เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 215 ความสามารถในการรักษาตนเองที่แข็งแกร่ง!
“อ๊าก!”
เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา ในตอนนี้เขานั่งอยู่ในถังไม้คนเดียวด้วยร่างกายเปลือยเปล่า รับรู้ได้ถึงไอเย็นที่แทบจะทำให้กระดูกถูกแช่แข็งซึ่งได้ลงไปถึงกระเพาะแล้ว
หากเขายังปล่อยให้หญ้าสยบกายาเดินเล่นไปทั่วเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเมื่อหญ้าสยบกายารับรู้ได้ว่าร่างแฝงใหม่นี้ไม่เหมาะสมกับมัน ก็จะวิ่งพล่านอย่างรุนแรง เมื่อถึงตอนนั้นอวัยวะภายในของเย่เทียนเฉินคงแหลกชิ้นๆ
ปัง! ปัง! ปัง! …
เสียงดังติดต่อกันหกครั้ง ประกายสีทองเล็กๆ ทั้งหกพุ่งจากด้านในทะลุไปด้านนอกของถังไม้ จนไปปักเข้ากับกำแพงทั้งหมด
นั่นเป็นเข็มทองซึ่งเป็นพลังพิเศษที่จางอีเต๋อใช้แทงทะลุเข้ามาในร่างกายของเย่เทียนเฉินโดยไร้รูปร่างเพื่อสกัดกั้นจุดลมปราณของเขาเอาไว้หลายจุด
ตอนนี้หญ้าสยบกายาเข้าไปในร่างกายของเย่เทียนเฉินแล้ว เขาจึงไม่ต้องการให้เข็มทองมาปิดจุดลมปราณอีกต่อไป เพราะจะทำให้เขาไม่สามารถรีดเร้นพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันย์ของตนออกมาได้ทั้งหมด
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังออกมาจากด้านในห้องยา ทุกคนในลานบ้านตระกูลจาง ไม่ว่าจะเป็นพวกของมู่หรงอวี๋ตู หรือว่าจะเป็นมือสังหารอีกสามคนที่เหลือ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางห้องยา พวกเขารู้ว่าด้านในจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้วอย่างแน่นอน
ฉัวะ!
มีเงาร่างสีดำพุ่งออกมาสายหนึ่ง เขาขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่กลางลานบ้านตระกูลจาง แผ่นหลังค่อนข้างจะค่อม ดูเหมือนจะเป็นชายชราคนหนึ่ง ดวงตาทั้งสองมองไปยังพวกของจางอีเต๋ออย่างโหดเหี้ยม ใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมพูดกับชายชุดดำร่างกำยำ
“กระทั่งมู่หรงอวี๋ตูก็ยังฆ่าไม่ได้ วันข้างหน้าสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราจะอยู่เหนือประเทศจีนได้ยังไง แกไปฆ่าไอ้หนูนั่นในห้องยาซะ ฉันจะฆ่ามู่หรงอวี๋ตูเอง…”
“ฆ่า!”
ชายชุดดำร่างกำยำได้สติกลับมาจึงตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง ดาบสไตล์ชิบะในมือตวัดฟันไปยังจางอีเต๋อ ในขณะเดียวกันก็พุ่งเข้าไปทางห้องยาโดยไม่สนใจอะไร เสียงตะโกนของเย่เทียนเฉินเมื่อสักครู่นี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดี ดูเหมือนว่าหญ้าสยบกายาจะถูกกำจัดไปแล้ว
จางอีเต๋อมีปฏิกิริยาว่องไว ในตอนนี้ก็ไม่กล้าเก็บออมพลังเอาไว้อีกแล้ว แสดงพลังความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมา เคลื่อนย้ายไปอยู่เบื้องหน้าของชายชุดดำร่างกำยำในเวลาพริบตาเดียว เขามีฐานะเป็นเซียนแพทย์เทวะ ย่อมรู้ว่าเสียงตะโกนของเย่เทียนเฉินมีความหมายว่าอย่างไร
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เย่เทียนเฉินจะกำจัดหญ้าสยบกายา ไม่สามารถให้คนอื่นเข้าไปรบกวนได้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ไหนเลยจะรู้ว่า จางอีเต๋อเพิ่งจะไปขวางหน้าชายชุดดำร่างกำยำ แต่กลับต้องเผชิญกับเงาดำสายหนึ่งที่คล้ายกับว่าจะตกลงมาจากฟากฟ้า ใช้เท้าเตะไปยังจางอีเต๋อทำให้เขาไม่สามารถหลบได้
พลั่ก!
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป จางอีเต๋ออยากหลบก็หลบไม่ได้ ทำได้เพียงใช้มือทั้งสองป้องกันเอาไว้ แต่ก็ยังถูกเตะกระเด็น เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำหลังค่อมที่ปรากฏตัวออกมาที่หลังสุดแข็งแกร่งมาก เป็นชายชราที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาส
“ยังไม่รีบไปอีก?”
ชายชุดดำหลังค่อมพูดกับชายชุดดำร่างกำยำอย่างเย็นชา
ชายชุดดำร่างกำยำที่มีปฏิกิริยากลับมาก็สะกิดเท้าพุ่งทะยานไปบนหลังคาห้องยาโดยตรง ดาบสไตล์ชิบะในมือขวาเปล่งประกายแปลกประหลาดท่ามกลางแสงจันทร์ ฟันฉัวะออกไปครั้งหนึ่งก็ทำให้กระเบื้องที่ใช้เป็นหลังคาห้องยาเกิดช่องใหญ่ กระโดดตีลังกาพุ่งหัวลงไปหวังฆ่าฟันในขณะที่มือขวายังคงถือดาบเอาไว้
“เสี่ยวซิน!”
มู่หรงอวี๋ตูเห็นชายชุดดำร่างกำยำที่แข็งแกร่งผู้นี้พุ่งเข้าไป คิดว่าจะต้องเป็นอันตรายต่อมู่หรงซินหลานสาวของตนเองอย่างแน่นอน จึงคิดจะพุ่งเข้าไปในห้องยาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“คุณปู่!”
มู่หรงซินปรากฏตัวที่บริเวณประตูห้องยา มองไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ในตอนที่เธอเห็นมู่หรงอวี๋ตู ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกม
“เสี่ยวซิน รีบมาหาปู่ เร็วหน่อย!” มู่หรงอวี๋ตูพูดเสียงดัง
มู่หรงซินที่ถูกเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในลานบ้านทำให้ตกใจนั้นรีบวิ่งไปอยู่ข้างกายของมู่หรงอวี๋ตู เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่จำได้ก็คือเย่เทียนเฉินและตนเองกอดกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่า และจุมพิตกัน น่าอับอายเป็นอย่างมาก
มิหนำซ้ำเธอยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกอันเสียดแทงกระดูกในร่างกายอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนว่าหญ้าสยบกายาจะออกไปจากร่างกายของเธอแล้ว เพียงแต่มู่หรงซินไม่รู้ว่าหญ้าสยบกายานี้ไปที่ไหนกันแน่!
“คุณปู่คะ หนูไม่เป็นไรแล้ว แต่พี่เย่เขา…”
ทันใดนั้นมู่หรงซินคิดถึงเย่เทียนเฉินขึ้นมา เมื่อสักครู่นี้ในตอนที่เธอเห็นเย่เทียนเฉิน เห็นว่าใบหน้าของเย่เทียนเฉินเดี๋ยวก็หนาวเย็นจนมีชั้นน้ำแข็งบางๆ เกาะจนกระทั่งคิ้วแข็ง อีกเดี๋ยวก็ร้อนดั่งพระอาทิตย์จนคล้ายกับจะถูกเผาไหม้ จะต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน
“หลานไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ปู่เชื่อว่าเด็กคนนั้นจะต้องไม่เป็นไรแน่!” มู่หรงอวี๋ตูเลยปากพูด
ทุกคนต่างก็มีความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวคือสัญชาตญาณของมนุษย์ ไม่ใช่ว่าการที่ทำอะไรก็คิดถึงตัวเองเป็นการเห็นแก่ตัว แต่หากทำเรื่องใดโดยที่ไม่ได้คิดถึงคนอื่น นี่จึงเป็นความเห็นแก่ตัว
มู่หรงอวี๋ตูเห็นว่าหลานสาวของตนไม่เป็นอะไรแล้วก็รู้สึกดีใจมาก เขาย่อมรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะเตกอยู่ในความอันตรายมากแค่ไหน นี่เป็นการใช้ชีวิตของตนมาแลกชีวิตกับมู่หรงซินซึ่งเป็นหลานสาวของเขา
เพียงแต่ตอนนี้มู่หรงอวี๋ตูก็ไม่สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น ถ้าหากเย่เทียนเฉินตายจริงๆ เขาก็จะทำให้ตระกูลเย่ได้ปีนป่ายจนสามารถเป็นตระกูลชั้นหนึ่งของเมืองหลวงได้ นี่นับว่าเป็นการชดเชยให้เย่เทียนเฉิน!
มู่หรงซินเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แม้ในใจจะเป็นห่วงเย่เทียนเฉินมากก็ตาม
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ก็คือคอยอธิษฐานอยู่ในใจ อธิษฐานให้เย่เทียนเฉินไม่เป็นอะไร
ตอนนี้เอง จางอีเต๋อและชายชุดดำหลังค่อมที่ปรากฏตัวออกมาเป็นคนสุดท้ายกำลังจ้องมองอีกฝ่ายในระยะที่ห่างกันไม่ถึงห้าเมตร สายตาของทั้งสองเต็มไปด้วยไอสังหาร
นี่เป็นการต่อสู้ถึงขั้นเป็นตาย ใครก็ไม่กล้าลำพองใจ
“คิดไม่ถึงว่าประเทศจีนจะมีผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งแบบแกซ่อนตัวอยู่ด้วย!”
คนชุดดำหลังค่อมมองจางอีเต๋อ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงด้านชาราวกับคนตาย
“หึ สิ่งที่แข็งแกร่งของจีนไม่ได้มีเพียงผู้มีพลังพิเศษ แต่ยังมียอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณอีกด้วย เมื่อปีนั้นสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริวของพวกแกสู้กับยอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณแห่งประเทศจีนของพวกเรา ก็ไม่เห็นว่าจะดีเด่อะไรเลย!” จางอีเต๋อแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
จางอีเต๋อเองก็เป็นคนที่เคยผ่านยุคแห่งสงครามมาแล้ว มีฐานะเป็นเซียนแพทย์เทวะ ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ย่อมรู้ถึงความลับเมื่อปีนั้น
ในตอนนั้นประเทศชิบะมารุกรานประเทศจีนของพวกเรา ยอดฝีมือทุกคนแห่งสำนักงานโฮคุชินอิตโตริวต่างก็มายังประเทศจีน เพื่อมาทำลายความมั่นใจในเคล็ดวิชาโบราณที่สืบทอดกันมากว่าห้าพันปีของประเทศจีนของพวกเรา ต้องการสั่นสะเทือนไปถึงรากฐาน ในขณะเดียวกันก็ขโมยวิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนไปด้วย
ในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ที่โหดร้ายหาใดเปรียบนั้น คนที่อยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้แห่งประเทศจีนก็เริ่มที่จะก่อสงครามกับสุนัขรับใช้แห่งประเทศชิบะ
ท่ามกลางการประลองที่ทั้งยุติธรรมและไม่ยุติธรรม แต่ละฝ่ายต่างมีการแพ้ชนะ ไม่กล่าวไม่ได้ว่าวิชาดาบแห่งสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริวของประเทศชิบะแข็งแกร่งมากจริงๆ จุดสำคัญก็คือความพิสดารที่ไม่สามารถใช้ตรรกะปกติมาอธิบายได้ ทว่ายอดฝีมือจำนวนหนึ่งของพรรควรยุทธโบราณก็เห็นความแปลกประหลาดมาจนเคยชิน ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปมาเห็นจะต้องตื่นตะลึงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
หากเทียบกับชายชุดดำร่างกำยำเมื่อสักครู่นี้ที่ใช้พลังทั้งหมดตวัดาบสไตล์ชิบะในมือออกไปจนเป็นเงาดาบ และเงาดาบนั้นก็แปรสภาพเป็นสสารที่แท้จริง พุ่งทะยานไปยังจางอีเต๋อหวังจะฆ่า กระทั่งอากาศก็ถูกฟันขาด ทั้งแข็งแกร่งและทรงอำนาจเป็นอย่างมาก
หากไม่ใช่ว่าจางอีเต๋อสามารถใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษเกราะเหล็กออกมาได้ในช่วงเวลาสำคัญ เกรงว่าจะต้องถูกฟันขาดจนเนื้อแหลกเป็นชิ้นจริงๆ แล้ว
“คนอย่างพวกแก วันนี้จะต้องตายแน่นอน ไม่งั้นจะต้องกลายเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ของสำนักดาบโฮคุชินอิตโตริวของฉัน!”
ในขณะที่ชายชุดดำหลังค่อมพูดออกมาก็ทำท่าทางแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง ยื่นแขนขวาของเขาออกมาเล็งไปยังจางอีเต๋อ
จางอีเต๋อเพิ่มความระมัดระวังขึ้นโดยไม่รู้ตัว กระตุ้นพลังพิเศษทั้งร่าง ชายชุดดำหลังค่อมคนนี้ทำให้เขารู้สึกแตกต่างออกไป ความสามารถเหนือกว่าชายชุดดำร่างกำยำมากนัก มิฉะนั้นคงไม่ปรากฏตัวออกมาทีหลังสุด และคงจะไม่ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งพูดกับชายชุดดำร่างกำยำ
“สำนักดาบโฮคุชินอิตโตริวของพวกแก เมื่อปีนั้นก็เอาชนะเคล็ดวิชาของประเทศจีนของพวกเราไม่ได้ ในอนาคตก็เอาชนะไม่ได้เหมือนกัน!” จางอีเต๋อพูดอย่างหนักแน่น
“งั้นก็ลองดู!”
ชายชุดดำหลังค่อมเพิ่งจะพูดจบ มือขวาของเขาก็ตวัดวาดกลางอากาศเบาๆ ทันใดนั้นมีคมดาบ เกือบสิบเล่มปรากฏขึ้นข้างกายซ้ายขวาของเขา
บนดาบแต่ละเล่มมีกะโหลกศีรษะอยู่ชิ้นนึง เมื่อมองแล้วทำให้รู้สึกน่าหวาดผวาเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่าหัวกระโหลกเหล่านั้นจะเคลื่อนไหวไปตามดาบ และจะพุ่งออกมากินคนอย่างไรอย่างนั้น
“เข้ามาเลย!”
จางอีเต๋อตะโกนเสียงดัง ปรากฏโล่เกราะเหล็กชิ้นหนึ่งบริเวณหน้าอก นี่เป็นสิ่งที่เกิดจากการรวบรวมพลังในวิชาสายโลหะของเขา แข็งแกร่งอย่างหาใดเปรียบ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่สามารถทำลายมันได้ อย่างน้อยก่อนหน้านี้ก็ยังไม่มีของมีคมและกระบวนท่าใดที่สามารถทำลายโล่เกราะเหล็กของจางอีเต๋อได้
ตู้ม!
คมดาบนับสิบเล่มอันแปลกประหลาดนั้นเคลื่อนไหวไปตามการฟาดฟันในมือขวาของชายชุดดำหลังค่อม ทั้งหมดเกิดเสียงเสียดแทงอากาศ พุ่งเข้าไปหวังฆ่าจางอีเต๋อ
ในขณะนั้นเอง จางอีเต๋อรู้สึกว่าเหมือนกับตนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของหัวกะโหลกเหล่านั้น หัวกะโหลกอันน่าสะพรึงกลัวบนคมดาบทั้งสิบกว่าเล่มก็คล้ายกับว่าจะพุ่งออกมาอย่างไรอย่างนั้น มีเงาของหัวกระโหลกพุงโจมตีเข้ามาเช่นนี้เอง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง ตู้ม!
คมดาบสามเล่มที่ปรากฏสัญลักษณ์หัวกะโหลกนั้นถูกโล่เกราะเหล็กของจางอีเต๋อทำลาย แต่โล่เกราะเหล็กของเขาก็แตกเป็นชิ้นๆ เช่นเดียวกัน ในขณะนั้นคมมีดที่เหลือก็โจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและรุนแรงมากขึ้น จางอีเต๋อหน้าเปลี่ยนสี คิดไม่ถึงว่าโล่เกราะเหล็กที่ไม่เคยถูกทำลายของตนจะถูกดาบหัวกะโหลกที่ไม่นับว่าร้ายกาจเหล่านี้ทำลายลงได้
ในขณะที่หลบนั้น ไหล่ซ้ายของจางอีเต๋อก็ถูกดาบหัวกระโหลกเล่มหนึ่งปักจนหมอกเลือดระเบิดออกมา ไหล่ซ้ายของเขาถูกเจาะทะลุ เลือดสดๆ ไหลออกมา ดูท่าทางน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เอง คมดาบหัวกะโหลกอีกเจ็ดเล่มที่เหลือก็ถูกชายชุดดำหลังค่อมเรียกกลับไปข้างกาย คมดาบหัวกระโหลกอันแปลกประหลาดทั้งเจ็ดเล่มนั้นคล้ายกับมีมนต์ขลัง สามารถโจมตีออกไปตามการเคลื่อนไหวในมือขวาของชายชุดดำหลังค่อม ทำให้ผู้คนต่างหวาดผวาเป็นอย่างมาก และทำให้ผู้คนไม่อาจป้องกันได้
“แกแข็งแกร่งมาก น่าเสียดายที่ต้องมาเจอฉัน ที่สำคัญที่สุดก็คือแกแก่กว่าฉันมาก!” ชายชุดดำหลังค่อมมองไปยังจางอีเต๋ออย่างเย็นชา
จางอีเต๋อพยายามลุกขึ้นมาจากพื้น ไหล่ซ้ายถูกคมดาบหัวกระโหลกเจาะทะลุจนเป็นรูใหญ่ เลือดไหลลงมาไม่หยุด แต่เขาก็ไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาทำเพียงแค่นำมือขวาไปจับที่แผลบริเวณไหล่ซ้ายเท่านั้น
ทีละเล็กทีละน้อย เลือดบริเวณบาดแผลของจางอีเต๋อหยุดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถเห็นได้ด้วยตาว่าบาดแผลสมานกันอย่างรวดเร็ว ทำให้ชายชุดดำหลังค่อมที่เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
เหตุการณ์นี้ช่างพิสดารจริงๆ บนโลกนี้ถึงกับมีคนที่มีความสามารถในการรักษาตัวเองที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วยหรือ!
……………..