เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 3 ชีวิตที่เงียบสงบ
“ คุณกล้าที่จะจั๊กจี้ผมเหรอ?” ร่างเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้านวม จ้องมองไปที่เฉินเป้ยอีอย่างเย็นชา เมื่อคิดถึงเมื่อก่อนที่คนเหล่านั้นตั้งใจทำให้เขาพอใจ ผู้หญิงคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เฉินเป้ยอีเพิกเฉยต่อเขา และยื่นมือออกไปเพื่อหยิกใบหน้าของเขาเบา ๆ "หนิงเสี่ยวซี อย่าหน้าบึ้งแบบนี้ตลอดสิ เด็ก ๆ ควรจะมีความสุขถึงจะถูก" แม้ว่าเด็กคนนี้จะมีไอคิวสูง แต่ยังไงเขาก็เพิ่งจะไม่กี่ขวบเอง เฉินเป้ยอีก็ไม่ได้หวังให้เขาโตเร็วเกินไป
หนิงเสี่ยวซีทำหน้ามุ่ยและออกคำสั่ง“ คุณจะไปไม่ได้ คุณต้องเฝ้าจนกว่าผมจะหลับ!”
"โอเค รอหนูหลับแล้ว ฉันค่อยไป"
เมื่อเห็นใบหน้าที่หลับใหลของเด็กน้อย ดวงตาของเฉินเป้ยอีก็เหมือนจะกลายเป็นหมอกฝ้าที่ปกคลุมอีกครั้ง เธอสูดลมหายใจเข้าจมูก หลังจากที่แม่ของเธอจากไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ในที่สุดเธอก็ได้รู้สึกว่าเธอมีชีวิตเหมือนคนอีกครั้งสักที
และไม่ใช่คนตายที่เดินได้อีกต่อไป
ดีจัง ในอนาคต ถ้ามีหนูอยู่เคียงข้างๆ สิ่งอื่น ๆ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ครึ่งเดือนต่อมา เธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาก หนิงเสี่ยวซีที่ในตอนแรก ทั้งจู้จี้จุกจิกและรังเกียจเธออยู่หลายวัน แต่เมื่อเห็นว่าเธอไม่รู้สึกรำคาญหรือโกรธ เขาก็ไม่ต่อต้านอะไรอีก
แต่เฉินเป้ยอี เธอสนุกกับทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับหนิงเสี่ยวซี เธอค้นหาอารมณ์และลักษณะนิสัยของเขา เธออยู่กับเขาด้วยอารมณ์ที่หลากหลายทั้งสุขทั้งเศร้า แต่เขาน่าจะรู้สึกถึงความจริงใจของเธอ หนิงเสี่ยวซีจึงเริ่มติดเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอหัวเราะกับตัวเองว่านี่อาจเป็นความเชื่อมโยงทางสายเลือดระหว่างแม่กับลูก
แต่กับ เส่าเฉิน แม้ว่าเธอจะพบเจอเขาทุกวัน เธอก็จงใจที่จะหลีกเลี่ยง และไม่มีการพูดคุยอะไรกันมากนัก
เธอรู้สึกว่าชีวิตช่างราบเรียบกว่าที่คิดมาก แต่กลับมีความสุขมาก
"คุณพ่อ พ่อจะบอกว่า พ่อจะพาผมไปที่เกาะกำบังโลหิตเหรอ " เฉินเป้ยอีที่เพิ่งเก็บข้าวของเสร็จ และกำลังจะไปที่ห้องของหนิงเสี่ยวซีเพื่อดูว่าเขาหลับอยู่หรือเปล่า เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ประตูเธอก็ได้ยินเสียงของเขาจากข้างใน น้ำเสียงดูตื่นเต้นมาก เด็กคนนี้ ถึงจะบอกว่าอายุเพียง 5 ขวบ แต่อาจจะเป็นเพราะเขาฉลาดเกินไป และเย็นชามากเหมือนพ่อของเขา ดังนั้นนอกจากต่อหน้าเธอและแม่นมหลิวแล้ว จึงไม่ค่อยได้เห็นเขาอารมณ์ดีแบบนี้
หนิงเส่าเฉินเอนตัวลงไปตบไหล่ลูกชายของเขา "รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้า" จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปนอกประตู เมื่อเห็นว่าเฉินเป้ยอียืนอยู่ข้างประตู เขาจึงออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "ไปเก็บของ " และเขาก็เดินไปอีกสองก้าว แล้วก็หยุดอีกครั้ง" คุณก็ไปด้วยกัน จะได้ดูแลเขาได้สะดวก "
"ค่ะ!" เฉินเป้ยอีมีความสุขมาก เธอไม่สนใจว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นไปเพื่ออะไร และเธอไม่สนใจจุดประสงค์ที่เธอต้องไป อย่างไรก็ตามนี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของเธอกับลูกชาย ซึ่งเธอก็ตื่นเต้นมาก
เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านหลังนั้นเดินจากไป เฉินเป้ยอีก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดอยู่กับที่ด้วยความดีใจ จากนั้นคนที่อยู่ด้านหลังก็กลับหยุดเดิน
เต่เมื่อหันกลับมา เฉินเป้ยอีก็เข้าไปในห้องแล้ว
"หนูบอกว่าที่นั่นคือชายทะเล งั้นฉันควรเอาชุดว่ายน้ำมาให้หนูด้วยไหม"
"งั้นครีมกันแดด ฉันควรเอามาด้วยไหม?"
“นอกจากนี้หนูแพ้น้ำทะเลรึเปล่า”
"หนูว่ายน้ำเป็นไหม"
"หนู……"
"เฮ้ คุณป้า คุณพูดจบรึยัง และนี่ไม่การไปเที่ยว คุณจะตื่นเต้นอะไร" หนิงเสี่ยวซีขัดจังหวะเฉินเป้ยอีที่กำลังพูดกับตัวเอง และปิดหนังสือการ์ตูนในมือของตัวเอง จากนั้นเขาก็นอนลงและดึงผ้าผ้านวมมาคลุมตัว เธอให้หนิงเสี่ยวซีเรียกเธอว่าน้า แต่เขายังยืนยันที่จะเรียกเธอว่าป้า หลังจากโน้มน้าวอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเธอก็ต้องยอมให้กับเขา
"หนิงเสี่ยวซีถ้าหนูเป็นแบบนี้ หนูจะขาดออกซิเจน" ในขณะที่เธอพูด เธอก็ดึงผ้านวมออกจากตัวเขา
เมื่อเฉินเป้ยอีเห็นเขาจ้องมองตัวเธออยู่ เธอก็บิดใบหน้าของเขา“ เด็กดื้อ โกรธได้ทุกวันเลย ระวังนะ พอหนูโตขึ้น หนูจะมีอาการอัมพาตที่ใบหน้าเหมือนพ่อของหนู!”
ตอนนี้หนิงเส่าเฉินที่เห็นว่าประตูเปิดอยู่ ก็กำลังจะปิดให้ แต่หลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นทันที นี่คือสิ่งที่พี่เลี้ยงเด็กควรพูดเหรอ? ใบหน้าเขาเป็นอัมพาตจริงเหรอ? เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือหนาขึ้นแตะแก้ม
“ ปิดไฟ ผมอยากนอน”
“ หนูอยู่คุยกับฉันอีกเดี๋ยวได้ไหม?”
"หยุดพูด!"
"เด็กขี้โมโห นอนก็นอน!"
เมื่อเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ หนิงเส่าเฉินก็ก้าวถอยหลัง และหันหลังกลับไป
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจ แต่นิสัยของเด็กคนนี้ เขาเข้าใจ เขายอมที่จะตอบกลับคุณ ยอมที่จะคุยกับคุณ นั่นก็พิสูจน์ได้ในใจยังมีคน ๆ นี้อยู่ เพราะถ้าไม่ใช่ กว่าเขาก็จะยอมพูดอะไรสักคำมันยากมาก เช่น แม้กับเกาเหวิน เขาก็ไม่พูดตอบกลับไปเลยด้วยซ้ำ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว……….
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเธอเห็นเกาเหวินนั่งอยู่ในรถ เฉินเป้ยอีก็ตกใจ ความรู้สึกเหมือน "ครอบครัว" จะไปเที่ยว เธอไปแบบนี้เหมือนไปเป็นก้างขวางคอรึเปล่า?
ช่างมันเถอะ ในสายตาของคนเหล่านี้ ตัวตนของเธอในตอนนี้อาจจะไม่ใช่ "คน"ด้วยซ้ำ ใครจะสนใจล่ะ? เมื่อคิดได้อย่างนี้เธอก็โล่งใจ
แม้ว่าชื่อของเกาะบังโลหิต จะฟังดูน่ากลัว แต่เมื่อมาถึงเฉินเป้ยอีก็ได้พบว่ามันสวยมาก ทะเลและท้องฟ้าสีคราม ท่าเรือที่ถูกทิ้งร้าง และอาคารดั้งเดิมของชาวประมง หลังจากลงจากเรือไม่ไกลก็ยังมีป้อมปราการที่เป็นโบราณสถาน เมื่อคืนเธอทำการบ้านเกี่ยวกับที่นี่ในเว็บไป่ตู้แล้ว ที่นี่คือเมือง C สถานที่ท่องเที่ยวที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งยังไม่เปิดสู่โลกภายนอกอย่างเป็นทางการ
"เหนื่อยไหม" หนิงเส่าเฉินถามเกาเหวินอย่างอบอุ่นเมื่อเธอว่าเห็นเกาเหวินกำลังนวดขมับของเธอ
ผู้ชายคนนี้เย็นชากับทุกคน แต่เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ เขากลับอ่อนโยน หรือนี้จะเป็นเพราะความรัก? แต่พ่อของเธอก็เคยอ่อนโยนกับแม่ แต่ก็ …
หนิงเส่าเฉินที่มองไปรอบ ๆ จนได้หันมองไปที่เธอ และทั้งสองคนก็ได้สบตากัน
ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาไม่มีอยู่อีกต่อไป แม้ว่าสีหน้าเขาจะไม่เปลี่ยน แต่เขาก็ยังทำให้เฉินเป้ยอีรู้สึกถึงออร่าอันทรงพลังของเขา เธออดไม่ได้ที่จะเกร็งร่างกายของเธอ“ ฉันจะพาเสี่ยวซีไปเล่นที่ด้านล่างชายหาดนะคะ "
หลังจากพูดจบ เธอก็หันกลับไป ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไปอีก
“ คุณป้า คุณมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะพ่อของผมจริงๆเหรอ?”
"หนิงเสี่ยวซี ฉันเคยพูดไปหลายร้อยครั้งแล้ว อย่าถามอีกได้ไหม อีกอย่างพ่อและป้าเกาของหนูกำลังจะหมั้นกัน ป้าเกาของหนูเป็นคนสวยและอ่อนโยนใจดีกับหนู แม้ฉันจะชอบพ่อของหนู แต่ฉันก็ไม่คู่ควร"
"แรด โสเภณี … เพราะคุณไอคิวต่ำเลยคิดว่าเขาดี " หนิงเสี่ยวซีเตะทรายใต้เท้าอย่างแรง พลางพึมพำในลำคอ
สำหรับคำพูดของเขาที่อาจ "เป็นคำพูดที่คนต้องตกใจ" แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา เฉินเป้ยอีคุ้นชินกับมันมานานแล้ว เธอดึงริมฝีปากของเขา "พ่อของหนูคิดว่าเธอเป็นคนดีก็พอแล้วค่ะ"
"เขาเหรอ ไอคิวของเขาไม่ได้ต่ำ แต่น่าเสียดายที่เขาเพียงอยากตอบแทนบุญคุณ เลยไม่เห็นว่าคนคนนั้นนิสัยไม่ดี”
ตอบแทนบุญคุณเหรอ? เฉินเป้ยอีขมวดคิ้ว