เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 160 อดีตที่น่าอายของแม่
อย่างไรก็ตาม เธอรู้ดีว่า หนิงเส่าเฉินพูดแบบนี้ ไม่มีทางที่จะไม่มีหลักฐาน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร ยืนอยู่อย่างเงียบๆ
ชายชราเกาที่เพิ่งหันไปอย่างไม่ลังเล ตัวกระตุกไปที หันหลังกลับมามองทางหนิงเส่าเฉินแบบไม่อยากจะเชื่อแล้วหันไปมองเย่หลิน
หญิงชราที่อยู่ข้างๆ ที่เมื่อกี้มีท่าทางเหมือนกำลังดูการแสดงเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับร้อนรน
“คุณคะ ที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงเหรอคะ? นี่……ทรัพท์สินพวกนี้ กลายเป็นของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นั่นสิ พ่อ เรื่องพวกนี้จะพูดเล่นกันไม่ได้นะครับ คุณเอาหลักฐานพวกนั้นมาให้เขาดูสิ ทำไมถึงได้พูดไปเรื่อยแบบนี้”ชายวัยกลางคนก็เอ่ยปาก
“……”
แค่แป๊บเดียว สีหน้าของทุกคนก็ตื่นตระหนก
“เส่าเฉิน นี่นายได้เสี่ยวเหวินแล้วจะทิ้งเหรอ?”ชายชราคนนั้น พูดขึ้นเสียงเย็นทันที
หนิงเส่าเฉินเม้มปาก สีหน้าไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม แต่เย่หลินกลับรู้สึกละอาย เห็นเพียงแค่เขามองชายชราคนนั้น พูดตอบว่า“ไม่รู้ว่าคุณปู่จะให้พวกเราเข้าไปนั่งได้ไหม?”
เขากำลังไว้หน้าชายชราคนนี้อยู่
ชายชราเกานั้นมีชีวิตอยู่มานานแล้ว แน่นอนว่าเข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ กระแอมไปครั้งหนึ่ง “พวกเธอตามฉันมา”
เขาหันหลังไปพึมพำกับคนข้างหลัง
ภายนอกของบ้านหลังนี้ดูงดงามมาก เข้ามาข้างใน ก็ยิ่งทำให้เย่หลินประหลาดใจมากกว่าเดิม เฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีเหล่านั้น งานแกะสลักที่สวยงาม และหินอ่อนที่ใช้สำหรับบันไดวน ทำให้คนถึงกับต้องถอนหายใจต่อความมั่งคั่งของตระกูลหลิน
เพียงแต่ มันน่าสงสัยมาก ของพวกนี้ดูแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีอายุมาบ้างแล้ว ไม่เหมือนของใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวัสดุ
ชายชราสั่งคนรินน้ำชาให้กับทั้งสองคน ท่าทีแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าอ่อนลงมากกว่าตอนอยู่ข้างนอก
“สาวน้อย พินัยกรรมของแม่เธอล่ะ?”ชายชรายังไม่ทันนั่งลง ก็ถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
เย่หลินอดรู้สึกละอายไม่ได้ มองไปที่หนิงเส่าเฉินแบบไม่รู้ตัว หนิงเส่าเฉินยิ้มบางๆ กุมมือเธอไว้ เอ่ยปากพูดสีหน้านิ่งๆว่า“คุณปู่ ถามคำถามแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า?”
“นาย……”เผชิญหน้ากับการตอบกลับของหนิงเส่าเฉินอย่างตรงไปตรงมา ชายชราเกาคนนั้นชี้ไปที่หนิงเส่าเฉิน ตั้งนานแล้วก็พูดไม่ออก
หนิงเส่าเฉินเหล่ตา นานพักหนึ่ง ถึงได้พูดขึ้นช้าๆว่า“แน่นอน ถ้าหากคุณปู่สามารถบอกสิ่งที่เย่หลินอยากรู้กับเธอ……”เขาพูดไปก็กุมมือเย่หลินไป ลูบฝ่ามือเธอ สักพักก็พูดขึ้น “แต่เรื่องบางเรื่องที่ไม่ควรรู้ พวกเราก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้”
พูดจบ สายตาที่เคร่งขรึมมองไปที่ชายชรา
ชายชราเกาคนนั้นนิ่งไปนาน ถึงเอ่ยปากพูดช้าๆว่า“เธออยากรู้อะไร เธอก็ถามมาเถอะ”
เย่หลินดีใจ มองหนิงเส่าเฉินอย่างขอบคุณ “ฉันอยากรู้ ว่าพ่อฉันเป็นใครกันแน่?”
ชายชราเกาอึ้งไปพักหนึ่ง หึ พูดขึ้นเสียงเย็น “เธอถามคำถามนี้ ฉันตอบไม่ได้จริงๆ!”
เย่หลินไม่เข้าใจ ชายชราเกาคนนี้ เห็นได้ชัดว่ารู้จักกับแม่ของเธอ อีกอย่าง ความสัมพันธ์ก็ไม่ใช่ธรรมดา เมื่อกี้หนิงเส่าเฉินบอกกับเขาว่าบ้านหลังนี้เป็นของแม่เธอที่ทิ้งไว้ให้เธอ เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับมัน ถึงขนาดที่สามารถให้แม่เหลือทรัพย์สินทิ้งไว้ให้มากขนาดนี้ ก็ไม่มีทางที่ทั้งสองจะไม่เกี่ยวข้องกัน
“คุณจะไม่รู้ได้ยังไง?”เขารู้จักกับแม่ เหลียงกั้วอันก็ชี้นำเธอให้มาที่นี่ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้อะไรเลย?
อีกอย่าง เมื่อกี้หนิงเส่าเฉินก็บอกแล้วว่าบ้านหลังนี้เป็นของแม่
ชายชราเกาเงยหน้ามองเธอ สุดท้ายสายตาก็ไปตกอยู่ที่หนิงเส่าเฉิน“เส่าเฉิน ในเมื่อนายมีความสามารถ สืบเรื่องราวได้มากขนาดนี้ คงไม่มีทางที่จะไม่สามารถสืบเรื่องที่นายอยากรู้ได้หรอกใช่ไหม?”
สายตาเขาหันไปมองเย่หลิน
เย่หลินขมวดคิ้ว หันไปมองหนิงเส่าเฉิน “คุณรู้?”
หนิงเส่าเฉินส่ายหน้า “คุณปู่อยากจะพูดอะไรก็พูดตรงๆเถอะครับ ผมยอมรับ เพื่อเย่จึแล้ว ผมสืบเรื่องมาบ้างก็จริง แต่บางเรื่อง ไม่ใช่ว่าอยากสืบก็จะสืบได้!”
คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าหนิงเส่าเฉินพูดสิ่งที่คิดออกมา สีหน้าของชายชราเกา มืดมนขึ้นทันที
“ฉันแค่อยากรู้ว่าพ่อของฉันคือใคร? มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“พ่อเธอคือใคร? อย่าพูดอะไรเลย เขาไม่สามารถบอกเธอจริงๆ……”เสียงผู้หญิงดังขึ้นห้วนๆ ขัดความคิดของหลายๆคน
ผู้หญิงที่ใส่กี่เพ้าคนเมื่อกี้ เดินมาจากทางประตู ยืนนิ่งห่างจากเย่หลินไปสองก้าว แล้วสำรวจเธอ สายตาก็รีบหันไปทางหนิงเส่าเฉิน ทันใดนั้น เหมือนเธอจะรู้อะไรบางอย่าง สีหน้าที่แสดงออกก็มืดลง หันหลังรีบเดินไปทางคุณปู่เกา
จากนั้นเข้าไปกระซิบกับปู่เกา
ทันใดนั้น ก็เห็นคุณปู่เกาลุกขึ้นยืน เดินมาข้างหน้าหนิงเส่าเฉิน แล้วเดินวนเขารอบหนึ่ง “เธอเป็นแม่ของหนิงเสี่ยวซี?”
หนิงเส่าเฉินขมวดคิ้ว หรี่ตาลง พยักหน้า “ครับ!”
“มิน่าล่ะ”
เย่หลินอึ้งไปพักหนึ่ง มองไปที่ปู่เกาอย่างไม่เข้าใจ รอยขมวดคิ้วของเธอก็ยิ่งลึกขึ้น
“แล้วทำไมนายถึงไม่ไปถามพ่อนายดูล่ะ? บางที สิ่งที่เขารู้ อาจจะไม่น้อยไปกว่าฉัน!”
ตอนนี้คนที่ประหลาดใจก็คือเย่หลิน เธอหันไปมองหนิงเส่าเฉิน ในตามีแต่ความสงสัย เธอยังไม่ลืม ตอนที่อยู่ต่างประเทศ พ่อหนิงบอกเธอว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย
หนิงเส่าเฉินยื่นมือไปจับมือเรียวของเธอไว้ มือใหญ่ตบที่หลังมือของเธอเบาๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง“คุณปู่จะไม่ยอมพูดอะไรเลยใช่ไหมครับ? ถ้าอย่างนั้นอีกหน่อยมาเก็บบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ ก็ขอให้คุณปู่เงียบได้แบบนี้นะครับ”
“ตอนนั้นเธอถูกข่มขืน จากนั้น คนคนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ หลังจากนั้นอีก ก็ท้อง เธอกลัวคำนินทาของคนอื่น ถึงได้หนีไปอยู่ที่อื่น……” นายหญิงคนนั้นเห็นว่าทั้งสองคนจะไป ก็ร้อนรน จึงได้พูดออกมา
สีหน้าของเย่หลินซีดลงกระทันหัน ตัวเธอเดินเซถอยหลังไปหลายก้าว เก้าอี้ตกไปอยู่บนพื้นเพราะแรงจากน้ำหนักของเธอ พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ดังจนเธอปวดใจ
“ดังนั้น เธอเป็นลูกของใคร ฉันว่า ขนาดแม่เธอเองก็คงไม่รู้……”นายหญิงคนนั้นเห็นแบบนี้ สายตาก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มและเหยียดหยาม
“ไม่มีทาง……คุณโกหก!”เย่หลินพูดขึ้นเสียงดัง
“โกหกหรือไม่ ฉันก็ไม่รู้ แต่……ฉันพูดเรื่องจริง ถ้าไม่อย่างนั้น แม่เธอมีหน้าตาสวยขนาดนั้น เธอว่า เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหลบอยู่ในที่ห่างไกลแบบนั้น?”มือของนายหญิงไขว้ไว้ที่หลัง สายตามองเย่หลินทั่วตัว ทุกคำที่เธอพูด มันทำลายความอดทนทางจิตใจของเย่หลิน
“พอแล้ว……”ชายชราเกาที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น ณ เวลานี้ สีหน้าเขาเขียวคล้ำ หันหลังไป “ในเมื่อพวกเธอรู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว ก็เชิญกลับไปเถอะ……”
พูดจบ ก็ก้าวเข้าไปยังภายในของบ้าน
เย่หลินยังอยากถาม ถ้าหากเรื่องเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วแม่อยู่บ้านหลังนี้ในสถานะอะไร ทหารรับจ้างคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านนี้?แล้วยังพ่อเกาอีก?
เธอกับเกาไห่เห็นได้ชัดว่าเป็นฝาแฝดกัน ถ้าเป็นเรื่องจริง พ่อเกาไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของพวกเธอ แล้วทำไมถึงต้องเลี้ยงดูเกาไห่? อีกอย่าง หน้าตาของพวกเขาคล้ายกันขนาดนั้น