" สู่เสี่ยวหลง คุณตั้งรหัสโทรศัพท์ตั้งเเต่เมื่อไหร่? " จังเฉิงถามฉันแปลกๆ
ฉันเเย่งโทรศัพท์กลับมาเเละตอบกลับนิ่งๆ: " โทรศัพท์ของคุณก็มีรหัสเหมือนกันหนิ? ตอนนั้นคุณบอกฉันว่ายังไงล่ะ? "
ตอนนั้นที่โทรศัพท์ของจังเฉิงถูกล็อค ฉันก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ จึงงอแงให้เขาปลดล็อคโทรศัพท์ของเขาให้ฉันดู เเต่เขากลับบอกว่านั่นเป็นเรื่องส่วนตัว เเถมยังให้ฉันเชื่อใจเขาให้มากๆอีกด้วย?
เชื่อใจ? พอนึกถึงตรงนี้ ฉันก็รู้สึกขำในใจ ตอนนั้นฉันโง่เขลาเกินไปถึงได้เชื่อเขา เเต่สุดท้ายความเชื่อใจของฉันกลับเเลกมาด้วยอะไรหรอ?
จังเฉิงถูกคำพูดของฉันทำให้โมโห เขาอยากดูเเต่ดูไม่ได้ เเละดูเหมือนเขาจะหงุดหงิดมาก สุดท้าย เขาก็พูดทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค: " สู่เสี่ยวหลง ถ้าคุณกล้าออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ผมจะตีขาคุณให้หัก "
พูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้องนอน เเละปิดประตูห้องเสียงดัง
เสียงปิดประตูที่ดังสนั่นทำให้เธอตกใจจนใจเต้นเเรง คำพูดของจังเฉิงทำให้เธอรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย
เเต่ต่อมาเธอก็บังคับตัวเองให้เบี่ยงความสนใจไปที่การสัมภาษณ์ที่กำลังจะมาถึงในวันพรุ่ง
จนกระทั่งวันต่อมา ฟ้าสว่างเเล้วเเต่จังเฉิงก็ยังไม่กลับมา ถึงอย่างไร ตั้งเเต่เรื่องของหลินหลิงถูกเปิดเผย เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลอีกเลย
เเต่ครั้งนี้เเม้เเต่พ่อแม่ของสามีก็ไม่อยู่บ้าน ห้องครัวที่ว่างเปล่าก็ไม่มีของกินเเม้เเต่นิดเดียว ถ้าเซิ่งซื่อหาวไม่ได้ให้เงินเธอไว้ คงเกรงว่าเธอจะต้องหิวตายเเล้วเเน่ๆ
เเต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไปสัมภาษณ์งานวันนี้ต่างหาก
ฉันเเต่งตัวที่หน้ากระจกอย่างประณีต เเต่งหน้าเบาๆ ใส่ชุดทำงานที่สะอาดเเละออกจากบ้าน การสัมภาษณ์งาน ความประทับใจแรกถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
คนมาสัมภาษณ์ที่นี่เป็นจำนวนมาก ทุกคนได้รับบัตรคิวเเละฉันได้หมายเลขที่สิบ ทุกคนเข้าไปประมาณห้านาทีและออกมา มีบางคนมั่นใจเต็มร้อย เเละบางคนก็ร้องไห้หลังจากที่ออกมา
พอทุกคนเห็นคนที่สัมภาษณ์เสร็จเเล้ว สีหน้าของพวกเขาก็ประหม่าโดยไม่รู้ตัว ทางเดินเงียบสนิท เเละฉันก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นเเรง ฉันรู้สึกประหม่าจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ
" หมายเลขสิบ "
พอได้ยินเสียงตะโกน ฉันก็รีบถือบัตรคิวเข้าไปข้างในทันที
" นั่งลงสิ! "
ฉันเพิ่งนั่งลงก็เห็นว่าในหมู่ผู้สัมภาษณ์มีคนที่คุ้นเคยอยู่ในนั้น เเต่กลับเป็นคนที่ไม่อยากเห็นหน้าแต่มักจะพบกันง่ายๆ เเละยากที่จะหลีกเลี่ยง
เธอนั่งอยู่ซ้ายสุดโดยใส่ชุดที่แย่งไปจากฉัน เธอมองฉันด้วยสีหน้าอวดดี เเละยิ้มเย้ยฉันเงียบๆ
" เชิญคุณแนะนำตัวเองสั้นๆ ความพิเศษของคุณ รวมถึงทำไมถึงต้องการมาสัมภาษณ์ที่บริษัทเรา เเละมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการขายออนไลน์อย่างไรบ้าง? "
คำพูดของผู้สัมภาษณ์ทำให้เธอดึงสติกลับมาทันที
" ฉันชื่อสู่เสี่ยวหลง ปีนี้อายุยี่สิบหกปี จบจากมหาลัยชิงเฉิง ตอนนี้เเต่งงานเเล้ว เป็นเเม่บ้านอยู่สามปี ช่วงนี้ถึงได้เรียนรู้ว่าการพึ่งพาพ่อเเม่เเละสามีก็ไม่เท่ากับการพึ่งตัวเอง ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจออกจากบ้านเเละเข้าสู่ที่ทำงาน…… "
ฉันพยายามใจเย็นและสงบ พยายามใช้วิธีที่ตลกขบขันมาอธิบายตัวเอง นอกจากหลินหลิงเเล้ว เหล่าผู้สัมภาษณ์ก็พากันพยักหน้า ดูเหมือนพวกเขาจะมีความสนใจกับประสาทสัมผัสของฉันอยู่ไม่น้อย
" ตอนนี้คุณเเต่งงานมาสามปีเเล้ว ขอถามหน่อยว่าคุณมีลูกเเล้วหรือยัง? " อยู่ๆหลินหลิงก็พูดถามขึ้นมา
เธอรู้เรื่องครอบครัวของฉันดี กลับยังคงถามคำถามแบบนี้ ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่าเธออาจจะอยากขุดหลุมฝังฉัน
" ฉันยังไม่เคยมีลูกค่ะ "
" งั้นก็แสดงว่าที่เเต่งงานมาสามปี ก็น่าจะกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์น่ะสิ " หลินหลิงยกยิ้มมุมปาก
" ก่อนหน้านี้ ฉันเคยเเท้งลูกค่ะ ตอนนี้ก็กำลังพักฟื้นตัว เเละไม่คิดจะเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์ด้วยค่ะ " ฉันหันไปยิ้มให้เธอ
ฉันรู้ว่าหลายบริษัทไม่ต้องการรับสมัครพนักงานหญิงที่กำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์ เพราะถ้าตั้งครรภ์เเล้ว โดยพื้นฐานแล้วก็จะต้องเผชิญกับวันหยุดยาวเกือบหนึ่งปี
" ฉันรู้สึกว่าคำพูดของคุณยังไม่สามารถรับรองอะไรได้ "
พูดจบ หลินหลิงก็หันไปหาผู้สัมภาษณ์คนอื่นๆ: " ฉันคิดว่าควรเลือกบัณฑิตที่จบใหม่ดีกว่าแม่บ้านที่ห่างจากสังคมมาเเล้วสามปี ประการเเรก พวกเธอยังไม่เเต่งงาน จึงไม่ต้องกังวลว่าพวกเธอจะลาคลอดหลังจากที่ทำงานจนชินเเล้ว ประการที่สอง พวกเธอเต็มไปด้วยพลัง อีกทั้งยังมีความกระตือรือร้นและรักใคร่กับการทำงานเเละการใช้ชีวิต ประการสุดท้าย พวกเธอต้องการงานนี้มากกว่าแม่บ้านที่สามีเลี้ยงดู "
พอเหล่าผู้สัมภาษณ์ฟังที่หลินหลิงพูด สีหน้าของพวกเขาก็หนักอึ้งทันที
เเละจุดที่คนพวกนั้นมองไม่เห็น หลินหลิงก็ได้ยิ้มให้ฉันอย่างท้าทาย
ฉันโมโหจนลุกขึ้นยืน หลังจากนั้นก็หันไปมองหลินหลิงอย่างดูถูก: " ไม่ได้มีเพียงผู้หญิงที่เเต่งงานเเล้วเท่านั้นถึงจะสามารถมีลูกได้ บางคนยังไม่ได้เเต่งงานก็ท้องสะเเล้ว? "
ตอนนี้ช่วงท้องของหลินหลิงก็ได้ปรากฏขึ้นมาเเล้ว เเถมตอนนี้ก็เป็นฤดูร้อน เธอจึงไม่สามารถปกปิดมันได้ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของเธอกับจังเฉิงก็กำลังเป็นที่โด่งดังในบริษัท อย่างน้อย ฉันก็เคยมาที่นี่เเล้วครั้งนึง เเละได้ยินแผนกต้อนรับพูดถึงเรื่องนี้อยู่พอดี
หลินหลิงถูกคำพูดของฉันทำให้โมโหจนหน้าดำหน้าแดง
" เธอออกไปเดี๋ยวนี้ บริษัทเราไม่ต้องการคนที่ไม่ให้เกียรติผู้สัมภาษณ์แบบเธอ "
ฉันมองเธออย่างเหยียดหยาม: " ถ้าผู้หญิงที่เอาความแค้นส่วนตัวมาปนกับเรื่องส่วนรวมแบบคุณสามารถมาตัดสินเรื่องการรับสมัครพนักงานของบริษัทแบบนี้ ฉันก็คงไม่เสียดาย "
MANGA DISCUSSION