เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 261 พ่อทูนหัวของกั่วกั่ว
ฉินเฟิงลงจากรถ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ หน้ากากปีศาจแยกเขี้ยว สีหน้าหม่นหมองและเคร่งเครียด ออร่าปีศาจปรากฏขึ้นในรัศมีสิบลี้ ทุกคนรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง เกิดความหวาดกลัว
พวกเขารู้ว่า Mr.X ได้มาถึงแล้ว
“Mr.X เจ้านายของพวกเราเชิญคุณขึ้นไปชั้นบน”
ผู้หญิงในชุดกี่เพ้า รูปร่างดี ท่าทางอ่อนหวาน เดินออกมาจากประตู เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจรอฉินเฟิงอยู่ที่นี่
“อืม”
ฉินเฟิงตามขึ้นไปชั้นบน
สถานที่จัดงานเลี้ยงเต้นรำนี้เป็นคฤหาสน์หลังเล็กๆ มีชั้นสองอยู่ด้านบน ตรงกลางแกะลายฉลุ สามารถมองเห็นด้านล่าง แต่ชั้นล่างมองไม่เห็นชั้นบน
มีกระดานเดินหมากอยู่ชั้นบน มันไม่ใช่หมากล้อม ไม่ใช่หมากรุก แต่เป็นหมากรุกทหาร
ทุกอย่างจัดวางพร้อมแล้ว
หน่วยทหารแต่ละเหล่าประจำที่แล้ว
“สวัสดี Mr.X”
มีชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่บนเก้าอี้ หล่อเหลาเอาการ เขาดูเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย ริมฝีปากแดง ฟันขาว ดวงตาระยิบระยับ ดูอ่อนวัยมาก ใครเห็นก็ไม่อยากฆ่า
แต่ฉินเฟิงสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจากชายคนนี้
เคยฆ่าคนมาเป็นจำนวนมาก
“ยมบาลเจียง?”
ฉินเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ผมเอง แต่ว่ายมบาลเจียงอะไรกัน ข้างนอกลือกันไปสุ่มสี่สุ่มห้าทั้งนั้น ไม่เป็นความจริง ความจริงผมเป็นคนดีคนหนึ่ง ดูหน้าผมสิ คุณก็รู้ว่า ผมเป็นคนยังไง ไม่ใช่เหรอ? จะดื่มโค้กหรือว่าสไปรท์? “
เจียงเจิ้นถามขึ้น
“ไม่เป็นไร”
แม้แต่ดวงตาของฉินเฟิงก็แปลกไปเล็กน้อย
เจียงเจิ้นไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ในตลาดก็ไม่มีใครกล้าขายข้อมูลเกี่ยวกับเขา มีคนรู้จักหน้าตาของเขาแค่ไม่กี่คน ไม่รู้ว่าที่จริงเขามีหน้าตาละเอียดอ่อนมาก
คนโง่ไม่มีพิษสง
สี่คำนี้เหมาะสมกับเขามาก
หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิงมาจากสนามรบ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ซ่อนอยู่ในตัวเจียงเจิ้นผู้นี้ ก็คงจะคิดว่ายมบาลเจียงนั้นเป็นคนโง่ไม่มีพิษสงจริงๆ
แต่พอมาคิดอีกที คนที่สามารถเป็นผู้นำของบอดี้การ์ดมังกรได้ จะเป็นคนโง่ไม่มีพิษสงได้อย่างไร
ฆ่าคนมาก็ไม่น้อย
“เล่นหมากรุกทหารเป็นไหม? ผมเล่นหมากล้อมกับหมากรุกไม่ค่อยเป็น มีความรู้เรื่องหมากรุกทหารมากกว่า ลองดูไหม?” เจียงเจิ้นหยิบตัวหมากขึ้นมาแล้วโบกไปมา
“ได้สิ”
ฉินเฟิงนั่งลง
“คุณก่อนแล้วกัน”
เจียงเจิ้นยิ้มๆ ราวกับไม่มีวี่แววว่าจะฆ่าหรือทำร้ายใครได้เลย เขาให้ฉินเฟิงเดินก่อน
“ตกลง”
ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธ ผลัดกันรุกผลัดกันรับ เดินหมากอย่างต่อเนื่อง
หมากรุกทหาร เขาก็เล่นเป็นเหมือนกัน
ตุบ ตุบ
ตัวหมากเม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกวางลงไป เล่นไปเล่นมา เจียงเจิ้นก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะ “Mr.X คุณมาที่เมืองเจียงเฉิงมีจุดประสงค์อะไร ความจริงคงไม่ได้มาเพื่อปะทะกับพวกเราใช่ไหม?”
“อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”
ฉินเฟิงขยับหมากตัวหนึ่ง แล้วพูดอย่างกำกวม
“ฮ่าฮ่า ผมพูดความจริง พวกเราพบกันครั้งแรกก็เหมือนคุ้นเคยกันมานาน อยากจะสาบานเป็นพี่น้องต่างสายเลือดกันเดี๋ยวนี้เลย ดังนั้นจึงไม่อยากลงมือกับคุณ ผมสามารถช่วยคุณจัดการกับสามตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลแห่งเมืองเจียงเฉิง จัดการกับหลินเย่าตุงได้ หลังจากนั้นผมสามารถมอบเมืองเจียงเฉิงให้กับคุณ”
“เงื่อนไขล่ะ?”
“ช่วงนี้เมืองเจียงเฉิงต้องกลับมาเป็นของผม”
เจียงเจิ้นหรี่ตาลง มือที่ถือหมากอยู่ชะงักงัน
บรรยากาศอันตรายปรากฏอยู่รอบกระดานหมาก
เขากำลังรอคำตอบของ Mr. X
ส่วนฉินเฟิงก็ขยับตัวหมากในมือ แล้วจึงเชยดวงตาอันดำมืดราวกับน้ำหมึกขึ้นมา พลางพูดช้าๆ “ข้อแรก ผมกับคุณไม่ได้พบกันครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ข้อสอง วันพรุ่งนี้ ผมจะไปกวาดล้างสามตระกูลใหญ่ ข้อสาม คุณแพ้แล้ว กระดานนี้ ธงกองทัพอยู่ในมือผมแล้ว ข้อสี่ คนเหล่านั้นที่อยู่รายล้อมคุณ ไม่มีประโยชน์สำหรับผม”
พลังอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นบนตัวฉินเฟิง
ทำให้เจียงเจิ้นถึงกับตกตะลึง
แต่วินาทีถัดมาก็ได้สติกลับมา เขาเอามือลูบศีรษะพลางกล่าวว่า “เฮ้อ เผลอไปหน่อยเดียว ผมก็แพ้แล้ว น่าเสียดายจริงๆ เรามาเล่นกันอีกสักกระดานเถอะ”
เพิกเฉยต่อสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เล่นใหม่อีกกระดาน
ยมบาลเจียงก็ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถ
“ได้สิ”
ฉินเฟิงขยับตัวหมากอีกครั้ง หมากรุกทหารอีกกระดานได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
และขณะนี้ในงานเลี้ยงเต้นรำที่อยู่ชั้นล่าง อิ่นซินไม่ได้ออกไปเต้นรำวาดลวดลายเหมือนคนหนุ่มสาวเหล่านั้น เธอเป็นแม่ลูกหนึ่ง กำลังอยู่กับกั่วกั่วบนโซฟา และพากั่วกั่วไปกินผลไม้
หลิวลานเมิ่งที่อยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนพวกเขา
“ลานเมิ่ง ช่วยมาอยู่กับกั่วกั่วหน่อย ฉันจะไปห้องน้ำ” อิ่นซินหันหน้ามาบอก
“ได้สิ”
ทันทีที่อิ่นซินออกไป หลิวลานเมิ่งก็อุ้มกั่วกั่วขึ้นมาทันทีแล้วหอมแก้มเธอ “สุดที่รัก คิดถึงน้าหลิวหรือเปล่า มาหอมแก้มที หอมแก้มที”
“เอ๊ะ…คุณน้าเพิ่งหอมคนอื่นมา ตอนนี้ก็มาหอมอีก”
กั่วกั่วบุ้ยปาก
“ทำไมเหรอ? น้าหอมไม่ได้เหรอ?”
หลิวลานเมิ่งหยอกล้อกั่วกั่วอีกครั้ง ทำให้กั่วกั่วหัวเราะเสียงสดใสออกมา หยอกล้อกันอย่างมีความสุข หลิวลานเมิ่งอายุเท่ากับอิ่นซิน แต่ตอนนี้กั่วกั่วอายุหกขวบแล้ว
แต่หลิวลานเมิ่งกลับยังไม่มีแม้แต่แฟน
ดังนั้น กั่วกั่วจึงกระตุ้นความรักของแม่ในตัวหลิวลานเมิ่งออกมาทันที เธอชอบเด็กน้อยน่ารักคนนี้จริงๆ เป็นสุดรักสุดดวงใจ
แต่ขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังเล่นสนุกกัน ทันใดนั้นกั่วกั่วก็เห็นคนที่อยู่ด้านหลังหลิวลานเมิ่ง เธอรีบกระโดดลงมาจากตัวหลิวลานเมิ่ง แล้ววิ่งไปหาคนคนนั้น
“พ่อทูนหัว!”
เสียงเด็กใสแจ๋วและอ่อนเยาว์ดังขึ้นมา
ฉินกั่วกั่วโผเข้าไปในอ้อมกอดของฉีหยุนราวกับขนมสายไหมที่เกาะติดตัวผู้ชาย แถมยังเรียกว่าพ่อทูนหัว
พ่อทูนหัว?
แต่ก็ทำให้หลิวลานเมิ่งที่จับตาดูเธออยู่ตลอดเวลาถึงกับมึนงง พ่อทูนหัว พ่อทูนหัวหมายความว่ายังไง กั่วกั่วยอมรับพ่อทูนหัวตั้งแต่เมื่อไหร่ เสี่ยวซินไม่เห็นบอกเธอเลย
แต่เมื่อเธอหันกลับไปก็ยิ่งงุนงงมากขึ้น
“ท่าน…ประ…ธาน!”
หลิวลานเมิ่งตะโกนด้วยความตกตะลึงอ้าปากค้าง
เพราะพ่อทูนหัวของกั่วกั่วคนนี้ร่างกายสูงใหญ่กำยำ แต่ในเวลานี้ฉีหยุนที่มีสีหน้ารักและเมตตาเหมือนพ่อแท้ๆ ได้แสดงตัวตนของเขาออกมาในฐานะประธานของบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป
และเป็นเจ้านายของเธอเช่นกัน
“หัวหน้าฝ่ายหลิว”
ฉีหยุนชำเลืองมองหลิวลานเมิ่ง มองอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนสายตากลับ
หลิวลานเมิ่งมีหน้าตาสะสวย เป็นสาวประชาสัมพันธ์ แต่ในสายตาของเขา ผู้หญิงทุกคนคืออุปสรรค มีเพียงศัตรูเท่านั้นที่สามารถสร้างความตื่นเต้นจากความเป็นความตายให้เขาได้
นอกเหนือจากนี้ก็คือเด็กน้อยแล้ว
คนที่ทำให้เขาเผยแววตาเหมือนพ่อแท้ๆ ออกมาได้
หลังจากเล่นกันสักพัก ฉีหยุนก็วางกั่วกั่วลงแล้วเดินออกไป เขายังมีภารกิจของตัวเองที่ต้องทำ แต่ในขณะนี้ หลิวลานเมิ่งได้เข้ามาโอบกอดกั่วกั่วไว้ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น พลางถามว่า “กั่วกั่ว เธอรู้จักคุณผู้ชายคนนั้นเหรอ?”
“นั่นคือพ่อทูนหัวของกั่วกั่ว พ่อทูนหัวดีกับกั่วกั่วมาก” กั่วกั่วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเยาว์สดใส
“เป็นพ่อทูนหัวจริงๆ”
ตอนนี้หลิวลานเมิ่งมั่นใจแล้วว่า เขาคือพ่อทูนหัวจริงๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อิ่นซินจะแนะนำให้เธอรู้จัก
เด็กดี
เป็นที่เชิดหน้าชูตา
พ่อทูนหัวเป็นถึงประธานของบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป
และในเวลานี้อิ่นซินได้ออกมาจากห้องน้ำ หลิวลานเมิ่งมองไปที่เธอด้วยความขุ่นเคือง “ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่หรือเปล่า เรื่องแบบนี้ไม่บอกฉันสักนิดเลย?”
อิ่นซินมองไปที่หลิวลานเมิ่ง ในหัวค่อยๆ ปรากฏเครื่องหมายคำถามออกมา