เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 190 อันตราย
ทางลงเขาค่อนข้างลื่น ทั้งเธอและหนิงเส่าเฉินตั้งใจชะลอความเร็วลง หนิงเส่าเฉินมักจะเดินอยู่ข้างหน้าเธอเสมอ จับมือเธอ ซึ่งนั่นทำให้เธอโล่งใจจากความไม่สบายใจที่เธอมีอยู่
กระทั่งเริ่มไม่ได้ยินเสียงจากคนข้างหลัง เย่หลินถึงได้สูดหายใจเข้า น้ำตาเริ่มไหลออกมา
หนิงเส่าเฉินนิ่งไปสักพัก หันหลังไปเห็นเธอร้องไห้ คิดว่าเธอรู้สึกน้อยใจ เขาถึงได้ปวดใจ กอดเธอไว้ เอาคางวางไว้บนศีรษะเธอ “เย่หลิน……”
เย่หลินเงยหน้าขึ้นมองเขาจากอ้อมกอดของเขา “เส่าเฉิน ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณลำบาก ฉันไม่รู้ว่าเขาจะรู้เยอะขนาดนี้ ทำให้คุณต้องขายหน้า ขอโทษนะ……ขอโทษ…….ตั้งแต่เล็กจนโต คุณคงไม่เคยถูกใครพูดแบบนี้ใส่เลยใช่ไหม?”
อาเฉินของเธอ คนที่ยโสโอหังอย่างเขา วันนี้กลับต้องขายหน้าเพราะเธอ
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า
หนิงเส่าเฉินก้มหน้า สายตาไปตกอยู่ที่ใบหน้าของเย่หลินที่เต็มไปด้วยน้ำตา ซับซ้อนและหลงใหล
เขาโตมาตั้งขนาดนี้ ไม่เคยถูกใครปฏิบัติแบบนี้มาก่อน
และตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรก ที่นอกจากแม่แล้ว ถูกผู้หญิงคนหนึ่งปกป้อง ไม่สิ ครั้งที่สอง ครั้งแรกคือตอนนั้นที่เขาบาดเจ็บ
ดวงตาสีดำสนิท มีแสงสว่างวาบผ่าน
เขายื่นมือไปจับแก้มเธอไว้ เอ็นตัวเข้าใกล้ จูบซับน้ำตาที่อยู่ใต้ดวงตาของเธอเบาๆ ริมฝีปากบางเผยออก ลูกกระเดือกขยับเบาๆ ถึงได้ส่งเสียงกระซิบว่า
“เย่หลิน ชีวิตนี้ ผมจะไม่มีทางผิดต่อคุณ”
เย่หลินนิ่งไป เงยหน้ามองเขา “อื้ม ฉันจะจำไว้ ถ้าอย่างนั้น ให้พวกเราคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้วดีไหม? อีกอย่าง ต่อไป ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ก็ไม่สำคัญ ขอแค่ตัวเราเองเข้าใจก็พอ พวกเราห้ามเอากลับไปใส่ใจ ดีไหม?”เธอพูดทีละคำจนจบ ยิ้มมุมปาก ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้ม
หนิงเส่าเฉินไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับกอดเธอไว้
และตอนนี้ ลมยิ่งอยู่ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ เกร็ดหิมะขนาดใหญ่ตกลงมา
ทันใดนั้น เสียงแปลกๆดังขึ้น เสียงดังมาก พื้นดินก็กำลังสั่นสะเทือนเล็กน้อย……
เย่หลินตัวแข็งทื่อ หนิงเส่าเฉินเองก็ได้ยิน หรี่ตาลงคิด คิ้วของเขาก็ยกขึ้น พูดเสียงต่ำว่า “นี่มันภูเขาหิมะถล่ม?”
หน้าเย่หลินซีดลง เธอเคยได้ยินคนแก่ข้างบ้านพูดถึง ว่าภูเขาลูกนี้เคยมีหิมะถล่ม คนตายไปไม่น้อยเลย แต่ กลับไม่มีใครเคยเห็นมันจริงๆ หรือมีประสบการณ์เคยพบเจอ พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็อดฝืนยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ไม่น่าใช่มั้ง?”เรื่องที่ไม่ได้เกิดมาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีทางมาเกิดขึ้นกับพวกเขา?
แต่ เสียงก็เริ่มสั่นขึ้นมาแล้ว
“วิ่งเร็ว”หนิงเส่าเฉินพูดคำนี้ พร้อมกับจับมือเย่หลินวิ่งลงภูเขา
ถนนลื่นมาก วิ่งแบบนี้ มีโอกาสที่จะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ แต่ เทียบกับความตายแล้ว ไม่นับเป็นเรื่องอะไร
แต่ พวกเขาวิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว พื้นใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังถูกถอนออกมาทั้งราก ทุกๆที่มีแต่เสียงอึกทึกครึกโครม และก้อนหินที่กลิ้งตกลงมา
เย่หลินยืนอยู่กับที่ สูญเสียการตอบสนองตามสัญชาตญาณของเธอ สายตาเธอเหม่อลอย ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า
ขนาดมีก้อนหินก้อนหนึ่งกลิ้งมาทางเธอ เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
สิ่งที่เธอรู้สึกได้คือเงาของคนคนหนึ่งพุ่งเข้าหาเธอ จากนั้น “อึก”เสียงดังขึ้นข้างหู
เธอกระตุกไป ถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา เธอหันไปมองหนิงเส่าเฉิน สีหน้าเจ็บปวด มองไปข้างหลัง ก็พบว่าทั้งตัวเขาคล่อมตัวเธอไว้ และขาของเขา ถูกทับด้วยก้อนหินที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป
อดที่จะตกใจไม่ได้ “เส่าเฉิน……”เธอออกแรงคลานออกมาจากตัวเขา ลุกขึ้น นั่งยองๆอยู่ตรงหน้าเขา อยากจะไปดันหินก้อนนั้นออก แต่หนิงเส่าเฉินกลับจับแขนเธอไว้
“คุณดันไม่ไหว ไปหาท่อนไม้มาท่อนหนึ่ง”เสียงเขาสั่นเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด แต่เขายังคงความสงบนิ่งไว้
เย่หลินพยักหน้า กำลังจะหันหลังไปหาท่อนไม้ พื้นก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง แรงสั่นสะเทือนมากกว่าเมื่อกี้ ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีหรือน่าเศร้า ด้วยการสั่นสะเทือนนั้น หินก้อนใหญ่บนขาของหนิงเส่าเฉินก็กลิ้งออกไป
“อย่ามัวแต่อึ้ง ที่ตรงนั้นมีถ้ำอยู่ คุณรีบเข้าไป”พูดแล้วก็ผลักเย่หลินเข้าไป
เย่หลินกลับสะบัดมือเขาออก จ้องเขาเขม็ง “คุณคิดจะทำอะไร?”จากนั้น นั่งลงตรงหน้าเขา “คุณรีบเกาะไหล่ฉันไว้ พวกเราเข้าไปด้วยกัน”
ขาทั้งสองข้างของหนิงเส่าเฉินเจ็บไม่เท่ากัน มีขาข้างหนึ่งเสียความรู้สึกไปทั้งข้าง ไม่สามารถออกแรงได้เลย
เย่หลินตาแดงก่ำ แต่ เธอรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้ เธอหลับตา ใช้แรงทั้งหมดโอบเอวของหนิงเส่าเฉินแล้วออกแรงดึงให้เขาลุกขึ้นยืน
จากนั้้น เธอทั้งดึงทั้งลากจนสามารถพาเขาเข้าไปในถ้ำได้
ทั้งสองคนเพิ่งจะนั่งลงตรงหน้าถ้ำ ก็ได้ยินเสียงดินถล่มมาจากข้างนอก น่ากลัวมาก
ถ้ำนี้อยู่ใต้หินก้อนใหญ่ ดังนั้น เย่หลินจึงมองดูดินและหินที่ผสมกับหิมะสีขาว ตกลงมาจากด้านหน้า
ในภาพนั้น เหมือนว่าเธอจะเห็นเงาคนคนหนึ่ง ตกลงมาพร้อมกัน
ในตามีแต่ความตื่นตกใจ หรือว่าจะเป็น……หนึ่งในพวกเขา?
หนิงเส่าเฉินตบไหล่เธอ “ไม่มีใครคาดเดาได้หรอก”
เย่หลินสูดหายใจเข้า พยักหน้า ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงขาที่บาดเจ็บของหนิงเส่าเฉิน รีบลุกขึ้นนั่ง คุกเข่าลงตรงหน้าขาของเขา “คุณ ขาของคุณ เป็นยังไงบ้าง?”
หนิงเส่าเฉินเม้มปาก หน้าผากมีเหงื่อออกเล็กน้อย ลองขยับขาดู ขาที่เมื่อกี้ไม่มีความรู้สึก ตอนนี้ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เขาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลองใช้มือยกขาไปข้างหน้า……
“ซี๊ด……”เขาทนไม่ไหว ซี๊ดไปหนึ่งที
ปากเย่หลินสั่น ลุกไปอุ้มขาของเขามาวางไว้บนตัวของตัวเองเบาๆ มือที่สั่นเทาของเธอแก้เชือกผูกรองเท้า ถอดรองเท้าเดินป่าหนักๆออก พับขากางเกงเขาขึ้นเบาๆ วันนี้พวกเขาตั้งใจไปซื้อชุดที่กันลมกันหิมะมาโดยเฉพาะ มันหนามาก แต่ ถึงแม้จะเป็นกางเกงที่หนาแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังขาดจนเป็นรู เธอไม่กล้าจะคิดว่าข้างในจะมีสภาพเป็นยังไง
กางเกงข้างนอกถูกเธอพับขึ้นอย่างระมัดระวัง ตอนที่แผลเปื้อนเลือดปรากฏตรงหน้าเย่หลิน แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว เย่หลินก็ยังทนไม่ได้ เธอปวดใจจนร้องไห้
“ไม่เป็นไร หินก้อนนั้นกลิ้งลงมา ไม่ได้กระแทกลงมา ยังขยับได้ ก็แสดงว่า ขายังไม่หัก ไม่ต้องกังวล”
“หนิงเส่าเฉิน!”เธอจ้องเขา จากนั้นหยิบมือถือจากกระเป๋า เตรียมจะโทรออก กลับพบว่าโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ ใจเธอนิ่งไป ในตาแสดงอาการตื่นตกใจ
ในที่แบบนี้ อาการบาดเจ็บที่ขาของหนิงเส่าเฉินร้ายแรงขนาดนี้ ถ้าหากไม่มีคนหาพวกเขาเจอให้ทันเวลา ผลที่ตามมาก็คือ……
เธอกัดปาก ปากเธอกำลังสั่น