เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - ตอนที่ 220 เหรียญตราแห่งเกียรติยศ
บทที่ 220 เหรียญตราแห่งเกียรติยศ
ผู้คนนับแสนถูกไล่ล่า…
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาของทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสด ทำให้พวกเขาตกตะลึงไปทั้งร่าง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจคำว่าพ่ายแพ้!
พ่ายแพ้หมดท่า!
มันเป็นไปได้จริง ๆ ที่จะเอาชนะร้อยคนด้วยคนเดียว และมันก็เป็นไปได้จริง ๆ ที่จะไล่ศัตรูนับแสนให้หนีไปด้วยกำลังเพียงไม่กี่พันคน!
เพราะอะไรกัน? เพราะความกล้าและคติธรรมงั้นเหรอ?!
บรรยากาศรอบตัวพวกเขากดศัตรูไว้ได้ ต่อให้ศัตรูมามากกว่านี้ ก็เป็นเพียงแกะหลายแสนตัวที่เผชิญหน้ากับเสือสามพันตัว!
กลุ่มคนที่ถูกตีพ่าย ยังไม่ดีเท่าแกะตัวหนึ่งเสียด้วยซ้ำ!
พวกเขาตกใจเป็นอย่างมากกับพลังที่ปล่อยมาโดยคนชื่อสีแดงหมื่นคนนี้ ตกใจเสียจนลืมไปว่านี่เป็นเพียงแค่เกมเท่านั้น
ในตอนที่ซูเย่ไล่ตาม ผู้คนหลายแสนคนหนีกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดการแตกตื่นครั้งใหญ่
จำนวนผู้ล่าลดลงอย่างรวดเร็ว…
ในที่สุด ทุกคนที่รอดชีวิตก็อพยพออกไปด้วยความอับอาย และไม่มีสักคนกล้าที่จะอยู่สู้ต่อ!
บนที่ราบที่ราวกับไร้ที่สิ้นสุด เสาธงสูงสิบเมตรที่มีคำว่า ‘อู่’ เขียนอยู่นั้น ปลิวตามกระแสลมอย่างผ่าเผย!
ใจกลางที่ราบที่ก่อนหน้านี้มีคนจำนวนมาก ในเวลานี้ กลุ่มคนได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว…
ในระยะไกลที่เต็มไปด้วยเงาที่วิ่งด้วยความตื่นตระหนก
ในระยะใกล้ ก็ไม่มีสิ่งใดเลย…
พื้นดินเต็มไปด้วยดินที่ถูกเหยียบย่ำ กองกระดูกจางหายไป ที่แห่งนั้นเงียบสงัด เหลือเพียงเสียงหอบหายใจ
“ชนะแล้วงั้นเหรอ?” หลังจากล่าช้าไปเล็กน้อย สามพันคนที่เหลือก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง
พวกเขาชนะแล้ว!
“พวกเราชนะแล้ว!!”
“หนีกันไปหมดแล้ว ถูกพวกเราตีถอยร่นไปหมดแล้ว พวกเราชนะแล้ว ฮ่าๆๆ!..”
คนทั้งสามพันคนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พลันล้มตัวนั่งลงบนพื้น
พวกเขาต่างจากผู้เล่นทั่วไปที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเหนื่อยล้า ผู้ที่รอดชีวิตจากการต่อสู้อันดุเดือดนี้ ทุกคนได้หมดแรงลง
หลายคนนอนราบกับพื้นมองท้องฟ้าแล้วหัวเราะ…
เป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่งที่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา…
“สะใจโว้ย!”
“ตอนนี้ฉันรู้สึกแค่ว่าสะใจมาก ๆ เลย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า..!!”
ในวินาทีนี้ ราวกับว่าพื้นที่ใต้หล้านี้เป็นของพวกเขา
ในอีกทางด้านหนึ่ง…ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดเห็นฉากนี้พลันเงียบงัน
หลายคนอิจฉา…
นี่คือการต่อสู้อันเป็นตัวแทนของผู้ฝึกยุทธ์ นี่ควรจะเป็นการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้ไป!
“ทำไมตอนนั้นเราถึงไม่ไป!”
“พวกเราควรไปสิ!”
“พวกเขาเป็นลูกผู้ชาย แต่ฉัน…”
“ฉันคิดว่าพวกเขาจะถูกจัดการในคราเดียว ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำแบบนั้นได้ เพราะพวกเราไม่มั่นใจกันเกินไปหรือเปล่า?”
พวกเขาเสียใจจากก้นบึ้งของหัวใจ พวกเขารู้ว่าไม่เพียงแต่คนสามพันคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอีกเจ็ดพันคนที่ตายไป ทุกคนจะถูกจดจำในโลก Fantasy Dream
หากโลก Fantasy Dream มีประวัติศาสตร์ เช่นนั้นการต่อสู้ของวันนี้ก็คงได้ถูกกำหนดให้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลก Fantasy Dream เป็นแน่ และผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่เข้าร่วมในการต่อสู้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์!
ส่วนพวกเขา ถูกลิขิตให้พลาดไปแล้ว…
“เฮ้อ…หนึ่งล้านคนรบกับหนึ่งหมื่นคน พ่ายแพ้งั้นเหรอ”
ผู้เล่นธรรมดาหลายคนถอนหายใจยาว ๆ พวกเขาเห็นกระบวนการทั้งหมดและเข้าใจความพ่ายแพ้นี้ดี
ไม่มีความโชคดีใด ๆ มันเป็นเพราะความพยายาม เพียงเท่านี้ หมื่นคนก็สามารถบดขยี้หนึ่งล้านคนได้…
ชีวิตของคนเจ็ดพันคนแลกมากับชีวิตคนห้าแสนคน
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ไม่ว่าในกรณีใด คุณต้องไม่ยั่วยุคนที่เหลืออีกสามพันคน คุณไม่ควรยั่วยุพวกเขาก่อนที่โหมดไล่ฆ่าจะจบลง และคุณไม่ควรยั่วยุพวกเขาหลังจากโหมดไล่ฆ่าจบลง!”
ทุกคนแสดงความคิดเห็นด้วยความตกใจ
จากนั้นก็มีคนตั้งข้อสงสัยขึ้น
“เห็นได้ชัดว่าสามารถชนะคนกลุ่มนี้ได้ด้วยการต่อสู้ให้ถึงที่สุด ทำไมพวกนายถึงหนีกลางการต่อสู้กันล่ะ?”
ทันทีที่มีคนตั้งคำถามนี้ขึ้น เขาก็โดนถล่มทันที
“สู้ได้เหรอ เอ็งก็ไปเองสิวะ!”
“ตัวเองหลบดูไลฟ์อยู่ในในมุม แต่บอกให้คนอื่นไปสู้ตาย นี่สินะที่เขาเรียกว่านักเลงคีย์บอร์ด แล้วทำไมไม่ไปสู้เองล่ะ แกไปคงวิ่งหางจุกตูดเร็วกว่าชาวบ้าน!”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากสู้ แล้วก็ไม่ใช่เพราะแพ้แน่ ๆ แต่เพราะจิตใจระส่ำระสายไปแล้วต่างหาก!”
“ใช่น่ะสิ การก่อตัวของกองทัพชั่วคราวที่ไม่มีความเป็นหนึ่งเดียว ต่อให้มีผู้คนนับล้านแต่พวกเขาต่อสู้ด้วยตัวเอง ยามกองทัพแตกสลาย ความหวาดกลัวและความหวาดผวาจะเริ่มลามถึงกัน!”
“ให้แกต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่หิวโหย แกอาจจะแสดงความกล้าหาญได้บ้าง แต่เมื่อแกพบว่าสัตว์ร้ายผู้หิวโหยนั้นแท้จริงแล้วเป็นมนุษย์กินคน แกยังกล้าไหม?”
“นี่คือสงคราม หลังจากที่แกได้สัมผัสกับสงครามด้วยตัวเองแล้ว แกจะรู้ได้ทันทีว่ามันเลวร้ายแค่ไหนเมื่อจิตใจระส่ำระส่าย!”
คอมเมนต์ที่ตั้งข้อสงสัยถูกกลบหายไป แต่ความตกตะลึงของผู้เล่นไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย…
เพราะการถ่ายทอดสดเห็นเฉพาะฉากต่อสู้ในจอ ไม่สามารถมองเห็น ID ได้ พวกเขาจึงพยายามหาทางดูชื่อคนเหล่านี้ให้ชัดเจน
แต่ก็ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
หลังจากนั้นรายชื่อก็ปรากฏบนบอร์ด ซึ่งก็คนรายชื่อคนหนึ่งหมื่นคนและเมื่อไล่ตรวจดู ทุกคนพบว่าเลเวลของพวกเขาเลื่อนไปถึง 34-35 แล้ว!
ผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่ได้ทำให้ใครข้องใจเลย เพราะว่าพวกเขาคู่ควร!
ณ ยอดเขาที่สูงเสียดฟ้า
หลังจากดูการต่อสู้จากมุมมองของพระเจ้าแล้ว สีหน้าของผู้บัญชาการทั้งหกก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และสายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่คนสามพันคน
ความยิ่งใหญ่ราวกับไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง ความแข็งแกร่งและเอกลักษณ์อันทรงพลังของพวกเขาหายไป
ในวินาทีนี้มันถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึง!
แม้ว่าระดับความตกใจจะไม่รุนแรง แต่สามารถทำให้ผู้บัญชาการเขตทั้งหกตกตะลึงได้ถือว่าไม่เลวเลย…
เกิดความเงียบงันขึ้นนาน
“คนหมื่นคนนี้ โดยเฉพาะสามพันคนที่รอดมา จะต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนพวกเขา! พวกเขาล้วนผ่านการต่อสู้นองเลือดมาแล้ว!” เยี้ยนตี้ ผู้บัญชาการเขตฮัวเป่ยกล่าว
ผู้บัญชาการคนอื่น ๆ เองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันยังอยากรู้ความสามารถที่แท้จริงของซูเย่” เจียงซานผู้บัญชาการเขตฮัวตงเอ่ยขึ้นโดยพลัน
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งห้าคนก็เงยหน้ามองกันทันที เป็นคนเริ่มพูดขึ้นมาเอง ไม่ปกป้องเด็กตัวเองหน่อยหรือ?
“สถานการณ์ในตอนนี้ ในเกมคงไม่สามารถวัดความสามารถที่แท้จริงของเขาได้” หลานหลานผู้บัญชาการเขตซีหนานเอ่ยตอบ
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาพยายามมามากพอแล้ว และความคืบหน้าของโหมดไล่ฆ่าก็เกินแผนเดิมไปมากแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นในตัวซูเย่คือความไม่แน่นอนและการพัฒนาที่มากขึ้นกว่าเดิม
“สถานการณ์ปัจจุบันไม่เป็นใจ งั้นเราก็สร้างมันขึ้นมาเลยสิ”
เจียงซานยิ้มก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “ส่ง ‘ลูกรักสวรรค์’ ที่ได้รับเลือกมาตั้งแต่เด็ก! ต่ำกว่าระดับ 4 ก็เพียงพอแล้ว”
“แบบนี้ ไม่ดีล่ะมั้ง?” เยี้ยนตี้ ผู้บัญชาการเขตฮัวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าว “พวกเขาทุกคนมีความสามารถในการก้าวข้ามความท้าทาย”
“ซูเย่ไม่มีงั้นหรือ?” เจียงซานถามกลับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
ทุกคนต่างตกตะลึง ก่อนจะยิ้มออกมา
“เจ้าหนูคนหนึ่ง ทำให้เราต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทดสอบ”
ดวงตาที่สวยงามของหลานหลานเปล่งประกาย พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คาดหวังเกินไปแล้วล่ะมั้ง แต่ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าขีดจำกัดความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ไหนกันแน่?”
“ใช่” ผู้บัญชาการเขตซีเป่ยมีความกระตือรือร้นและจ้าวตงหลินผู้บัญชาการเขตตงเป่ยพยักหน้าพร้อมกัน
สุดท้าย ผู้บัญชาการทั้งห้าก็ตกลง
…………………
ภายในเกม
“ผู้เล่นที่เคารพ เกมจะปิดใน 3 นาที โปรดเตรียมออฟไลน์และขอให้เป็นวันที่ดี”
การต่อสู้ครั้งใหญ่กินเวลาทั้งวัน เมื่อหมดเวลาเล่นเกม ผู้เล่นทุกคนจึงออฟไลน์
ในบอร์ดสนทนาทั่วไป
ภาพวิดีโอของการต่อสู้นับไม่ถ้วนถูกบันทึก และบางคนถึงกับบันทึกการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ผู้เล่นหลายคนที่ดูถ่ายทอดสดไม่ทัน ก็เข้าสู่บอร์ดเพื่อดูการบันทึกในทันที
เมื่อออฟไลน์ บอร์ดก็ระเบิดลงทันที…
คำชมทุกคำบนโลกปรากฏเต็มหน้าจอ!
“นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าตกใจที่สุดที่ฉันเคยเห็นตั้งแต่เกิดมา แม้ว่าฉันจะไม่ได้เข้าร่วมในสงคราม ฉันก็ดูมันด้วยเลือดที่เดือดพล่าน!”
“มหาเทพเจ้าเวรกรรมสร้างปาฏิหาริย์ เขาเป็นคนที่สองที่ตกเป็นเป้าหมายจากทางการ และสามารถเอาชีวิตรอดจากการหมายหัวแบบนี้ได้ ฉันเกรงว่ามีเพียงเทพ X คนเดียวเท่านั้นที่จะหยุดเขาได้!”
“มันยากนะ เจ้าเวรกรรมแสดงความแข็งแกร่งของทีม แต่ X ก็เป็นเพียงคนหนึ่งคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น”
“โหมดไล่ฆ่าใกล้จะจบแล้ว ฉันเดาว่าเจ้าเวรกรรมคงอยู่รอดจนจบ…”
………………..
ณ บอร์ดผู้ฝึกยุทธ์
“น่านับถือ…ฉันนับถือผู้ที่ไปเข้าร่วมจริงๆ!”
“พวกนายเป็นตัวอย่างที่ดี…”
“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วม พวกนายแข็งแกร่งเกินไป ฉันขอให้ความเคารพอย่างสูงสุด!”
การชื่นชมสรรเสริญท่วมท้นไปทั่วบอร์ดผู้ฝึกยุทธ์
เมื่อเห็นคำชมเชยเหล่านี้ เหล่าผู้เล่นฝึกยุทธ์ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้ ทุกคนก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจเช่นเดียวกัน…
แม้ว่าจะไม่น่าพอใจมากนัก แต่ก็คู่ควรให้พวกเขาได้ภาคภูมิใจไปตลอดชีวิต
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยและชื่นชม ทันใดนั้นเองผู้เล่นที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์หลายคนที่เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ พบว่าตัวเองมีเหรียญเกียรติยศอยู่เบื้องหลัง ID
เหรียญตราที่มีตัวอักษร “อู่”(ยุทธ์) ที่มีดาบไขว้อยู่
เมื่อคลิกดู: เหรียญตรานี้รำลึกถึงผู้กล้าที่ยอมสู้ตายมากกว่ายอมจำนนในโหมดไล่ฆ่า ครั้งที่ 1
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่เข้าร่วมในสงครามต่างได้รับโดยอัตโนมัติจากระบบ
เมื่อเห็นเหรียญตรานี้ ผู้เข้าร่วมทุกคนก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในทันที
นี่ก็คือความแตกต่าง…
นี่คือสิ่งที่โดดเด่น!
คนอื่น ๆ ที่เห็นต่างก็ต้องอิจฉา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว…หนึ่งวันผ่านพ้นไป…
เวลาสี่ทุ่ม…
ผู้เล่นนับไม่ถ้วนกำลังรอช่วงเวลานี้ เพราะนี่คือวันสุดท้ายของโหมดไล่ฆ่า และถูกกำหนดให้เป็นวันที่เข้มข้นที่สุดของการต่อสู้
ทุกคนเตรียมตัวออนไลน์เข้าเกม ทันทีที่เข้ามา ก็มีประกาศเด้งขึ้นมาบนท้องฟ้า
“โหมดไล่ฆ่าขั้นที่สี่ ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว และระบบจะทำการย่ออาณาเขตในไม่ช้า ผู้เล่นทุกคนกรุณาติดตามระบบแจ้งเตือนตลอดเวลา”
“ระบบจะทำการย่ออาณาเขตอย่างเป็นทางการ”
“เขตปลอดภัยจะย่อลงเป็นครั้งแรกภายในหนึ่งชั่วโมง”
สามประกาศปรากฏขึ้นติดต่อกัน ทำให้ผู้เล่นทุกคนรู้สึกกดดันอย่างมาก…
พวกเขารู้ดี การแข่งขันที่แท้จริง เพิ่งเริ่มต้นขึ้นตอนนี้!
ผู้เล่นจำนวนมากเปิดแผนที่และมุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางทันที
ณ บนที่ราบ ซูเย่และคนอีกสามพันกว่าคนก็รวมตัวกันอยู่ที่แห่งนี้
“วันนี้คือวันสุดท้ายแล้ว”
เมื่อมองไปที่คนสามพันคนที่อยู่ข้างหน้าเขา ซูเย่เอ่ยปากกล่าว…
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณเมื่อวานนี้ แต่การต่อสู้ของวันนี้เพิ่งเริ่มต้น ถ้าทุกคนยังเต็มใจที่จะต่อสู้ด้วยกัน เราก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!”
“เต็มใจ!” สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ศึกเมื่อวานก็ยังรอดกันมาได้ วันนี้ใครยังจะหนีกันเล่า?!”
“ใช่…แม้ว่าปกติเราไม่รู้จักกัน แต่นายได้นำพาเราไปสู่ชัยชนะที่สวยงาม และฉันยินดีที่จะติดตามนายต่อไป!” ทุกคนเอ่ยตอบ
สำหรับพวกเขา นี่ไม่ใช่เพียงการต่อสู้ธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นเกียรติยศของพวกเขา!
ในเมื่อทำแล้ว ก็ต้องทำมันให้ถึงที่สุด!
“เยี่ยมมาก!”
ซูเย่พยักหน้าพลางกล่าว “มุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางแผนที่!” พูดจบก็พาทุกคนและเดินไปที่ศูนย์กลางของแผนที่
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของกองกำลัง หรือได้รับผลกระทบจากการฝึกฝน คนสามพันคนเดินอย่างเป็นระเบียบ แม้แต่ฝีเท้าก็ยังสม่ำเสมออย่างน่าประหลาดใจ ทุกที่ที่พวกเขาเดินผ่าน ผู้เล่นธรรมดาที่เจอระหว่างทางทั้งหมดซ่อนตัวอยู่ห่างออกไป ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุพวกเขา…
แม้ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่รวมตัวกันชั่วคราวหลายหมื่นคน แต่เมื่อเห็นจิตสังหารของคนสามพันคน พวกเขาไม่ลังเลที่จะหลีกทางให้ทันที
ในขณะเดียวกัน สถานที่แห่งหนึ่งภายในห้อง ชายหนุ่มหกคนถูกจัดให้นั่งบนเก้าอี้นวด และทุกคนก็สวมหมวก VR เข้าสู่เกมพร้อมกัน…