เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 255 ไปเทียนซ่างเหรินเจียนอีกครั้ง
“พูดกับพี่ชายให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ?” เย่เทียนเฉินหลอกตาใส่น้องสาวแล้วเอ่ยถาม
“ฮี่ๆ ที่หนูพูดก็เป็นเรื่องดีๆ ทั้งนั้น พี่ดูสิว่าตอนนี้พี่สาวหรูเสวี่ยประคองพี่อยู่ พี่ดูสนุกจริงๆ เลยนะ!” เย่เชี่ยนเหวินส่งสายตาให้เย่เทียนเฉินพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายแล้วพูดขึ้น
ใบหน้าของฉีหรูเสวี่ยแดงระเรื่อเล็กน้อยแล้วรีบปล่อยเย่เทียนเฉิน จากนั้นจึงพูดด้วยความร้อนรนว่า “คุณน้า เชี่ยนเหวิน พวกคุณไม่เป็นไรใช่ไหม? เทียนเฉินบอกว่ากินเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าไปแล้วปวดท้อง พวกคุณล่ะคะ?”
“หือ? ก็ไม่เป็นอะไรนะ?” เย่เชี่ยนเหวินถามอย่างสงสัย
“เทียนเฉิน ลูกปวดท้องเหรอ? คงไม่ได้เป็นเพราะกินเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าหรอก พวกเราก็ไม่เห็นเป็นไรเลย?” หลัวเยี่ยนเองก็มองไปยังลูกชายด้วยความแปลกใจ
ตอนนี้เอง ฉีหรูเสวี่ยที่ฉลาดเฉลียวดูเหมือนจะได้สติกลับมาแล้ว คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปกำหมัดขาวนวลของตนอย่างแรง เย่เทียนเฉินจะต้องแกล้งตนแน่นอน หลอกให้ตนประคองเขากลับมาบ้านจากสถานที่ห่างไกลถึงขนาดนั้น น่ารังเกียจจริงๆ
ความจริงแล้ว ในตอนที่เย่เทียนเฉินบอกว่าท้องเสียประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉีหรูเสวี่ยก็รู้สึกสงสัยแล้ว สงสัยว่าคนคนนี้จะเสแสร้ง จะต้องหลอกตนแน่นอน แต่ตอนนั้นเย่เทียนเฉินแสดงละครได้เหมือนมาก รวมกับที่ตอนนั้นเธอถูกความรักที่มีต่อเย่เทียนเฉินบังตา เมื่อเห็นท่าทางยากลำบากของคนคนนี้ก็รู้สึกกังวลจนเชื่อ ตอนนี้เมื่อได้เห็นคุณน้าหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินไม่เป็นอะไร ถ้าเช่นนั้นยังจะมีอะไรต้องสงสัยอีก? จะต้องเป็นเย่เทียนเฉินหลอกตนแน่นอน
“เย่เทียนเฉิน…เจ้าบ้า…ฉันจะ…” ฉีหรูเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา คิดว่าตนเองถึงกับประคองคนคนนี้เดินมาจากสถานที่ห่างไกลขนาดนั้นเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังหนักเหมือนกับหมูอีกด้วย
ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่ฉีหรูเสวี่ยกำหมัดขาวนวล ทนไม่ไหวเข้าจริงๆ จนหันไปจะตีเย่เทียนเฉินนั้น เย่เทียนเฉินจะวิ่งออกไปที่ประตูคฤหาสน์ หายไปเรากับหมอกควัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเปิดประตูรั้วแล้วอีกด้วย
“เทียนเฉิน ดึกขนาดนี้แล้วรีบไปส่งหรูเสวี่ยกลับเถอะ!” หลัวเยี่ยนเอ่ยปากพูด
“แม่ครับ คืนนี้ก็ให้เธอพักอยู่ที่บ้านพวกเราเถอะ ผมยังมีธุระต้องไปทำเล็กน้อย คงจะกลับมาดึกหน่อยนะครับ!” เย่เทียนเฉินพูดพลางหัวเราะ
“หวา…พี่ พี่ถึงกับยอมให้พี่สาวหรูเสวี่ยมาค้างที่บ้านของเราเองเลย พี่นี่เป็นเจ้าพี่บ้าจริงๆ …” เย่เชี่ยนเหวินมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยท่าทางเวอร์วังแล้วพูดขึ้น
“ไปทางโน้นเลย เอาตามนี้แล้วกัน พี่ไปก่อนละ บายๆ!”
เย่เทียนเฉินพูดจบก็ไม่ให้หลัวเยี่ยน ฉีหรูเสวี่ยและเย่เชี่ยนเหวินได้มีโอกาสพูด รีบปิดประตูรั้วของคฤหาสน์แล้ววิ่งออกไป ทำให้พวกหลัวเยี่ยนทั้งสามยืนงงอยู่กับที่
จากคำพูดของฉีหรูเสวี่ย เธอไม่ได้คิดจะค้างคืนที่บ้านตระกูลเย่ในคืนนี้ ก่อนหน้านี้เธออยู่ที่บ้านตระกูลเย่มาเกือบหนึ่งเดือน เป็นเพราะต้องการหนีการแต่งงาน ต้องการหนีจากตระกูลที่จะให้เธอแต่งงานกับฉินเหิงให้ได้ แต่ตอนนี้แค่อยากมาพบหลัวเยี่ยนเพื่อตอบแทนบุญคุณ และอยากจะเห็นเย่เทียนเฉินสักหน่อย ดังนั้นการพักค้างคืนที่ตระกูลเย่ในตอนนี้กับการพักค้างคืนในตระกูลเย่เมื่อก่อนนั้นมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ ทำให้เธอรู้สึกเขินอาย ทั้งยังไม่เคยคิดมาก่อน
หลัวเยี่ยนเองก็เป็นเช่นนี้ เธอไม่ได้คิดจะให้ฉีหรูเสวี่ยอยู่พักค้างคืนที่บ้าน จะอย่างไรฉีหรูเสวี่ยก็เป็นคุณหนูสูงศักดิ์ของตระกูลฉี ถึงแม้เธอจะชอบฉีหรูเสวี่ยมาก กระทั่งในเรื่องของการเลือกลูกสะใภ้ก็ยังเอนเอียงไปทางฉีหรูเสวี่ย แต่จะอย่างไรลูกชายก็อาศัยอยู่ที่บ้าน เมื่อก่อนไม่มีทางเลี่ยง แต่ตอนนี้หากว่าให้ผู้อื่นมาอาศัยอยู่ที่บ้านคงยากจะหลีกเลี่ยงคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะเรื่องที่เย่เทียนเฉินแบกโลงศพไปก่อเรื่องที่ตระกูลฉินแพร่ออกไปแล้ว ดังนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงจึงพูดกันว่าเย่เทียนเฉินรักฉีหรูเสวี่ย จึงไปก่อเรื่องที่ตระกูลฉินโดยไม่เสียดายชีวิต
“เด็กคนนี้…หรูเสวี่ย ดึกขนาดนี้แล้ว หนูก็พักอยู่ที่บ้านสักคืนเธอ พักที่ห้องเดิมนั่นแหละ!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เอ๋? หนะ หนูขับรถกลับไปเองดีกว่า ไม่เป็นไรค่ะ!” ฉีหรูเสวี่ยหน้าแดง ถึงแม้มุมปากจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจก็รู้สึกดีใจมาก จะอย่างไรก่อนหน้านี้เย่เทียนเฉินก็ชอบไล่ตนไป หาได้ยากที่จะให้ตนเองพักอยู่ที่บ้านสักคืน
“พี่สาวหรูเสวี่ย พักอยู่ที่นี่เถอะค่ะ พวกเราจะได้พูดคุยกันได้ แม่ของหนูก็อยากให้พี่อยู่ พี่ชายหนูก็อยากให้พี่อยู่!” เย่เชี่ยนเหวินพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่ว่า…” ฉีหรูเสวี่ยยังรู้สึกเขินอายและรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง จะอย่างไรเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พอผู้ชายเอ่ยปากเรียกให้เธอพักอยู่ที่บ้านหนึ่งคืน จะมากจะน้อยก็ทำให้ผู้หญิงต้องเขินอาย แล้วทำให้คิดไปไกลอีกด้วย
“หรูเสวี่ย เอาตามนี้แล้วกัน หนูกับเชี่ยนเหวินไปคุยเล่นกันก่อน น้าจะไปทำผลไม้มาให้พวกหนู!”
สุดท้ายฉีหรูเสวี่ยก็รั้งอยู่ ความจริงแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกเขินอายและลำบากใจอยู่บ้าง แต่ในใจก็ยังรู้สึกดีใจ เพราะหาได้ยากที่เย่เทียนเฉินจะยอมให้ตนอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีความรู้สึกกับตนบ้างหรือ?
“พี่สาวหรูเสวี่ย พี่ชายของหนูอาจจะชอบพี่แล้วก็ได้?” เย่เชี่ยนเหวินจงใจพูดขึ้นพลางมองไปยังฉีหรูเสวี่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เด็กคนนี้นี่ พูดอะไรกัน เรื่องไม่เป็นเรื่อง…” ฉีหรูเสวี่ยหยิกเย่เชี่ยนเหวินอย่างแรง พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ฮี่ๆ พี่สาวหรูเสวี่ยเขินแล้ว!” เย่เชี่ยนเหวินหัวเราะร่าออกมา พูดหยอกล้อฉีหรูเสวี่ยต่อไป
“เด็กคนนี้นี่ วันๆ ไม่ตั้งใจเรียน เอาแต่ถามเรื่องของผู้ใหญ่ คอยดูเถอะว่าพี่จะจัดการเธอยังไง…”
ฉีหรูเสวี่ยและเย่เชี่ยนเหวินเอะอะกันขึ้นมา หลัวเยี่ยนที่เตรียมผลไม้อยู่ในครัวก็รู้สึกดีใจ ไม่ว่าจะอย่างไรลูกชายก็รั้งฉีหรูเสวี่ยให้อยู่ต่อ แสดงว่าเขาไม่ได้มีความประทับใจที่ย่ำแย่อะไรต่อฉีหรูเสวี่ย กลับกัน ที่ทั้งสองคนเจอหน้ากันก็ทะเลาะนั้น ในสายตาของคนนอกไม่แตกต่างอะไรจากคู่รักที่ทะเลาะเบาะแว้งกันเลย
“ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย หนูพูดความจริง หนูพูดความจริง…”
เย่เชี่ยนเหวินถูกฉีหรูเสวี่ยกดลงบนโซฟาแล้วจักจี้จนเกือบจะรับไม่ไหวแล้ว จึงรีบเอ่ยปากยอมแพ้ ฉีหรูเสวี่ยไม่สนใจ เชี่ยนเหวินเด็กคนนี้ เป็นคนร่าเริงมาโดยตลอด แต่จะอย่างไรก็ยังกล้ามาหยอกล้อตน ถ้าไม่จัดการให้ดีเธอก็จะไม่รู้จักคำว่าร้ายกาจ
“สำนึกผิดแล้วใช่ไหม หึ เด็กน้อย คอยดูเถอะว่าพี่จะลงโทษเธอยังไง!” ฉีหรูเสวี่ยยิ้มหวานไปพลางใช้มือจักจี้เย่เชี่ยนเหวินอย่างเอาจริงเอาจังไปพลาง
“อา…ฮ่าๆๆ ที่หนูพูดเป็นความจริงทั้งหมด พี่ดูสิเมื่อก่อนพี่ชายของหนูวันๆ ไม่อยากจะให้พี่อยู่ที่บ้าน ตอนนี้ถึงกับรั้งที่ให้อยู่ค้างคืนด้วยตัวเอง เปลี่ยนแปลงไปมากเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือในวันที่รู้ว่าพี่จะต้องหมั้นกลับฉินเหิง พี่ชายของหนูก็ขังตัวเองอยู่ในห้องหนึ่งวันเต็มๆ เลย…” เย่เชี่ยนเหวินถูกจักจี้จนรับไม่ไหว จึงพูดขึ้นพลางหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหยุดมือทั้งสองของตน ในใจรู้สึกซาบซึ้งใจ ตลอดมาเขาเธอคิดว่าเย่เทียนเฉินไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเธอ คนคนนี้ไม่เกลียดเธอก็บุญแล้ว จะมาชอบเธอได้อย่างไร? คิดไม่ถึงว่าในตอนที่รู้ว่าตนเองจะต้องหมั้นหมายกับฉินเหิง เย่เทียนเฉินจะถึงกับขังตัวเองอยู่ในห้อง
“จะ จริงเหรอ?” ฉีหรูเสวี่ยถามด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อเล็กน้อย
“จริงแท้แน่นอน ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามคุณแม่ได้เลย พี่สาวหรูเสวี่ยน ความจริงแล้วพี่ชายของหนูคนนี้ ถึงแม้จะอีคิวต่ำ กระทั่งอีคิวติดลบ เขาไม่รู้จักแสดงความรู้สึกของตนออกมา แต่ก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำมิตร ไม่งั้นคงไม่ไปก่อเรื่องที่ตระกูลฉิน ไปสร้างเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเพื่อพี่หรอกใช่ไหม?”
“อืม…งั้นน้องเชี่ยนเหวิน น้องบอกพี่เกี่ยวกับเรื่องของพี่ชายของน้องมากกว่านี้สักหน่อยเธอ พี่อยากจะฟัง!” ฉีหรูเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นหลัวเยี่ยนเองก็เดินออกมาพร้อมจานผลไม้ ผู้หญิงหน้าตาดีทั้งสามเริ่มพูดคุยกันด้วยความเบิกบานใจอีกครั้ง ส่วนหัวข้อสนทนาย่อมต้องเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินไม่น้อย ส่วนเย่เทียนเฉินในตอนนี้กลับขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่เท่ที่สุดของตนไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาจำเป็นต้องไป
เดิมทีเย่เทียนเฉินคิดว่าผ่านไปอีกหลายวันค่อยไปจัดการเรื่องนี้ แต่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนโจมตีมาอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เขาจำเป็นต้องลงมือให้เร็วหน่อย เขาคิดว่าหากเขาไม่จัดการเรื่องนี้ก่อนแล้วนำอู๋เสวี่ยและคนอื่นๆ ไปที่มณฑลชวนโดยตรงเพื่อไปกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนก่อนแล้วค่อยว่ากัน ก็เกรงว่าหลิ่วหรูเหมยจะรอจนร้อนใจ และอาจจะลงมือได้ หากถึงตอนนั้นก็แย่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาต้องการจะไปบอกคนพวกนั้นว่าตนเองกลับมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะจัดการคนเหล่านี้เลยก็เป็นได้
เทียนซ่างเหรินเจียน เป็นคลับที่ไม่มีใครในเมืองหลวงไม่รู้จัก ที่นี่ก็คือสวรรค์ มิเช่นนั้นคงไม่กล้าตั้งชื่อแบบนี้ กล่าวคือที่นี่มีแต่เรื่องที่คุณคิดไม่ถึง ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้ สุรนารีและการพนัน ความบันเทิงทุกอย่างล้วนมีครบครัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นระดับที่สูงที่สุดอีกด้วย
หลังจากที่เย่เทียนเฉินได้กลับมาเกิดใหม่และมาเทียนซ่างเหรินเจียนเป็นครั้งแรกก็อัดลั่วเหลยไปแล้ว เจ้าหมอนี่ถึงกับกล้าแพร่ข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงของตน มุ่งทำลายตระกูลเย่ เย่เทียนเฉินจึงลงมืออย่างรุนแรง ทำร้ายลั่วเหลยที่เทียนซ่างเหรินเจียนจนครึ่งเป็นครึ่งตาย ตอนนี้เขาไปที่เทียนซ่างเหรินเจียนอีกครั้ง แต่ไม่ได้ต้องการจะไปชั้นล่างสุด แต่ต้องการจะขึ้นไปชั้นสูงที่สุด
เทียนซ่างเหรินเจียนมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นแรกเป็นห้องคาราโอเกะ เรียกได้ว่าคนที่มีเงินมีอำนาจต่างก็เข้าไปได้ ส่วนชั้นที่สองจะค่อนข้างหรูหรา ดูเหมือนว่าหญิงขายบริการที่สวยที่สุดในเทียนซ่างเหรินเจียนต่างก็อยู่ที่ชั้นสอง ส่วนชั้นสามนั้นมีน้อยคนมากที่จะขึ้นไป นั่นเป็นสถานที่ที่เกรงว่าคนจากตระกูลใหญ่หรือข้าราชการใหญ่ๆ ในเมืองหลวงก็ยังยากที่จะเข้าไปได้ เนื่องจากชั้นสามทั้งหมดถูกพรรคคุณชายจองเอาไว้หมดแล้ว ถึงคุณจะมีเงินมีอำนาจ แต่พวกเขามีมากกว่าคุณ ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังของพวกเขาแต่ละคนต่างก็น่าตกใจ
วันนี้สถานที่ที่เย่เทียนเฉินจะเข้าไปก็คือเทียนซ่างเหรินเจียนชั้นสามที่คนมากมายไม่มีคุณสมบัติและไม่มีทางเข้าไปได้ พรรคคุณชายจองชั้นสามทั้งหมดเอาไว้หลายปีก่อนหน้านี้ นี่จึงเป็นสถานที่รวมตัวของพวกเขา ไม่มีคนนอกล่วงรู้ ดังนั้นจึงมีเพียงที่นี่ที่เย่เทียนเฉินจะสามารถรู้ข่าวที่เขาอยากจะรู้ได้ ไป๋อู่ที่เคยเป็นคุณชายเสเพลของตระกูลชั้นสามสามารถกลายเป็นลูกพี่ของพรรคคุณชายได้ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี ไม่อาจไม่กล่าวว่าคนๆ นี้ปิดซ่อนตัวตนได้ดีมาก กระทั่งเย่เทียนเฉินในสมัยก่อนก็มองเขาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขามาหาไป๋อู่ เพราะต้องการจะรู้เรื่องที่ตนกับหลิ่วหรูเหมยถูกวางแผนร้ายใส่เมื่อปีนั้นให้ชัดเจน ถ้าไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ชัดเย่เทียนเฉินก็ไม่วางใจ
…………………
Related