เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 118 เย่เสี่ยวโม่ เขาคือพ่อของหนู
หลังจากเย่หลินเข้าไป ก็ไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เตรียมจะเปลี่ยนชุดทำงาน เพียงแต่ เสื้อคลุมยังไม่ทันได้ถอดออก
"พูดเรื่องเมื่อวานมาให้ชัดเจน" จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นข้างๆหูอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้เย่หลินตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย เธอหันกลับไป เห็นเย่เส่าเฉินยืนสองมือล้วงกระเป๋า อยู่หน้าประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็อดไม่ได้ที่จะตบๆหน้าอก "คุณ……คุณทำให้คนตกใจแทบตายเลยนะ?"
"อย่าเปลี่ยนประเด็น พูด เมื่อ 9 ปีก่อน คุณให้กำเนิดเด็กไปเมื่อไหร่?"
เย่หลินเงยหน้า กระพริบๆตามองหนิงเส่าเฉิน แกล้งทำสีหน้าตกตะลึงไม่เข้าใจแล้วพูดว่า "คุณผู้ชาย ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไร……”
ท่าทางนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังจะบอกหนิงเส่าเฉินว่า ก่อนหน้านี้เธอโกหก
เวลานี้ หลิวซูรีบเดินมาจากด้านนอก นำโทรศัพท์มาส่งให้หนิงเส่าเฉิน "นี่คือทางด้านนั้นส่งมา เป็นข้อมูลของเธอ"
หนิงเส่าเฉินรับโทรศัพท์มา กวาดสายตามอง แล้วขมวดคิ้วแน่น "ข้อมูลนี้ไม่ผิดพลาดจริงๆหรอ?"
หลิวซูพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง "อีกฝ่ายมีชื่อเสียงและศักยภาพในการทำงาน ไม่ผิดพลาดแน่นอน"
หนิงเส่าเฉินคืนโทรศัพท์ให้หลิวซู ทางด้านนี้ เดินเข้า นิ้วเรียวยาวยื่นไปบีบคิเย่หลิน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : "คาดไม่ถึงว่าคุณจะกล้ามาเล่นกับฉัน คุณใจกล้าไม่เบา……”
เย่หลินรู้สึกได้ถึงการหายใจที่ลำบากยิ่งขึ้น หนิงเส่าเฉินคนนี้บไปแล้วหรอ คิดจะบีบคอเธอจริงๆหรอ? เธอออกแรงง้างมือของเขา ทว่าก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
ไม่นาน เธอก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำ พระเจ้า หนิงเส่าเฉิน คุณต้องการบีบคอฉันให้ตาย ลูกสาวคุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า
เมื่อเธอคิดว่าตนเองจะต้องตายอย่างแน่นอน ฉับพลันหนิงเส่าเฉินก็สลัดเธอออกไป เธอโซเซ ล้มลงบนพื้น
"แค่ก……แค่ก……” ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเข้าใจเขา เวลานี้ เธอจะต้องรู้สึกว่าหนิงเส่าเฉินเป็นคนเลว แค่พูดโกหก จำเป็นต้องลงมืออย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้เลยหรอ?
"ฉันดูว่า คุณไม่ต้องการบริษัทของคุณอีกแล้ว ใช่ไหม?" เขาพูดอย่างเรียบๆ แต่แววตาเผยให้เห็นความเย็นชา แต่เป็นการแจ้งให้เย่หลินทราบ ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
"เมื่อวานก็เพราะว่าลูกฉันมีไข้สูง ฉันเลยจนปัญญา พระพุทธเจ้าตรัสว่า ช่วยคนหนึ่งชีวิต……?”
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?" หันกลับไป มองหลิวซูที่อยู่ไม่ไกล พูดว่า : "เตรียมการรับซื้อบริษัทแห่งนี้"
คำพูดของหนิงเส่าเฉินทำให้เย่หลินเหมือนตกนรก
เธอลุกขึ้นยืนโดยแทบไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด เดินไปข้างหน้า ดึงแขนของหนิงเส่าเฉิน ขมวดคิ้ว "ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้? ใช่ เมื่อว่าฉันไม่ควรโกหกคุณ แต่ว่า ฉันไม่มีทางเลือก ฉันไม่พูดแบบนั้น คุณก็ไม่ให้ฉันขึ้นรถใช่ไหมล่ะ?"
แสงแดดด้านนอก ส่องผ่านกระจก สะท้อนให้เห็นใบหน้าขาวผ่องของเธอ ในแววตาเธอมีความโกรธ แต่ดูหมดจดอย่างมาก ท่วงทำนองของเสียง ท่าทางการขมวดคิ้ว พอมองใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนเคยเจอกันมาก่อน ชั่วขณะ หนิงเส่าเฉินก็ใจลอย
รู้สึกได้ว่าเขากำลังพินิจพิเคราะห์ตนเองอยู่ เย่หลินก็หันหน้าหนีอย่างขาดความมั่นใจ ปล่อยแขนของหนิงเส่าเฉิน ถอยหลังไปสองสามก้าว "เมื่อวานฉันไม่น่าโกหกคุณ เป็นฉันที่ผิดเอง ขอโทษนะ ขอร้องคุณล่ะ อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับฉันเลย ฉันเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย คุณเอาไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร……”
แต่ เธอยังไม่ทันพูดจบ ชายตรงหน้าก็หันหลังกลับ เดินออกไป
เย่หลินกลืนน้ำลาย เธอเงยหน้าขึ้นมองภาพด้านหลังของหนิงเส่าเฉิน
ช่วงเวลานี้ เธอทำอะไรไม่ถูกเลย!
หนิงเส่าเฉิน ความอ่อนโยนของคุณสามารถมอบให้กับเฉินเป้ยอีได้เท่านั้น…….
เย่หลินเธอสวยขนาดนี้ หรือว่าคุณมองไม่ออก? เพียงแค่โกหกคุณ คุณต้องใจดำอำมหิตเช่นนี้เลยหรอ?
เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้า เมื่อไล่ตามออกไป หลิวซูยืนอยู่ด้านนอก เห็นเธอเดินเข้ามา ก็เข้ามาเผชิญหน้า "คุณเย่ คุณไม่ควรโกหกเขา"
เย่หลินเม้มปาก พยักหน้ากับหลิวซู ไม่ได้พูดจา
หลิวซูมีประสิทธิภาพในการทำงานรวดเร็วอย่างมาก
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ก็มีคนนำหนังสือรับซื้อฉบับหนึ่ง มาถึงบริษัทของเธอ
เห็นกระดาษหลายแผ่นที่อยู่ตรงหน้า เย่หลินก็กัดฟัน ลุกขึ้นยืน เดินไปยังด้านนอก ส่งข้อความไปหาชูหยูจี้
ชูหยูจี้โทรกลับมาอย่างรวดเร็ว "ว้าว พี่ชายฉันคนนี้ ช่างเด็ดขาดจริงๆ เห็นผู้หญิงสวยขนาดนี้แล้ว คาดไม่ถึงว่ายังกล้าลงมือได้ลงคอ"
เย่หลินกรอกตามองบน ใช้มือคลึงลำคอของตนเองเล็กน้อย "หยูจี้ หลายปีมานี้พี่ชายของคุณยังสบายดีอยู่ไหม?"
หลายปีมานี้ เธอทำได้เพียงแอบเรียนรู้เรื่องราวที่ผ่านมาต่างๆแล้วเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยถามชูกยูจี้เลย เธอกลัวว่าจะทำให้เขาเป็นกังวล
"เขา….." ชูหยูจี้หยุดลงชั่วขณะ เงียบไม่พูดจาอยู่นานมาก จึงค่อยๆเอ่ยปาก: "เพราะเฉินเป้ยอีตายไป หลายปีมานี้เขาจึงใช้กำลังและจิตใจที่มีทั้งหมดไปกับการทำงาน ขณะนี้หนิงกรุ๊ปก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เพียงแต่การปฏิบัติหน้าที่ก็ยิ่งโหดเหี้ยมอำมหิต คนจำนวนมากได้ยินชื่อของเขา ต่างก็ขวัญหนีดีฝ่อ"
เมื่อเย่หลินคิดว่าเขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ชูหยูจี้ก็เอ่ยปากอีกว่า: "เย่จึ ฉันได้ยินแม่ฉันบอกว่า ส่วนเกาเหวินตอนนี้ก็ยังพักอยู่ในห้องพักแขก หลายปีมานี้พี่ชายฉันไม่เคยอยู่ด้วยกันกับเธอเลย"
วินาทีต่อมา มือถือในมือเย่หลินก็ลื่นตกลงพื้น ในสายตาชัดเจนว่ามีความประหลาดใจ สี่ปีแล้วนะ!
เฉินเป้ยอีตายไปนานขนาดนี้แล้ว หนิงเส่าเฉิน คนโง่ เมื่อไรคุณถึงจะปล่อยวางได้?
"โอ้ พูดขึ้นมาแล้ว พี่ชายฉันก็ใช้ได้เลยจริงๆ เพื่อคุณ ก็แทบจะทำตัวเองเป็นพระสงฆ์ ยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ จุดๆนี้ ฉันนับถือจริงๆ" บนพื้น โทรศัพท์ทางด้านนั้น ชูหยูจี้ยังคงพูดอยู่
เย่หลินกำมือทั้งสองแน่น ก้มตัวลงไปเก็บมือถือ แต่ในใจก็เจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หรือว่าตอนนี้เธอเลือกผิดไปจริงๆ?
"เอาล่ะ เรื่องนี้ คุณไม่ต้องยุ่งเกี่ยว ฉันจะออกหน้าเอง!" ชูหยูจี้เห็นเธอไม่พูดจา รู้ว่าเธอจะต้องเริ่มครุ่นคิดอีก ก็เริ่มเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ
"อื้ม โอเค เข้ารู้ว่าคุณคือเจ้านายตัวจริง ก็น่าจะให้อภัยลูกน้อง" พูดจบ เธอก็วางโทรศัพท์
เพราะเรื่องนี้จึงไม่มีอารมณ์ทำงาน เพราะเป็นกังวลเย่เสี่ยวโม่ เย่หลินจึงเลิกงานก่อนล่วงหน้า หลังจากกลับไป พี่ซวี่ก็บอกว่า วันนี้เย่เสี่ยวโม่ฟื้นตัวกลับมาปกติแล้ว ไม่มีไข้แล้ว มองดูแล้วดูมีชีวิตชีวาดี
จู่ๆเห็นเธอกลับมาตอนกลางวัน พี่ซวี่ก็ไม่ได้ถามมาก ก็ไปถูพื้นต่อ
เย่หลินล้างมือแล้ว แล้วก็ไปที่ห้องเย่เสี่ยวโม่ เธอยังหลับอยู่ คลำๆที่หน้าผาก ไม่ร้อนแล้วจริงๆ ทันใดก็เผลอยิ้มออกมา "นักเรียนเย่เสี่ยวโม่ เมื่อวานหนูอยากเจอหน้าพ่อของหนูใช่ไหม ดังนั้น จึงจงใจเป็นไข้ใช่ไหม?" เธอพูดพลาง เธอก็ขยี้จมูกเล็กน้อย
ลุกขึ้นยืน เดินไปยังนอกห้อง เพียงแต่ พอเธอก้าวเท้าออกไป คนด้านหลังที่เมื่อกี้หลับสนิทอยู่ ก็ลืมตา ส่งสายตามองไป ขมวดคิ้ว ที่แท้ผู้ชายคนนั้นเมื่อเย็นวาน ก็คือพ่อของเธอ?
งั้น…..เธอจะต้องช่วยแม่คนนี้ไหมนะ?