เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 278 ไปมณฑลชวน ทำลายล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยน
เสี่ยวชิง ชื่อเต็มๆ ก็คือหลีเสี่ยวชิง เคยเป็นภรรยาน้อยของหลี่เถี่ยซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่มอำนาจใต้ดินแห่งเมืองหลวง แต่ความจริงเป็นสายลับที่ตระกูลฉินส่งมาอยู่ข้างกายหลีเถี่ย เพื่อที่จะจับตาดูเขา ตอนนั้นเย่เทียนเฉินไม่ได้ฆ่าเสี่ยวชิง เพราะเขารู้สึกว่าบนร่างของเสี่ยวชิงไม่มีไอสังหาร และหลีเสี่ยวชิงยังเป็นผู้มีพลังพิเศษประเภทภาพลวงตาอีกด้วย ผู้มีพลังพิเศษสายนี้ในช่วงยุคสิ้นโลกก็ปรากฏออกมาน้อยมาก ในโลกนี้ก็ยิ่งน้อยเข้าไปอีก ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงปล่อยเสี่ยวชิงไป
คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณและยอดฝีมือแห่งโลกผู้มีพลังพิเศษที่อู๋เสวี่ยรับสมัครมา จนสามารถก่อตั้งเป็นกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ได้ จะมีหลีเสี่ยวชิงสมัครเข้ามาด้วย และกลายเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงจริงๆ จะอย่างไรเขากับเสี่ยวชิงก็นับว่าเป็นคนรู้จักกันมาก่อน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เสี่ยวชิงจะกลายมาเป็นลูกน้องของตน และเข้าร่วมกับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์
“วางใจเถอะ ฉันจะไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาพวกคุณแน่!” หลีเสี่ยวชิงพูดอย่างมีเสน่ห์
“ไม่แน่นอน ผู้มีพลังพิเศษประเภทภาพลวงตาอย่างเธอเข้าร่วมมาด้วย ฉันเชื่อว่าจะต้องมีประโยชน์อย่างมากแน่นอน!” เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้า
หลี่เสี่ยวชิง เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เธอมีส่วนที่ไม่เหมือนกับผู้หญิงสวยคนอื่นๆ นั่นก็คือเธอมีเสน่ห์และเซ็กซี่เป็นอย่างมาก รู้ว่าผู้ชายต้องการอะไร ชอบอะไร และสามารถเกลี้ยกล่อมได้ ยิ่งไปกว่านั้นเคล็ดวิชาภาพลวงตาของเธอก็แข็งแกร่งมาก เพียงแต่กลับต้องมาพบกับเย่เทียนเฉินที่เป็นผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขั้นสูง มิฉะนั้นเมื่อวันนั้นเย่เทียนเฉินคงไม่สามารถกำจัดเคล็ดวิชาภาพลวงตาของเสี่ยวชิงได้ ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินเชื่อว่า เคล็ดวิชาภาพลวงตาของเสี่ยวชิงจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามวันเวลาที่ผ่านไป และยังพัฒนาขอบเขตไปอีกด้วย
เมื่อเห็นเสี่ยวชิง ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้เย่เทียนเฉินจินตนาการไปว่า หากเคล็ดวิชาสะกดใจแห่งพรรควรยุทธโบราณของฉินเหยาเยว่มาดวลกับเคล็ดวิชาภาพลวงตาที่เป็นพลังพิเศษของเสี่ยวชิง ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?
การก่อตั้งกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอำนาจของเย่เทียนเฉินอย่างไม่ต้องสงสัย จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปทำทุกเรื่องด้วยตัวเองแล้ว ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำให้เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่มากขึ้นที่จะต่อต้านตระกูลใหญ่และอำนาจใหญ่ต่างๆ และฟื้นฟูตระกูลเย่ขึ้นมา
ในใจของเย่เทียนเฉินยังมีเรื่องมากมายที่อยากจะทำ กลับไปแก้แค้นให้เพื่อนพ้องที่ตายไปที่ดาวสิ้นโลก ตามหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เคยมีอยู่บนโลกเพื่อจะไปยังดาวจักรพรรดิ ตามหาเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ สิ่งเหล่านี้เขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งอยากจะทำ และเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ เพียงแต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องฟื้นฟูตระกูลเย่ขึ้นและก่อตั้งกลุ่มอำนาจของตนก่อน ผลักดันให้ตระกูลเย่ไปถึงระดับที่คนอื่นไม่กล้าหาเรื่องง่ายๆ เขาจึงจะจากไปได้อย่างวางใจ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพ่อแม่และน้องสาวของตนอีก
“ดี คืนนี้พวกเราจะออกเดินทางไปมณฑลชวน!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างแน่วแน่
ตระกูลเซวียนเยวี๋ยน เป็นตระกูลที่ปิดซ่อนตัวตนและทรงพลังมาก ในตระกูลของพวกเขามียอดฝีมือชั้นสูงที่เหนือชั้นอยู่คนหนึ่ง เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ชอบเป็นฝ่ายถูกกระทำ หากถูกกระทำก็ต้องตอบโต้ หากต้องการหยุดยั้งการแก้แค้นของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ก็จำเป็นต้องลงมือโจมตี ทำให้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนถูกกำจัดไปอย่างสิ้นซาก
“ไปมณฑลชวน?” อู๋เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะชะงักไป เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย
ยอดฝีมืออีกสิบสองคนที่เหลือต่างก็มองเย่เทียนเฉินอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว ถึงกับพูดว่าจะไปมณฑลชวน ออกเดินทางตอนกลางคืน ลูกพี่เย่เทียนเฉิน คงไม่ใช่เดินทางในความฝันหรอกนะ?
เย่เทียนเฉินมองไปยังท่าทางสงสัยของทุกคนแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ฟังไม่ผิดหรอก ไปมณฑลชวน ที่นั่นมีการต่อสู้ครั้งแรกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราอยู่ ฉันบอกพวกแกได้เลยว่า การต่อสู้ในครั้งนี้พวกเราจะพบกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บางทีอาจจะมีคนตายก็ได้ อยากได้ลำพองใจไป!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน อู๋เสวี่ยและอีกสิบสองคนไม่เพียงแต่จะไม่กลัว กลับกระตือรือร้นขึ้นมาด้วยซ้ำ พวกเขาแต่ละคนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง ต่างมีความปรารถนาอยู่กับตัวและมีความสามารถที่แข็งแกร่ง พวกเขาไม่หวาดกลัวความตายมานานแล้ว สิ่งที่น่ากลัวก็คือจะไม่มีการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน นี่จึงจะเป็นจุดที่ทำให้พวกเขารับไม่ได้มากที่สุด
“ดี ไปมณฑลชวนไปต่อสู้ครั้งแรกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเรา ทำให้โลกเบื้องหน้าและเบื้องหลังรู้ถึงการก่อตั้งของสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเรากันเถอะ!” หวังเจี๋ยพูดอย่างกระตือรือร้น
“วางใจเถอะ การต่อสู้ในวันข้างหน้ายังมีอีกมาก ฉันหวังว่าทุกคนจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ รอดูความรุ่งโรจน์ของสิบสามจ้าวสวรรค์!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
เวลาประมาณตีสอง เครื่องบินเที่ยวพิเศษลำหนึ่งบินขึ้นจากเมืองหลวง ไม่กล่าวไม่ได้ว่าในสังคมปัจจุบันนี้ ถ้ามีเงินก็สามารถทำได้ทุกอย่าง เย่เทียนเฉินมอบเงินให้กับสนามบินไปห้าล้าน เพื่อจะได้รับบริการเที่ยวบินพิเศษที่บินขึ้นคืนนี้ในทันที ประมาณสองชั่วโมงกว่า เครื่องก็ลงจอดที่เมืองเอกของมณฑลชวน รถสีดำสามคันออกเดินทางจากเมืองเอกของมณฑลชวน มุ่งหน้าไปยังทะเลซือไห่ของ รถที่อยู่คันแรกสุดมีเย่เทียนเฉินนั่งอยู่ ส่วนหวังเจี๋ยนั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ โดยมีอู๋เสวี่ยเป็นผู้ขับรถด้วยตัวเอง รถสีดำคันหลังอีกสองคันก็แบ่งไปนั่งคันละห้าคน ขับตามกันมาติดๆ สิบสามจ้าวสวรรค์มุ่งหน้าไปยังทะเลซือไห่เพื่อกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแล้ว
“พี่ใหญ่ ผมซื้อคฤหาสน์เรียบร้อยแล้วนะครับ บริเวณชานเมืองทิศตะวันออกมีเขตคฤหาสน์ใหญ่อยู่เขตหนึ่ง มีคนอยู่อาศัยน้อย หลังจากที่ผมดูภูมิประเทศแล้ว ก็เลือกคฤหาสน์หลังที่อยู่ลึกที่สุด ด้านข้างมีทะเลสาบเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง เงียบสงบเป็นอย่างมาก ยามปกติไม่มีใครไป!” อู๋เสวี่ยขับรถไปพลางพูดพลาง
“อืม เลือกที่แบบนี้ก็ดีสุดแล้ว จะได้หลีกเลี่ยงคนมาลอบโจมตี และทำให้คนธรรมดาได้รับบาดเจ็บ!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“จ่ายเงินทั้งหมดไปหนึ่งร้อยล้าน ผมไปกู้ยืมมาด้วย…” อู๋เสวี่ยพูดเสียงเบา
“อะไรนะ? หนึ่งร้อยล้าน…”
ชั่วขณะนั้นเย่เทียนเฉินแทบจะแหลกสลาย เขาสั่งให้อู๋เสวี่ยไปหาคฤหาสน์ และต้องหาที่เงียบสงบสักหน่อย เป็นตำแหน่งที่ในยามปกติไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆ คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะจ่ายออกไปหนึ่งร้อยล้านภายในเวลาชั่วพริบตา
“พี่ใหญ่ คฤหาสน์หลังนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นคฤหาสย์ที่จัดเตรียมเอาไว้เพื่อให้เศรษฐีใหญ่เลี้ยงดูคนรักโดยเฉพาะ รอบๆ ไม่มีคฤหาสน์อื่นอยู่เลย เรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์โดดเดี่ยวและหรูหรามาก ห้องฟิตเนส สระน้ำ รวมไปถึงสนามบาสล้วนมีทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ใกล้กับทะเลสาบเล็กๆ นั่นย่อมมีทิวทัศน์งดงามแน่นอน พอบอกว่าราคาหนึ่งร้อยล้านผมคิดสักพักก็ตอบรับทันที!” อู๋เสวี่ยพูดเสียงเบา
เย่เทียนเฉินมองอู๋เสวี่ย ทอดถอนใจอย่างหดหู่ ซื้อก็ซื้อไปแล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก? เพียงแต่คิดว่าวันหน้าคงไม่อาจให้อู๋เสวี่ยที่พึ่งพาไม่ได้คนนี้ไปซื้ออะไรให้อีกแล้ว คฤหาสน์หลังละหนึ่งร้อยล้าน บอกจะซื้อก็ซื้อ ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนเองจะเป็นประธานคณะกรรมการแห่งเครือไห่หวางซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน แต่เพียงพริบตาเดียวก็จะออกไปหนึ่งร้อยล้านแล้ว สำหรับคนที่ขี้งกอย่างเย่เทียนเฉินเรียกได้ว่าปวดใจเป็นอย่างมาก
“ช่างเถอะ รอให้ฉันกลับไปเมืองหลวงก่อน ฉันค่อยย้ายเข้าไป พวกแกหลายคนก็ไปอยู่ด้วยกันกับฉันเถอะ มีเรื่องอะไรจะได้ปรึกษากันให้ดี!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วทอดถอนใจออกมาอย่างหดหู่
“ครับพี่ใหญ่!” อู๋เสวี่ยตอบกลับอย่างระมัดระวัง ในตอนที่เขาซื้อก็บุ่มบ่ามไปบ้าง จากนั้นเมื่อคิดดูก็พบว่าจ่ายเงินออกไปหนึ่งร้อยล้านในชั่วพริบตา รู้สึกพูดไม่ออกเลยจริงๆ
“รอให้ไปถึงทะเลจำลองซือไห่ก่อน ฟ้าก็คงจะสว่างแล้ว แกกับหวังเจี๋ยรับผิดชอบจัดการคนอื่นๆ ตอนกลางวันพวกเราจะไปเที่ยวที่ทะเลซือไห่ ตอนกลางคืนก็จะมาอีกครั้ง คราวนี้พวกเราจะกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อนุญาตให้ประสบความสำเร็จเท่านั้น ไม่อนุญาตให้แพ้ สงครามครั้งแรกของสิบสามจ้าวสวรรค์จะต้องชนะ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเข้มงวด
“พี่ใหญ่? พะ พวกเราจะไปกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเหรอครับ?”
อู๋เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ก่อนหน้านี้นอกจากเย่เทียนเฉิน พวกเขาก็ไม่มีใครรู้ว่าเดินทางไปที่มณฑลชวนเพื่อทำภารกิจอะไร แต่ทุกคนก็มีกฎเกณฑ์และระเบียบอย่างมาก ในเมื่อจะติดตามเย่เทียนเฉินแล้ว ก็จะเชื่อฟังคำสั่งอย่างแน่วแน่ สิ่งที่ไม่ควรถามก็จะไม่ถาม ทำงานไปอย่างจริงจังก็พอแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะไปกำจัดตระกูลกาก
“ตระกูลเซวียนเยวี๋ยน? นี่ไม่ใช่ตระกูลในโลกเบื้องหลังเหรอ? ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่ที่ไหน หรือว่า…” หวังเจี๋ยเองก็เลยถามออกมาอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้ว สงครามครั้งแรกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราก็คือกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่เป็นตระกูลแห่งโลกเบื้องหลัง ตอนนี้ฉันบอกกับพวกแกได้ว่า ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่ที่ทะเลจำลองซือไห่แห่งมณฑลชวน ในส่วนลึกของทะเลจำลองซือไห่มีเกาะอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นเป็นเกาะทะเลทรายตามธรรมชาติ ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนก็อยู่บนนั้น ฉันสืบมาได้ว่า ทะเลจำลองซือไห่ก็เป็นธุรกิจของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน พวกเขาต้องการที่จะขยายกิจการของตระกูลและเพื่อปิดบังตัวตนให้ดี!” เย่เทียนเฉินพูดพลางพยักหน้า
อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยทั้งสองต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักทะเลจำลองซือไห่ของประเทศจีน แต่ดูเหมือนว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าทะเลจำลองซือไห่นี้จะเป็นกิจการของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนซึ่งเป็นตระกูลแห่งโลกเบื้องหลังที่ปิดบังตัวตน ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเซวียนเยวี๋ยนยังซ่อนตระกูลของตนเอาไว้ที่เกาะทะเลทรายในส่วนลึกที่สุดของทะเลจำลองซือไห่ นี่จะต้องใช้ฝีมือขนาดไหนกัน? เท่านี้ก็สามารถเห็นได้แล้วว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแข็งแกร่งมาก กำลังพล กำลังทรัพย์ กำลังสิ่งของ ต่างมีครบครัน
“พี่ใหญ่ ผมได้ยินว่ายอดฝีมือในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะไม่ได้โลดแล่นอยู่ในลงเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่หลายคนก็ได้ยินว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเตรียมจะเปิดเผยตัวตนสู่โลกภายนอกอีกครั้ง!” อู๋เสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“อืม คงจะเป็นแบบนั้นแหละ ไม่งั้นคงไม่ส่งเซวียนเยวี๋ยนเถิงและเซวียนเยวี๋ยนอวี่ไปเรียนที่เมืองหลวงหรอก!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนต้องเก็บซ่อนตัวตนเพราะอำนาจของรัฐบาล ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว รัฐบาลเองก็แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนกลับต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนออกมา ท่าทางจะมีความเป็นไปได้อยู่แค่สองอย่าง อย่างแรกก็คือมีคนของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่ในเหล่าบุคคลระดับสูงของรัฐบาลแล้ว อย่างที่สองก็คือความสามารถของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนพัฒนามากขึ้น จึงเชื่อว่ารัฐบาลไม่กล้าแตะต้องพวกเขาง่ายๆ!” หวังเจี๋ยเป็นคนฉลาด เพียงไม่นานก็สามารถคาดเดาปัญหาที่มีได้
ตอนแรกเย่เทียนเฉินเองก็เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน โดยปกติการที่ตระกูลแห่งโลกเบื้องหลังของประเทศจีนต้องปิดซ่อนตัวตน ส่วนใหญ่เป็นเพราะอำนาจยิ่งใหญ่เกินไป จนคุกคามไปถึงความปลอดภัยของประชาชนธรรมดา รัฐบาลจึงต้องเข้ามาสยบ ดังนั้นจึงเลือกที่จะเก็บซ่อนตัวตน มีเพียงการที่พวกเขาปิดซ่อนตัวตนเท่านั้นรัฐบาลถึงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น จะอย่างไรหากต้องการกำจัดตระกูลใหญ่เหล่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ทำได้เพียงหาจุดสมดุลกันก็เท่านั้น
แต่ว่าตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่ธรรมดาทั่วไป ต่างก็แข็งแกร่งขนาดนั้นมาโดยตลอด หลังจากที่ผ่านการพัฒนามาหลายชั่วอายุคน ก็จะต้องมีความหยิ่งยโสอย่างแน่นอน ก็เหมือนกับคนคนหนึ่งที่มีความสามารถแข็งแกร่งมาโดยตลอด จนมีคู่ต่อสู้น้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็ค่อยๆ มีความยโสโอหังขึ้นมา โดยเฉพาะลูกหลานรุ่นหลังของพวกเขา ก็จะยิ่งบ้าอำนาจมากขึ้น เพียงแค่เปิดเผยตัวตนออกไปอีกครั้ง จะต้องส่งผลกระทบไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนธรรมดาแน่นอน
………….