เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 109 มีอันตรายถึงชีวิต
"อย่าเครียดสิ เราเพียงแค่มาเพื่อตรวจสุขภาพก่อนคลอดให้เธอ" หนิงเชี่ยนพูดจบ ก็มองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วตบๆบ่าของเขา เดินผ่านชูหยูจี้ไป เมื่อเห็นอ้ายหมี่อยู่ที่นี่ ก็ตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ชูหยูจี้บอกเธอว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน เธอไม่ได้โง่นะ เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่เชื่อ เมื่อกี้ก็เห็นว่าชูหยูจี้กังวลขนาดนั้น ก็ยิ่งแน่ใจว่าเด็กในท้องของหญิงตั้งครรภ์นี้ไม่สามารถแยกออกจากความเกี่ยวข้องกับเขาได้
แต่ว่า เวลานี้เห็นอ้ายหมี่ก็อยู่ที่นี่ ยังส่งน้ำให้เย่หลินดื่ม ก็ชัดเจนมาก ว่าตนเองเดาผิด
งั้น ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงคนนี้กับชูหยูจี้เกี่ยวข้องอะไรกัน?
ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้สองคนนี้ เต็มอกเต็มใจที่จะดูแลในเวลาเดียวกัน
"พี่หนิง คุณมสอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" อันที่จริงอ้ายหม่อายุแค่ 22 ปี เพราะว่าอายุน้อย เธอเจอใคร ก็เรียกพี่หมด
ตอนหนิงเชี่ยนอยู่ต่างประเทศ ก็เคยติดต่ออ้ายหมี่สองสามครั้ง แล้วก็ชอบนิสัยของเธอมาก
เธอหัวเราะๆ "ยังดีที่คุณอยู่ที่นี่ มิเช่นนั้น ฉันยังคิดว่าจริงๆแล้ว พ่อของเด็กคนนี้คือน้องชายฉันหรือเปล่านะ?"
เธอพูดหยอกล้อ พลางกับ เดินมายืนอยู่ตรงหน้าเตียงของเย่หลินแล้ว
เธอยื่นมือออกไป ก็มีคนส่งที่อัลตร้าซาวด์ให้เธอ แล้วหันกลับมา ก็สบกับสายตาของเย่หลิน เธอพบว่าทันทีที่เธอปรากฏตัว ผู้หญิงคนนี้ก็จ้องมองเธอ โดยมองอย่างไม่ลดละอยู่สักพัก
อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ "บนหน้าฉันมีอะไรเลอะหรอค่ะ?" น้ำเสียงของเธอน่าฟังพอๆกับหนิงเส่าเฉิน รอยยิ้มของเธอ เมื่อมองอย่างถี่ถ้วน ค่อนข้างคล้ายกับหนิงเส่าเฉิน
เย่หลินมองๆดู ใบหน้าตรงหน้านั้น ก็เปลี่ยนกลายเป็นเย่เฉ่าเฉิน ขอบตาแดงขึ้น น้ำตาก็ไหลออกมา
หลังจากตัดสินใจเก็บเด็กคนนี้ไว้ เธอก็ฝืนตนเองให้ไม่คิดถึงหนิงเส่าเฉิน เพราะจะต้องเจ็บปวดใจ จะต้องร้องไห้ เธอกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาการของเด็ก เธอก็เลยควบคุมตนเองให้ไม่ไปคิดถึงเขา……
เป็นเวลานานแล้ว นานจนเธอยังคิดว่า เธอจะใช้เวลาเพื่อให้ค่อยๆลืมเขาไปให้ได้
แต่ขณะนี้ ทว่าการประชดตัวเอง เดิมทีความผูกพันบางอย่าง ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
ขณะนี้ เธอจึงรู้ว่า ความคิดถึงเพียงแค่ถูกเก็บกดไว้ และเก็บกดไว้เป็นเวลานาน เมื่อถูกกระตุ้น ก็ไม่สามารถควบคุมไว้ได้เลย
เธอคิดถึงเขา เวลานี้ขณะนี้ คิดถึงจนแทบบ้า
"เป็นอะไรไป?" เผชิญหน้ากับน้ำตาที่อธิบายไม่ได้ของเย่หลิน หนิงเชี่ยนก็งุนงงเล็กน้อย เพียงแต่ว่า ผู้หญิงคนนี้ หน้าตาสะสวยจริงๆ ถึงแม้ว่าจะท้อง ทว่าไม่มีผลกระทบต่อความสวยของเธอเลย ยังคงสะสวยและงดงาม
ชูหยูจี้เห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินเข้าไป ส่งกระดาษทิชชู่ให้เย่หลิน เงยหน้าพูดกับหนิงเชี่ยนว่า "พวกคุณมากับหมอเยอะแยะขนาดนี้ เธอค้องกลัวอย่างแน่นอน"
พูดจบ เขาก็ตั้งใจพูดกับเย่หลินว่า : "คุณไม่ต้องกลัวนะ พวกเขามาตรวจตามปกติ ทำใจให้สบายๆเถอะ"
เย่หลินจึงรู้สึกได้ถึงการยับยั้งสติไม่อยู่ของตนเอง เธอจึงยิ้มๆกับหนิงเชี่ยน "ขอโทษนะ ฉัน……ฉันลืมตัวไป"
รอยยิ้มของเธอ สวยมาก สวยจนหนิงเชี่ยนมองอย่างใจลอยไปชั่วขณะ
เพียงแค่ ไม่รู้ว่าตัวเธอเข้าใจผิดไปเองหรือไม่ เธอรู้สึกว่า เธอคล้ายกับเคยเห็นรอยยิ้มนี้จากที่ไหน
"ไม่เป็นไร….." เธอก็ยิ้มกลับ
ต่อจากนั้น หนิงเชี่ยนก็ตั้งใจฟังหัวใจของทารกในครรภ์ของเธอ แล้วก็ใช้มือ คลำที่หนังท้องของเธอ และถามเกี่ยวกับสภาพร่างกายของเย่หลินอย่างละเอียด แล้วจึงหันจากไป
เพราะการตรวจ ผู้ชายจึงต้องหลบไป ชูหยูจี้ถูกไล่ออกไป
เวลานี้ เห็นหนิงเชี่ยนออกมา ก็รีบเข้ามาเผชิญหน้า กล่าวถามอย่างเคร่งเครียดว่า:
"เป็นยังไงบ้าง? พี่สาว?"
ความเคร่งเครียดของเขาทำให้หนิงเชี่ยนหันกลัยไปมองห้องผู้ป่วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ "ไม่ใช่ลูกของคุณจริงๆใช่ไหม?"
ชูหยูจี้ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า ทันทีก็รีบกล่าวถามว่า: "พ่อสาว ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกของฉัน แต่ ผู้หญิงคนนั้นและเด็ก สำหรับฉันแล้ว มีความสำคัญอย่างมาก คุณรีบบอกฉันเถอะ ว่าเป็นยังไงบ้าง?"
หนิงเชี่ยนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงเงยหน้า มองชูหยูจี้ ใบหน้าเคร่งขรึม "ขณะนี้ทางด้านอาการของเด็กเมื่อดูแล้ว ก็ไม่เลว แต่ว่า…..อาการของคนเป็นแม่เองไม่ค่อยดีนัก โลหิตจางมากเกินไป ถึงแม้ช่วงนี้จะถ่ายเลือดแล้ว แต่ผลก็ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจนัก พรุ่งนี้ต้องเตรียมเร่งให้คลอด หากรอให้ครบกำหนดคลอดแบบนี้ จะง่ายต่อการสูญเสียเลือดอย่างมาก เมื่อถึงเวลา เด็กและคนโต ล้วนเป็นอันตรายถึงชีวิต พี่ชาย ทางที่ดีคุณแจ้งพ่อของเด็กเถอะ"
เธอพูดจบ ชูหยูจี้ก็เซถอยหลังไปสองก้าว พิงกำแพง คอตก ครู่ใหญ่ เขาจึงหันหลังกลับ เกาะที่กำแพงแล้วทุบไปอย่างแรง
ต้องโทษเขา ช่วงเวลาตรวจก่อนคลอดตั้งนาน เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรีบออกจากเมืองC แต่ ในช่วงสามเดือนสุดท้าย เพราะการตรวจครรภ์ที่ค่อนข้างบ่อย เขาก็ไม่สามารถไปเป็นเพื่อนทุกครั้งได้
เธอกลัวว่าจะรบกวนเขา เธอกลัวว่าจะกลายเป็นภาระของเขา ดังนั้น อะไรก็ไม่บอกเขา ทุกครั้งที่ถามอาการเธอว่าเป็นยังไง เธอก็จะแจ้งแต่เรื่องดีไม่แจ้งเรื่องที่ทุกข์ใจ ถ้าไม่ใช่เพื่อนบ้านข้างๆโทรมาบอกเขา ว่าเธอเป็นลมหมดสติไป เขาก็ยากที่จะคิดว่า จะเป็นยังไง?
เพียงแต่ บอกพ่อของเด็กงั้นหรอ? พรุ่งนี้ก็จะเป็นงานแต่งของหนิงเส่าเฉินและเกาเหวิน ถ้าเพราะเหตุนี้ งานแต่งของคนทั้งสองต้องถูกทำลาย เกรงว่า เย่หลินจะยิ่งรู้สึกผิดในใจ
อันที่จริงชูหยูจี้ก็รู้ว่า ที่เธอเป็นโรคโลหิตจางขั้นรุนแรงขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าทานอาหารไม่ดี แต่เป็นเพราะกลางคืนนอนหลับไม่ค่อยดี ลึกๆในใจของเธอ รู้สึกผิดต่อเกาเหวิน ดังนั้น จึงฝันร้ายทุกคืน นำไปสู่สมรรถภาพทางกายที่แย่ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ถ้าเวลานี้ให้เธอรู้ว่าเพราะตนเองส่งผลกระทบต่องานแต่งของคนทั้งสองอีก คาดว่าเธอก็จะยิ่งเป็นทุกข์
"ฉันแค่บอกผลสรุปที่ร้ายแรงที่สุด ผลสรุปที่ดีคือแม่และลูกอาจจะปลอดภัย" เมื่อเห็นชูหยูจี้เป็นทุกข์อย่างมาก หนิงเชี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปตบเบาๆที่บ่าของเขา แล้วก็กล่าวเพิ่มเติม
ชูหยูจี้นั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง มือทั้งสองปิดหน้า
หนิงเชี่ยนเห็นเขาจมอยู่ในความคิดของตนเอง เธอก็เลยจากไป แต่เพราะเหตุนี้ในใจก็กดดันเล็กน้อย เธอเป็นหมอ เธอจึงเข้าใจอาการตอนนี้ของผู้หญิงคนนี้อย่างมาก ไม่ค่อยน่าพึงพอใจจริงๆ ถ้าการผ่าตัดราบรื่นก็ดีไป แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็วามารถทำให้ชีวิตทั้งสอง ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างแน่นอน
เพราะมาโรงพยาบาล ที่สำคัญก็คือเพื่อเรื่องนี้ของเย่หลิน ดังนั้น ตรวจให้เธอเสร็จแล้ว หลังจากแพทย์หลายคนหารือเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานแล้ว หนิงเชี่ยนก็เก็บของแล้วก็เลิกงาน
พอเดินมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ก็เห็นเงารูปร่างสูงชะลูดยืนอยู่ที่หัวมุมของห้องรักษาความปลอดภัย
หนิงเชี่ยนรู้สึกว่าสายตาไม่ชัดเจนเล็กน้อย