เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 23 ฉีหรูเสวี่ยถูกบีบบังคับ
ณ คฤหาสน์ตระกูลฉี ฉีหรูเสวี่ยกลับถึงบ้านแล้วแต่กลับถูกฉีชางเซิ่งผู้เป็นพ่อขวางไว้ และพาไปยังห้องโถงของตระกูลฉี ตอนนี้พวกลุงๆ อาๆ ของฉีหรูเสวี่ยต่างก็นั่งอยู่ที่นั่นกันแล้ว พวกเขาทุกคนได้ยินเรื่องที่ฉีหรูเสวี่ยฉีกหนังสือสัญญาถอนหมั้นและไม่ยอมถอนหมั้นกับเย่เทียนเฉินแล้ว เรื่องนี้ทำให้ตระกูลฉีช็อก โดยเฉพาะฉีชางเซิ่งผู้เป็นพ่อของฉีหรูเสวี่ยที่ได้รับคำตำหนิจากเหล่าพี่น้องและลุงๆ อาๆ ทั้งหลาย
“หรูเสวี่ย ทำไมลูกถึงไม่ถอนหมั้นกับเย่เทียนเฉิน?” ฉีชางเซิ่งกล่าวถามพลางมองลูกสาวด้วยความโกรธ
“พ่อ พวกพ่อไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เรื่องของหนู หนูจะตัดสินใจเอง อีกอย่างนี่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของหนู จะยังไงหนูก็ไม่ถอนหมั้นกับเย่เทียนเฉินแน่” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างดื้อรั้น
“ลูก…เพราะอะไรกัน? หรือว่าลูกรักเจ้าเย่เทียนนเฉินนั่นเข้าแล้ว?”
ฉีชางเซิ่งไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรฉีหรูเสวี่ยลูกสาวของตนจึงไม่ยอมถอนหมั้นกับเย่เทียนเฉิน ต้องทราบว่าเพื่อที่จะได้ถอนหมั้นกับตระกูลเย่ในครั้งนี้ ตระกูลฉีต้องใช้เงื่อนไขทั้งสองที่มีมูลค่ามหาศาลแลกมา ทั้งยังได้พูดคุยกับทางฝั่งของตระกูลฉินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าเดือนหน้าจะให้ฉีหรูเสวี่ยแต่งเข้าไปเพื่อกำหนดเรื่องนี้ให้เสร็จ ตระกูลฉีกับตระกูลฉินจะได้เริ่มต้นร่วมมือกันได้ แต่คิดไม่ถึงว่าพอจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ลูกสาวกลับไม่ยินยอมถอนหมั้นกับ เย่เทียนเฉิน นี่จะได้อย่างไรกัน??
“ไม่ใช่ หนูกับเย่เทียนเฉินเพิ่งจะเจอหน้ากันครั้งแรก และไม่ได้สนใจผู้ชายคนนี้เลยสักนิด ต่อให้เขาจะหล่อขนาดไหน แต่ก็ไม่พอที่จะทำให้หนูสนใจได้หรอก เพียงแต่ว่าเรื่องของหนูหนูจะตัดสินใจเอง หนูจะไม่ถอนหมั้นกับเย่เทียนเฉิน และจะไม่แต่งงานกับฉินเหิงตระกูลฉิน เรื่องมันก็ง่ายๆ แค่นี้” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
เมื่อได้ยินคำพูดของฉีหรูเสวี่ยผู้เป็นลูก ฉีชางเซิ่งก็โกรธจนแทบจะเป็นลม นี่มันไม่ใช่ว่าเป็นการทำให้ตนเองกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อหน้าเหล่าพี่น้องลุงอาทั้งหลายหรอกหรือ?
เดิมทีการที่ฉีชางเซิ่งได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลฉีก็มีพี่น้องลุงอาบางส่วนรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว และการถอนหมั้นกับตระกูลเย่และร่วมมือกับตระกูลฉินในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนตัดสินใจร่วมกันอย่างเป็นเอกฉันท์ กล่าวให้ชัดเจนก็คือ นี่ไม่ใช่เรื่องของฉีหรูเสวี่ยคนเดียว และไม่ใช่เรื่องที่ฉีชางเซิ่งจะสามารถตัดสินใจได้ แต่เกี่ยวโยงไปถึงความรุ่งเรืองของตระกูลฉีทั้งตระกูล การร่วมเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับตระกูลฉินมีผลดีมากมาย หากว่าทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ไม่เพียงแต่จะเป็นการล่วงเกินตระกูลฉิน สูญเสียผลประโยชน์มากมาย และยังทำให้ตระกูลฉีกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวงอีกด้วย
“น้องสาม ลูกสาวของนายคนนี้ต้องสั่งสอนให้ดีๆ หน่อยนะ!”
“หรูเสวี่ยถูกนายตามใจจนเสียคนแล้ว”
“การแต่งงานกับตระกูลฉินใกล้เข้ามาแล้ว คณะกรรมาธิการทหารก็ใกล้จะได้เวลาเลือกใหม่ เดือนหน้าจำเป็นจะต้องแต่งงานให้ได้”
ฉีชางเซิ่งยังไม่ได้พูดอะไร พวกลุงๆ อาๆ ของฉีหรูเสวี่ยก็เริ่มบีบบังคับ เนื่องจากการแต่งงานกับตระกูลฉินมีความเกี่ยวโยงถึงความรุ่งเรืองของตระกูลฉิน ถ้าหากว่าฉีหรูเสวี่ยไม่ตกลง ผลลัพธ์ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของตระกูลฉี
“หรูเสวี่ย ไม่ว่ายังไง ลูกก็จำเป็นต้องแต่งงานกับฉินเหิง” ฉีชางเซิ่งกล่าวเสียงเข้ม
“ไม่ หนูไม่เคยเจอหน้าผู้ชายคนนั้นเลยสักครั้ง หากว่าแต่งกับเขาไปทั้งอย่างนี้ หนูก็กลายเป็นสินค้าที่ถูกซื้อขายได้ตามอำเภอใจไม่ใช่เหรอไง? หนูไม่อยากจะเป็นเหยื่อสังเวยเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตระกูล!” ฉีหรูเสวี่ยพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง
เพียะ!
ฉีหรูเสวี่ยถูกตบหน้าเสียงดังเพียะ มองดูท่าทีเดือดดาลของพ่อของเธอ ดวงตาอันงดงามของฉีหรูเสวี่ยก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อไม่เคยตีเธอมาก่อน ครั้งนี้เพื่อที่จะบีบบังคับให้ตนแต่งงานกับตระกูลฉิน ถึงกับตบเธอเป็นครั้งแรก
“พ่อ พ่อ…” น้ำตาของฉีหรูเสวี่ยไหลลงมาไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก
“อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ เพราะฉันตามใจแกมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยทำให้แกไม่รู้จักเจียมตัวแบบนี้ เรื่องนี้ต่อให้แกไม่อยากตกลงก็ต้องตกลง ก็ตัดสินใจแบบนี้แล้วกัน!” ในใจของฉีชางเซิ่งเองก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยลงไม้ลงมือกับลูกสาวเลย คราวนี้เพื่อการแต่งงานกับตระกูลฉิน จำเป็นต้องใจแข็งสักหน่อย
ฉีหรูเสวี่ยตกตะลึงอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด เธอเจ็บปวดใจมาก คิดไม่ถึงว่าพ่อที่ตามใจเธอมาตลอด จะลงไม้ลงมือกับเธอ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ไม่สนใจความสุขชั่วชีวิตของเธอ ใช้อำนาจบีบบังคับให้เธอต้องแต่งงานเข้าตระกูลฉิน นี่เป็นการเห็นความสุขของเธอเป็นของเด็กเล่นไม่ใช่เหรอ?
ฉีหรูเสวี่ยก็เป็นเช่นเดียวกับคนที่เกิดในตระกูลใหญ่ ตั้งแต่เด็กพบเห็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลมาไม่น้อย แต่ไม่มีสักคนเดียวที่มีความสุข จะอย่างไรก็คือคนสองคนที่ไม่มีความรู้สึกต่อกันเลยสักนิด แต่เพราะผลประโยชน์บางอย่างถูกรวมเข้าด้วยกัน ชีวิตของพวกเขาจะมีความสุขเหรอ?
ไม่ว่าเป็นเป็นผู้หญิงแบบไหน ในสมองของเธอก็มักจะมีความใฝ่ฝันดั่งเทพนิยายอยู่เสมอ ฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขกับคนรัก คลอดลูกสาวลูกชาย พบกับแสงแดดยามเช้า เดินเข้าสู่อาทิตย์ยามเย็น อยู่ด้วยกันจนกระทั่งแก่ตัวไปช้าๆ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
“หรูเสวี่ย ฉินเหิงเป็นคนไม่เลวนะ ภาพลักษณ์ก็ดูดีมีความสามารถ หนูจะไม่ลำบากแน่”
“ใช่แล้ว แต่งเข้าตระกูลฉิน ได้รับทั้งเกียรติยศและความมั่งคั่งไม่มีสิ้นสุด”
“ตระกูลฉีกับตระกูลฉินก็เหมาะสม จะไม่ทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมกับเธอหรอกหรูเสวี่ย ผู้อาวุโสตระกูลฉินเองก็เป็นผู้มีอำนาจด้วย”
“การแต่งงานของตระกูลฉีกับตระกูลฉินในครั้งนี้ พอจะพูดได้ว่าเป็นการร่วมมือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อิทธิพลของพวกเราทั้งสองตระกูลจะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น!”
เมื่อเห็นว่าเป็นตายอย่างไรฉีหรูเสวี่ยก็ไม่ยอมแต่งเข้าตระกูลฉิน อีกทั้งไม่ยอมถอนหมั้นกับเย่เทียนเฉิน พวกลุงๆ อาๆ ต่างก็เริ่มพูดจาหว่านล้อม ถึงที่สุดพวกเขาก็มีเป้าหมายอยู่เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็คือความรุ่งโรจน์ในด้านผลประโยชน์ และการได้รับผลประโยชน์ของพวกเขา
“หนูไม่ใช่พวกคุณ หนูจะไม่แต่งเข้าตระกูลฉิน แล้วก็ไม่ต้องการเกียรติยศความมั่งคั่งอะไรนั่นด้วย เพื่อประโยชน์ของตัวเองพวกคุณถึงกับผลักหนูเข้าไปในกองไฟ พวกคุณโหดร้ายเกินไปแล้ว!” ฉินหรูเสวี่ยตะโกนใส่ลุงๆ อาๆ เหล่านั้น
“ลูก…จะเป็นการผลักลูกเข้าไปในกองไฟได้ยังไง? ฉินเหิงแห่งตระกูลฉินเป็นคนมีความสามารถ เป็นไปได้สูงว่าจะได้เป็นคนใหญ่คนโต มีผู้อาวุโสตระกูลฉินอยู่ เส้นทางข้าราชการของฉินเหิงจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคอย่างแน่นอน ลูกแต่งเข้าตระกูลฉินยังไงก็ไม่ลำบาก” ฉีชางเซิ่งกล่าวพร้อมกับถอนหายใจครั้งหนึ่ง
“พ่อคะ ฉินเหิงเป็นคนยังไง พ่อก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ? เคยเข้าคุกเพราะคดีข่มขืน พ่อให้หนูแต่งงานกับคนแบบนี้ หนูจะไปมีความสุขได้ไง?” ฉินหรูเสวี่ยใจสลาย คนในครอบครัวกระทั่งพ่อของเธอต่างก็บีบบังคับ จะไม่ให้โกรธและเสียใจได้อย่างไร
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะ? แค่แต่งงานกับคนตระกูลฉินได้ ก็จะทำให้ตระกูลของพวกเรายกระดับขึ้นไปอีกขั้น นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” ฉีชางเซิ่งกัดฟันพูดเสียงดัง
“ไม่ ถ้าหากว่าจำเป็นต้องเลือก ต่อให้หนูต้องแต่งงานกับเย่เทียนเฉิน ก็ไม่แต่งให้ฉินเหิงเด็ดขาด!”
ฉีหรูเสวี่ยร้องไห้วิ่งออกไปจากห้องโถง ฉีชางเซิ่งสูดหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่ง เขาไม่คิดว่าลูกสาวจะดื้อรั้นเช่นนี้ ความจริงแล้วเหตุใดเขาจะไม่ทราบ ถ้าหากบอกว่าเย่เทียนเฉินเป็นลูกหลานไม่เอาไหน และเศษสวะ ถ้างั้นฉินเหิงแห่งตระกูลฉินก็เป็นไอ้ขี้คุก เป็นคนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์ หลายปีมานี้ทำแต่เรื่องชั่วๆ ในเมืองหลวง เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้ หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสตระกูลฉินมีอำนาจ ฉินเหิงคงถูกโทษยิงเป้าไปนานแล้ว
แต่ว่าการแต่งงานกับตระกูลฉินในครั้งนี้มีความเกี่ยวโยงถึงความรุ่งเรืองของตระกูลฉีทั้งตระกูล ไม่อาจไม่กล่าวว่าสำหรับตระกูลฉีแล้ว การที่แต่งงานกับตระกูลฉินได้เป็นโอกาสอย่างหนึ่ง ดังนั้นฉีชางเซิ่งจึงต้องอดกลั้นยอมทิ้งสิ่งที่รัก ส่งลูกสาวไปแต่งงานเข้าตระกูลฉิน
“น้องสาม น้องเห็นว่านี่…”
“ผมจัดการได้ บอกคนของฝั่งตระกูลฉินเถอะ เดือนหน้าเราจะทำการหมั้นหมายตรงเวลา เรื่องของการหมั้นหมายต่างๆ ทั้งหมดให้จัดการตามปกติ” ฉีชางเซิ่งเอ่ยขึ้น
ตอนนี้เย่เทียนเฉินได้ส่งน้องสาวกลับถึงโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ออกจากโรงเรียนมัธยมแห่งเมืองหลวง เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้กลับบ้าน แม้เฉินหาวจะถูกตนฆ่าไปแล้ว แต่พวกวัชพืชจำเป็นต้องถอนรากถอนโคนให้หมด เฉินหู่พ่อของเฉินหาวเป็นอันธพาลเจ้าถิ่นอยู่ที่เขตนี้ ฉายาไอ้หมาบ้า ได้ยินว่าเป็นคนสติไม่ดีคนหนึ่ง ทั้งปล้นฆ่าข่มขืน ไม่มีเรื่องชั่วใดๆ ที่มันไม่ทำในเขตนี้ ความสัมพันธ์กับอิทธิพลในโลกเบื้องหน้าของเมืองหลวงก็แน่นแฟ้น ดังนั้นจึงยังไม่ถูกจัดการ แต่ว่าครั้งนี้เฉินหาวกล้ามาลักพาตัวเย่เชี่ยนเหวิน กระตุ้นความโกรธของเย่เทียนเฉิน กำหนดไว้แล้วว่าสองพ่อลูกจะต้องตาย
ตอนที่เย่เทียนเฉินออกจากโรงเรียนมัธยมเมืองหลวงมานั้น ชายสองคนที่แต่งตัวธรรมดาๆ ก็ตามอยู่เบื้องหลังของเขาติดๆ ทั้งสองคนมองตากันครู่หนึ่ง พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วพากันตามต่อ
“ไม่คิดเลยว่าข้อมูลของชายคนนี้จะเอามาได้ยากเย็นแบบนี้ ได้ยินว่าหัวหน้ายื่นเรื่องไปยังเบื้องบน ยังรอการอนุมัติอยู่เลย”
“ไม่หรอกมั้ง ด้วยความสามารถของหัวหน้า หากต้องการหาข้อมูลของคนๆ หนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เจ้าหมอนี้มันเจ๋งขนาดนี้เลย?”
“หรือว่าหมอนี่มันตบตาคนทั้งเมืองหลวงจริงๆ ? จะพยายามเกินไปไหม แสร้งทำเป็นคนไม่เอาไหนกับเศษสวะมายี่สิบปี แค่ความอดทนนี้ก็น่านับถือแล้ว ”
“หึ ไม่ว่าจะยังไง ถ้าพวกเรามีโอกาสก็ต้องจัดการลงมือสั่งสอนมันสักหน่อย ให้มันรู้ถึงความร้ายกาจของพวกเรา อย่าให้หัวหน้าต้องผิดหวัง”
หลังจากที่ชายทั้งสองพูดคุยกันสองสามประโยคก็เดินแยกจากกัน ติดตามเย่เทียนเฉินจากคนละตำแหน่งเพื่อป้องกันการถูกค้นพบ
เย่เทียนเฉินยังไม่ได้ออกจากเขตนี้ แต่เดินเตร่อยู่รอบๆ ตลอด สิ่งที่เขาสัมผัสได้เยอะที่สุดก็คือพวกอันธพาลในเขตนี้ เนื่องจากเขากำลังฟัง ฟังว่าเจ้าอันธพาลเฉินหู่อยู่ที่ไหน หากเจ้าหมอนี่ไม่ถูกกำจัด เขาก็จิตใจไม่สงบ น้องสาวของเขาเย่เชี่ยนเหวินก็จะไม่ได้เรียนหนังสืออย่างวางใจ
เวลาสี่ทุ่มกว่า ภายในคฤหาสน์หลังหนึ่ง ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง สองตาแดงก่ำ มองไปเบื้องหน้าอย่างอาฆาตมาดร้าย ที่ด้านหน้าของเขามีปืนพกกระบอกหนึ่งวางเอาไว้ เขาไม่ได้จับปืนมาหลายปีแล้ว ดูเหมือนว่าคราวนี้จะจำเป็นต้องใช้
ในตอนบ่ายชายฉกรรจ์คนนี้ได้รับข่าวว่า ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาตายแล้ว ตายภายในโรงงานรกร้างบริเวณชานเมือง ตายเพราะเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด ชายฉกรรรจ์คนนี้ก็คือเฉินหู่พ่อของเฉินหาวนั่นเอง
“แม่งเอ้ย ใคร ใครฆ่าลูกชายของฉัน ฉันจะฉีกร่างมันออกเป็นชิ้นๆ ” เฉินหู่แผดเสียงคำรามออกมาด้วยใบหน้าดุร้าย
ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาก็คือผู้ช่วยที่มีความสามารถทั้งสาม และคนที่มีร้ายกาจที่สุด ฝีมือของทั้งสามล้วนยอดเยี่ยม ทั้งหมดถูกเฉินหู่เรียกมารวมตัวกัน ลูกชายตายแล้ว เขาจะต้องแก้แค้นให้อย่างแน่นอน
“พี่ใหญ่ ได้ข่าวว่าเสี่ยวหาวลักพาตัวเย่เชี่ยนเหวินลูกสาววคนเล็กของตระกูลเย่ จากนั้นก็ขู่ให้พี่ชายที่ชื่อเย่เทียนเฉินไปหา จากนั้นก็…” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เย่เทียนเฉิน? หรือมันจะเป็นคนฆ่าลูกชายของฉัน? เศษสวะกับคนไม่เอาไหนอย่างมัน สามารถเอาชนะชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนได้เหรอ? อีกอย่างเจ้าหน้าหนูก็อยู่ด้วย……” เฉินหู่กล่าวถามด้วยความสงสัย
………………………………….