เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 47 เน่ เรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับการ์ดต้องสาป รู้บ้างรึเปล่า?
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 47 เน่ เรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับการ์ดต้องสาป รู้บ้างรึเปล่า?
บทที่ 2 ตอนที่ 21
ท้ายที่สุด ชิโนมิยะซังก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องราวอะไรกับผม
ตั้งแต่ตอนนั้นก็พยายามหาโอกาศอยู่หลายรอบแต่ก็เหมือนถูกตีตัวออกห่างตลอด แล้วพอเลิกเรียนก็ตรงวิ่งกลับบ้านไปเลย
หลังจากที่ถูกปฏิเสธถึงขนาดนี้ มันก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่ไม่ได้เป็นคนรักหรืออะไรที่จะไปตื้อมากกว่านี้
ค่อยพยายามดูอีกทีพรุ่งนี้ละกัน แล้วถ้ายังไม่ได้ผลอีกก็คงต้องรอให้เธอเป็นฝ่ายมาหาเอง….. ทำการปรับอารมณ์ แล้วตัดสินใจมุ่งหน้าไปหาพวกอันนา
「นี่มัน…..สุดยอดส์ไปเลย ทำไปได้ ข้อมูลขนาดนี้จากแค่อินเตอร์เน็ต…..」
「ชายที่ชื่อโอโน่คนนี้ อาจจะมีพรสวรรค์ในการเป็นนักสืบก็ได้นะคะ」
ที่ร้านอาหารครอบครัวที่กลายเป็นร้านประจำ
พอเอาข้อมูลการสืบสวนที่โอโน่รวบรวมให้ทั้งคู่ได้เห็น พวกเธอต่างก็ส่งเสียงชื่นชม
「แต่ว่า…..ไม่รู้เลยว่ามีเหยื่อมากกว่า 100 คน」
「นี่มัน ไม่ใช่ว่าเป็นคดีฆาตรกรรมหมู่ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่จบสงครามโลกหรอกส์เหรอคะ…..」
「อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลย อาจจะเป็นหนึ่งในคดีที่ใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว นี่มันไม่ใช่แค่คดีฆาตกรรมแต่เป็นการก่อการร้ายแล้ว」
สีหน้าของทั่งคู่ต่างก็ซีดเซียว เดาว่าคงจะรู้สึกได้ถึงความขยะแขยงแบบเดียวกับผมที่รู้สึกได้ในคดีนี้
เป้าหมายของผู้ใช้หมาล่าเนื้อคืออะไรก็ยังไม่รู้ แต่การที่สังหารคนไปมากกว่า 100 คนเพื่อเป้าหมายนั้น มันเบี่ยงเบนออกจากจิตใจของมนุษย์ไปแล้ว
อันที่จริง ในตอนนี้ยิ่งมีความสงสัยว่าเป็นมนุษย์จริงๆรึเปล่า
แล้วราวกับว่าอ่านใจของผม โอริเบะทำการพูดขึ้นมา
「…..เป็นมนุษย์ไม่ผิดแน่ ถึงวิธีการและความเสียหายจะผิดมนุษย์ แต่ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงเจตนาของมนุษย์ในการเลือกเป้าหมาย สัตว์ประหลาดของจริงนั้นไม่มาเลือกเหยื่อหรอก แต่นี้มีตัวเลือกที่ทำการคัดแล้วอย่างดีถึง 2 อย่าง」
「อย่างงี้นี่เอง…..」
ในหมู่ฆาตรกรต่อเนื่องมีอยู่หลายคนที่ทำการเลือกเหยื่อเป็นพิเศษอย่างเช่น พวกที่เล็งเป้าเฉพาะผู้หญิงที่มีทรงผมแบบเดียวกัน, พวกที่เล็งเป้าเฉพาะเด็กในช่วงอายุหนึ่ง เป็นต้น ในอีกด้านหนึ่ง มอนสเตอร์ในเขาวงกตจะทำการโจมตีใส่หมดทุกคน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็ก, คนแก่, หรือพระก็ตาม
ตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อเล็งเป้าไปที่นักผจญภัยหน้าใหม่และผู้ที่อยู่ในเซอร์เคิลนักผจญภัย นี่ไม่ใช่การฆาตกรรมแบบไม่เลือกหน้าแต่มีการเลือกเหยื่อ เป็นฆาตกรขี้ระแวงที่เลือกมาก
มาตรฐานในการเลือกเหยื่อของผู้ใช้หมาล่าเนื้อนั้น คิดว่าคงจะเป็นอะไรที่『ตกเป็นเป้าได้ง่าย』
「มีอย่างเดียวที่เห็นว่าให้ความสำคัญก็คือ การโจมตีนักผจญภัยที่อยู่ในเซอร์เคิลนักผจญภัย แต่ว่า…..」
โอริเบะชำเลืองมองมาทางนี้ ผมจึงพยักหน้ารับ
「ได้ขอให้โอโน่ทำการสืบดูว่าเซอร์เคิลนักผจญภัยเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องกับสมาคมพระแม่ดารารึเปล่าไว้แล้ว」
「สมแล้วละค่ะ」
โอริเบะยิ้มอย่างพึงพอใจกับคำตอบของผม
「…..ยังไงก็ตาม มีนักผจญภัย 3 ดาวคนอื่นนอกจากรุ่นพี่ที่ถูกโจมตีด้วยส์สินะคะ」
「อา…..แต่ในอีกแง่หนึ่ง นี่เองก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าหากว่ารุ่นพี่ไม่ได้เป็นกรณีพิเศษแล้วล่ะก็ มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะเสี่ยงทำการโจมตีรุ่นพี่อีก ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วก็พอจะปลอดภัยในระดับหนึ่งหากว่ารุ่นพี่จะทำการสำรวจเขาวงกตคนเดียว」
แต่นี่ก็หมายความว่า หากในตอนที่การสืบสวนมาถึงจุดหยุดนิ่งแล้ว หนทางสุดท้ายอย่าง『ใช้ผมเป็นเหยื่อเพื่อล่อกลุ่มของคนร้าย』ก็จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ทีนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการค้นหาตัวคนร้ายไปแบบธรรมดา
「อันนา เส้นทางการซื้อขายเกรมลินไปถึงไหนแล้ว?」
พอผมลองเชิงถามไป อันนาก็เกาแก้มอย่างอายๆ
「อา~…..ได้รายชื่อผู้ซื้อเกรมลินและจำนวนที่แลกเปลี่ยนมาแล้ว ดูจะเป็นที่แน่นอนว่าไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกรมลินมีอุปทานลดลง และมีอุปสงค์เพิ่มขึ้น…..แต่ว่า ไม่มีท่าทีว่าจะมีบุคคลใดที่ซื้อในจำนวนมากเป็นพิเศษ หรือผู้ซื้อนั้นจะอยู่ในองค์กรขนาดใหญ่อะไร ในตอนนี้กำลังสืบสวนว่าพวกเขาขายเกรมลินไปที่ไหนอีก และปลายทางสุดท้ายของมันคือที่ไหน」
「งั้นเหรอ…..」
…..ก็นะ ถ้ากลุ่มของคนร้ายมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดี พวกนั้นก็คงไม่หละหลวมถึงขั้นทำการซื้อด้วยตัวเองหรอก
คงจะรวบรวมโดยมีคนกลางอยู่ซัก 1 หรือ 2 คนได้
เรื่องของเกรมลิน เดาว่าไม่มีทางเลือกนอกจากรอการสืบสวนของอันนา
ในตอนนั้นเอง อันนาก็ตบมือขึ้น
「อะ จะว่าไปแล้วรุ่นพี่ เกี่ยวกับการ์ดสำหรับชุบชีวิต ได้เรื่องมาแล้วส์ค่ะ」
「เอ๋ จริงดิ!」
「ค่ะ สุดสัปดาห์นี้ชั้น…..ดันเจี้ยนมาร์ทจะเป็นเจ้าภาพจัดงานพบปะแลกเปลี่ยนการ์ด และมีการเชิญนักผจญภัยที่ได้รับสปอนเซอร์กับ『ตัวแทนจำหน่ายการ์ด』ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยมากัน รุ่นพี่เองก็กรุณามาร่วมด้วยเถอะค่ะ」
「โอ้~!」
งานพบปะแลกเปลี่ยนการ์ด! เคยได้ยินมาว่ามีสถานที่ซึ่งนักผจญภัยมืออาชีพและตัวแทนจำหน่ายการ์ดจะมารวมตัวกัน และแลกเปลี่ยนการ์ดกับอุปกรณ์เวท แต่ก็ไม่เคยคิดว่าผมจะได้เข้าร่วมด้วย
จะว่าไปแล้ว ตัวแทนจำหน่ายการ์ดนี่ก็เหมือนกับตัวแทนจำหน่ายงานศิลปะแต่เป็นเรื่องของการ์ดแทน พวกเขาจะเชี่ยวชาญการจัดการกับการ์ดที่มีราคาแพงและการ์ดที่มีสกิลหายาก หน้าที่ของพวกเขาคือการจัดหาการ์ดที่ลูกค้าต้องการ
งานพบปะแลกเปลี่ยน โดยตัวมันเองแล้วบางครั้งก็มีการจัดงานขึ้นกันขนาดเล็กโดยกลุ่มมือสมัครเล่น ทว่างานพบปะแลกเปลี่ยนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์กรและบุคคลร่ำรวยอย่างในคราวนี้นั้น มีความแตกต่างทั้งในด้านขนาดและความน่าเชื่อถือ
ในงานพบปะแลกเปลี่ยนขนาดเล็ก การ์ดหลักที่มีจะเป็นแรงค์ D และแรงค์ C เพียงไม่กี่ใบ ในขณะที่งานพบปะแลกเปลี่ยนที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรนั้นจะแตกต่างไป การ์ดหลักที่มีจะเป็นแรงค์ C และมีจำนวนในหลักร้อย
อีกทั้ง ในงานพบปะแลกเปลี่ยนขนาดเล็กที่มักจะเกิดการฉ้อโกง ในงานพบปะแลกเปลี่ยนที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร ตัวองค์กรจะเป็นผู้รับประกันการ์ด ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการถูกหลอกลวง
การที่สามารถแลกเปลี่ยนการ์ดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกหลอกลวง คือสิ่งที่นักผจญภัยปรารถนา แน่นอนว่าผู้เข้าร่วมจะขึ้นอยู่กับระบบเทียบเชิญ ดังนั้นเพียงแค่การได้ไปงานพบปะแลกเปลี่ยนที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร ก็นับได้ว่าเป็นสถานะอย่างหนึ่งแล้ว
เพื่อการนั้น ดูเหมือนว่ามันจะมีค่าใช้จ่าย ค่าสมาชิกที่ราคาแพงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย…..
「อะ แน่นอนว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าสมาชิกหรือค่าใช้จ่ายอะไร ชั้นเป็นเจ้าภาพเองเพราะงั้นไม่เป็นปัญหา」
「ขอบพระคุณมากครับ!」
อย่างที่คิดเลยว่าสิ่งที่ต้องมีคือรุ่นน้องที่มีทั้งเงินและเส้นสายยังไงล่ะ!…..พักเรื่องล้อเล่นเอาไว้ก่อน นี่มันนับว่าเป็นเรื่องที่ช่วยได้มากจริงๆ ถ้าหากเป็นงานพบปะแลกเปลี่ยนแล้วล่ะก็ การ์ดแรงค์ D ที่ผมมีอยู่จำนวนมากน่าจะสามารถขายได้ราคาที่สูงกว่ากับทางกิลล์ และสามารถหาการ์ดสำหรับชุบชีวิตได้ง่ายกว่าด้วย
ในที่สุดก็จะสามารถชุบชีวิตพวกเร็นกะได้แล้ว…..!
ผมไม่สามารถหยุดไม่ให้หัวใจของผมเต้นอย่างลิงโลดได้
และ ในตอนนั้นเอง
-ปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บปิ๊บ-!
จู่ก็เกิดเสียงคล้ายสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นระหว่างพวกเราทั้งหมดพร้อมๆกัน
「โว้ว!?」
「นี่มัน…..!」
「ของกิลล์!?」
ไม่เหมือนกับผมที่มีท่าทีตกใจจากเสียงที่เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก สีหน้าอันนากับโอริเบะตึงเครียดขึ้นแล้วนำใบอนุญาตนักผจญภัยออกมาทันที
ซึ่งตอนนั้นเองคือตอนที่ผมได้รู้ที่มาของเสียงและความหมายของมัน
นี่มัน การขอความช่วยเหลือของกิลล์นักผจญภัย…..!
การขอความช่วยเหลือสามารถทำได้ด้วยการส่งจากใบอนุญาตนักผจญภัยไปยังกิลล์ แล้วจากนั้นมันจะทำการส่งต่อไปยังนักผจญภัยที่อยู่ใกล้เคียงกับเขาวงกตนั้นๆในทันที
นักผจญภัยที่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจะต้องตัดสินใจในทันทีว่าจะเข้าทำการช่วยเหลือหรือไม่ ถ้าหากว่าไม่มีใครตอบรับหรือมีน้อย สัญญาณขอความช่วยเหลือจะถูกส่งไปในพื้นที่ที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
แล้วถ้าหากยังไม่มีการตอบรับหลังจากทำซ้ำไปแล้ว 3 ครั้ง กองกำลังป้องกันตัวเองจะออกปฏิบัติการเป็นหนทางสุดท้าย…..ก็นะ ส่วนใหญ่แล้วกว่าจะถึงตอนนั้น นักผจญภัยก็ออกตัวก่อนหมด
สาเหตุก็เพราะรางวัลที่จะได้รับจากการเข้าช่วยเหลือคิดเป็น 80% ของค่าใช้จ่ายในการขอความช่วยเหลือ
ถ้าหากเป็นเขาวงกตแรงค์ F จะได้รางวัลจากการช่วยเหลือ 8 แสนเยน, ถ้าเขาวงกตแรงค์ E จะได้รางวัลจากการช่วยเหลือ 8 ล้านเยน ไม่มีอะไรที่หวานหมูไปมากกว่านี้แล้ว
แต่ถ้าหากเป็นพวกเราในตอนนี้แล้ว ต่อให้รางวัลเป็น 0 ก็จะไปช่วยอยู่ดี…..
พวกเราต่างแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว ตอบรับสัญญาณขอความช่วยเหลือ เรียกแท็กซี่ แล้วตรงไปยังที่เกิดเหตุ
ในระหว่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะจ่ายค่าแอปเพื่อโหลดแผนที่ของเขาวงกตมา
「โอริเบะ คิดว่าเป็นเหยื่อของผู้ใช้หมาล่าเนื้อรึเปล่า?」
「…..ไม่ค่ะ คิดว่ามีความเป็นไปได้ต่ำ หากพิจารณาจากเรื่องที่ได้ยินจากรุ่นพี่แล้ว มันเป็นเรื่องากที่เหยื่อจะสามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือก่อนหน้าที่ศัตรูจะโจมตีได้…..」
「งั้นเหรอ…..」
ก็นะ ถ้าคราวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อแล้ว จะถือว่าเป็นเรื่องโชคดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะนั่นจะทำให้โอกาศในการรอดชีวิตขอผู้ที่ขอความช่วยเหลือมีสูงขึ้นด้วย
ในระหว่างนั้นแผนที่ก็โหลดเสร็จ…..หืม?
พอได้เห็นแผนที่นั้น ผมก็รู้สึกเหมือนกับเดจาวู
มันอะไรกัน…..ดูคลับคล้ายคลับคลา….. แน่ใจว่าไม่เคยลงสำรวจเขาวงกตนี้มาก่อนเลยแต่…..
อา ใช่แล้ว…..มันคล้ายกันกับเขาวงกตที่ซาโต้ โชโกะซังลงสำรวจนั่นเอง
ลองเอาแผนที่เขาวงกตทั้ง 2 อันมาเทียบกันดู
ถึงแม้ว่ารูปแบบพื้นที่จะแตกต่างกันเป็นประเภทป่ากับประเภทเหมือง แต่รูปแบบในแต่ละชั้นนั้นเหมือนกันทั้งหมด
ถ้าหากลองสลับลำดับชั้นก็ไม่สามารถมองแยกได้เลย
นี่มัน สงสัยว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันรึเปล่า…..
ไม่สิ ไม่น่าใช่ แต่ไหนแต่ไร การขอความช่วยเหลือในครั้งนี้มันไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อซักหน่อย
ขณะที่คิดแบบนั้นอยู่ แท็กซี่ก็มาถึงเขาวงกต บริเวณที่จอดรถมีรถมอเตอร์ไซค์หลายคันที่ดูน่าจะเป็นของนักผจญภัยจอดอยู่
ดูเหมือนว่าจะมีนักผจญภัยมาถึงเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือแล้ว
นอกเหนือจากพวกเรา ยังมีอีกอย่างน้อย 4 คน…..ถ้าหากว่ามีนักผจญภัยมาช่วยเหลือเยอะขนาดนี้ คนที่ขอความช่วยเหลือก็คงจะถูกช่วยได้อย่างปลอดภัย
การตัดสินใจของตัวเองมีผลต่อชีวิตของคนๆหนึ่ง…..ก็ไม่คิดว่าจะเกิดกรณีแบบนั้นขึ้น ผมจึงถอนหายใจโล่งอก
อย่างแย่ที่สุด ต่อให้ไม่ทำอะไรเลย ก็คงใครซักคนแก้ปัญหาให้ได้…..ก็เป็นแนวคิดของพวกมุงดูล่ะนะ
พอเข้าเขาวงกตมาแล้ว พวกเราต่างก็เรียกการ์ดออกมาพร้อมๆกัน
ของผมเป็นดราโกเน็ต, อันนาเป็นเพกาซัส, โอริเบะเป็นซึจิกุโมะ
ผู้ประสบภัยดูจะอยู่ที่ชั้น 3 ทำการขั้นขี่การ์ดแล้วมุ่งตรงไป
เมื่อมาถึง พวกเราตัดสินใจแยกออกเป็น 3 กลุ่มและออกค้นหาผู้ที่ขอความช่วยเหลือในทันที
「เอาล่ะ ถ้าหากว่าเกิดเหตุบังเอิญต้องไปเจอเข้ากับผู้ใช้หมาล่าเนื้อแล้วล่ะก็ ติดต่อผ่านมาทางเข็มกลัดทันทีเลย!」
「รับทราบ!」
หลังจากแยกกับทั้ง 2 คน จึงทำการเรียกยูคิออกมาในทันที
「ยูคิ ค้นหาร่องรอยและกลิ่นของผู้คนอื่นนอกจากพวกเราที่อยู่ในชั้นนี้ที」
「ฮะ…..คือว่าจะให้ใช้จ้าวอาณาเขตไหมฮะ?」
「อะ จะว่าไปแล้วก็มีมันอยู่ด้วยสินะ แล้วขอบเขตจริงๆของอาณาเขตมันขนาดไหนล่ะ?」
「ฮะ ถ้าหากว่าเป็นเขาวงกตแรงค์ F แล้ว ก็สามารถครอบคลุมอาณาเขตได้หมดทั้งชั้นเลยฮะ」
「ขนาดนั้นเลย…..!?」
จนถึงตอนนี้มีที่ใช้ไปแค่ครั้งเดียวในการแข่งมอนโคโลแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมากด้านขอบเขตของมัน แต่ดูเหมือนว่าจ้าวอาณาเขตจะเป็นสกิลที่มีระยะกว้างมาเกินกว่าที่คิดเอาไว้
「โย้ช ถ้างั้นก็ใช้ได้เลย」
「ฮะ อาวู้ววววววว—–ว!!!」
ยูคิ ส่งเสียงหอนที่ทำเอาผิวหนังถึงกับสั่นสะท้าน เสียงดังอะไรจะขนาดนี้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะบาเรียของการ์ดแล้ว คิดว่าแก้วหูคงได้แตกแน่ๆ
「…..! มาสเตอร์ สัมผัสได้ถึงตัวคนที่น่าจะเป็นคนขอความช่วยเหลือแล้วฮะ แล้วก็…..มีมนุษย์คนอื่นแล้วก็การ์ดอยู่ใกล้ๆ」
「อา~ เดาว่านักจญภัยคนอื่นคงจะเจอตัวก่อนแล้วสินะ」
พอได้ยินที่ยูคิรายงาน ผมก็ได้แต่เกาแก้มพร้อมความรู้สึกเสียศูนย์เล็กน้อย
จะทำยังไงดี…..ในสถานการณ์แบบนี้ที่ต้องไปแข่งกับนักผจญภัยคนอื่น มันมักจะนำไปสู่ปัญหาเรื่องของรางวัลและการแบ่ง
คงต้องติดต่อพวกอันนาเพื่อถามความคิดเห็นซะล่ะมั้ง อย่างน้อยๆก็สามารถยืนยันความปลอดภัยของผู้ที่ขอความช่วยเหลือได้แล้ว…..
ขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยและกำลังเอามือเอื้อมไปที่เข็มกลัด ในตอนนั้นเอง
「ไม่ฮะ มาสเตอร์…..ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่นะฮะ」
「หืม…..?」
ไม่ใช่ หมายความว่ายังไง?
ขณะที่ผมกำลังเอียงคอ ยูคิก็ทำสายตาเฉียบคมแล้วพูด
「—-ตัวคนของคนที่น่าจะเป็นคนขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนว่ากำลังวิ่งหนีนักผจญภัยอีกคนอยู่ฮะ」
「อะไรนะ…..?」
คนที่ขอความช่วยเหลือกำลังวิ่งหนี? หรือว่า…..ผู้ใช้หมาล่าเนื้อ!? ไม่สิ เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ! ก่อนอื่นต้องรีบแล้ว!
「รีบไปเดี๋ยวนี้เลย! ไม่สิ ให้แค่ยูคิล่วงหน้าไปก่อน! เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง」
「ฮะ!」
มองส่งยูคิที่วิ่งออกไปแล้วทำการติดต่อพวกอันนา
「นี่คือคิทากาว่า เจอสัญญาณของคนที่ขอความช่วยเหลือแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังถูกนักผจญภัยคนอื่นวิ่งไล่อยู่!」
「! รับทราบ! สถานที่แถวไหน?」
「…..รอเดี๋ยวนะ」
ผมลิงค์กับยูคิเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลกับแอปอผนที่ในสมาร์ทโฟนแล้วตอบ
「แผนที่ 4 จุด 9-6! กำลังเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงใต้」
「รับทราบส์! จะตรงไปในทันที! …..ถ้าหากว่าเป็นผู้ใช้หมาล่าเนื้อแล้วล่ะก็ ให้หลีกเลี่ยงการต่อสู้เท่าที่จะทำได้ แล้วก็เผื่อกรณีที่มีความจำเป็นต้องลี้ภัยฉุกเฉินด้วยค่ะ…..」
「…..เข้าใจแล้ว」
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
…..ผู้ที่สามารถหนีด้วยอุปกรณ์เวทลี้ภัยฉุกเฉินได้นั้นคือผู้ใช้และการ์ดของผู้ใช้เท่านั้น
ที่อันนาจะสื่อก็คือ ในสถานการณ์ฉุกเฉินให้ทิ้งคนที่ขอความช่วยเหลือแล้ววิ่งหนีไป
ถึงแม้ผมจะพยักหน้ารับไป แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถทอดทิ้งคนที่ขอความช่วยเหลือแล้วหนีไปได้จริงๆรึเปล่า
ถ้าหากสถานการณ์มันเรียกร้องจริงๆ จะต้องวิ่งหนีอย่างไม่ลังเล แต่ว่า…..
จนกว่าจะถึงเวลานั้นแล้ว ตัวผมเองไม่รู้จะทำยังไงดี
『มาสเตอร์ อีกเดี๋ยวจะเผชิญหน้าแล้ว…..ให้แปลงร่างมนุษย์หมาป่าเลยไหมฮะ?』
『…..ไม่ต้อง เอาไว้ก่อน』
ผมคิดเกี่ยวกับข้อเสนอของยูคิอยู่ครู่หนึ่งแล้วปฏิเสธ
การแปลงร่างมนุษย์หมาป่าจะทำให้ยูคิมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่จะมีข้อเสียที่ไม่สามารถใช้วิชานินจาขั้นสูงบางวิชาได้
ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด แต่วิชาที่มีประโยชน์อย่างวิชาแปลงกายกับวิชาแยกร่างจะไม่สามารถใช้ได้
ที่ผมไม่ได้ให้ยูคิแปลงร่างตอนสู้กับผู้แข่งขันซูโนฮาร่าก็มาจากสาเหตุนี้
ร่างมนุษย์หมาป่าของไลแคนโทรปจะมีความสามารถในการละทิ้งความแม่นยำที่มีในร่างมนุษย์ เพื่อนำมาเป็นพลังในการต่อสู้ระยะประชิดแทน
『ยิ่งไปกว่านั้น ได้เวลาใช้งานซิงโครแล้ว』
『ฮะ!』
ปิดตาลง ผสานตัวเองเข้ากับยูคิ เมื่อลืมตาขึ้น ตัวผมก็คือยูคิและยูคิก็คือตัวผม
บนเส้นทางที่มีความซับซ้อน วิ่งไปในทุกทิศทางด้วยความเร็วที่สามารถแซงรถแข่งได้สบายๆ
จะกำแพงหรือเพดานก็ไม่มีผลใดๆกับร่างกายนี้ สามารถวิ่งไปได้ราวกับพื้นธรรมดา
ไม่ใช่แค่เพราะสมรรถภาพของร่างกายที่เยี่ยมยอด แต่จากวิชานินจาขั้นสูงก็มีส่วนช่วยอย่างมาก
วิชานินจานั้นไม่ได้มีแค่วิชาแปลงกายหรือวิชาหลบหนี พวกวิชาศิลปะการต่อสู้ที่ดึงเอาความว่องไวทั้งหมดออกมาใช้นั้นก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิชานินจา
ในตอนนั้นเอง ด้วยหูของยูคิก็ได้ยินเสียงดังแว่วลอยมา
—-แฮ่ก แฮ่ก นายมันอะไรกัน! จู่ๆก็มาโจมตีใส่…..!
เสียงของหญิงสาววัยรุ่น อันนี้น่าจะเป็นคนที่ขอความช่วยเหลือ รู้สึกว่าเสียงมีอะไรบางอย่างที่ฟังดูคุ้นๆ แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็ได้ถูกเป่าหายไปด้วยเสียงต่อมา
—-ฮ่าฮ่า ของดีสุดๆเลย อย่างที่คิดเลยว่าน่าเสียดายที่ต้องแค่แย่งการ์ดแล้วฆ่าทิ้ง อย่างน้อยก็ขอจัดหนักซักรอบเถอะ…..
-ชิ้ง- เกิดกระแสวิ่งผ่านไปตามสันหลัง ความคิดหมุนวนอย่างรวดเร็ว
…..แค่แย่งการ์ดแล้วฆ่าทิ้ง!? โอ่ย ไอ้หมอนี่ หรือว่า…..!
เร่งฝีเท้ายิ่งขึ้น ผ่านทางเดินไปราวกับสายลม
และแล้วก็มองเห็นอยู่ตรงสุดขอบ ผู้หญิงที่น่าจะเป็นคนที่ขอความช่วยเหลือ กำลังถูกชายหนุ่มผมสีบลอนด์จับกดอยู่
ที่ยืนอยู่ข้างๆคือลิซาร์ดแมนและบอร์ออคกำลังหันหน้ามาทางนี้—-แต่ก่อนที่จะหันเสร็จ เท้าขวาของยูคิก็พุ่งผ่านพวกมันแล้วถีบเข้าใส่ชายหนุ่ม
การโจมตีเต็มกำลังโดยอาศัยแรงส่งจากการวิ่ง ชายหนุ่มกระเด็นเด้งไปกับพื้นและกำแพงราวกับลูกพินบอล จนในที่สุดก็หยุดจากการกระแทกเข้าใส่กำแพงจนราวกับถูกตรึงร่างเอาไว้
「…..อั่ก!?」
พริบตาถัดมา การ์ดของชายหนุ่มก็กระอั่กเลือกอย่างรุนแรง ลิซาร์ดแมนลอสไปทั้งๆแบบนั้น ส่วนบอร์ออคคุกเข่าล้มลงไป
ถึงแม้ลิซาร์ดแมนกับบอร์ออคจะมีพลังชีวิตและความถึกที่มาก แต่มันก็ไม่สามารถทนรับความเสียหายที่สามารถสังหารมนุษย์หลายๆรอบได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้น การที่ยังเหลืออยู่ 1 ใบก็เดาว่าเป็นเรื่องดี
「อะ คะ…..อะไร, กัน!?」
เมินเสียงอันสับสนของชายหนุ่มไปแล้วผมก็หันหน้าไปทางหญิงสาวที่ถูกโจมตี
ในแง่ของเวลาแล้วอาจจะไม่มีเวลาพอจะมา『ทำ』อะไรแบบนี้แต่….. ขณะที่คิดแบบนั้นผมก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาว แล้วก็ต้องตกใจจนเกือบจะหลุดจากการซิงโคร
「อ-เอ๋…..?」
หญิงสาวกำลังตกใจอ้าปากค้าง …..ไม่สิ เด็กสาวมีใบหน้าที่ดูคุ้นเคยกับผม
…..ชิโนมิยะซัง!? ทำไม ถึงมาอยู่ที่นี่!?
กำลังจะถามคำถามออกไป แต่ได้หยุดตัวเองไว้
ในตอนนี้ จะต้องจัดการชายคนนี้เสียก่อน
พอหันกลับมาก็เห็นชายหนุ่มฟื้นตัวจากอาการสับสนและกำลังจ้องเขม็งมาทางนี้ด้วยความเกลียดชัง
…..อายุประมาณ 20 ปี มีผมบลอนด์ซีดตัดสั้น เจาะหู มีรอยสักที่แขน…..มองแว่บแรกจะนึกว่าเป็นพวกเพลย์บอย บรรยากาศเหยาะแหยะ ห่างชั้นเกินไปกว่าตัวตนมาสเตอร์ที่สัมผัสผ่านจากอนูบิสนั่น
อย่างที่คิด ไม่ใช่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเอง แล้วการ์ดที่ใช้ก็เป็นลิซาร์ดแมนกับบอร์ออค
ทว่า มีความเป็นไปได้สูงที่หมอนี่จะเป็นพวกเดียวกัน หรือไม่ก็เป็นลูกน้อง…..ถ้าลองคิดจากที่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือซึ่งเป็นความไม่รอบคอบแล้ว น่าจะเป็นลูกน้องรึเปล่า?
ผมใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจให้ยูคิแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่า
วิชานินจาขั้นสูงจะใช้ได้ยากขึ้น แต่ถ้าหากว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อดึงดันใช้แต่การประเภทสุนัขแล้วล่ะก็…..!
หัวใจที่เต้นแรงจนเจ็บปวด พลังเอ่อล้นจากภายในจนราวกับว่าร่างกายจะระเบิดออก นั่นไม่ใช่ภาพลวงตาแต่ว่าร่างกายกำลังขยายขึ้นอยู่จริงๆ ข้อกระดูกส่งเสียงดังขณะที่เปลี่ยนรูป แล้วร่างกายก็ปกคลุมไปด้วยขนเงางาม…..
「อุ, คุ…..!」
ด้วยความรู้สึกที่เป็นไปไม่ได้ในมนุษย์ทำให้การซิงโครเกือบจะหลุดออก แต่ก็พยายามดิ้นรนทนเอาไว้ได้
ใช้เวลาไม่กี่วินาทีแต่ก็เป็นไม่กี่วินาทีที่ราวกับต้องยืนอยู่ในท่ามกลางลมพายุโหมกระหน่ำ แล้วจู่ๆก็แปรเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าแสนสดใสให้ความรู้สึกลิงโลด
การแปลงร่างเสร็จสมบูรณ์ การซิงโครก็คงที่
ชายหนุ่มกำลังตกใจจากการแปลงร่างกะทันหัน ผมจึงถามคำถาม
「…..โอ่ย คิดจะทำอะไร?」
「อะ, นะ…..ไลแคนโทรป หรือว่า!?」
ด้วยคำถามของผม ไม่สิ เมื่อได้เห็นไลแคนโทรป ชายหนุ่มก็เกิดอาการสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัดซึ่งยิ่งทำให้ผมมั่นใจ
หมอนี่ อย่างที่คิดว่ารู้จักผู้ใช้หมาล่าเนื้อ…..!
ต่อไป ควรจะถามอะไรดี ต้องคิดคำถามเพื่อรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ทำให้เกิดความสงสัย…..!
「…..ไปรับคำสั่งใครมาให้ทำของแบบนี้กัน?」
เป็นไง!? จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีความเสียหายทางเพศต่อเหยื่อเลย พูดอีกอย่างคือ หมอนี่น่าจะทำเองโดยพลการ! ผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่ช่ำชองในการลบร่องรอยจนเข้าขั้นหัวรั้น ไม่มีทางที่จะกระทำการใดๆที่จะสามารถนำไปสู่การระบุตัวตนได้แบบนี้หรอก!
「อะ, ไม่ใช่…..!」
ชายหนุ่มตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์
「ขอโทษครับ! กำลังเฝ้าดูเป้าหมายตามที่ถูกบอกอยู่ แต่เพราะว่าผู้หญิงนั้นตรงสเปคมาก…..ก็เลย!」
…..!!!
งี้นี่เอง หมอนี่ เป็นคนดูลาดเลา!
บางที อาจจะเป็นระบบที่ลูกน้องอย่างหมอนี่คอยจับตาดูว่าเป้าหมายลงเขาวงกตไหน แล้วจึงทำการรายงานผู้ใช้หมาล่าเนื้อ
ดีล่ะ อย่างที่คิด หมอนี่ดูจะไม่ค่อยฉลาดซักเท่าไหร่
แต่ไหนแต่ไร ทั้งๆที่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแล้วและนักผจญภัยก็กำลังตรงมาช่วยอยู่ กลับยังมาเสียเวลาพยายามข่มขืน แค่นี้ก็สามารถบอกได้แล้วว่างี่เง่า
…..ไม่สิ งั้นเหรอ หรือว่าบางทีคงจะไม่รู้ตัวว่ามีการขอความช่วยเหลือไปแล้ว?
การขอความช่วยเหลือจากใบอนุญาติสามารถที่จะปฏิเสธก็ได้
เสียงแจ้งเตือนมันค่อนข้างดังเพราะงั้นมันจึงน่ารำคาญหากดังขึ้นมาตอนกลางดึก ส่วนผู้คนที่ไม่คิดจะทำการช่วยเหลือแต่แรกก็มักจะปิดมันเอาไว้ ตัวผมเองก่อนนอนหรือตอนอยู่ที่โรงเรียนก็ยังปิดไว้ แล้วบางครั้งก็ลืมปลดมันกลับคืน
แต่ว่า ถึงจะมีอะไรแบบนั้น ก็โง่อยู่ดี
เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าหากไม่มีเกรมลินอย่างผู้ใช้หมาล่าเนื้อแล้วล่ะก็ เรื่องที่ว่ามาก็ไม่มีประโยชน์
แต่หากหมอนี่เป็นแค่คนดูลาดเลา ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าคงจะไม่แจกเกรมลินให้กับลูกน้องระดับต่ำๆหรอก…..
มั่นใจแล้วว่าหมอนี่งี่เง่า จึงตัดสินใจถามคำถามเจาะลึกลงไปมากขึ้น
「…..อย่ามาพูดบ้าๆ! บอกมาว่าข้าออกคำสั่งอะไรไว้!」
ทว่าพริบตาที่ถามคำถามนั้นออกไป สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป
「……หะ? ข้า? แก ผู้ชายเรอะ! ไม่ใช่คนๆนั้นนี่หว่า!?」
「!?」
ชายหนุ่มกลับไปมีท่าทีระแวงมากขึ้นทันทีแล้วเอาการ์ดออกมาจากกระเป๋า
ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเป็นผู้หญิงงั้นรึ…..!
「ออกมา! อนูบิส!」
「นะ!?」
หมอนี่ก็มีอนูบิสด้วย!? บ้าไปแล้ว! นี่ขนาดถึงขั้นสามารถให้แรงค์ B กับลูกน้องระดับล่างได้เชียวเรอะ!?
แต่ว่าที่ปรากฏตัวออกมาคืออนูบิสไม่ผิดแน่ แล้วชายหนุ่มก็ยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะออกมา
「…..ชิ!」
ผมเดอะลิ้นแล้วกระโจนออกมาจากหัวมุมที่ซ่อนตัวอยู่
ความจริงระหว่างที่คุยกันอยู่ก็ได้มาถึงที่นี่แล้ว
「ชิโนมิยะซัง!」
「มาโร๊ะจิ!? ทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้!?」
ตัวเธอที่ตกใจถูกคว้าตัวขึ้นมาบนหลังของดราโกเน็ตโดยไม่มีการถามไถ่
ถ้าหากมีการต่อสู้กับแรงค์ B เกิดขึ้น ตัวเธอจะต้องโดนลูกหลงไปด้วยแน่ ตามคาดว่าคงไม่สามารถต่อสู้พร้อมปกป้องเธอไปด้วยได้
แต่ว่าจากจุดนี้ไปสถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยน
「—-รุ่นพี่」「ได้ยินเรื่องราวผ่านเข็มกลัดแล้ว ทำได้ดีมากค่ะ!」
「อันนา! โอริเบะ!」
ทั้ง 2 คนที่แยกตัวไปมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
แถมด้วยมาทางฝั่งตรงข้ามกับผม อยู่ในรูปแบบล้อมกรอบชายหนุ่ม
ทั้งเวลาและสถานที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับชายหนุ่ม ก็ทำการแจ้งมาผ่านทางเข็มกลัดแล้วคอยซุ่มอยู่!
「นะ…..!」
ชายหนุ่มที่จู่ๆก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากที่ทางหนีถูกปิด หันมองระหว่างพวกอันนากับผมด้วยท่าทีร้อนรน
ทางด้านหลังมี เอลฟ์, เพกาซัส, และซึจิกุโมะ การ์ดแรงค์ C 3 ใบ ส่วนทางด้านหน้ามี ไลแคนโทรป, และดราโกเน็ต
「…..อนูบิส! รีบๆซัดไลแคนโทรปนั่นซะ เพื่อให้ชั้นหนีเร็วเข้า!」
แน่นอนว่าชายหนุ่มจะต้องเลือกทางผม เพื่อที่หมอนี่จะหนีรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ จึงไม่มีทางเลือกเว้นแต่บุกฝ่าด้านที่อ่อนแอกว่า
…..แต่ว่า
「อนูบิส! มัวทำอะไรอยู่ เร็วๆเข้าเซ่!」
ไม่รู้ทำไมแต่อนูบิสกลับไม่เคลื่อนไหว ทำการจ้องมองพวกเรากับมาสเตอร์อย่างเงียบๆ ราวกับว่ากำลังเปรียบเทียบ…..
「…..หลีกเลี่ยงไม่ได้ สินะ」
พูดเสียงเบาๆ แล้วซัดศรีษะของชายหนุ่มขาดกระเด็น
『!!!!?』
ขณะที่ศรีษะของชายหนุ่มที่หน้าตาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นปลิวลอยไปในอากาศ ที่พวกเราทำได้มีเพียงแค่จ้องมองด้วยความตกใจ
นี่มันเป็น ภาพที่แม้แต่นักผจญภัยมากประสบการณ์ ไม่สิ เพราะว่าเป็นนักผจญภัยมากประสบการณ์ถึงได้ไม่เชื่อสายตาตัวเอง…..
รู้สึกได้ว่าโลกที่เชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดกำลังพังทลายลง
บ้าน่า…..! ไม่ว่าจะยังไงการ์ดก็ไม่สามารถทำร้ายมาสเตอร์ตัวเองได้นี่นา…..
หรือจริงๆแล้วไม่ใช่การ์ดของหมอนี่? ไม่สิ เห็นอยู่ชัดๆว่าหมอนี่ทำการอัญเชิญออกมาด้วยตาตัวเอง หรือว่ามาสเตอร์ตัวจริงทำการอัญเชิญระยะไกลในตอนที่หมอนี่อัญเชิญ? แบบนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ การอัญเชิญการ์ดจะต้องทำด้วยมือเท่านั้น ไม่สามารถอัญเชิญทางระยะไกลได้
เบื้องหน้าผมที่กำลังสับสน ศรีษะของชายหนุ่มก็ร่วงลงสู่พื้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทั้งอนูบิสและบอร์ออคที่ลืมการมีอยู่ของตัวมันไปแล้ว เกิดเลือดไหลทะลักออกจากส่วนคอแล้วลอสไป
ผลสะท้อนของความเสียหายส่งไปยังการ์ด นี่คือเครื่องยืนยันว่าการ์ดทั้ง 2 ใบเป็นของชายหนุ่มจริงๆ
「…..ก-กรี๊ตตตตตต!」
ในตอนนั้นเอง เสียงร้องแหลมสูงก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ เจ้าของเสียงก็คือชิโนมิยะซัง
ไม่เหมือนกับผมและพวกอันนา เธอเป็นแค่เด็กนักเรียนม.ปลายธรรมดา ไม่แปลกที่จะตื่นตกใจกับการฆ่ากันตายอย่างกะทันหัน
ทว่าพวกผมเองก็ไม่มีใจนิ่งพอจะเข้าไปปลอบเธอ
ความเชื่อที่พอจะเรียกว่าตำนานของความปลอดภัยอย่างที่สุดของการ์ด….. กับภาพเบื้องหน้าที่ทำลายสิ่งเหล่านั้นแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ในที่สุด อันนาก็พูดราวกับกระซิบกับตัวเอง
「…..การ์ด, ต้องสาป」
มันคือ เรื่องเล่าประจำเมืองที่มีการพูดต่อๆกันมานานแล้ว
วันหนึ่งในเขาวงกตไปได้การ์ดแปลกๆมา, การ์ดปริศนาที่พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้มาตอนไหนก็ไม่รู้, การ์ดราคาสุดถูกที่ผู้หญิงน่าสงสัยบังคับให้ซื้อที่หัวมุมถนน…..
บทนำของเรื่องมีอยู่หลากหลาย แต่ว่ากระบวนการและจุดจบนั้นเหมือนกันหมด
เหล่าผู้ที่ได้การ์ดต้องสาปจะถูกโชคร้ายต่างๆนาๆเข้าใส่ และลงเอยด้วยการถูกการ์ดนั้นสังหารทิ้ง…..อะไรแบบนั้น
เรื่องเล่านี้เริ่มมีการพูดต่อกันก็ตอนที่นักผจญภัยเป็นที่นิยม ว่ากันว่ามันเกิดจากความวิตกกังวลอันคลุมเคลือของสิ่งลึกลับที่เรียกว่าเขาวงกตและการ์ด
แต่ถ้าหากว่า มันไม่ใช่เรื่องเล่าประจำเมืองงี่เง่า แต่ว่าเป็นเรื่องจริงล่ะ…..?
ในหมู่เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับการ์ดต้องสาป ผู้ที่ถูกการ์ดควบคุมจนกลายเป็นฆาตกรที่สังหารเพื่อนและครอบครัวตัวเอง….. มีเรื่องแบบนั้นอยู่ด้วย
ถูกการ์ดควบคุม…..รู้สึกคุ้นๆ กับเรื่องของตัวเอง…..
「บ้าน่า…..!」
สลัดความสงสัยในหัวทิ้งไป
แต่ว่า เร็นกะและซุซูกะนั้น เป็นเหมือนกับการ์ดต้องสาปเลย…..
「…..โอ่ย! นี่มัน เกิดอะไรขึ้น! ห-หรือว่า พวกนายเป็นคนทำ!?」
ในตอนนั้นเอง นักผจญภัยคนอื่นที่ตอบรับการขอความช่วยเหลือก็มาถึง
พวกเขามองมาทางนี้ด้วยความตกใจกลัว ผมที่ได้แต่รู้สึกว่านี่มันคงเป็นปัญหาเยอะแน่ๆ…..รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นปัญหาของคนอื่น
【Tips】ข่าวลือเกี่ยวกับการ์ดต้องสาป
—-คัดลอกมากจากกระทู้เรื่องราวลึกลับแห่งหนึ่ง
นี่เป็นเรื่องราวของเพื่อนของเพื่อนของชั้น วันหนึ่ง ขณะที่นักผจญภัยกำลังสำรวจเขาวงกต ก็ได้พบกับการ์ดตกอยู่บนพื้น ดูเหมือนจะเป็นการ์ดที่นักจญภัยคนอื่นทำตกเอาไว้ และถึงจะเป็นการ์ดแรงค์ C แต่ก็ไม่ได้ถูกลงทะเบียนความเป็นเจ้าของ คิดว่านี่คงเป็นลาภลอยจึงฉวยประโยชน์จากมัน การ์ดนั้นดูแตกต่างไปจากการ์ดปกติอยู่นิดหน่อยและออกจะน่าขนลุกอยู่บ้าง แต่สำหรับคนที่มีแค่การ์ดแรงค์ D การ์ดนั้นก็ได้เป็นกำลังรบหลักไป
หลังจากใช้งานการ์ดนั้นไปได้ซักพัก เรื่องราวแปลกๆก็ได้เริ่มเกิดขึ้นรอบตัวคนๆนั้น ดูเหมือนว่าทุกๆรอบหลายวันจะมีอยู่วันหนึ่งที่ไม่สามารถจำเรื่องที่ทำไปได้เลย แล้ววันหลังวันที่จำอะไรไม่ได้ก็มักจะมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น อย่างการไปเจอซากของแมวที่ถูกทารุณจนตายอยู่ใกล้บ้าน แม้ว่าจะรู้สึกกลัวและไปโรงพยาบาล แต่ก็ไม่พบปัญหาทางร่างกายอะไร จึงคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องของทางจิด
ขณะที่เป็นเช่นนั้น จำนวนของวันที่จำอะไรไม่ได้ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น จำนวนของซากสัตว์รอบบ้านค่อยๆเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็เกิดข่าวลือว่าคนๆนั้นเป็นผู้ที่ฆ่าสัตว์ที่อยู่ในละแวกนั้นเอง ตัวชั้นคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็มีความกังวลว่าในวันที่จำอะไรไม่ได้ไปทำอะไรไว้ จึงตัดสินใจตั้งกล้องบันทึกด้วยตัวเอง
หลายวันหลังจากที่ไม่สามารถจำอะไรได้ ขณะที่ดูวิดีโอ…..ในนั้น ได้เห็นตัวเองกำลังลงมือฆ่าแมวจรจัดและกินมันอย่างสดๆ ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากการ์ด「รู้สึกตัวแล้วเรอะ…..แต่มันก็สายไปแล้ว」…..
ชั้นพยายามที่จะขว้างมันทิ้งไปในทันที แต่แล้วสติก็ดับวูบไป นี่ก็เกือบเดือนแล้วที่หมดสติไป เน่ ชั้นควรจะทำยังไงดี…..?