เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 145 ตอบโต้อย่างทันท่วงที
เย่หลินหัวเราะ นิ้วเรียวยาวลูบขอบถ้วยชา แล้วค่อยๆเอ่ยว่า : "อืม นี่ฉันรู้แล้ว เพียงแต่ตามที่ฉันเข้าใจ บริษัทSMในต่างประเทศ ความสามารถทางธุรกิจจริงๆแล้วก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ใช่ไหม? นายแบบนางแบบและนักแสดงมากมายภายใต้การบริหารของหนิงกรุ๊ป ก็บ่นเกี่ยวกับ SM เยอะมาก ต้องแอบพากันไปหาช่างแต่งหน้าข้างนอก เช่นนี้ หึ……คุณนายหน้งจะไม่เคยได้ยินมาบ้างเลยเหรอ?"
พูดจบเธอก็หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดมุมปาก เอนหลังพิงแล้วกอดอก "แต่บริษัทซีเอกซ์ของเรา อยู่ทางด้านนั้นก็ได้รับคำสรรเสริญอย่างมาก บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หลายแห่งแย่งชิงที่จะมาร่วมมือ ความร่วมมือของเรากับหนิงกรุ๊ป ก็เป็นบริษัทของคุณที่เสนอมา ไม่ใช่ความคิดริเริ่มของฉัน"
จุดจุดนี้ ที่เธอพูดก็เป็นความจริง ถึงแม้ว่าหนิงเส่าเฉินจะไม่ได้เอ่ยออกมาเอง แต่เธอก็ถูกหนิงเส่าเฉินเตือนสติ เขาบอกเธอว่า จะตีงูต้องตีที่จุดสำคัญ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง นอกจากครอบครัวของฝ่ายชายจะสำคัญแล้ว การงานก็ต้องสำคัญด้วย
เพียงแต่เธอได้แต่พายเรือตามน้ำก็เท่านั้น
สีหน้าเกาเหวินเปลี่ยนไปมาก การแสดงออกของผู้หญิงคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดโกหก ในใจก็โกรธหนิงเส่าเฉินเล็กน้อย เรื่องใหญ่ขนาดนี้คาดไม่ถึงว่าจะไม่ปรึกษาเธอเลย
โกรธที่เขาให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้
แต่บริษัทซีเอกซ์นั้น อันที่จริงสองปีมานี้ก็แซงหน้าบริษัทSMไปหลายขั้น นักแสดงหลายคนที่เซ็นต์สัญญากับพวกเขา กล่าวกันว่า ก็แอบไปหาซีเอกซ์ทางด้านนั้น
ถึงแม้ก้นบึ้งหัวใจจะไม่ยอมรับ เขาก็ต้องยอมรับ
ในฉับพลันเธอเหมือนจะนึกอะไรออก เลยมองพิจารณาเย่หลิน "หนิงกรุ๊ปจะร่วมมือกับคุณเพราะอะไร คุณกับฉันก็รู้อยู่แก่ใจ เพียงแต่ผู้ชาย? ก็ชอบของสดๆใหม่ๆไม่ใช่เหรอ? คุณเย่อย่าทะนงตัวเกินไปเลย" พูดถึงตรงนี้ ในแววตาเธอมีความเหยียดหยามเล็กน้อย
เย่หลินยิ้มมุมปาก ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริงๆ ต้องการใช้ด้านนี้เพื่อข่มเธอ
ถ้าเป็นหลายวันก่อน สักครู่นี้เธอน่าจะกระดากอายไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว
"ของสดใหม่? เช่นนั้นฉันก็ไม่สดใหม่แล้วจริงๆ ถึงอย่างไรก็มีลูกแล้ว ได้ยินมาว่าคุณนายหนิง ยังไม่มีลูกใช่ไหม? น่าจะสดใหม่กว่าฉันมาก" พูดจบ เธอก็ปิดปากหัวเราะ
การเย้ยหยันถากถางของเธอนั้น ทำให้ในใจเกาเหวินโกรธจนแทบบ้าคลั่ง ข้อห้ามของเธอก็คือห้ามคนอื่นเอ่ยถึงลูกต่อหน้าเธอ ในฉับพลันก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ "คุณมันหน้าด้าน เคยมีลูกมาแล้วยังจะมาคบกับผู้ชายไปทุกหนทุกแห่ง"
เย่หลินยักไหล่ "ฉันหน้าด้าน? หากไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่นได้ คุณเอาใจใส่สามีได้ไม่ดี ยังจะมาโทษฉันได้อย่างไร?" พอพูดจบ ก็ก้มหน้ามองไปที่หนังสือ ความหมายนั้นชัดเจนมาก คือไม่อยากสนใจเธออีกแล้ว
ตอนนี้เกาเหวินอดกลั้นสีหน้าไว้ไม่อยู่ หัวเราะออกมา "คุณคิดว่าเขาชอบคุณจริงๆเหรอ ฉันจะบอกคุณให้ว่าเขามีผู้หญิงในใจอยู่แล้ว ชั่วชีวิตนี้ คุณก็อย่าแม้แต่จะคิดว่าเขาจะตกหลุมรักคุณจริงๆ" น้ำเสียงเธอไม่ค่อยดีมีอารมณ์โกรธเล็กน้อย
เย่หลินพึงพอใจกับปฏิกิริยาโต้ตอบนี้ของเธอ เธอก็รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร เฉินเป้ยอีนะเหรอ เธออะเหรอ
เพียงแต่ในหัวก็มีความคิดขึ้นมา เธอแกล้งเงยหน้าขึ้นถามอย่างตกใจ : "มีผู้หญิงในใจ? หรือว่าจะเป็นคุณนายหนิง?"
เกาเหวินเห็นสีหน้าของเธอ รู้สึกสบายใจอย่างมาก ดูท่าทีของเธอก็เหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องราวของเฉินเป้ยอี เธอนั่งลงอีกครั้งแล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า : "แน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคนคนหนึ่งที่ตายไปแล้ว"
เย่หลินก้มหน้า ตายไปแล้ว ใช่สิเฉินเป้ยอีตายไปแล้ว
แต่เย่หลินมีชีวิตกลับคืนมา
อันที่จริง เดิมทีเธอไม่เคยคิดว่าจะต้องมาฉีกหน้ากับเธอตั้งแต่วันแรกที่กลับมา แต่เธอต้องการยั่วโมโหเธอ ไม่มีทางเลี่ยง ทำได้เพียงกำหนดแผนล่วงหน้านี้
กระแอมเบาๆ จงใจพูดด้วยเสียงเบาๆ "ไม่เป็นไร หัวใจไม่ได้อยู่กับฉัน คนอยู่ที่นี่กับฉัน ฉันก็เพียงพอแล้ว ดีกว่า คนบางคน ทั้งคนและใจ ล้วนไม่มีเลย ถูกไหม?"
"คุณ…..ได้ ฉันจะรอดูว่าคุณจะถูกเขาทอดทิ้งอย่างไร" พูดจบ เธอก็ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าที่อยู่ข้างตัว แล้วเดินออกไป
โบกรถคันหนึ่ง แล้วไปที่เกากรุ๊ปโดยตรง
"พ่อ ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวแล้ว? ทำยังไงดี?" มาถึงห้องพ่อเกา เกาเหวินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
ปากกาในมือของพ่อเกาแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ ขมวดคิ้ว "หมายความว่าอะไร?"
"ก็คือ…..ก็คือผู้หญิงคนนั้นที่ให้กำเนิดหนิงเสี่ยวซี คาดไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะกลับประเทศแล้ว ฉันพบเธอที่หนิงกรุ๊ป ไม่นึกเลยว่าเธอจะยอมรับว่าตนเองและหนิงเส่าเฉินอยู่ด้วยกัน….."
"ปัง"ตบปากกาลงบนโต๊ะอย่างแรง พ่อเกาลุกขึ้นยืน จ้องมองเกาเหวินด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมอำมหิต "คุณไปหาเธอเหรอ?"
ท่าทางของพ่อทำให้เกาเหวินตกใจ เธอลดเสียงลง "ฉัน ฉันอยากจะไปลองหยั่งเชิงเธอสักเล็กน้อย คาดไม่ถึง ว่าเธอจะหน้าไม่อายขนาดนั้น คาดไม่ถึงว่าจะยอมรับ……."
"เพียะ….." พ่อเกาตบหน้าของเธอจนสะบัด "คุณนี่มันโง่จริงๆ!"
เกาเหวินถูกพ่อเกาตบจนล้มลงกับพื้น ครู่ใหญ่จึงตะเกียกตะกายขึ้นมา "พ่อ ฉัน….."
พ่อเกาเดินเข้าไปสองสามก้าว นั่งยองๆลงตรงหน้าเกาเหวิน มือใหญ่ๆบีบที่คอเกาเหวิน "ครั้งที่แล้ว ใครอนุญาตคุณให้นำหนังสือโอนหุ้นนั้นยกให้กับหนิงเส่าเฉิน? ฉันจะบอกคุณให้นะ ถ้าต่อไปคุณทำลายเงินของฉันให้สูญเปล่า ฉันก็จะไม่ไว้ชีวิตคุณ ทางที่ดีคุณก็ช่วยไตร่ตรองให้ชัดเจนด้วย"
พูดจบ ก็สลัดเธอออก
"พ่อ….พ่อ ฉันเป็นลูกสาวคุณนะ? คุณ….คุณต้องแนะนำฉันสิ ว่าฉันควรจะทำยังไง? ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้น่าจะยังไม่รู้เรื่องของหนิงเสี่ยวซี ถ้าให้เธอรู้ อย่างนั้นเส่าเฉินเขา……"
"เส่าเฉินเส่าเฉิน ชีวิตคุณขาดผู้ชายคนนี้ไปจะตายหรือไง?" พ่อเกาที่เดิมทีถูกความโกรธทำให้ขาดสติอยู่แล้ว ได้ยินเธอเอ่ยถึงหนิงเส่าเฉินอีก จึงอดไม่ได้ที่จะตัดบทเธอ
เกาเหวินเห็นสภาวะอารมณ์ของพ่อแย่มาก จากนั้น ก็ไม่เต็มใจที่จะพูดให้มากความอีก
ตั้งแต่พ่อรู้ว่าเธอนำหุ้นนั้นโอนคืนให้กับหนิงเส่าเฉิน หลายปีมานี้ ท่าทีที่มีต่อเธอ นับวันก็ยิ่งแย่ลง
บางครั้ง เธอก็รู้สึกเศร้าอย่างมาก ที่แท้ในใจของพ่อ ตนเองก็ไม่ได้มีความสำคัญไปกว่าทรัพย์สินเงินทอง
ร้านกาแฟ
เมื่อเกาเหวินก้าวเท้าออกไป
หนิงเส่าเฉินก็เดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ในสายตาเห็นเย่หลิน มุมปากก็มีรอยยิ้ม อันที่จริงเขาก็ตามหลังเกาเหวินมาไม่นานเท่าไรนัก พอเข้ามา เห็นคนทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกัน เขาอยากจะดูว่า เย่หลินจะรับมือกับเกาเหวินอย่างไร ก็เลยหาตำแหน่งนั่งลงในแถวเดียวกันกับพวกเธอ แต่มีฉากกั้น พวกเธอต่างก็ไม่เห็นเขา
เดิมทีเขาคิดว่า ถ้าเย่หลินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเกาเหวิน เขาจึงจะออกมือช่วยเธอแก้ไขปัญหาโดยไม่แคร์ แต่ไม่คาดคิด เย่หลินของเขา ก็มีด้านหนึ่งที่ร้ายกาจ
"ไม่เลว! เย่หลินของฉัน มีการพัฒนาขึ้นมาก" หันมาตามเสียงที่คุ้นเคย รูปร่างที่สูงใหญ่นั่งลงด้านตรงข้าม คราบกาแฟนั้น ถูกชำระจนสะอาดแล้ว แต่ร่องรอยความชื้นที่อยู่บนโต๊ะ ได้เตือนสติเย่หลิน ว่าเมื่อกี้เกาเหวินได้เข้ามา