เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 23 ชื่อของการ์ด คือหลักฐานว่าพร้อมที่จะสละชีวิต
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 23 ชื่อของการ์ด คือหลักฐานว่าพร้อมที่จะสละชีวิต
บทที่ 1 ตอนที่ 23
「ขอ—-」
「ย-ยังก่อน…..」
ในตอนที่ผมกำลังจะประกาศขอยอมแพ้ ได้มีเสียงแหบแห้งขัดผมเอาไว้
เร็นกะยกตัวของเธอขึ้นมาแล้วจ้องมาที่ผม
ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็อยู่ในสภาพเจียนตาย
「ยัง, สู้ต่อ, ได้…..」
「นี่เธอ พูดอะไรออกมา! ถ้ามากยิ่งกว่านี้จะได้ลอสเอานะ!」
เพราะแบบนั้นจึงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้เจอกันที่ผมตะคอกใส่เร็นกะอย่างจริงจัง
「ก็นั่นสินะ…..」
อึ้งไปชั่วครู่แล้วเอ่ยถาม
「ทำไม ต้องทำถึงขนาดนั้น…..」
「…..ก็นาย, กำลังพยายาม, หาข้อแก้ตัวนะสิ」
「!!!」
สายตาอันแรงกล้าของเร็นกะมองทะลุผ่านตัวผม
มันตรงเข้าเป้า ทำเอาหัวใจเต็นแรง
「นาย, พยายามหาข้อแก้ตัวหลายๆอย่าง, เพื่อยอมรับความพ่ายแพ้, ใช่ไหมล่ะ….. ถ้าหากว่าแพ้ไปแบบนั้น, นายจะติดนิสัยยอมแพ้ที่แก้ไม่ได้ไปตลอดชีวิต, ซักวันหนึ่ง, จะมีตอนที่ไม่สามารถแพ้ได้เด็ดขาด, แต่ก็จะยอมแพ้ไป…..ไม่อยากให้กลายเป็นคนแบบนั้น, ล่ะมั้ง」
「เร็นกะ…..」
เธอพูดถูกแล้ว ผมนั้น กำลังพยายามหาเหตุผลเพื่อให้ตนเองแพ้ ไม่ว่าจะคันนาซูกิมีประสบการณ์มากกว่าเลยช่วยไม่ได้ที่จะแพ้, ถ้าเป็นตอนนี้ก็จะหลีกเลี่ยงการลอสของพวกเร็นกะได้ และอีกหลายๆอย่าง ท้ายที่สุด ยังมีแม้แต่แอบกล่าวชมอีกฝ่ายเพื่อปกปิดความคับข้องใจของตัวเอง หมอนั่นสุดยอดบ้างใจดีบ้าง….. เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกแย่ถ้าหากแพ้
พวกนั้นมัน ก็แค่ข้อแก้ตัวของพวกขี้แพ้ เร็นกะมองทะลุถึงเรื่องนั้นในใจของผม
「จ-จำเอาไว้ให้ดี, กับผู้ที่ไม่สามารถยืนหยัด, จนถึงช่วงเวลาที่ต้องพ่ายแพ้จริงๆแล้วนั้น…..โชค, จะไม่มีวัน, ยิ้มให้หรอกนะ」
เร็นกะกล่าวร้องขอขณะกระอั่กเลือด
พ-เพื่อผมงั้นเหรอ…..ไม่ใช่แค่เฉพาะตรงนี้ แต่เป็นทั้งชีวิตของผม…..
มีอะไรบางอย่างในอกค่อยๆร้อนขึ้น -กึด-กำมือแน่นไปที่หน้าอก
มือเล็กๆยื่นมาแตะที่แก้มของผมที่ไม่สามารถบรรยายคำพูดอะไรออกมาได้ เร็นกะพูดด้วยเสียงราวกับกระซิบ
「นี่, ทำไมอุทามาโร่, ถึงตั้งชื่อให้กับพวกชั้นกันล่ะ?」
「นั่นมัน…..ก็เพราะไม่อยากจะสูญเสียพวกเธอไปน่ะสิ เพราะงั้น พอได้แล้วล่ะ」
ต่อให้ต้องติดนิสัยยอมแพ้ มันก็ยังดีกว่าต้องลอสพวกเธอ…..
หลังจากได้ยินที่เร็นกะบอกแล้ว ความรู้สึกนั่นมันยิ่งมากขึ้นไปอีก ถ้าหากว่าการชนะได้หมายถึงอะไรที่เป็นการต้องให้พวกเธอตายแบบนั้น? ถ้างั้นก็ช่างหัวมันเถอะ
ทว่า เร็นกะส่ายหัวให้กับคำพูดของผม
「ถ้าอย่างนั้น, ก็ยิ่งดีแล้วใหญ่, ปล่อยให้สู้, จนถึงที่สุดเถอะ, ต่อให้ต้องลอส, ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสูญเสียไปจริงๆ, ไม่ใช่เหรอไง」
「ต่อให้บอกว่าไม่ใช่การลอสจนหมดไม่เหลืออะไรจริงๆก็เถอะ แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับต้องตายไปครั้งนึงเลยไม่ใช่เรอะ!」
ผม ยังจำที่ยูคิสั่นกลัวและไม่อยากจะตาย ต่อให้การ์ดสามารถชุบชีวิตกี่รอบก็ได้ ความตายก็ยังน่ากลัวอยู่ดี
เพราะแบบนั้น ผมที่สำรวจเขาวงกตมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยใช้พวกการ์ดแรงค์ต่ำๆเป็นของใช้แล้วทิ้งเลย ต่อให้รู้ว่าการใช้การ์ดแรงค์ F เพื่อให้ไปโดนและทำลายกับดักจะมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็ยังดื้อดึงให้เอลิซ่าทำการเรียนรู้ปลดกับดักมาเรื่อย
นี่คือ วิธีแสดงความขอบคุณของผมต่อพวกเธอที่ช่วยสอนให้รู้ถึงความสำคัญของชีวิต
แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว คนๆนั้นกลับ ขอให้ปล่อยเธอไปสู้จนกว่าจะตาย…..
เร็นกะ-ฟุ-หัวเราะ แม้ว่าเตรียมพร้อมที่จะตาย รอยยิ้มก็ยังสดใส
「นี่, รู้รึเปล่า? การตั้งชื่อ, ฝ่ายการ์ดสามารถปฏิเสธได้นะ?」
「อะไรนะ?」
…..ไม่รู้เรื่องเลย นึกว่าการตั้งชื่อการ์ด เป็นการตัดสินใจจากฝ่ายมาสเตอร์ฝ่ายเดียวซะอีก
แต่ว่า เรื่องนั้น มันเกี่ยวอะไรกับตอนนี้…..
เร็นกะพูดเบาๆ โดยปล่อยข้อสงสัยของผมเอาไว้
「สำหรับพวกชั้นแล้ว, การลอสไม่ได้หมายถึงความตาย, การสูญเสียของการ์ด, เป็นแค่การกลับคืนสู่”ท้องทะเลมารดร”เท่านั้น, ทว่าหากได้รับการตั้งชื่อ, จะเป็นการผูกมัดอยู่กับ, มาสเตอร์นั้นต่อไป, ถ้าหากคิดว่าไม่อยาก, การ์ดก็สามารถปฏิเสธชื่อนั้นได้, การยอมรับชื่อ, สำหรับพวกชั้นแล้ว, ถือเป็นการเตรียมใจเช่นกัน」
ไอ้ตรงนี้, พวกเมอาคงยังไม่เข้าใจหรอก เร็นกะพูดเบาๆขณะยิ้มไปด้วย
ผมจ้องมองไปที่ดวงตา ภายในนัยน์ตาสีแดงชาด สะท้อนใบหน้าของผมอยู่
「กับมาสเตอร์, คนอื่นแล้ว, ก็ไม่รู้หรอก, ว่าคิดยังไงกับการตั้งชื่อ, บางที, อาจจะคิดว่าเป็น, หลักประกันเล็กๆน้อยๆ, แต่ว่า, สำหรับพวกชั้นแล้ว, ชื่อคือ—-」
—-หลักฐานว่าพร้อมที่จะสละชีวิตไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตามเพื่อมาสเตอร์ ใช่ไหมล่ะ?
「………………..!」
กรีดร้องอย่างไร้เสียง ขย้ำมือไปที่อก
อยากจะตายเพราะเกลียดตัวเองไปซะเดี๋ยวนี้ อยากจะขึ้นไปด้านบนของชนชั้นห้องเรียนอะไรกัน, ไม่อยากให้คนในชั้นเรียนมาดูถูกอะไรกัน, ตัวผมที่มีความรู้สึกแบบนั้นเมื่อตอนที่จะลงแข่ง อยากจะไป
ฆ่าทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด
ต่อพวกเธอที่เตรียมใจอย่างหนักแล้วติดตามผมมา ผมกลับต่อสู้ด้วยความรู้สึกอันเบาหวิว
ไม่ได้เตรียมใจอะไรมาทั้งนั้น นึกว่าได้เรียนรู้มาจากตอนศึกฮาเมลินแล้ว แต่ตัวผมไม่ได้เติบโตอะไรเลย
…..แต่ว่า ตอนนี้ ตัดสินใจแล้ว ถ้าเป็นตอนนี้ยังพอที่จะเริ่มต้นได้ ใช่แล้วล่ะ มาเริ่มต่อสู้ไปด้วยกันตรงนี้เถอะ
ตัวผม เตรียมพร้อมที่จะสูญเสียทุกอย่างแล้ว
「…..พวกเธอ」
เอาขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋า
อมฤต นี่คือการเตรียมใจของผม
ถ้าหากว่าขายเจ้านี่ ต่อให้ถูกจัดการหมดก็สามารถชุบชีวิตการ์ดได้ทุกใบ
จนถึงตอนนี้ สู้มาโดยมีหลักประกันแบบนั้นอยู่
แต่ว่า ด้วยหลักประกันแบบนั้น ไม่ใช่การทุ่มเทหมดทั้งชีวิต
เพราะว่ามีเจ้านี่อยู่ จึงคิดว่าไม่เป็นอะไรต่อให้แพ้ก็ตาม เป็นความคิดเหลาะแหละ
ต่อให้ต้องแพ้ จะชุบชีวิตคืนมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นปีหรือสิบปีก็ตาม แบบนั้นแหละถึงถูกต้อง
「ต่อให้ต้องสูญเสียไปหมดทุกอย่าง จะให้แน่ใจเลยว่าจะเอากลับคืนมาให้หมดทุกอย่างเอง ไม่ต้องห่วงเลย」
ขณะที่ผมค่อยๆเอาอมฤตไปที่ปากของเธอ เร็นกะก็อึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง
「โอ้! เพราะแบบนี่แหละ, ถึงสมกับเป็นมาสเตอร์ของชั้นล่ะ」
พอพูดแบบนั้น เธอก็ยิ้มออกมาอย่างเริงร่า
เร็นกะดื่มอมฤตเข้าไปในอึกเดียว แสงสีฟ้าห่อหุ้มร่างกายของเธอ
-ปื้ง-แล้วจู่ๆแสงก็แตกออก…..บาดแผลของเธอหายไปจนหมด
ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ พอได้เห็นใบหน้าของเธอที่ความเจ็บปวดจากบาดแผลหายไป ที่แก้มมันก็ผ่อนคลายด้วยความโล่งใจ
แต่ว่า…..ถึงอย่างนั้นแล้ว นี่ก็แค่กลับมานับหนึ่งใหม่ ช่องว่างด้านกำลังรบไม่ได้แคบลงแม้แต่นิดเดียว
ความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน…..แต่ว่า ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร น่าเสียดาย แต่คงจะเป็นแค่การดิ้นรนจนกว่าจะถูกจัดการจนหมด
ในตอนนั้นเอง เร็นกะได้พึมพำกับตัวเอง
「……….อา งั้นเหรอ เป็นแบบนั้นเองสินะ ถ้างั้น มันก็ไม่มีใครจะรู้สึกตัวหรอก…..」
「เร็นกะ…..?」
ผมมองไปทางเธอด้วยความสงสัย แล้วเธอก็หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
「มันคงมีแต่ไอ้บ้าอย่างนายนี่แหละ ที่ใช้ของมีค่าอย่างอมฤตกับการ์ดของเสียอย่างชั้นน่ะ」
「ว่าไงนะ…..!」
-หะ-หันไปมองด้านหน้า
ที่ตรงนั้นมีเอลิซ่ากับยูคิที่ราวกับแบตเตอรี่หมดล้มลงอยู่กับพื้น
เพราะว่าลิงค์จึงทำให้รู้สภาพของทั้งสอง เจียนตาย
หมดเวลาแล้ว สินะ แบบนี้ต่อให้เร็นกะคืนชีพมา ก็ไม่…..
เร็นกะกระซิบกับผมที่กำลังกัดริมฝีปาก
「ไม่เป็นไร ปล่อยชั้นจัดการเอง」
หมายความว่ายังไง ก่อนที่จะได้ถามแบบนั้นไป—-แสงสว่างเจิดจ้าก็ส่องเข้าตามา
ในขณะเดียวกัน กลิ่นของดอกไม้อันอ่อนโยนได้ลอยมาแตะจมูก
「นี่, มัน…..?」
ขณะที่ใช้แขนป้องตาไว้ ก็เพ่งสายตาไปที่เร็นกะที่ปกคลุมไปด้วยแสง
ในที่สุดแสงก็หายไป ทัศนะวิสัยค่อยๆกลับมาเป็นปกติ…..เร็นกะไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
「…..อะ?」
อ้าปากค้าง
ตรงจุดกึ่งกลางที่เร็นกะยืนอยู่จนถึงเมื่อครู่ มีดอกบัวผลิบานอยู่เต็มไปหมด และผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางนั้น
หญิงสาววัยรุ่นรูปโฉมงดงามสวมชุดคลุมที่ราวกับเป็นของชาวแดนสวรรค์ พร้อมเปล่งแสงออร่าอันศักดิ์สิทธิ์ ผมสีดำเงา นัยน์ตาสีแดงชาด และใบหน้าแสนสวยที่ราวกับมาจากนอกโลกใบนี้
เทพธิดา อาจจะฟังดูลิเก แต่นั่นเป็นคำเดียวที่ก้องอยู่ในหัว
「…..ฝนอมฤต」
เทพธิดากล่าวกระซิบ เสียงอันอ่อนหวานจนสมองด้านชา แล้วโดยรอบ ฝนแสงโปรยปรายลงมา
รู้สึกสุขใจ ราวกับว่าสิ่งแย่ๆที่สะสมอยู่ในร่างกายมันถูกชะล้างออกไป ความรู้สึกเหนื่อยล้าในสมองเองก็หายไปด้วย
「……….มาส, เตอร์?」
「นี่มัน, บาดแผล…..」
「เอลิซ่า! ยูคิ!」
เหล่าพรรคพวกได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์และตื่นขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง ความเสียหายของการ์ดคันนาซูกิกลับยังคงอยู่เหมือนเดิม
หรือว่า เป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ?
ทำการมองอย่างตกตะลึงไปทางเทพธิดา พอเธอรู้สึกถึงสายตาของผม ก็เผยรอยยิ้มซุกซนให้เห็น เป็นร่องรอยว่ายัยนั่นยังอยู่ตรงนั้น
「นี่มัน…..」
คันนาซูกิพึมพำราวกับว่าหลงไหล
แต่เขาก็เรียกคืนสติได้อย่างรวดเร็วแล้วจ้องเขม็งมาทางผม
ราวกับว่าสับสวิตซ์ การ์ดของหมอนั่นเริ่มขยับ
หมอนั่นเองก็คงจะมีเรื่องอะไรหลายๆอย่างที่กังวล แต่เดาว่าตอนนี้คงจะพักเรื่องพวกนั้นเอาไว้ก่อน
ฟื้นฟูสภาพจิตใจอย่างรวดเร็ว ต่างกับผมที่ยังสับสนอยู่
แต่ว่า…..
「อะไรกัน!?」
การ์ดของหมอนั่นส่งเสียงร้อง และเสียงตกใจของคันนาซูกิดังก้อง
เทพธิดา…..ไม่สิ เร็นกะเพียงแค่ชูมือขึ้นมา การ์ดของหมอนั่นก็ถูกกระแทกลงไปกับพื้น ไม่สิ ผิดแล้ว ถ้าลองมองดูดีๆจะเห็นว่ายังมีคลื่นแสงสีดำกดทับการ์ดของหมอนั่นอยู่ด้วยแรงมหาศาล
นี่มัน หรือว่าจะเป็นเวทโจมตีขั้นสูง กราวิตี้(gravity)?
「คุ…..ทุกคน!」
-กึดกึด-เสียงของกระดูกที่ถูกบีบร้าว เมื่อคันนาซูกิได้เห็นเหล่าการ์ดของเขาหมอบคลานอยู่กับพื้นใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว
แต่เขาก็นำของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็วแล้วขยี้มันคามือ
คลื่นแสงสีดำหายไป เหล่าพรรคพวกของหมอนั่นกลับมาเป็นอิสระ อุปกรณ์เวทสำหรับป้องกันงั้นเหรอ ถึงกับสามารถลบล้างเวทโจมตีขั้นสูงได้ ราคาก็คงจะสูงน่าดู
เหล่าการ์ดของหมอนั่นที่หลุดพ้นจากเวทแรงโน้มถ่วง ดีดตัวพุ่งเข้าโจมตีเร็นกะ
ต่อหน้าเหล่ามอนสเตอร์ทั้ง 3 แล้ว เทพธิดาเพียงแค่เผยรอยยิ้มเล็กๆ
「นทีแห่งดาราเอ๋ย」
พริบตาที่เธอกระซิบมา ห้วงอวกาศก็เปิดออกจากด้านหลังเธอ
ดวงดาวประกายแสงเล็กๆมากมายท่ามกลางท้องทะเลอันดำสนิท…..
ขณะที่สายตากำลังตกอยู่ในภวังค์ของภาพอันน่าพิศวงนั้น ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็สาดส่อง
อุกกาบาตขนาดเล็กที่ปกติจะถูกเผาไหม้จนหมดก่อนจะถึงผิวโลก ได้ข้ามผ่านประตูที่เร็นกะเปิดออก ทะลักลงมาสู่ผิวโลก
เวทโจมตีขั้นสูง เมเทโอ(meteor)
ในพริบตานั้น ขณะที่ฝนอุกกาบาตกำลังจะพุ่งทะลุผ่านเหล่าการ์ดของคันนาซูกิอย่างไร้ความปราณี
「ยังหรอก!」
คันนาซูกิน่าจะเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่ที่ได้เห็นห้วงอวกาศ ทำการดึงการ์ดอุปกรณ์เวทอีกใบออกมา
เหล่าการ์ดของคันนาซูกิหายไป แล้วฝนอุกกาบาตก็พุ่งผ่านความว่างเปล่า
เสียงดังสนั่น แรงสั่นสะเทือน ฝุ่นตลบขึ้น มองอะไรรอบตัวไม่เห็นเลย
ผมรีบทำการลิงค์กับเหล่าการ์ดในทันทีเพื่อแบ่งปันประสาทรับรู้ และค้นหาเหล่าการ์ดของคันนาซูกิว่าหายไปไหน
อยู่ไหน หายไปไหนกัน!?
『ข้างหลัง หมอบลงซะ』
「!」
ทำตามเสียงที่ก้องในหัวราวกับคำพยากรณ์ รีบย่อตัวลงไปกับพื้นทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น อะไรบางอย่างก็พุ่งผ่านเหนือศรีษะไป
แคทซิทล่ะ!
หลังจากคันนาซูกิใช้อุปกรณ์เวทเพื่อหลบให้กับการ์ดแล้ว ก็เล็งเป้ามาที่ผมเพื่อโจมตีโดยตรงในทันที
แคทซิทที่ไร้ซึ่งการป้องกันขณะอยู่กลางอากาศจากการที่ผมหลบ ถูกสุนัขล่าเนื้อสีเขียวทำการโจมตีใส่
ขย้ำเข้าที่ลำคอ ใช้ร่างกด สามารถตรึงตัวแคทซิทเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
สุนัขปีศาจคำราม และภูติแมวกรีดร้องก้อง
คิดว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงจัดการแคทซิทได้ แต่ว่าคันนาซูกิไม่ใช่คนประเภทที่จะมองดูอยู่เฉยๆ
ลิซาร์ดแมนรีบพุ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพรรคพวกของมัน และผู้ที่ยืนขวางทางมันอยู่ก็คือ—-เอลิซ่า
ไอน้ำยังคงพวยพุ่งออกมาจากร่าง ที่ดวงตาถูกย้อมดวยสีแดงสดและน้ำตาเลือดไหลออกมา
ศพมีชีวิตผู้กลืนกินศพของตัวเองแล้วแปรเปลี่ยนมันเป็นพลัง ดึงเอาพลังทั้งหมดออกมาด้วยพลังบ้าคลั่ง ณ ชุมนุมเพลิง แก่นที่แท้จริงของกูล่าที่สามารถดึงออกมาได้ด้วยเพียงหญิงสาวที่มีความรู้สึกเป็นของตนเองเท่านั้น
การเสริมพลังจนถึงขั้นที่กัดกินร่างกายของตนเอง อาจจะขึ้นไปได้ถึงการ์ดแรงค์ D ระดับสูง
ลิซาร์ดแมนกับเอลิซ่าประจัญหน้า—-เข้าปะทะ! ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะถูกซัดกระเด็นไปอย่างง่ายดาย แต่ในคราวนี้เธอสามารถรับน้ำหนักและพลังของลิซาร์ดแมนเอาไว้ได้
「คึ, ก็าซซซซซซซซซซซ!!!」
เอลิซ่าส่งเสียงคำรามแบบที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงเงียบๆอย่างเธอจะเปล่งออกมาได้ แล้วทุ่มลิซาร์ดแมนลงไป! รีบทำการคว้าแขนแล้วยึดข้อต่อให้อยู่กับที่
เพียงเท่านี้ก็สามารถตรึงไว้ได้ 2 ใน 3 ใบแล้ว
เหลืออีกแค่ 1 ใบเท่านั้น…..!
แม่มดตัวเล็กกุมหมวกปลายแหลมของเธอเอาไว้แล้วจ้องมาทางนี้
ใจสู้ยังไม่หายไปจากดวงตาของเธอ เห็นได้ว่าเธอกำลังหาทางโจมตีโดยตรงใส่ผมอยู่
เร็นกะเข้ามายืนด้านหน้า ป้องกันผมจากสายตาที่เพ่งมา
『………………..』
ความเงียบอันน่าอึดอัดเข้าปกคลุม
ที่ขยับก็คือ—-พร้อมๆกัน
แม่มดใช้หอกสายฟ้า เร็นกะใช้หอกศิลาขนาดเท่าเสาไฟฟ้า
ไลท์นิงกับเอิร์ธสเปีย(lightning, earth spear) การที่เวทที่ถูกปล่อยไปได้เปรียบในด้านของธาตุมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือว่าเพราะการควบคุมโชคกันแน่…..
แต่สิ่งหนึ่งที่กระจ่างชัดเลยก็คือ หอกศิลาเอาชนะหอกสายฟ้าลงได้
แม่มดยังคงจ้องมองหอกศิลาที่กำลังพุ่งมาหาเธอโดยไม่หันหน้าหนี
และในตอนที่หอกกำลังจะพุ่งทะลวงร่างเล็กๆนั่น
ได้มีใครบางคนออกมายืนบังหน้าไว้
『!!!!!!』
ความรู้สึกตกตะลึงของการ์ดทั้ง 3 ใบถ่ายทอดมายังผม ความรู้สึกตกตะลึงของผมเองก็ส่งผ่านไปยังพวกเร็นกะ
「มาส. เตอร์…..」
เสียงแหบแห้งของแม่มดเปล่งออกมาให้ได้ยิน เธอจ้องมองไปยังร่างมาสเตอร์ของเธอที่ยอมเสี่ยงชีวิตใช้ร่างของเขาเพื่อทำการปกป้อง
พริบตาถัดมา เสียงราวกับกระจกแตกก็ดังกังวาน
เสียงของอุปกรณ์เวทป้องกันกับหอกศิลาหักล้างกัน
คันนาซูกิลดสายตาลงชั่วขณะ เมื่อเขามองเห็นผม ก็เผยรอยยิ้มอันสดใส
「โดนเข้าซะแล้ว! ผมแพ้แล้วล่ะ!」
ช่องว่างเพียงชั่วอึดใจ
『…..ต-ต-ต-ตัดดดสินนน!!! ผู้ชนะ! ผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่าครับ! ทันทีที่ผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่านำโพชั่นอะไรบางอย่างออกมาให้ดื่ม ซาชิกิวาราชิก็แปลงร่าง แล้วการต่อสู้ก็ถูกตัดสินอย่างหมดจดดด! นี่มันคืออะไรกัน มันคือสกิลแบบไหนกันแน่! ชิเงโน่ซัง นี่มันอะไรกันครับ!?』
เสียงตื่นเต้นของผู้บรรยายดังก้องไปทั่วสนาม เหล่าผู้ชมเองที่เงียบสนิทไปไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ค่อยๆกลับมามีเสียงอื้ออึงอีกครั้ง แม้จะมีความโกลาหลแต่ก็ยังรอฟังการบรรยายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
『…..บ้าไปแล้ว』
『ชิเงโน่ซัง?』
『ไม่อยากจะเชื่อ! หรือว่า, เรื่องแบบนั้น! เป็นไปได้เหรอ! การแรงค์อัพโดยไม่ใช้การ์ด!』
『เอ็ตโต สรุปแล้วหมายความว่ายังไง แปลว่าการ์ดของผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่าแรงค์อัพงั้นเหรอครับ? 』
『ครับ ไม่ผิดแน่ นั่นคือการ์ดแรงค์ B ลักษมีครับ ไม่สิ ถ้าเป็นในญี่ปุ่นคงต้องเรียกว่าคิชโชเต็ง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เป็นการแรงค์อัพไม่ผิดแน่นอน ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านอกเหนือไปจากการใช้การ์ดระดับสูงกว่าเพื่อทำการแรงค์อัพให้การ์ดแล้ว ยังจะมีวิธีอื่นอยู่อีก นี่เป็นการค้นพบครั้งใหญ่เลยครับ! เงื่อนไขมันคืออะไรกันแน่ ที่ให้ดื่มเมื่อครู่นี้คืออมฤต…..? ถ้าได้ดื่มอมฤตแล้วจะแรงค์อัพงั้นเหรอ? ไม่ มันไม่น่าจะมีแค่นั้น ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ต้องมีรายงานออกมาเร็วกว่านี้แล้ว ใช่แล้ว ซาชิกิวาราชิใบนั้น ถ้าจำไม่ผิด มีสกิลตัวตนที่ร่วงหล่นอยู่ ตัวตนที่ร่วงหล่น…..ร่วงหล่น หรือว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ?』
『อ-อาโน ชิเงโน่ซัง?』
เมินผู้บรรยายที่ดูจะกำลังสับสนอยู่ไปก่อน ผมเดินเข้าไปหาเร็นกะที่เปลี่ยนสภาพไปครั้งใหญ่ เอลิซ่ากับยูคิก็ตามมา เอ่ยปากถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
「เร็นกะ งั้นเหรอ?」
「แล้วเห็นเป็นใครที่ไหนงั้นรึ? มาสเตอร์เอ๋ย」
รูปลักษณ์ของเธอที่มาพร้อมรอยยิ้มจางๆ พอได้เห็นใกล้ๆแล้วยิ่งดูไม่ธรรมดา
ขณะที่ยังคงภาพเงาของเร็นกะเอาไว้ ทั้งร่างกายและใบหน้าได้เติบโตขึ้น ดวงตาที่ดูสงบเยือกเย็น ในขณะที่นัยน์ตาสีแดงชาดเน้นย้ำปัญญาอันมากล้น เส้นเงาของร่างกายสามารถมองเห็นได้ผ่านเสื้อคลุมบางๆโปร่งใส่เล็กน้อย แสดงให้เห็นความไม่สม่ำเสมออย่างชัดเจน ชวนให้นึกถึงร่างกายอันน่าหลงไหล
ต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับรูปลักษณ์ของเอลฟ์ที่ว่ากันว่าถูกสร้างโดยพระเจ้า เป็นความงดงามของตัวพระเจ้าเอง แทนที่จะเป็นปฏิกิริยาทางกาย แต่เป็นการถูกดึงดูดถึงจิดวิญญาณ….. กลิ่นของดอกบัวอ่อนหอมหวานและบริสุทธิ์ เพียงแค่พูดคุยกับเธอไม่กี่คำก็รู้สึกซาบซ่านที่ผิวหนังแล้ว
「ไม่สิ จะบอกว่าไงดี เปลี่ยนแปลงมากเกินไปแล้ว แม้แต่น้ำเสียงเองก็ยังเปลี่ยนไปด้วยเลย เนอะ?」
「ฮ-ฮะ…..คือว่า ยังจำพวกผมได้อยู่สินะฮะ?」
พอยูคิถามอย่างกล้าๆกลัวๆ เทพธิดาก็ยิ้มให้เล็กๆ…..
「มันก็แน่อยู่แล้วสิ กะอีแค่ดูแตกต่างไปนิดหน่อยก็อย่าทำเว่อร์ไปหน่อยเลย」
「อะ!?」
「กลับมาแล้ว!」
-ปุ้ง-พอมีเสียงดังขึ้น เร็นกะก็กลับคืนสู่ร่างของเด็กสาว พวกเราร้องออกมาด้วยความตกใจ
「อ-โอ้ อะไรกัน กลับเป็นปกติได้ด้วยเหรอ」
「อา มันก็แค่ผลของสกิลเท่านั้นเอง แน่นอนอยู่แล้วว่าแปลงร่างไปตลอดไม่ได้หรอก เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยอธิบายรายละเอียดให้ทีหลังละกัน」
「สกิลงั้นเหรอ…..」
ขณะที่กำลังคุยกัน มีเงาหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามาหาพวกเรา คันนาซูกิล่ะ
「ไง」
「อะ ส-สวัสดีครับ」
กับคนที่เพิ่งสู้ด้วยกลับมายิ้มให้อย่างสดใส ผมที่ไม่รู้จะตอบสนองกลับไปยังไงเลยทำได้แค่ตอบกลับไปอย่างบื้อๆ
คันนาซูกิ-ปุ-หัวเราะออกมา
「อะไรล่ะนั่น จนถึงเมื่อกี้ยังดูกระตือรือร้นดีอยู่เลย ก็คิดอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มการแข่งแล้วแต่ ตอนที่เจอกันต่อหน้าปกติกับระหว่างแข่งนี่เป็นคนละคนเลยนะ」
「เอ๋ ง-งั้นเหรอครับ?」
อะไรกัน อันนาเองก็พูดคล้ายๆกัน
ขณะที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่ คันนาซูกิก็ยื่นมือออกมา
「ไม่ต้องใช้คำสุภาพหรอก ก็อายุเท่ากันไม่ใช่รึไง? ยินดีที่ได้รู้จักนะ」
「อ-โอ้ แบบว่า ยินดีที่ได้รู้จัก」
ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองจึงยื่นมือออกไปจับ มือของคันนาซูกินั้นเรียวบางราวกับนักเปียโน
「เมื่อกี้ตกใจน่าดูเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?」
「ไม่หรอก ผมเองก็ไม่รู้อะไรเลย」
「หืม…..เอาเถอะ เดี๋ยวก็ได้เข้าใจเองแหละ」
「เอ๋?」
หมายความว่าอะไร? กับผมที่เอียงคอ คันนาซูกิก็หัวเราะโดยแฝงความหมาย
「…..ก็เดี๋ยวจากนี้ไปจะยุ่งขึ้นมาแล้วไงล่ะ」
พอได้เห็นคันนาซูกิจากไป ผมก็รู้สึกได้ถึงลางไม่ดีบางอย่าง
「ผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่า ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะครับ!」
จู่ๆก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งโหยง
พอหันกลับไป ที่ตรงนั้นมีสตาฟรายการกำลังถือกล้องอยู่มากมายพร้อมพิธีกรที่ดวงตาเปล่งประกาย
ทำการตอบขณะที่แก้มรู้สึกกระตุก
「อะ ครับ ขอบคุณครับ」
「เพื่อไม่ให้เสียเวลา ที่ซาชิกิวาราชิแปลงร่างนั้นเป็นสกิลอะไรกันครับ?」「โพชั่นที่ให้ไปนั้น หรือว่าจะเป็นอมฤตครับ? ได้มายังไงครับ?」「วันนี้ทานข้าวเที่ยงอะไรครับ?」「อะไรคือความลับของการเติบโตถึงขนาดนี้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังทำอาชีพครับ?」「มีแฟนรึยังครับ?」「ได้การ์ดพวกนั้นมาตอนไหนครับ? จริงรึเปล่าครับที่ได้มาจากการเปิดแพ็ค?」「มีแผนอะไรสำหรับอาหารเย็นคืนนี้ครับ?」
คำถามรุมกระหน่ำ
เหล่าสตาฟรายการดูมุ่งมั่นไม่ลดละจนกว่าจะได้ความจริง ในที่สุดผมก็เข้าใจความหมายที่คันนาซูกิบอก
ไอ้คุณคันนาซูกิ ถ้ารู้ว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นก็ช่วยบอกมาเถอะ…..ไม่สิ ต่อให้ถูกบอกก็คงหนีไม่ได้อยู่ดี
ผมยิ้มเล็กน้อยและเริ่มตอบคำถาม
ของแบบนี้ ถ้าคิดว่าจะได้การ์ดแวมไพร์สาวราคาหลาย 10ล้านมาไว้ในมือแล้วถือว่าเล็กน้อยมาก
ทว่าในตอนนั้นตัวผมยังไม่รู้
ว่านี่มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของนรกแห่งการสัมภาษณ์เท่านั้น…..
【Tips】ตัวตนที่ร่วงหล่น
บางครั้งในหมู่มอนสเตอร์ จะมีการปรากฏตัวบนโลกนี้โดยที่มีระดับต่ำกว่าดั้งเดิม นั่นก็คือการ์ดที่มีสกิลร่วงหล่น การ์ดเหล่านั้น ด้วยการมอบ「ชื่อ」กับอีเวนต์ไอเท…..ไม่ใช่สิ 「อุปกรณ์เวทเฉพาะตัว」จะทำให้สามารถเข้าใกล้สถานภาพทางวิญญาณดั้งเดิมได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
พระลักษมี เทวีในศาสนาฮินดู เจ้าแห่งความมั่งคั่ง โชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง
เทพองค์เดียวกับคิชโชเต็ง พระโพธิสัตว์แห่งความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์ ในพุทธแบบจีน, ญี่ปุ่น
https://en.wikipedia.org/wiki/Kissh%C5%8Dten