เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 457 ฮิคาวะรุนแรงจริงๆ
“แกแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ควรจะบุ่มบ่ามแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าฉันฮิคาวะ!” ฮิคาวะยังคงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างโกรธเคือง
“อะไรนะ หื่นวะ? ชื่อนี้แกเป็นคนตั้งเองเหรอ? คนประเทศชิบะอย่างแกจะน่าอายเกินไปแล้ว เรียกชื่อแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เรียกมา 30 ปี แกไม่อายรึไง อยากกระโดดตึกฆ่าตัวตายหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินพูดโดยไม่สนใจท่าทีของฮิคาวะ โดยสิ้นเชิง
ฮิคาวะมองไปยังเย่เทียนเฉิน แม้จะอารมณ์สงบนิ่งแต่การต่อสู้อันดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ จะมากจะน้อยก็ทำให้เขาประเมินความสามารถของเย่เทียนเฉินออกมาได้บ้าง ดังนั้นจึงพยายามทำให้อารมณ์ของตนสงบลง เตรียมโหมแรงฆ่าเย่เทียนเฉินเต็มกำลัง ส่วนคำพูดของเย่เทียนเฉิน ฮิคาวะย่อมฟังเข้าใจ เขาเรียนวัฒนธรรมของประเทศจีนตั้งแต่เล็กจะไม่เข้าใจความหมายแฝงของชื่อนี้ได้อย่างไร เพียงแต่ในประเทศชิบะ ชื่อฮิคาวะอย่างเขามีมากมาย ทั้งยังมีความหมายดี นี่ไม่อาจทำอะไรได้
เย่เทียนเฉินรู้ดีว่าฮิคาวะต้องการทำให้ตนอารมณ์เย็นลง ต้องทำแบบนี้ถึงจะลงมือเต็มที่ได้ ไม่เสียชื่อยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจริงๆ ร้ายกาจเป็นอย่างมาก เมื่อครู่ตอนที่ตนถือกระบี่ไท่อาและใช้เคล็ดวิชาเทพท่องที่เถียนปอกวงถ่ายทอดให้ตนก็ยังไม่สามารถฆ่าฮิคาวะได้ นับว่ามีคุณสมบัติให้ยโสโอหังจริงๆ
“แกคิดว่าเมื่อกี้ฉันลงมือเต็มที่แล้วเหรอ? ฉันจะบอกแกให้ ตอนนี้ต่างหากที่ฉันจะลงมือเต็มที่ แกต้องตาย!” ฮิคาวะมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างดุดัน
“จะพูดจาไร้สาระมากมายทำไม? พวกสารเลวอย่างพวกแกมีดีแต่ปากรึไง?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“แก…รนหาที่ตาย!”
ฉัวะๆๆ!
ฮิคาวะโกรธเป็นอย่างมาก ฟาดฟันดาบออกไปสามกระบวนติดต่อกัน ปราณดาบปะทุรุนแรง แตกต่างจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้โดยสิ้นเชิง ดูแล้วฮิคาวะไม่ได้โกหก เขาออมแรงไว้จริงๆ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาจึงต้องลงมือเต็มที่เร็วเช่นนี้
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว ดาบทั้งสามสายไม่เพียงแต่มีความรุนแรง แต่ยังฟุ้งกระจายไปด้วยพลังอันแปลกประหลาดอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่ไท่อาในมือขวาของเย่เทียนเฉินก็เริ่มสั่น ทำให้เย่เทียนเฉินต้องชะงักไป ขาซ้ายที่วางอยู่บนยอดไม้ขยับเล็กน้อย ส่งร่างทะยานขึ้นไป ไม่ได้รับปราณดาบทั้งสามโดยตรง
ตู้มๆๆ!
ปราณดาบทั้งสามสายล้วนโจมตีถูกยอดไม้ สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงก็คือปราณดาบทั้งสามสายที่ฮิคาวะฟาดฟันออกมาโจมตีถูกยอดไม้เท่านั้น แต่ต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุ 100 ปีต้นนี้กลับระเบิดเป็นผุยผงตั้งแต่ยอดยันปลาย น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เห็นได้ว่าหลังจากที่ปราณดาบโจมตีถูกยอดไม้ก็ระเบิดลมปราณดาบออกมามากมาย ฟาดฟันตั้งแต่ยอดไม้ไปจนถึงราก จนกระทั่งต้นไม้ใหญ่ที่หนึ่งคนโอบไม่หมดถูกฟันจนกลายเป็นผง กระทั่งพื้นดินก็เกิดเป็นหลุมใหญ่ลึกหลายเมตร ปราณดาบทั้งสามทรงอำนาจและแปลกประหลาดจริงๆ
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินเพิ่งจะคิดสิ่งที่ตนรู้ขึ้นมาได้ ในตอนที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวทำสงครามรุกรานก็เคยมาที่ประเทศจีนเช่นกัน พวกเขาคิดจะใช้วิธีการประลองวรยุทธมาทำลายความเชื่อของประชาชนชาวจีน ไหนเลยจะรู้ว่าจะพบกับเส้าหลินและบู๊ตึ๊งขัดขวาง การประลองรอบสุดท้ายคือการสู้กันระหว่างสำนักโฮคุชินอิตโตริวและเพลงดาบไท่จี๋ของบู๊ตึ๊ง แต่ละฝ่ายต่างสูญเสีย ไม่อาจพูดได้ว่าบู๊ตึ๊งชนะสำนักโฮคุชินอิตโตริว และไม่อาจกล่าวได้ว่าสำนักโฮคุชินอิตโตริวชนะบู๊ตึ๊ง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงโอหังขึ้นมานานแล้ว การประลองในครั้งนั้นผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริวและผู้อาวุโสของสำนักบู๊ตึ๊งต่างก็ตายทั้งคู่ บาดเจ็บล้มตายกันทั้งสองฝ่าย
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เมื่อกล่าวถึงเพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็เป็นที่รู้จักในหมู่พรรควรยุทธโบราณของประเทศจีน พวกสารเลวของประเทศชิบะน่าแค้นใจจริงๆ และสมควรตายมากด้วย เพียงแต่ส่วนที่ร้ายกาจของพวกเขาก็ยังต้องยอมรับ ควรค่าให้พวกเราเรียนรู้ เช่นนี้จึงจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างแท้จริง ทำให้พวกเขาไม่กล้ามาโจมตีอีก
ฮิคาวะคือยอดฝีมือรุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว ฝึกฝนเพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจนถึงขั้นกลางแล้ว เรียกได้ว่าร้ายกาจเป็นอย่างมาก กระทั่งใครหลายคนในสำนักก็คาดเดาได้ว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็คือฮิคาวะ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ร้ายกาจที่สุดในสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่ก็อายุน้อยที่สุด ผู้อาวุโสระดับสูงเหล่านั้นแม้จะมีความสามารถแข็งแกร่งแต่ก็ชรามากแล้ว ไม่อาจรับผิดชอบตำแหน่งเจ้าสำนักได้อีก ดังนั้นเมื่อนับไปนับมาคงต้องเป็นของฮิคาวะแล้ว
“มิน่าล่ะกระบี่ไท่อาถึงได้สั่น จะไม่ให้ฉันเข้าปะทะกับปราณดาบทั้งสามนั่นเอง…”
เย่เทียนเฉินคิดในใจ ไม่ใช่ว่ากระบี่ไท่อารับปราณสังหารที่ปะทุออกมาเช่นนั้นไม่ได้ แต่เป็นตัวเย่เทียนเฉินที่รับไม่ไหว ถึงแม้กายเนื้อของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ปราณดาบทั้งสามล้วนเป็นสิ่งที่ถูกโจมตีออกมาจากเพลงดาระดับสูงของสำนักโฮคุชินอิตโตริว มิใช่เพียงแค่ปราณดาบสามสายธรรมดาเช่นนั้น แต่มันยังแฝงไปด้วยพลังเล็กละเอียดจำนวนหนึ่ง เมื่อสิ่งใดถูกโจมตีด้วยปราณดาบทั้งสาม มันก็จะระเบิดอย่างรุนแรงและกลืนกินสิ่งนั้นเข้าไปจนกระทั่งถูกทำลายเป็นผุยผง ร้ายกาจและโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
“หลบเข้าไป แกหลบได้หรือ? ฉันจะทำให้แกเสียใจที่มาหาเรื่องฮิคาวะอย่างฉัน!”
ฮิคาวะบ้าไปแล้วโดยสิ้นเชิง เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินไม่กล้ารับปราณดาบของตนโดยตรงก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเต็มเปี่ยม คิดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเย่เทียนเฉินจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย จะหลบไปได้อีกสักกี่กระบวนท่ากัน?
ฉัวะๆๆ …เงาร่างของฮิคาวะเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พริบตาเดียวภายในระยะหนึ่งพันเมตรรอบๆ ก็เต็มไปด้วยปราณดาบของเขา ลมปราณอันบ้าคลั่งที่ปะทุทั้งยังมีปราณดาบที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผุยผงทำให้เย่เทียนเฉินต้องขมวดคิ้ว เพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวย่อมมีกระบวนท่าสังหารที่รุนแรงมาก เพียงแต่ฮิคาวะไม่ได้ใช้ ดูแล้วคงจะเก็บเอาไว้ หากไม่สามารถทำให้คนคนนี้แสดงฝีมือเต็มที่ เช่นนั้นก็ไม่อาจคาดเดาความสามารถของเขาได้ หากจะฆ่าเขาคงเป็นเรื่องยาก
“ฮ่าๆๆ เป็นไง? ไม่สู้แล้วเหรอ? แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน รอแกตายซะก่อน ฉันจะเสพสุขกับผู้หญิงของแก แล้วจะส่งพ่อแม่และน้องสาวของแกตามไปอยู่กับแกด้วย!” ฮิคาวะเห็นเย่เทียนเฉินยืนอยู่กับที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนก็คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ในตอนนี้เย่เทียนเฉินอยู่ในสถานการณ์อันตรายจริงๆ แล้ว ในระยะพันเมตรรอบตัวเขาต่างเต็มไปด้วยปราณดาบที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นผุยผงได้ ต้นไม้ใบหญ้าถูกพัดไปตามลม ยังไม่ทันเข้ามาใกล้ก็ถูกฟันจนแหลกไม่มีอะไรหลงเหลือ อากาศรอบๆ ต่างก็ถูกฟันจนเกิดรอยแยกเล็กๆ เพียงแต่ไม่นานก็ผสานกันอย่างรวดเร็ว ขอบเขตนั้นบีบเข้ามาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็รวมเข้ามาที่เย่เทียนเฉิน
มือของเย่เทียนเฉินกำกระบี่ไท่อามองไปรอบด้าน ไม่ว่าจะบนล่างซ้ายขวาต่างก็เต็มไปด้วยปราณดาบอันบ้าคลั่งรุนแรง ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผุยผง ปราณดาบนี้เหมือนกับคมมีดอันคมกริบ ดูผิวเผินมีพลังน้อยแต่กลับมีจำนวนมากกว่าพันมากกว่าหมื่นจนนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คนตกใจจริงๆ
“ย้าก!”
เสียงหนึ่งดังขึ้น เย่เทียนเฉินตวัดกระบี่ไท่อาออกไป ปราณกระบี่พุ่งโจมตีไป กระบี่ไท่อาเป็นหนึ่งในสิบกระบี่บรรพกาล เป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ ต่อให้ปราณดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะร้ายกาจขนาดไหนก็ไม่สามารถหยุดปราณกระบี่ของกระบี่ไท่อาได้ พริบตาเดียวก็ถูกฟันจนเกิดช่องว่าง เย่เทียนเฉินจึงรีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว หากไม่ออกไปจากขอบเขตของปราณดาบก็จะไม่สามารถลงมือกับฮิคาวะได้ และจะไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
ฉัวะ!
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะพุ่งออกไป ฮิคาวะก็ขวางอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดด้วยรอยยิ้มมั่นใจและดุดันเต็มใบหน้า “แกติดกับแล้ว ไปตายซะ!”
ตู้ม!
“ดาบโฮคุชินฮิตโตริว!”
ฮิคาวะตะโกน มือทั้งสองกำดาบทหารสไตล์ชิบะของตน ฟาดฟันลงไปยังเย่เทียนเฉินดาบหนึ่ง ปราณดาบอันใหญ่ยักษ์ถูกฟาดฟันออกไปแล้วจึงระเบิดออกเมื่อถูกเย่เทียนเฉิน ปราณดาบที่ยาวหลายสิบจั้งฟาดฟันไปที่ศีรษะของเย่เทียนเฉิน หากเป็นคนธรรมดาเกรงว่าคงตกใจตายไปแล้ว ไหนเลยจะยังกล้าลงมือตอบโต้ เย่เทียนเฉินกลับชะงักไปครู่หนึ่ง ความสามารถของฮิคาวะอย่างน้อยก็อยู่ในระดับนักรบราชันขั้นกลาง สูงกว่าตนเล็กน้อย ถ้าไม่ลงมือเต็มที่ ไม่ใช้พลังในขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุด ไม่ใช้พลังการต่อสู้ข้ามขั้น ก็ยากที่จะฆ่าคนคนนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตวิญญาณของเย่เทียนเฉินพลันสั่นไหว มองเห็นปราณดาบอันใหญ่ยักษ์ฟาดฟันลงมาโดยตรงจึงรีบบังคับกระบี่ไท่อาให้ขวางอยู่เหนือศีรษะ ในขณะเดียวกันก็กำหมัดทั้งสองแน่น พลังสายฟ้าลุกโชน หมัดอัสนีสวรรค์พุ่งออกไปปะทะเข้ากับปราณดาบอันใหญ่ยักษ์
ตู้ม!
พลังปะทะกัน เกิดระเบิดจนมีควันหนาบดบังเย่เทียนเฉินเอาไว้ เพียงไม่นานเย่เทียนเฉินก็ถูกพลังโจมตีจนกระเด็นกลับไปทางกรงตาข่ายของปราณดาบอันบ้าคลั่ง จากนั้นจึงถูกพวกมันโจมตีอีกครั้ง บนใบหน้าของฮิคาวะเกิดรอยยิ้มโหดเหี้ยม นี่คือวิธีต่อสู้ของเขา เริ่มจากใช้เพลงดาบขั้นสูงของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทำให้ในอากาศเต็มไปด้วยปราณดาบสังหาร ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผุยผง ส่วนตัวเขาก็อยู่ด้านนอก หากเย่เทียนเฉินกล้าพุ่งออกมาเขาก็จะใช้พลังอันแข็งแกร่งโจมตีกลับไปจนสามารถฆ่าศัตรูได้ ถึงแม้จะคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะอาศัยหมัดเปล่าๆ ทั้งสองขวางดาบของตนไว้ได้ แต่ฮิคาวะก็ยังตื่นเต้นมากเนื่องจากวิธีต่อสู้ของเขาประสบความสำเร็จ เย่เทียนเฉินถูกซัดกลับไปยังกรงตาข่ายที่เกิดจากปราณดาบ ตอนนี้ขอบเขตกรงตาข่ายที่เกิดจากปราณดาบหดเล็กลงหลายเมตร เย่เทียนเฉินเพิ่งจะถูกโจมตีจนกระเด็นกลับไปก็ต้องส่งเสียงกรีดร้องออกมา ถูกปราณดาบที่มีนับพันนับหมื่นสายโจมตีจนแหลก
“ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย นี่คือจุดจบที่กล้ามาท้าทายฉันฮิคาวะ!” ฮิคาวะเห็นเย่เทียนเฉินถูกฟาดฟันจนแหลกก็หัวเราะออกมา
กระบวนท่านี้ร้ายกาจมากจริงๆ และเป็นกระบวนท่าที่ฮิคาวะใช้โจมตีสังหารหลายครั้ง เมื่อเผชิญหน้ากับปราณดาบอันแข็งแกร่งที่ปะทุออกมาเช่นนี้ย่อมมีน้อยคนที่จะกล้ารับตรงๆ จนกระทั่งเมื่อโจมตีจนมีช่องว่างแล้วหนีออกมาได้ ฮิคาวะก็จะขวางอยู่ด้านนอกแล้วใช้เคล็ดวิชาของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอันแข็งแกร่งโจมตีศัตรูกลับไปอีกครั้ง ถึงตอนนั้นก็จบแล้ว หากจะหนีก็ซัดคนกลับไปอีก พริบตาเดียวก็ถูกปราณดาบฟาดฟันจนแหลก
“หือ?”
ทันใดนั้นฮิคาวะก็ตื่นตะลึงจนต้องขมวดคิ้ว รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวรอบๆ เย่เทียนเฉินที่ถูกปราณดาบปกคลุมและฟาดฟันไปแล้ว ในยามนี้กลับไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่น้อย มีเพียงเศษดินเศษหญ้าที่ปลิวว่อนอยู่ในอากาศ…
—————————-