เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 156 พ่อเกาไม่ใช่พ่อของเธอ แล้ว ใครกัน?
แก้วในมือของเย่หลินตกลงบนพื้น “เพล้ง”
ประตูถูกเปิดอย่างรวดเร็ว หนิงเส่าเฉินวิ่งเข้ามา เห็นน้ำหกอยู่บนพื้นตรงหน้าเธอ ก็รีบจับมือเธออย่างร้อนรน แล้วถามว่า “โดนลวกตรงไหนหรือเปล่า?”
เย่หลินส่ายหน้า มองไปที่หนิงเส่าเฉินแบบไม่ได้ใส่ใจมัน “เส่าเฉิน คนนามสกุลเกาคนนั้น ไม่ใช่พ่อของฉัน ฉันกับเกาเหวินไม่ได้มีพ่อคนเดียวกัน……”พูดจบ เธอก็ปิดหน้าตัวเองไว้ หัวเราะขึ้นมา
ความจริงเรื่องนี้ทำให้เธอดีใจ
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร แค่ไม่ได้เป็นพี่น้องกับเกาเหวิน จะเป็นใครก็ได้ ตอนนี้เธอมีความรู้สึกโล่งใจมาก
เหลียงกั้วอันมองไปที่หนิงเส่าเฉิน แล้วหันไปมองเย่หลินอีกครั้ง สายตาที่ทั้งสองคนสื่อถึงกันนั้น บ่งบอกเรื่องหนึ่งได้ชัดเจน พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมา
หรือมันคือพรหมลิขิต?
เขาหันหลัง และเดินไปทางประตู
“เธอเสียแล้ว……คุณรู้หรือเปล่า?”เมื่อเห็นแผ่นหลังนั้น เย่หลินก็ลุกขึ้นตาม สูดหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่พ่อของเธอ แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา มันคือเรื่องจริง
“รู้!”นิ่งไปพักหนึ่ง “เย่จื่อ เธอเป็นเด็กดี ที่จริงเธอไม่ควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
เย่หลินตัวสั่นเล็กน้อย ที่จริงไม่ควร? ใช่ ที่จริงมันไม่ควร ปัญหาของคนรุ่นก่อน ท้ายที่สุด เธอก็ต้องเป็นคนแบกรับมัน
เดินมาถึงหน้าประตู ทันใดนั้นเหลียงกั้วอันก็หันหลังมามองเย่หลิน แล้วมองไปที่หนิงเส่าเฉิน “เย่จื่อ หากเธอกับหนิงเส่าเฉินรักกันจริง ในอนาคตไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไร จำไว้ อย่าถอดใจกันง่ายๆ อย่ายึดติดกับอดีตมากเกินไป ปัญหาของคนรุ่นก่อน ไม่เกี่ยวกับพวกเธอ โอเคไหม?”
เย่หลินมองไปที่หนิงเส่าเฉินแบบไม่เข้าใจ “นี่มันหมายความว่าอะไร? หรือว่า เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับหนิงเส่าเฉิน? คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร??” เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถให้หนิงเส่าเฉินไปสืบเรื่องเขา แน่นอนว่าเขาก็คงสืบเรื่องของเธอมาแล้วเหมือนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหนิงเส่าเฉิน เขาคงรู้อยู่ในใจ ไม่อย่างนั้น วันนี้เขาคงไม่มีทางมาหาที่นี่
เหลียงกั้วอันจ้องมองเธออยู่นาน นิ่งไปสักพัก ก็ส่ายหัว “ช่างมันเถอะ ยิ่งเธอรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
จากนั้น ไม่ว่าเย่หลินจะถามอะไร เหลียงกั้วอันก็ไม่ได้ตอบเธอ แค่ก่อนจะไปเขาหยิบกระดาษโน๊ตออกมายื่นให้เธอ “หวังว่าทั้งชีวิตนี้เธอจะไม่เปิดอ่านกระดาษแผ่นนี้ เด็กน้อย หากเธอดูมัน เธออาจจะไม่มีความสุข”
เขาพูดต่ออีกว่า“ถึงเป็นพ่อแค่หนึ่งวัน แต่ก็ยังคงเป็นพ่อตลอดไป ถ้าหากเจอเรื่องลำบาก จำไว้ว่าฉันยังคงเป็นพ่อของเธอ”
หลังจากที่เขาไป เย่หลินก็ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาอีกครั้ง กอดขาตัวเองไว้ รู้สึกหดหู่ขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวานคิดว่าเข้าใจเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว แต่วันนี้ ทุกอย่างกลับว่างเปล่าอีกครั้ง
แต่ ถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวของพ่อเกา แล้วที่เธอกับเกาไห่สื่อถึงกัน มันจะอธิบายว่ายังไง?
ถ้าหากเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเกา ทำไมเธอต้องคลอดลูกแทนเกาเหวิน แล้วทำไมแม่ถึงต้องให้เธอปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
ทั้งหมดนี้ กลายเป็นปริศนาอีกครั้ง
เนื่องจากเธออารมณ์ไม่ดี หากนั่งอยู่ในออฟฟิศของหนิงเส่าเฉินต่อ ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเขา
เย่หลินจึงกลับบ้าน
พอถึงบ้าน เย่หลินก็ครุ่นคิดเรื่องต่างๆ สุดท้าย เธอก็เลือกที่จะดูสิ่งที่กระดาษโน๊ตแผ่นนั้นเขียนไว้ ดังนั้นเธอจึงต้องใช้ความกล้ามากๆ ถึงเปิดดูกระดาษแผ่นนั้น ลายมือบนกระดาษ เป็นลายมือของพ่อ รอยของตัวหนังสือทะลุไปถึงข้างหลัง เห็นได้ชัดว่าตอนเขียนตัวหนังสือเหล่านี้ อารมณ์เขาหนักแน่นแค่ไหน……
เพียงแต่บนกระดาษ นอกจากที่อยู่กับชื่อคนคนหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีอะไรเลย เธอไม่รู้ว่าเหลียงกั้วอันหมายถึงอะไร แต่เหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเธอ
เธอส่งรูปให้หนิงเส่าเฉินไปทางวีแชต……
ไม่มีข้อความตอบกลับ คาดว่าเขาคงจะยุ่งอยู่……
เกือบจะเที่ยง หนิงเส่าเฉินถึงได้โทรหาเธอ “ที่อยู่ที่เหลียงกั้วอันให้คุณ?”
มือเย่หลินกระตุก ปากกาที่อยู่ในมือตกลงบนโต๊ะ “คุณรู้ได้ยังไง?”
เสียงทุ้มต่ำดังมาจากมือถือ “เย่จื่อ ไม่สืบเรื่องพวกนี้แล้วได้ไหม? เรื่องบางอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว……คุณว่า ตอนนี้พวกเราก็อยู่ด้วยกัน มีเสี่ยวซี เสี่ยวโม่ ไม่ดีเหรอ?”
“เย่จื่อ”เป็นชื่อเล่นที่พ่อแม่เรียกเธอก่อนอายุสิบเจ็ด เห็นได้ชัดว่าหนิงเส่าเฉินก็สังเกตถึงรายละเอียดตรงส่วนนี้……
แต่ นี่เป็นชีวิตของเธอ เธอไม่ได้จะสืบว่าใครเป็นคนถูกหรือผิด แต่เธอแค่อยากใช้ชีวิตอยู่แบบเข้าใจทุกอย่าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นความลับ……
เธออยากรู้ว่าตอนนั้นแม่ผ่านอะไรมาบ้าง!และอยากรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ว่ามันคืออะไร…….
ดังนั้น ได้ยินหนิงเส่าเฉินพูดแบบนี้ ก็รู้สึกผิดหวัง วินาทีนี้ เธอรู้สึกว่า เขาไม่เข้าใจเธอ!
เธอวางสายโทรศัพท์หนิงเส่าเฉินด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
จากนั้น เธอก็เหม่อลอย เดิมทีเธอวางแผนจะกลับต่างประเทศพรุ่งนี้
พอมาคิดดูสภาพของตัวเอง ถึงจะกลับไป ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร
ก็โทรหาอู่เล่อเล่อ โชคดีที่อู่เล่อเล่อบอกเธอว่า พื้นฐานของบริษัทคงที่ กำลังดำเนินงานตามปกติ บอกให้เธอไม่ต้องกังวล เธอจึงได้รู้สึกสบายใจขึ้น
แล้วก็โทรหาแม่หนิงอีกคน
หลังจากที่เธอไป เธอปล่อยเย่เสี่ยวโม่กับหนิงเสี่ยวซีไว้ที่คฤหาสน์หนิง
“สาวน้อย เธอไม่ต้องกังวล ห่วงแค่หาเวลาอยู่กับอาเฉินสักพักหนึ่ง เด็กสองคนนี้อยู่กับฉัน เธอวางใจได้เลย พวกเขาเป็นเด็กดี เชื่อฟัง ให้ยายแก่คนนี้ได้ลิ้มรสความสุขของครอบครัวที่ได้อยู่ด้วยกันสักหน่อย ”
คำพูดของแม่หนิง ทำให้เย่หลินวางใจ คุยกับเด็กทั้งสองคนสองสามคำ ก็วางสายไป
หลังจากนั้นหนิงเส่าเฉินก็โทรหาเธอหลายสาย และส่งข้อความหาเธอด้วย แต่เธอกำลังโกรธอยู่ จึงไม่ได้ตอบกลับ
ที่จริงเธอไม่ใช่คนที่ชอบดันทุรังขนาดนั้น
แต่เป็นใครก็คงไม่สามารถทนได้หรอก ที่ชีวิตของตัวเองเป็นเหมือนระเบิดเวลา ที่แป๊บๆก็มีเรื่องน่าตกใจโผล่ขึ้นมา
อีกอย่าง จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง?
สิ่งนี้ทำให้เธอวางใจไม่ได้ กลัวแต่ว่า วันหนึ่งจะมีเรื่องที่รับไม่ได้โผล่ขึ้นมาอีก
จากที่คิดว่า หนิงเส่าเฉินจะให้คำแนะนำเธอ หรือสนับสนุนเธอในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
แต่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะบอกให้เธอล้มเลิก
คิดมาถึงตรงนี้ ก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
ท้ายที่สุดเธอได้ตัดสินใจ เธอจะไปสืบให้ได้ว่าเรื่องพวกนี้มันคือเรื่องอะไรกัน คิดๆแล้วก็ไม่ได้บอกหนิงเส่าเฉิน ซื้อตั๋วรถไฟที่จะไปเมืองwในตอนบ่าย
หากเธอไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจในการทำงานหรือใช้ชีวิต
หน้าประตูหมู่บ้าน มีรถหรูสีดำคุ้นตา ข้างๆรถ คือชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดา กางเกงสูท มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในกระเป๋า ประตูรถเปิดไว้เล็กน้อย หลังของชายคนนั้นพิงอยู่ข้างประตูรถ ก้มหน้าลง เหมือนว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
แม้จะเห็นแค่ตาข้างเดียว แต่ก็เพียงพอให้คนอื่นหันมามอง
“เย่หลิน……”ขณะที่กำลังจะเดินไปถึงหน้าประตูหมู่บ้าน ก็ได้ยินเสียงคนเรียกตัวเองจากข้างหลัง