เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 133 ความเป็นจริง
"หยูจี้ คุณรู้ไหม ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงรู้จักตัวตนของฉันได้?"
ถึงแม้ว่าเขาจะให้เธอกับหนิงเสี่ยวซีตรวจสอบความสัมพันธ์กัน
แต่การที่จะคาดเดา ว่าเธอคือเฉินเป้ยอีคนเดิม ก็ค่อนข้างไม่มีข้อมูลหลักฐาน ถึงอย่างไร เฉินเป้ยอีก็ตายไปแล้ว
สองสามวันมานี้ เธอคิดเกี่ยวกับปัญหานี้มาตลอด ส่วนข้อมูลชูหยูจี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว
"ฮัลโหล หยูจี้ คุณฟังฉันอยู่ไหม?"
"ฉันบอกเขาเอง" ชูหยูจี้พูดเสียงเบา
เย่หลินขมวดคิ้ว "ทำไมล่ะ?" ในตอนแรกที่เธอคลอดเย่เสี่ยวโม่ เธอกำลังเผชิญหน้ากับความตาย เขาก็ไม่ได้แจ้งให้เธอทราบ เพราะว่าเขาเข้าใจเธอดี เขารู้ถึงความมุ่งมั่นของเธอ แล้วทำไมสี่ปีต่อมา จู่ๆถึงได้บอกเขา?
"เย่จึ ถ้าคุณปล่อยวางได้จริงๆ ทำไมคุณถึงกลับมาจากคุณตาของคุณล่ะ? คุณพาเสี่ยวโม่ไปใช้ชีวิตทั้งหมดทางด้านนั้นก็ได้ไม่ใช่เหรอ?"
เย่หลินอ้าปากค้าง คิดอยากจะอธิบาย แต่พบว่าไม่มีคำที่จะพูด ที่ชูหยูจี้พูดก็ไม่ผิด
"วันนั้น เขาเอาผลรายงานความสัมพันธ์ของคุณกับเสี่ยวซีมาถามฉัน ว่ารู้ความสัมพันธ์ของคุณกับเสี่ยวซีมาก่อนแล้วใช่ไหม ฉันก็เลยยอมรับ ต่อจากนั้นเราก็ดื่มเหล้าด้วยกัน เย่จึ คุณรู้ไหมพี่ชายของฉัน อยากจะดื่มเหล้าให้ตาย ห้ามก็ห้ามไม่อยู่ จากนั้น เขาก็ดื่มจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด ฉันตกใจมากจริงๆ แต่การแสดงออกของเขาดูเป็นปกติมาก ฉันเลยคิดว่าเรื่องอย่างนี้ น่าจะไม่ใช่ครั้งแรก……”
"หลังจากนั้น เราเคยพักด้วยกันหนึ่งคืน ฉันเห็นว่าเขากินยาเยอะมาก จึงจะสามารถหลับได้ ฉันไม่รู้ว่านั่นคือยาอะไร จากนั้นก็ไปถามหลิวซูจึงรู้ว่า เขาจำเป็นต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้ถึงจะหลับลงได้" ชูหยูจี้พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็สะอื้นเล็กน้อย เวลานั้นเขาตกใจมากจริงๆ ด้วยความมั่งคั่งและเล่ห์เหลี่ยมของพี่ชาย เดิมทีแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานใจได้ขนาดนี้ มีเพียงอย่างเดียว ก็คือเฉินเป้ยอี
แม้ว่าชูหยูจี้จะพูดเหมือนกันกับหลิวซู แต่พอได้ฟังอีกที เย่หลินก็ยังคงหลั่งน้ำตาด้วยความทุกข์ใจ เธอคิดที่จะจากไป เพื่อให้ดีต่อทุกคน แต่ไม่นึกเลยว่า เธอเจ็บ ผู้ชายคนนี้ก็เจ็บยิ่งกว่าเธอ
อย่างน้อยเธอยังสามารถได้เห็นเขา รู้สถานการณ์ของเขา แต่ว่า เขาต้องแบกรับความกดดันเพราะคนที่เขารัก ได้ตายจากไปเพราะเขา
หลายปีมานี้ บางทีเธอคงจะคิดผิดจริงๆ การรักใครสักคนหนึ่ง ถ้าเพียงแค่ใช้เวลาก็สามารถลืมได้ นั่นอาจจะไม่ใช่ความรัก
"เย่จึ ฉันบอกความจริงกับเขา ฉันต้องการโอกาสให้พวกคุณอีกสักครั้ง สี่ปีก่อน ฉันคิดว่าฉันรักคุณมากกว่าพี่ชาย แต่ในขณะนี้ ฉันรู้สึกว่าเทียบเขาไม่ได้เลย เขาสละชีวิต เพื่อมารักคุณ……” คำที่เหลือเย่หลินก็ไม่ได้ฟังอีกต่อไปแล้ว
เธอทิ้งโทรศัพท์ในมือ แล้ววิ่งออกไปด้านนอก บรรยากาศทางด้านนี้ อุณหภูมิตอนกลางวันกับกลางคืนมีความแตกต่างกันมาก แม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่ว่า อุณหภูมิในตอนกลางคืนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 องศา เขาสวมเสื้อผ้าที่บางมาก และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
แต่ว่า เมื่อเธอออกจากประตูไป ผู้ชายเมื่อกี้นี้ก็ได้หายไปแล้ว รวมถึงรถสีดำคันนั้น
เธอสูดหายใจเข้า ขึ้นไปข้างบน หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขก่อนหน้านั้น เพราะว่าความตื่นเต้น มือจึงสั่นเทาตลอด
แต่โทรศัพท์ปิดเครื่อง
เธอคิดๆเล็กน้อย แล้วเริ่มค้นดูรายชื่อที่ติดต่อ ค้นเจอเบอร์ของหลิวซู ก็ปิดเครื่องเช่นกัน
ทันทีก็กระวนกระวายใจ กังวลว่าเขาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
คิดๆดูแล้วก็เก็บโทรศัพท์ คว้ากระเป๋า ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า โบกรถไปโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว เมื่อถึงที่ก็ตีสองกว่าแล้ว
บนเตียงผู้ป่วยว่างเปล่า ชัดเจนมากว่าเขาไม่ได้กลับมา
"คุณมาหาคุณผู้ชายคนนั้นเหรอ?"
เย่หลินนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วพยักหน้า "เมื่อกี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาล บอกว่าเขามีธุระกลับประเทศไปแล้ว"
กลับ….กลับประเทศไปแล้วเหรอ? เขานี่โง่จริงๆ ป่วยรุนแรงขนาดนั้น ยังจะกลับประเทศอีก ตกลงมันเกิดเรื่องอะไร ถึงได้ไม่ห่วงชีวิตขนาดนี้?
ยืนทึมทื่ออยู่ที่โรงพยาบาลชั่วโมงกว่า สติเลอะเลือน เย่หลินไม่ได้นั่งรถกลับบ้าน แต่ตรงไปยังบริษัท
เอนตัวลงบนโซฟาที่ห้องทำงาน หลับไปครู่หนึ่ง
เมื่ออู่เล่อเล่อเปิดประตูมาจัดเก็บของที่ทำงานแทนเธอ เห็นเธอหลับอยู่บนโซฟา ก็แปลกใจเล็กน้อย
"เล่อเล่อ คุณมาแล้วเหรอ?" เพราะในใจมีความเป็นห่วง เธอจึงหลับได้ไม่สนิท
อู่เล่อเล่อมองเธอ โน้มตัวเข้าใกล้หูของเธอแล้วกล่าวว่า: "ฉันเพิ่งมา มีผู้หญิงสองคนมาหาคุณ หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นลูกค้าของบริษัทพวกเรา คนทั้งสองสีหน้าไม่ค่อยดี ฉันจัดการให้พวกเธอรอในห้องรับแขก คุณว่าต้องไปพบไหม?" หยุดชั่วขณะ หลังจากนั้นก็กล่าวว่า: "ดูท่าแล้วไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก"
เย่หลินกลับนึกถึงเกาเหวิน บอกตามตรงภายในใจรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย
แต่เรื่องบางเรื่อง จะหลีกหนี ก็คงหนีไปไม่พ้น
เธอพยักหน้ากับอู่เล่อเล่อ ลุกขึ้นนั่ง ไปห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเล็กน้อย แล้วจึงไปที่ห้องรับแขก
"น้องสาว นั่นคือเธอ" เสียงของเหอหลิง เจาะจงอย่างมาก เย่หลินไม่ต้องเห็นคนก็รู้ได้ แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเธอถึงเข้ามา คิดถึงหนิงเส่าเฉิน เธอก็อยากจะเอ่ยปากถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
"เป้ย เป้ยอี?" เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง แสงที่ไม่ชัดเจนทำให้สายตาของเธอปรับตัวไม่ได้ชั่วขณะ เธอได้ยินใครบางคนเรียกชื่อนั้นของเธอที่ไม่เคยได้ยินมานานมากแล้ว เสียงที่คุ้นเคยทำให้เย่หลินกำมือถือแน่น หลับตา ปรับอารมณ์ต่างๆเล็กน้อย แล้วจึงลืมตา สายตาตกอยู่ที่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ หยุดชะงักอยู่นาน จึงเอ่ยปากว่า: "อาจารย์?"
"ประธานเย่ คุณรู้จักด้วยเหรอ?" อู่เล่อเล่อกระซิบถามอยู่ข้างๆ
เย่หลินพยักหน้า แต่อารมณ์ภายในใจแปรปรวนอย่างรุนแรง นอกจากชูหยูจี้และอ้ายหมี่แล้ว ก็มีเพียงเหอเฟยเท่านั้นที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ
ในดวงตาเหอเฟยตกตะลึง เธอกลืนน้ำลายลงคอไม่หยุด หันตัวกลับ บอกกับเหอหลิง เธอเอ่ยปากว่า: "พี่ คุณหยิกฉันหน่อยสิ"
เหอหลิงไม่เข้าใจว่าเธอหมายความว่าอะไร แต่ก็ยังทำตาม ใช้แรงหยิกที่บนใบหน้าเหอเฟยเล็กน้อย เหอเฟยร้อง"โอ๊ย" ต่อจากนั้น เธอก็เดินเข้าไปโอบกอดเย่หลิน
"อาเฉินบอกว่า คุณตายไปแล้ว ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น นี่คุณ….นี่คุณ…." เธอถูกความดีใจทำให้สมองเบลอ พูดจาสับสนวกวนไปมาเล็กน้อย เมื่อคืนวาน เธอยังคิดว่าอาจจะเป็นเพียงคนหน้าคล้ายกันก็เท่านั้น
"พอดีฉันมาหาพี่สาวเพื่อเที่ยวพักผ่อน เมื่อวานเกาเหวินส่งรูปมาให้พี่สาวฉัน บอกว่าคุณกับอาเฉินอยู่ด้วยกัน" พูดจบ เธอก็เดินวนไปครึ่งห้อง แล้วหยุดอยู่ข้างๆเย่หลิน เอ่ยปากอย่างช้าๆว่า: "แต่ว่า อาเฉินบอกว่าคุณตายไปแล้ว ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?" เธอพูดช้ามาก เบามาก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งหมดฟังได้อย่างชัดเจน
เหอหลิงหันมาทันที มองเหอเฟย "น้องสาว คุณก็รู้จักเธอเหรอ?"
เหอเฟยหันไปตบเบาๆที่บ่าของเหอหลิง แล้วพยักหน้า
"ด้านหน้าฉันเห็นว่ามีโรงน้ำชา เป้ยอี ถ้าเวลานี้คุณไม่มีธุระล่ะก็ พวกเราเข้าไปนั่งด้วยกันได้ไหม?"
เย่หลินยกมุมปากขึ้น พยักหน้ากับเธอ เธอรู้ว่ามีเรื่องบางเรื่อง ที่อาจจะเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่แล้ว
เมื่อมาถึงโรงน้ำชา คนทั้งสามก็นั่งลง ชัดเจนว่าเหอหลิงยังไม่คืนสติจากการตกตะลึงเมื่อกี้
"พี่ เธอเป็นแม่ของหลานชายคุณ" เหอเฟยไม่รอให้คนทั้งสามได้นั่งสนิทดี ก็เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง
ในสายตาที่ใสสะอาดของเหอหลิงนั้น เต็มไปด้วยความประหลาดใจ