เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 155 เรื่องราวเกิดการพลิกผันอีกครั้ง
“คุณชาย คุณหญิงให้ผมมาถามคุณว่าจะกลับมาทานมื้อค่ำไหมครับ?”เป็นเสียงของลุงจาง
แม้ว่าหนิงเส่าเฉินจะไม่ได้เปิดลำโพง แต่เย่หลินอยู่ใกล้เขา จึงได้ยิน เธอเงยหน้าขึ้นมองหนิงเส่าเฉิน แล้วพยักหน้าแรงๆ
หนิงเส่าเฉินเม้มปาก หรี่ตามองเธอนิ่งๆ “อืม ไม่กลับแล้ว”
วางสายแล้ว เขาจ้องเย่หลินที่อยู่ในอ้อมกอด “วันนี้อารมณ์ของคุณเป็นแบบนี้ ผมจะปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง”
เย่หลินนิ่งไป “แต่ว่า เธอจะไม่มาทะเลาะกับคุณเหรอ?”
“ยัยบื้อ ผมหมายถึงให้ความร่วมมือกับการแสดงของคุณ แต่ว่า ก่อนอื่นเลยก็คือ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณลำบาก สำหรับคนอย่างเธอ ผมยังต้องกลัวทะเลาะกันอีกเหรอ? หากคุณจะยอมถอยให้เธอเพื่อแลกกับความสำเร็จ ผมไปพูดกับเธอตรงๆเลยไม่ดีกว่า……”
เย่หลินปิดปากเขาไว้ “ไม่ว่าเธอจะทำเรื่องเลวร้ายมากแค่ไหน ใจจริงของเธอก็ยังดีกับคุณเสมอ เพราะฉะนั้น ผู้ร้ายคนนี้ ให้ฉันเป็นเอง ฉันไม่อยากให้ชาตินี้ คุณเก็บเธอไว้ในใจไปทั้งชีวิตเพียงเพราะคุณมีสิ่งที่ติดค้างเธอ ”
พูดจบ ก็ลุกขึ้นนั่ง “เอาล่ะ รีบกลับไปเถอะ เจอกันพรุ่งนี้”
หนิงเส่าเฉินส่ายหัว กอดไหล่เธอไว้ ไม่อยากไป เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “วันนี้เจอเรื่องมากมายขนาดนี้ เส่าเฉิน ฉันก็อยากสงบสติอารมณ์เหมือนกัน คุณวางใจเถอะ หากฉันรู้สึกไม่สบายใจ กลางดึกฉันก็จะเรียกให้คุณมา โอเคไหม?” เธอพูดเรื่องจริง เธอต้องการสงบสติอารมณ์ไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คุณเข้านอนเร็วๆ อย่าคิดมาก”
เพียงแต่ หนิงเส่าเฉินเพิ่งเดินไปได้สองก้าว เย่หลินกลับลุกจากเตียงทันที เข้าไปในห้องน้ำแป๊บหนึ่ง ออกมาแล้ว ก็วิ่งไปข้างหน้าเขา กอดเขาไว้
จากนั้นก็ยิ้ม
รอจนแผ่นหลังของหนิงเส่าเฉินหายไป เธอถึงได้โล่งใจ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวไว้ อยากจะคิดทบทวนเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดใหม่ แต่กลับยิ่งคิดยิ่งวุ่นวาย……
สุดท้ายก็หลับตา ไม่คิดอะไรเลย
คฤหาสน์หนิง
หนิงเส่าเฉินกลับมาถึง เกาเหวินก็นั่งอยู่ตรงโซฟา อาหารบนโต๊ะเตรียมไว้พร้อมแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรอเขากลับมา
เขานิ่งไปสักพัก เขาไม่ค่อยกลับมากินข้าวที่บ้าน เรื่องนี้เกาเหวินรู้มาโดยตลอด
“กินข้าวเถอะ!”นิ้วเรียวยาวของหนิงเส่าเฉินวางอยู่บนเนคไท ออกแรงดึง จนเนคไทหลุดออกมาทั้งเส้น เขาโยนมันลงที่โซฟา เห็นสายตาของเกาเหวินจ้องอยู่ที่ตัวเอง สีหน้าดูแย่ เขาขมวดคิ้ว
เขาหันไปมองเธอ “มีเรื่องอยากจะพูดกับฉัน?”
เกาเหวินนิ่งไป จากนั้นก็รีบส่ายหน้า“ไม่มี รีบไปล้างมือกินข้าวเถอะ……”
หนิงเส่าเฉินเหล่ตา มองไปที่เธอนิ่งๆ พูดขึ้นทันทีว่า“ทีหลังไม่ต้องรอฉันกลับมากินข้าวเย็น”
บนโต๊ะอาหาร
เกาเหวินตักซุปถ้วยหนึ่งให้หนิงเส่าเฉิน วางไว้ตรงหน้าเขา“เส่าเฉิน คุณหนูเย่คนนั้น ได้พูดอะไรกับคุณไหม?”
หนิงเส่าเฉินส่ายหน้า เขาเข้าใจสิ่งที่เกาเหวินจะสื่อ ในงานเลี้ยง ผู้กำกับวังคนนั้นไม่เคยมีความขุ่นเคืองกับเย่หลินเลย และไม่มีทางที่เขาจะหาเรื่องเธอแบบไม่มีเหตุผล อีกอย่างเธอเพิ่งกลับจากต่างประเทศ คนที่รู้ว่าเธอคลอดลูกกับที่เธอเป็นประธานบริษัทซีเอกซ์ และยังยั่วยุเก่งอีก ก็มีแต่เกาเหวินคนเดียว
ยังไงก็ตาม เขารับปากเย่หลินแล้ว ว่าจะให้เธอจัดการเอง เพราะฉะนั้น ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกทรมานเพราะเก็บความโกรธไว้ในใจ
ทานข้าวเสร็จ หนิงเส่าเฉินก็เข้าไปในห้องทำงานตามปกติ เกาเหวินเองก็กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ใช่ ฟังไม่ผิด ห้องของตัวเอง ถ้ามีใครรู้เข้า คงถูกหัวเราะเยาะแน่ๆ เธอแต่งเข้าตระกูลหนิงมาสามปีกว่าแล้ว ยังคงนอนห้องรับแขก ส่วนห้องใหญ่ เธอแทบจะไม่เคยเข้าใกล้เตียงเลยด้วยซ้ำ
แรกๆ เธอเคยจะลองแอบเข้าไปห้องของหนิงเส่าเฉินตอนกลางดึก แต่ประตูกลับถูกล็อคจากข้างใน ต่อมา เธอเคยทักเรื่องนี้กับหนิงเส่าเฉิน หนิงเส่าเฉินปฏิเสธเธอโดยให้เหตุผลว่านอนไม่หลับ อาจจะรบกวนเธอ……
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้ เธอเสียสละไปมากขนาดนั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือการที่ถูกปฏิบัติเฉยๆแบบนี้ ใช้ชีวิตคนเดียว โดดเดี่ยวไปทั้งชาติแบบนี้เหรอ?
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงรอยลิปสติกเมื่อกี้บนคอเสื้อของหนิงเส่าเฉิน……
มันเป็นของใคร? เย่หลินเหรอ? หรือว่า……
เพราะเหตุนี้เธอจึงตกอยู่ในความคิดที่เจ็บปวดของตัวเอง ไม่สามารถช่วยตัวเองได้
“หลับแล้ว?”หนิงเส่าเฉินนั่งมองมือถืออยู่หน้าโต๊ะทำงาน ในตามีแต่รอยยิ้ม
“คุณหนิง คิดถึงคุณจัง”ข้อความตอบกลับเร็วมาก
หนิงเส่าเฉินขมวดคิ้ว“ผมไปตอนนี้เลยไหม?”
“ฉันไม่ได้บอกให้คุณมา แค่บอกว่าคิดถึง”
“อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“อืม……ดีขึ้นแล้ว นอนละ คุณก็นอนเช้าๆ ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์”
จากนั้น ก็ไม่มีข้อความตอบกลับอีก
วันต่อมา เธอเพิ่งจะลุกไม่นาน ก็ถูกหนิงเส่าเฉินเรียกไปที่ออฟฟิศของเขา
เปิดประตู ก็เจอผู้ชายนั่งอยู่ตรงโซฟาหน้าโต๊ะทำงานของหลิงเส่าเฉิน
เหลียงกั้วอันนั่งอยู่ตรงโซฟา เห็นเธอมองเขา ก็รีบลุกขึ้นยืน
หนิงเส่าเฉินสั่งให้คนมาเสริฟน้ำชาให้กับทั้งสองคน แล้วเดินออกไป ปล่อยห้องว่างนี้เหลือไว้แค่คนสองคน
“เย่จื่อ……”เสียงที่คุ้นเคย ชื่อเรียกที่สนิทสนม ความทรงจำเมื่อสิบปีก่อน ไหลเข้ามาในหัวเหมือนกระแสน้ำ
แม้ว่าเย่หลินจะเตรียมใจมาพร้อมแล้ว แต่ลึกๆในใจของเธอยังคงสั่นไหว เธอก้มหน้า ปิดบังดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา “ประธานเหลียง……คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?”
เหลียงกั้วอันจ้องเธอ มองอยู่นาน ถึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า“เย่จื่อ ตอนนั้นพ่อเองก็มีเรื่องลำบากใจ”
หึ มีเรื่องลำบากใจ เป็นข้อแก้ตัวที่ดี
เธอลุกขึ้น “หากประธานเหลียงไม่มีเรื่องอื่นจะพูดอีก ฉันก็ขอตัว”พูดจบ หันหลังเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก
“แม่เธอบังคับให้ฉันไป โดยขู่ว่าจะตาย” เย่หลินฟังออกว่าน้ำเสียงที่พูดนั้นเปลี่ยนไป
เธอหันกลับมาทันที เห็นเหลียงกั้วอันเอามือจับหน้าผากไว้ ท่าทางเจ็บปวด
แม่ของเธอบังคับให้เหลียงกั้วอันไป? ว่าแล้ว เธอเดาไม่ผิดจริงๆ หัวใจของเธอยิ่งเย็นลงกว่าเดิม
“ทำไมเธอต้องทำแบบนี้?”
แม้ว่าในใจเธอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เย่หลินก็อดไม่ได้ที่จะถามเพื่อความแน่ใจ
เหลียงกั้วอันลุกขึ้น เดินไปหาเธอ มือทั้งสองข้างวางอยู่บนไหล่เธอ “เย่จื่อ เรื่องพวกนั้น มันผ่านไปแล้ว พวกเราลืมมันไปดีไหม? ต่อไป ฉันก็ยังเป็นพ่อของเธอ……”
“มันเพราะอะไรกัน?”เย่หลินอดที่จะพูดขัดเขาไม่ได้ สายตาที่มุ่งมั่น ทำให้เหลียงกั้วอันต้องถอยหลังไปสองสามก้าว สายตาแบบนั้น เหมือนกับเธอมาก
“เพื่อผู้ชายคนนั้น ใช่ไหม?”เย่หลินพูดขึ้นเสียงเย็น
เหลียงกั้วอันบอกให้เธอนั่งลง
ครั้งนี้เย่หลินไม่ได้ขัดขืน ยอมนั่งลงตรงโซฟาแต่โดยดี เธอรู้สึกคอแห้ง ดื่มน้ำไปหลายแก้ว ถึงได้ดีขึ้นมาหน่อย
“เย่จื่อ ในชาตินี้แม่เธอไม่ได้มีชีวิตที่ดี อย่าโทษเธอเลย!”
เย่หลินคิดว่าเหลียงกั้วอันจะแก้ตัวให้ตัวเอง แต่เธอคิดไม่ถึงว่า คำแรกที่เขาเอ่ยปาก จะเป็นการแก้ตัวให้แม่ที่ตายไปแล้วคนนั้น!
เขาต้องรักแม่ของเธอมากขนาดไหน? จนถึงตอนนี้แล้ว เขายังคงพูดแก้ต่างให้เธอ……
“แล้วฉันต้องโทษใคร? ชีวิตของฉันถูกเธอทำให้มันยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด คุณว่า ฉันต้องโทษใคร? โทษใคร?”นิ้วเรียวยาวของเธอปิดหน้าตัวเองไว้ ทั้งตัวกำลังสั่นเพราะความโกรธ……
“ถ้าอย่างนั้นคุณบอกฉัน พ่อของฉันคือพ่อของเกาเหวินใช่ไหม?”ทันใดนั้น เย่หลินเงยหน้าขึ้นมามองเหลียงกั้วอันแล้วถามขึ้น
เหลียงกั้วอันมองเย่หลิน ส่ายหน้า “เมื่อก่อนฉันก็คิดแบบนั้น แต่ พวกเราทุกคนคิดผิด พ่อของเธอไม่ใช่พ่อของเกาเหวิน”