เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 415 เย่เทียนเฉินปะทะเถียนปอกวง
เถียนปอกวงก่นด่าเย่เทียนเฉิน เนื่องจากเย่เทียนเฉินเป็นคนฉวยเอาครั้งแรกของตงฟางเมิ่งไป สองคนนี้ยังไม่ทันได้พบหน้า เถียนปอกวงก็เริ่มด่าเย่เทียนเฉินแล้ว เย่เทียนเฉินจะรู้สึกหนาวหูหรือเปล่า?
ในขณะนี้ เถียนปอกวงที่มีโทสะคับฟ้า ก่นด่าว่าไอ้สารเลวตัวไหนที่มันแย่งชิงครั้งแรกของผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าและบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนหยกอย่างตงฟางเมิ่งคนนี้ไป ขณะเดียวกันเขาก็บ้าคลั่งขึ้นมา ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายสีเงิน จ้องใบหน้างดงามและรูปร่างสมบูรณ์แบบของตงฟางเมิ่งไม่หยุด น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่ร่อมร่อ เขาใช้มือฉีกเสื้อผ้าบนร่างของตน ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยแผล ดูท่าทางหลายปีที่เขาขืนใจผู้หญิง เถียนปอกวงก็ได้รับโทษมาไม่น้อย สีหน้าดูโหดเหี้ยมขึ้นมา ท่าทางเช่นนั้นราวกับต้องการกระทำกับตงฟางเมิ่งอย่างดุดันอย่างไรอย่างนั้น
ในตอนนี้ ตงฟางเมิ่งนอนอยู่บนเตียงหิน จุดชีพจรบนร่างถูกสกัดเอาไว้จึงไม่สามารถขยับได้โดยสิ้นเชิง เธอกับหลี่ชิวสุ่ยก็เป็นเช่นเดียวกัน ถูกเถียนปอกวงสกัดจุดชีพจรเอาไว้ โดยมีเขาเป็นผู้ควบคุม แต่ตงฟางเมิ่งเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยแข็งกร้าว เรื่องของเธอกับเย่เทียนเฉิน จะมากจะน้อยก็ยังมีความรู้สึกที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง หากต้องขึ้นเตียงกับผู้ชายที่ไม่ได้รักยังเจ็บปวดยิ่งกว่าตายเสียอีก ดังนั้นตงฟางเมิ่งจึงลอบฝืนโคจรพลังภายในร่างกาย ต่อให้ต้องตัดชีพจรทั่วทั้งร่างจนเกิดพลังภายนอกไหลเวียนเข้ามาและธาตุไฟเข้าแทรกจนตายก็ต้องทำลายการสกัดชีพจรให้ได้ จะไม่ยอมถูกเถียนปอกวงที่เป็นโจรชั่วดูหมิ่น
“คนสวย ไม่ต้องกลัว ฉันมาแล้ว!” เถียนปอกวงยิ้มอย่างหื่นกระหาย จ้องมองไปที่หน้าอกของตงฟางเมิ่งแล้วพูดขึ้น
“ศิษย์น้องเล็ก เธอก็เสพสุขไปให้ดีเถอะ พี่เถียนเคยขึ้นเตียงกับผู้หญิงมามากแล้ว ฝีมือคนเตียงต้องร้ายกาจแน่นอน อย่าให้พี่เถียนผิดหวังล่ะ!” หลี่ชิวสุ่ยยิ้มอย่างโหดเหี้ยม มองไปยังตงฟางเมิ่งที่อยู่บนเตียงแล้วพูดขึ้น
“หุบปาก รอให้ฉันจัดการคนสวยนี่ก่อนแล้วฉันจะไปจัดการกับเธอต่อ เธอรอฉันก่อน!” เถียนปอกวงหันไปตะโกนใส่หลี่ชิวสุ่ยอย่างดุดัน
น้ำเคยถูกคนอื่นปฏิเสธแบบนี้เมื่อไหร่กัน? เจ้าโจรลามกคนนี้มีชีวิตจนเบื่อแล้วจริงๆ ขอเพียงเธอขยับได้ จะต้องทำให้เถียนปอกวงกลายเป็นกองเลือดแน่นอน
เถียนปอกวงเดินเข้าหาตงฟางเมิ่งทีละก้าว ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าทั้งหมด ท่อนล่างสวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวหนึ่ง หากจะพูดให้ชัดเจนเสียหน่อยก็คือ พรรควรยุทธโบราณเหล่านี้สืบทอดกันมาหลายพันปี ถึงแม้จะไม่ได้แย่งชิงกับโลกภายนอกแต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นจากโลกภายนอกอย่างแท้จริง เถียนปอกวงแต่งตัวค่อนข้างทันสมัย ถักเปียเล็กๆ ไว้เคราเล็กน้อย มีหนวดอยู่รอบปาก เหมือนกับโจรปล้นธนาคาร ดูท่าทางเขาจะแต่งตัวตามลักษณะและความต้องการของโจรปล้นธนาคารแน่นอน
“สาวสวย…ฉันมาแล้ว…”
จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า ในตอนที่เถียนปอกวงเตรียมจะโถมตัวเข้าหาตงฟางเมิ่ง ตงฟางเมิ่งเองก็คิดจะตัดความรับรู้ของตน เตรียมจะฝืนทะลวงการสกัดจุดชีพจรนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังสนั่น ฝาของโลงศพหินที่อยู่ด้านข้างปลิวกระเด็นออกมาในชั่วพริบตา มีคนคนหนึ่งลุกขึ้นจากด้านใน เถียนปอกวง ตงฟางเมิ่งและหลี่ชิวสุ่ยต่างมองไปด้วยความตื่นตะลึง มีเพียงตงฟางเมิ่งที่เผยสีหน้ายินดีออกมาจนเกือบจะร้องไห้ เมื่อเธอรู้ว่าเย่เทียนเฉินยังไม่ตาย ในใจของเธอก็รู้สึกดีใจจริงๆ
“สหาย ผู้หญิงเตียงคุณแตะต้องไม่ได้ ที่นี่มีผู้หญิงสองคน มีผู้ชายสองคน พวกเราแบ่งกันคนละคนเป็นไง?” เย่เทียนเฉินถือกระบี่เซวียนหยวนอยู่ในมือ มองไปยังเถียนปอกวงแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“แม่งเอ้ย คิดว่าตัวเองเป็นใคร กล้ามาแอบดูอยู่ในโลงศพ แล้วยังกล้ามาแบ่งผู้หญิงกับฉันเถียนปอกวงอีก รนหาที่ตาย!” เถียนปอกวงตะโกนด่าเย่เทียนเฉิน สวมเข็มขัดที่กางเกงของตนอีกครั้ง มือขวาจับดาบตัดฟืนที่อยู่ด้านข้าง
เย่เทียนเฉินเองก็ชะงักไป จากนั้นจึงมองไปยังหลี่ชิวสุ่ยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เถียน เรื่องของผู้ชายกับผู้หญิงต้องมีความยินยอมต่อกันถึงจะดีที่สุด เย็นชาแบบนี้คงไม่มีความรู้สึกใช่หรือเปล่า? คุณดูผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงหินนั่นสิ ถึงจะสวยเหมือนนางฟ้าแต่ไม่มีความหมายอะไรกับพี่เถียนหรอก นิ่งเย็นขนาดนั้น เหมือนกับหมาตายตัวหนึ่ง จะไปสนุกอะไร? ไม่สนุกหรอก แต่คุณดูผู้หญิงคนนั้น ทรวดทรงองค์เอว ทั้งสายตานั้น ทั้งนิสัยไร้ยางอาย ถ้าผู้ชายได้ลิ้มลองจะต้องมีความสุขแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ตงฟางเมิ่งก็จ้องเขาอย่างดุดัน ในใจคิดว่า เจ้าโง่นี่ไม่ตายก็บุญแล้ว พอออกมาได้ ประโยคแรกที่พูดก็กล้ามาว่าฉันเป็นหมาตาย ฉันไม่จบกับนายแน่
หลี่ชิวสุ่ยเองก็มองไปที่เย่เทียนเฉินด้วยความตื่นตะลึง เธอคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะยังไม่ตาย ยิ่งไปกว่านั้นยังกล้าพูดเช่นนี้กับตน หลี่ชิวสุ่ยโกรธจนกัดฟัน ถ้าไม่ใช่ว่าเธอถูกสกัดจุดชีพจรจนขยับไม่ได้คงลงมือสังหารเย่เทียนเฉินไปแล้ว
ซู่ม!
รวดเร็วดุจเสียงคำรามของสายฟ้า เพียงพริบตาเดียว ที่ที่เถียนปอกวงเคยอยู่ก็หลงเหลือไว้เพียงเงา ฟาดฟันดาบตัดฟืนในมือไปยังเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็ว เย่เทียนเฉินเองก็ตื่นตะลึง ความเร็วของเถียนปอกวงคนนี้จะเร็วเกินไปแล้วจริงๆ ได้รับฉายาว่าเคล็ดวิชาเทพท่องโดดเดี่ยวหมื่นลี้ย่อมสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ฉัวะๆๆ … ประกายดาบกระพริบอยู่ในห้องหินไม่หยุด เย่เทียนเฉินตวัดกระบี่เซวียนหยวนในมือเข้าขวาง ถึงแม้พลังอำนาจของกระบี่เซวียนหยวนจะยิ่งใหญ่ แต่เขาเพิ่งจะกำราบมันได้ ไม่สามารถใช้พลังอำนาจของมันได้ตามใจ ทำได้เพียงใช้เหมือนกระบี่ธรรมดาเท่านั้น ความเร็วของดาบเถียนปอกวงโด่งดังในโลกของวรยุทธโบราณมาก รวดเร็วดังภาพลวงตา เขาอาศัยเพลงดาบที่รวดเร็วและเคล็ดวิชาเทพท่องปั่นป่วนโลกของวรยุทธโบราณ เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือชั้นยอด มิฉะนั้นโจรชั่วอย่างเขาคงถูกไล่ฆ่าไปแล้ว ไหนเลยจะมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้
ในตอนที่เถียนปอกวงและเย่เทียนเฉินต่อสู้กันด้วยดาบและกระบี่จบ เย่เทียนเฉินก็ยังไม่ถูกฆ่า เถียนปอกวงเองก็ยังไม่ถูกฆ่า ตงฟางเมิ่งและหลี่ชิวสุ่ยเบิกตามองคนทั้งสองด้วยความตื่นตะลึง
“ไม่เลวๆ ดูท่าทางแกก็เพิ่งจะอายุไม่เกิน 20 ถึงกับสามารถรับเพลงดาบที่รวดเร็วของฉันได้เลย!” เถียนปอกวงพูดอย่างจริงจัง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ดูอายุน้อยขนาดนี้ พลังบ่มเพาะกลับไม่ต่ำต้อย เพลงดาบที่รวดเร็วของตนมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยปกติทุกครั้งที่ตวัดดาบจะทำให้ศีรษะของผู้อื่นต้องตกสู่พื้น เย่เทียนเฉินรับไปอย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 10 กระบวนท่า เมื่อดูจากอายุและพลังบ่มเพาะของเขา ภายในโลกของวรยุทธโบราณแห่งนี้คงหาคนเช่นเขาออกมาได้ไม่กี่คน
“แกเองก็ไม่เลว ดูแล้วคงอายุไม่เกิน 30 ปี ถึงกับสู้กับฉันได้ นับว่าแกร้ายกาจ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
“ฮ่าๆๆๆ แกดูเสื้อผ้ากับกางเกงของตัวเองเถอะ…” เถียนปอกวงพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง
เย่เทียนเฉินไปมองไปยังเถียนปอกวงอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายลอบโจมตีตน แต่ในตอนที่เขาเห็นเสื้อผ้าและกางเกงของตนก็ยังอดไม่ได้ที่จะลอบตื่นตะลึงในใจ รู้สึกชื่นชมเพลงดาบอันรวดเร็วของเถียนปอกวงขึ้นมา ความสามารถของโจรชั่วคนนี้แข็งแกร่งมาก เหนือกว่าตนเองเสียอีก หากต้องการช่วยตงฟางเมิ่งออกมาจากมือของเถียนปอกวงคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
หลังประกายดาบประกายกระบี่เมื่อครู่นี้จบ ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะรับดาบอันว่องไวของเถียนปอกวงได้หลายกระบวนท่า แต่เสื้อและกางเกงของเขาก็ถูกเพลงดาบอันรวดเร็วของเถียนปอกวงฟันขาด ตอนนี้บนร่างสวมผ้าขาดๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น ดูผิวเผินเหมือนขอทาน โดยเฉพาะกางเกงตรงเป้า หากไม่ใช่ว่ามีผ้าหลงเหลืออยู่ชิ้นหนึ่งคงโผล่ออกมาดูโลกแล้ว
“หึ นี่จะนับเป็นอะไรได้ เมื่อกี้แกก็แค่ลอบโจมตี ถ้ามีความสามารถก็มาสู้กับฉันอีก 300 กระบวนท่าสิ!” เย่เทียนเฉินออกมาจากโลงศพหิน แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดอย่างไม่ยอมแพ้
เถียนปอกวงมองเย่เทียนเฉิน แย้มยิ้มเล็ก น้อยวางดาบตัดฟืนของตนไว้ด้านข้าง จากนั้นจึงมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างไม่พอใจ พูดด้วยท่าทีหยอกล้อ “แกเข้ามาก่อนแล้วฉันค่อยหยิบกระบี่เป็นไง?”
“แกจะต่อให้ฉันหรือไง? ใครอยากให้แกต่อให้ล่ะ…”
แม้ปากของเย่เทียนเฉินจะพูดแบบนี้ แต่ก็เคลื่อนไหวแล้ว พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้เถียนปอกวงตกใจจนตื่นตะลึง ท่าทางเขาจะเดาไม่ผิดจริงๆ ชายหนุ่มเบื้องหน้า ถึงแม้การบ่มเพาะจะไม่สูงส่ง แต่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด หากให้เวลาเติบโตเกรงว่าไม่กี่ปีก็คงเก่งกว่าตนแล้ว
เคร้ง!
เคร้ง!
เคร้ง!
เกิดประกายดาบประกายกระบี่อีกระลอกหนึ่ง เย่เทียนเฉินถูกโจมตีจนกระเด็นออกมา บนร่างเต็มไปด้วยบาดแผล มุมปากมีเลือดไหลออกมา เขาไม่ใช่คู่มือของเถียนปอกวง หากพูดถึงเรื่องพลังบ่มเพาะ เย่เทียนเฉินอยู่ในขั้นสูงสุดของพลังพิเศษขอบเขตจอมราชัน ส่วนเถียนปอกวงเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับนักรบจอมราชันขั้นต้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอยู่ในยุทธภพมานานหลายปี มีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงมากมาย โดยเฉพาะเพลงดาบอันรวดเร็วและเคล็ดวิชาเทพท่อง สองกระบวนท่านี้ กระทั่งปรมาจารย์ขอพรรคใดพรรคหนึ่งก็ยังรู้สึกรับมือได้ยาก ไหนเลยเย่เทียนเฉินจะเป็นคู่มือของเถียนปอกวงได้ การถูกอัดก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินถูกเถียนปอกวงถีบจนกระเด็นออกไป กระแทกกับกำแพงหินอย่างรุนแรง กระอักเลือดออกมาก่อนจะลุกขึ้นกุมหน้าอกของตน พลังบ่มเพาะของเถียนปอกวงอยู่เหนือกว่าเขาจริงๆ มิฉะนั้นเย่เทียนเฉินที่เพิ่งจะเปิดโลงศพหินออกมาคงพุ่งเข้าไปฆ่าเถียนปอกวงและช่วยตงฟางเมิ่งกลับมานานแล้ว ไหนเลยจะมาพูดจาไร้สาระกับเถียนปอกวงอีก
“ไอ้หนู แกไม่ใช่คู่มือของฉัน เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันเห็นว่าแกมีคุณสมบัติไม่เลว ฉันจะรับแกเป็นลูกน้องของฉัน เป็นไง?” เถียนปอกวงจงใจพูดจาหยอกล้อเย่เทียนเฉิน
“หึ แกชนะฉันแค่ครึ่งกระบวนท่าเท่านั้น ยังกล้ามาลำพองใจอะไรอีก รอดูฉันใช้เคล็ดวิชากระบี่สิบอักษรอันสวยงามเลิศหรูออกมาก่อนเถอะ แกจะได้รู้ว่าร้ายกาจเป็นยังไง!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ
“เคล็ดวิชากระบี่สิบอักษร? มีวิชากระบี่แบบนี้ด้วยเหรอ?” เถียนปอกวงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
“ชิ แกเรียนรู้วรยุทธมากี่ปีกัน จะรู้เรื่องมากน้อยขนาดไหนกันล่ะ? ไม่เคยได้ยินมาก่อนใช่หรือเปล่า? แต่งตัวห่วยเป็นบ้า!” เย่เทียนเฉินปักกระบี่เซวียนหยวนลงบนพื้น คิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยตงฟางเมิ่งออกมาได้ เขาไม่ใช่คู่มือของเถียนปอกวง ต่อให้ไม่ถูกฆ่าก็ไม่อาจมองดูตงฟางเมิ่งถูกเจ้าหมอนี่ทำให้อัปยศไปต่อหน้าต่อตาได้ ต้องถือโอกาสคิดหาวิธีให้ดี
“ปากแข็งนักนะไอ้หนู ครั้งนี้ฉันจะทำให้แกรู้ว่าเพลงดาบของปู่เถียนร้ายกาจขนาดไหน!” เถียนปอกวงมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างดุดัน
“เคล็ดวิชาดาบว่องไวบ้านแกสิ สู้หนึ่งในสิบของเคล็ดวิชากระบี่สิบอักษรของฉันไม่ได้หรอก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเถียนปอกวงอย่างไม่พอใจ
“ได้ งั้นก็ดูสิว่าเพลงกระบี่สิบอักษรของแกจะร้ายกาจ หรือเพลงดาบว่องไวของฉันจะฆ่าแกได้ก่อน…”
เคร้งๆๆ ดาบและกระบี่ปะทะกัน พลังบ่มเพาะของเย่เทียนเฉินสู้เถียนปอกวงไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงใช้วิธีการกระตุ้นเช่นนี้ ดูว่าจะทำให้เถียนปอกวงเผยจุดอ่อนออกมาหรือไม่ เขาอยากช่วยตงฟางเมิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
………………………..