เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 128 เย่หลินนัดดูตัว
เย่หลินก้มหน้า ปิดบังความเจ็บปวดในแววตา "ใช่ เมื่อวานคุณก็เห็นแล้ว คุณตาของฉัน เป็นเจ้าของเกาะเหลียนอู้ แล้วจะมีเรื่องอะไรยากเกินที่ฉันจะทำได้?"
เธอพูดจบก็ยิ้มอย่างภูมิใจ ทอดถอนหายใจที่โชคชะตานี้ช่างจัดการได้ชาญฉลาดจริงๆ การปรากฏตัวที่คาดไม่ถึงของคุณตา มันทำให้เธอมีเรื่องราวมากมาย
พูดได้ง่ายมาก แต่มีเพียงตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้ ว่าใจของเธอแสนเจ็บปวดแค่ไหน
เพียงแค่หนิงเส่าเฉินมีเกาเหวินอยู่ เราก็ไม่สามารถมีความสุขกันได้อย่างแท้จริง ฉะนั้นลืมเฉินเป้ยอีไปซะเถอะ!
ออกมาจากร้านน้ำชามาถึงบริษัท เดินทางเพียงสองสามนาที แต่เย่หลินเหมือนเดินมาสองสามปีแล้ว ช่างดูเนิ่นนานมาก
เธอรู้สึกได้ว่า ด้านหลังมีสายตาที่จ้องมองเธออยู่
เธอสามารถรู้สึกได้ ว่าสายตานั้นดูสิ้นหวัง
แต่ไม่สามารถหันกลับไปมองได้ มิเช่นนั้น ความเจ็บปวดทรมานในสี่ปีมานี้ มันจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกเหรอ?
หลังจากที่กลับมาถึงบริษัท เธอขังตนเองอยู่ในห้องน้ำ ร้องไห้จนเสียงแหบแห้งแล้วจึงค่อยๆเดินออกมา
จากนั้นเธอก็ส่งข้อความถึงชูหยูจี้ "หยูจี้ เพื่อนร่วมชั้นของคุณครั้งที่แล้วคนนั้น ยังโสดอยู่ไหม?"
"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆถึงได้นึกถึง? โสดนะ เห็นยังเอ่ยถึงคุณบ่อยๆ" ชูหยูจี้ส่งข้อความกลับอย่างรวดเร็ว
"ไม่มีอะไร แค่อยากใช้โอกาสตอนอายุน้อยๆ หาใครสักคนให้เร็วๆหน่อย" เมื่อพิมพ์คำเหล่านี้ น้ำตาก็หยดลงบนหน้าจอมือถือ
โอเค ฉันจะนัดเวลาให้คุณ"
"พรุ่งนี้เลยได้ไหม?"
ชูหยูจี้ไม่ได้ส่งข้อความกลับ ผ่านไปสักพักก็โทรกลับมา
เย่หลินกระแอมสองที แล้วก็กลืนน้ำลาย ทำให้คอโล่ง จึงรับสาย
"สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น?"
"เปล่า"
"พี่ชายฉันมาหาคุณใช่ไหม?"
นี่คือชูหยูจี้ เขามักจะเข้าอกเข้าใจเธอ เย่หลินกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ออกมา จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องตอนเช้า อย่างคร่าวๆให้ชูหยูจี้ฟัง
โทรศัพท์ทางด้านนั้นเงียบไปนาน จึงมีเสียงชูหยูจี้ออกมา "เย่จึ ในตอนนั้นมันไม่ใช่ความผิดของคุณทั้งหมด คุณอย่าผูกเรื่องราวไว้กับตัวเองสิ"
ไม่ใช่ความผิดของเธออย่างนั้นเหรอ? ทำไมจะไม่ใช่ความผิดของเธอ?
"คุณรีบนัดให้ฉันหน่อยนะ คุณไม่อยากให้ฉันเป็นโสดไปตลอดชีวิตใช่ไหม ถ้าครั้งนี้คุณไม่ช่วยฉัน ต่อไปก็อย่ามาพูดกับฉันอีก" เธอนวดๆตาที่เจ็บเล็กน้อย
"ถ้าคุณสนใจจริงๆ มาแต่งงานกับฉัน คุณก็สบายไปแล้ว" ชูหยูจี้หัวเราะ เย่หลินยิ้มแหยๆอย่างทำอะไรไม่ถูก อันที่จริงเธอก็รู้ว่าชูหยูจี้ชอบเธอมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เธอไม่เคยยอมรับมันก็เท่านั้น
วันต่อมา
ในร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเมือง เธอนัดดูตัวครั้งแรกในชีวิต
อีกฝ่ายคือเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัยของชูหยูจี้ เป็นนายแบบและนักแสดงระดับนานาชาติ ตอนเธอไปแต่งหน้า ก็เลยได้รู้จักกัน หลังจากนั้นก็ไล่ตามเธออยู่พักหนึ่ง เพราะว่าในใจปล่อยวางจากหนิงเส่าเฉินไม่ได้ เธอก็เลยมีท่าทีเย็นชาตลอด จากนั้นก็มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยง คนคนนั้นน่าจะเข้าใจความหมายของเธอ เป็นเวลานานที่ไม่ปรากฏตัวอีกเลย
หลายปีมานี้ คนที่เข้ามาจีบก็มีไม่น้อย กระทั่งเลือกผู้ชายคนนี้ เพราะการประเมินค่าที่ค่อนข้างสูงของชูหยูจี้ ถ้าต้องการได้เป็นสามีจริงๆ หาคนที่รู้รากเหง้าก็ไม่เลวนะ
"เย่หลิน ต้องขอโทษด้วย นักข่าวเหล่านั้นสามารถแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่จริงๆ บังคับให้ฉันต้องวิ่งขึ้นมาทางบันไดหนีไฟ" ลมหายใจที่ค่อนข้างเร็วของชายคนนั้นดังเข้ามาจากด้านหลัง
เย่หลินเงยหน้า โค้งมุมปากขึ้น เขานั่งลงตรงข้ามกับเธอ ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้ม หูและริมฝีปาก ใส่ตุ้มหูสีดำ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูไม่แก่ ถ้าไม่รู้ว่าเขาและชูหยูจี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าโคแก่กินหญ้าอ่อน นี่เหมือนผู้ชายที่อายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดที่ไหนกัน นี่มันเด็กมัธยมชัดๆว่าไหม?
ห้องอาหารอยู่ไม่ไกล มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงยาวเข่าดี สีหน้าเคร่งขรึม เมื่อสายตามองไปยังชายหญิงคู่นี้ที่อยู่ที่โต๊ะ ดวงตานั้นก็ปรากฏความน่ากลัวขึ้นมา
"ได้ยินหยูจี้บอกว่า คุณกำลังเข้าร่วมการแข่งขันนางแบบระดับโลกใช่ไหม? พอรู้มาก่อน ก็เลยเปลี่ยนวันนัดคุณ"
"อย่าเลย การแข่งขันนางแบบเช่นนั้น สามารถเทียบกับคุณได้เหรอ? สำหรับโม่หานคนนี้ เรื่องของคุณเย่หลิน นั่นเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก"
ไม่ผิด ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าชื่อโม่หาน ชื่อเหมือนกันกับเย่เสี่ยวโม่ของพวกเขา ดังนั้นครั้งแรกที่ได้พบเขา ผู้ชายคนนี้ก็บอกกับเธอว่า เขาและเธอมีวาสนาต่อกัน เธอยิ้มอย่างหยอกล้อกับเขา น่าจะมีวาสนากับเย่เสี่ยวโม่นะ
เย่หลินฉีกยิ้ม "สั่งอาหารไหม? อยากทานอะไร?" ความจริงใจของผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองไม่มีศีลธรรมอย่างมาก
ทานอาหารมื้อหนึ่งไปแล้ว จู่ๆเย่หลินก็พบว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามีอารมณ์ขันอย่างมากจริงๆ สามารถเป็นศิลปินได้ เขาสามารถทำให้เธอสนุกสนานด้วยการแสดงออกและน้ำเสียงที่หลากหลาย
เธอเป็นคนคุยเก่งคนหนึ่งกับคนที่คุ้นเคย แต่ต่อหน้าคนแปลกหน้า ก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ไม่ได้มองหาหัวข้อสนทนาเป็นพิเศษ ดังนั้นเดิมทีความเป็นกังวลที่เขินอายและเงียบสงบ เวลานี้ก็ผ่อนคลายลงมา
แล้วยังเปลี่ยนเป็นความประทับใจที่มีต่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วย
"ไปเถอะ เดี๋ยวต้าโม่จะส่งคุณกลับไปหาเสี่ยวโม่" เห็นเธอดูเวลา โม่หานก็เอ่ยปาก
"อย่างนั่นก็รบกวนคุณแล้ว" เย่หลินลุกขึ้น กำลังเตรียมจะหยิบกระเป๋า โม่หานก็แย่งถือไว้ในมือก่อน "ฉันเอง"
หลังจากนั้นก็ถอยออกด้านข้างอย่างสุภาพบุรุษ แสดงเจตนาให้เย่หลินเดินก่อน
เพราะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นพอทานข้าวเสร็จ เธอก็ดื่มไวน์เพียงเล็กน้อย ความสามารถในการดื่มไวน์ของเธอไม่ดีมาโดยตลอด เพียงแก้วเดียวก็เมาแล้ว
ฉะนั้นเวลานี้ แอลกอฮอล์อาจจะกำลังขึ้นมา จึงเวียนหัวเล็กน้อย เท้าที่ก้าวเดินก็ซวนเซเล็กน้อย
เห็นเช่นนี้แล้ว โม่หานก็ยื่นแขนออกไป โอบที่ไหล่ เพียงแค่ประคองเธออย่างสุภาพ ไม่ได้มีการกระทำที่ฉวยโอกาส
คนทั้งสองเดินไปยังตำแหน่งที่ตั้ง บังเอิญเผชิญหน้ากับหนิงเส่าเฉิน หลิวซูเห็นการกระทำของคนทั้งสอง ก็มองผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามโดยจิตสำนึก ในใจเคียดแค้นผู้หญิงคนนี้เล็กน้อย หลายปีมานี้หนิงเส่าเฉินต้องผ่านคืนวันอะไรมา เขาย่อมรู้ชัดเจนดี
ความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงคนนี้ เป็นความรักโดยแท้จริง ดังนั้นจึงไม่ยุ่งกับผู้หญิงอื่น แล้วก็ไม่ให้โอกาสผู้หญิงได้มายุ่งกับเขา แต่เธอล่ะ?
หนิงเส่าเฉินไม่เชื่อว่าเวลานั้น เธอจะไม่มีความรักความผูกพันใดๆกับเขาเลย เขาไม่เคยเชื่อ แต่เวลานี้ ในใจของเขาชักไม่ค่อยแน่ใจแล้ว
หนิงเส่าเฉินเห็นภาพที่ประคองกันนั้นเข้ามาใกล้ตนเอง ก็ขมวดคิ้วแน่น อารมณ์แปรปรวน บุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วเพราะด้วยเวลาที่นานแล้วไม่ได้ดีดขี้บุหรี่ออก จึงตกลงมาบนหลังมือของเขาแต่เขากลับไม่รู้เนื้อรู้ตัว
คนทั้งสองเลี้ยวขวา ผ่านไป จากตำแหน่งที่คนทั้งสองนั่ง เดินไปยังหน้าประตู
"เป้ยอี"
เสียงที่เรียกเป้ยอีนั้น ไม่ดังไม่เบา พอดีที่ทำให้เย่หลินได้ยิน ตอนแรกเธอตกใจ ต่อจากนั้นในสมองก็ว่างเปล่า กระทั่งเธอสามารถได้ยินเสียงลมหายใจที่ถี่ของตนเอง
สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพ่นออก หลับตาแล้วลืมตาอีกครั้ง เธอมองไปยังโม่หาน "ไปเป็นเพื่อนฉันเข้าไปทักทายหน่อย ได้ไหม?"