฮิคาวะไม่หยุด ถ้าหากสกัดไม่ได้ตนเองก็จะถูกโจมตี ต้องทราบว่าตอนนี้ฮิคาวะกินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันแล้ว มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้มากน้อยแค่ไหน นี่เป็นการเผาผลาญพลังชีวิตของตนเอง เป็นพลังที่ไม่เสียดายหากตัวเองต้องตาย ต่อให้เย่เทียนเฉินในตอนนี้จะอยู่ในขอบเขตเหนือจินตนาการก็เกรงว่าจะรับได้เพียงไม่กี่หมัด
แต่จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็ไม่ยอมปล่อยมือ มีท่าทีแน่วแน่เด็ดเดี่ยว สายตาราวกับไร้คู่ต่อกร เนื่องจากด้านล่างคือเขตของเมืองหลวง เขารู้ว่าฮิคาวะกินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันไปแล้วก็จะสูญเสียสติสัมปชัญญะจนบ้าคลั่ง เมื่อตนปล่อยมือทำให้ฮิคาวะร่วงลงไปก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็บอกตัวเองในใจว่าต้องอดทน อย่าได้ปล่อยมือ ต้องพาฮิคาวะไปยังสถานที่รกร้างไร้ผู้คนแล้วฆ่าเขาซะ ตอนนี้เขาจำเป็นต้องทนไปก่อน มิฉะนั้นเกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงจะมีชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายมากมาย
ตอนนี้เอง สมาชิกหน่วยตรวจสอบที่อยู่บนพื้นที่ตรวจสอบกำลังใช้กล้องโทรทัศน์มองไปต้องนิ่งอยู่กับที่ด้วยท่าทีปากอ้าตาค้าง เนื่องจากเขาเห็นภาพที่ยากจะเชื่อภาพหนึ่ง บนท้องฟ้าของเมืองหลวงมีคนสองคนกำลังบิน คนหนึ่งคว้าไหล่อีกคนหนึ่งเอาไว้ อีกทั้งพวกเขายังสู้กันไม่หยุด รุนแรงเป็นอย่างมาก นี่เหนือกว่าจินตนาการของคนธรรมดาอย่างเขาไปแล้ว ครึ่งค่อนวันกว่าจะได้สติกลับมา รีบโทรไปรายงานเบื้องบน
“ช่วยชีวิตคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับแก ทิ้งชีวิตตัวแกเอง โง่จริงๆ!” ฮิคาวะซัดหมัดโจมตีไปยังหน้าอกของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมา
อั่ก!
“พวกเขาไม่ใช่คนไม่เกี่ยวข้อง พวกเขาเป็นคนชาติเดียวกัน ล้วนเป็นคนจีนเหมือนกัน ฉันเชื่อว่าถ้าเป็นพวกเขาก็คงทำแบบนี้!” เย่เทียนเฉินมองไปยังฮิคาวะด้วยท่าทีแน่วแน่ จะอย่างไรก็ยังจับฮิคาวะไม่ยอมให้เขาตกลงไป
…………………………….